ต้องยอมรับว่าการต่อเล็บปลอมได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ซึ่งไม่เพียงแต่การต่อเล็บปลอมเท่านั้น แต่ยังรวมทั้งการทำสีเล็บและการทำสปาเล็บด้วยที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการทำเล็บไม่ว่าจะทำสี ทำสปา หรือต่อเล็บปลอม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้เกี่ยวกับประเภทและการดูแลที่ถูกวิธี เพราะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา วันนี้เราจะชวนให้มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการต่อเล็บปลอมกันค่ะ เพื่อที่สาวๆ จะได้มั่นใจในการทำเล็บอย่างปลอดภัย
ประเภทของเล็บปลอม
สำหรับการทำเล็บปลอมจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทจะมีความแตกต่างกันดังนี้
1.เล็บอะคริลิค
การทำเล็บอะคริลิคเป็นการต่อเล็บปลอมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีความแข็งแรงมากกว่า แถมยังไม่ต้องใช้แสง UV อบให้แห้งเหมือนทำเล็บเจล โดยปกติแล้วหากสาวๆ เลือกต่อเล็บแบบอะคริลิค จะต้องกรอหรือตะไบส่วนหน้าของเล็บก่อน เพื่อที่จะให้ตัวอะคริลิคเกาะกับผิวหน้าเล็บได้ ในส่วนของประเภทของเล็บอะคริลิคไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเล็บบาง เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาในขณะที่กรอหน้าเล็บได้
2.เล็บเจล
การต่อเล็บปลอมแบบเจล จะมีราคาแพง แต่ก็อยู่ได้นานกว่าเล็บอะคริลิค ซึ่งสาวๆ สามารถทาสีเจลที่ผสมไว้แล้วลงบนเล็บได้เลย จะมีความคล้ายกับการทาสีเล็บเหมือนปกติ และจะมีการอบสีเจลให้แห้งด้วยเครื่องอบรังสี UV เมื่อสีเจลแห้งจะมีลักษณะเรียบเนียนและเงาวาว มีความคล้ายกับเล็บจริงมากกว่า เมื่อเทียบกับการทำเล็บแบบอะคริลิค ในส่วนของข้อดีในการทำเล็บเจลอีกข้อก็คือ ไม่มีกลิ่นฉุนเหมือนการทาสีเล็บตามปกติ หรือเหมือนการต่อเล็บอะคริลิค
ปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการต่อเล็บปลอม
แน่นอนว่าการต่อเล็บปลอมไม่สามารถให้สาวๆ มั่นใจในความปลอดภัยได้ 100% เพราะการต่อเล็บปลอมไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ล้วนมีโอกาสทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ดังนี้
1.เกิดการติดเชื้อ
การต่อเล็บปลอมมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อที่เล็บและที่นิ้วมือ ซึ่งการติดเชื้อแบคทีเรียมักเกิดในบริเวณช่องว่างระหว่างเล็บจริงกับเล็บปลอม ส่วนการติดเชื้อราอาจเกิดขึ้นจากการที่มีความชื้นสะสมอยู่ใต้เล็บปลอม ส่วนใหญ่จะเกิดจากการทำเล็บอะคริลิคและต่อเล็บปลอมโดยปล่อยไว้นานกว่า 3 เดือนขึ้นไป
2.เกิดอาการแพ้
สารเคมีที่ใช้ในการต่อเล็บปลอม มีส่วนทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ซึ่งอาการแพ้ที่เกิดจากสารเคมีที่ใช้ในการต่อเล็บปลอมจะมีทั้งอาการผดผื่น รอยแดง บวม คัน และเป็นหนอง บางรายอาจเจอปัญหาเล็บจริงหลุดออกจากฐานใต้เล็บ ซึ่งถือเป็นอาการแพ้ที่รุนแรงมาก
3.เล็บอ่อนแอลง
เนื่องจากการต่อเล็บปลอมในแต่ละครั้ง จะต้องทำการล้างเล็บและกำจัดเล็บปลอมด้วยการแช่นิ้วในน้ำยาล้างเล็บเป็นเวลามากกว่า 10 นาทีขึ้นไป ซึ่งน้ำยาดังกล่าวนี้มีสารเคมีที่ค่อนข้างรุนแรง ดังนั้นจึงมีโอกาสทำให้เล็บแห้ง เกิดการระคายเคืองผิวบริเวณรอบเล็บ ตลอดจนทำให้เล็บอ่อนแอได้ด้วย
วิธีป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการต่อเล็บปลอม
สำหรับสาวๆ ที่เป็นกังวลกับปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการต่อเล็บปลอม แนะนำให้ป้องกันปัญหาต่างๆ ด้วยวิธีดังนี้
1.ทดสอบภูมิแพ้เสียก่อนว่าตัวเองแพ้สารเคมีที่ใช้ในการทำเล็บหรือไม่
2.ตรวจสอบเล็บและผิวบริเวณเล็บให้ดีว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น อาการระคายเคือง การติดเชื้อ เป็นต้น
3.ห้ามแซะขอบเล็บ เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบและเป็นหนองได้
4.ห้ามต่อเล็บปลอมนานเกิน 3 เดือน และไม่ควรทำเล็บต่อทันทีหลังจากล้างเล็บครั้งก่อน
5.หมั่นทำความสะอาดเล็บ ห้ามมีเศษหรือสิ่งสกปรกใดๆ ติดอยู่ตามซอกเล็บ
สำหรับสาวๆ คนไหนที่สนใจอยากต่อเล็บปลอม พยายามอย่ามองแต่เพียงเรื่องความสวยงามของเล็บเท่านั้น แต่ควรศึกษาให้ดีก่อนว่าการต่อเล็บที่ปลอดภัยสำหรับตัวเองควรต่อแบบใด และที่สำคัญต้องรู้ว่าตัวเองแพ้สารเคมีใดๆ หรือไม่ก่อนทำเล็บทุกครั้ง
ก่อนทำเล็บปลอมต้องรู้ ทำลายสุขภาพพังอย่างไม่ตั้งตัว - Sanook
Read More
No comments:
Post a Comment