Rechercher dans ce blog

Friday, December 31, 2021

6 สิ่งที่ควรทำต้อนรับปีใหม่ 2022 - ไทยรัฐ

ใกล้จะเริ่มต้นปีใหม่แล้ว หลายๆ คนรู้สึกตื่นเต้นกับการมาถึงของช่วงเวลานี้ เปลี่ยนผ่านปีเก่าจะกลายเป็นอดีตที่เราจดจำและปีใหม่จะเป็นปัจจุบันที่อยู่กับเรา มีคนจำนวนมากที่รู้สึกเสียดายเวลาในปี 2022 นี้ ว่ายังใช้ชีวิตไม่เต็มที่ หรืออีกหลายๆ คนประสบปัญหาต่างๆ ในชีวิตจนแทบตั้งตัวไม่ทัน

การเตรียมตัวพร้อมรับปีใหม่ที่จะถึง เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยนำทางการใช้ชีวิตของเราไปในทางที่อยากให้เป็น

ลิสต์ 6 สิ่งที่แนะนำให้ทำต้อนรับปีใหม่

1. สะสางไฟล์งาน เอกสารต่างๆ ที่ค้างสะสม เพื่อเริ่มต้นทำงานในปีใหม่ที่จะถึงอย่างสะอาดสดใส ทั้งไฟล์ในคอมพิวเตอร์ และเอกสารในตะกร้าบนโต๊ะทำงาน เราควรรื้อออกมาจัดเก็บ และกำจัดให้เรียบร้อย อย่างน้อยๆ ปีหน้าเราจะได้ตะกร้าโล่งๆ รอรับงานที่กำลังจะเข้ามา จัดการพื้นที่บนคอมพิวเตอร์ของเราไปในตัว

2. ทำความสะอาดตู้เสื้อผ้า เก็บเสื้อผ้าเก่าไปบริจาคบ้าง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และเพิ่มพื้นที่ให้ตู้เสื้อผ้า รอรับคอลเลกชันใหม่ของปีหน้า ตู้เสื้อผ้าเป็นอีกที่หนึ่งที่เราควรจัดการในช่วงเปลี่ยนผ่านของปี เพราะแฟชั่นหมุนเวียนแบบและสไตล์ตลอดเวลา เสื้อผ้าที่ซื้อมาเพิ่มควรได้รับการจัดการไม่ว่าจะแปรรูปเป็นผ้าเช็ดเท้าสำหรับตัวไหนที่เกินเยียวยา หรือบางตัวที่ยังดูดีอยู่ก็นำไปบริจาค ทำให้ได้รับบุญจากการเผื่อแผ่นี่ด้วย

3. ลด ละ เลิก บางสิ่งบางอย่างที่เราทำจนติดเป็นนิสัย เช่นการสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟหนักๆ หรือการช็อปปิ้งที่มากเกินความจำเป็น ช่วงเปลี่ยนผ่านของปีนั้น เป็นช่วงที่เหมาะที่สุดสำหรับการตั้งเป้าหมายในชีวิตที่จะปฏิวัติตัวเองเสียใหม่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสุขภาพที่ดี

4. จดไดอารี่ บันทึกพัฒนาการทางอารมณ์ บ่อยครั้งที่เรามักจะ อารมณ์ดี หรืออารมณ์เสียแบบไม่มีสาเหตุ หากเราพอมีเวลา มาเรียบเรียงความคิดดูดีๆ ก็อาจจะรู้ว่าบางทีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เรามองข้ามคือสาเหตุที่มีผลต่อจิตใจของเรา การจดบันทึกในแต่ละวันจะช่วยให้เราได้สังเกตตัวเองไปด้วยว่า วันไหน สาเหตุอะไรที่เราอารมณ์ดี หรือ หงุดหงิด เป็นการวิเคราะห์ความเสี่ยงเพื่อเราจะได้หลีกเลี่ยงเอาไว้

5. ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่อาจจะยังไม่ใช่ว่า ต้องรวย ต้องซื้อรถ ซื้อบ้าน แต่เป็นเป้าหมายที่เราคิดว่าสามารถทำได้สำเร็จภายใน 1 ปี อย่างเช่น การลดน้ำหนัก การฝึกตัวเองเพื่อลงสนามวิ่งมาราธอน การไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ที่อยากไป หรือการเก็บเงินเพื่อของขวัญเล็กๆ ให้ตัวเอง เราอาจจะลิสต์เอาไว้แล้วมาดูผลของเป้าหมายช่วงปลายปีว่า ทำไปได้กี่อย่าง อาจจะไม่สำเร็จทุกอย่าง แต่อย่างน้อยก็สร้างความภูมิใจและแรงบันดาลใจให้ตัวเองในเรื่องอื่นๆ ต่อไป

6. การตรวจสุขภาพ ในช่วงต้นปี เป็นโอกาสเหมาะที่เราจะทำการรีเซตตัวเองทั้งความคิดและร่างกาย การตรวจสุขภาพจะทำให้เรารู้ว่าในปีหน้านี้เราควรดูแลตัวเองในด้านใดบ้าง และเสริมสร้างอะไร เพื่อสุขภาพที่ดีต่อไป

Adblock test (Why?)


6 สิ่งที่ควรทำต้อนรับปีใหม่ 2022 - ไทยรัฐ
Read More

3 วิธีตามหา“แมวหาย” ต้องทำอย่างไร แมวจะกลับมา - กรุงเทพธุรกิจ

“แมว” เป็นสัตว์ที่แตกต่างจาก สุนัข สุนัขจะมองเราเป็นเจ้าของ เป็นหัวหน้า แต่แมวจะมองว่า ตัวมันคือเจ้านาย มนุษย์คือผู้รับใช้ จนมีคำกล่าวว่า คนที่รักแมวก็คือ ทาสแมว นั่นเอง

นักวิทยาศาสตร์ จาก Federal University of Juiz de Fora พบว่า แมวที่ชอบทำลายข้าวของ ขับถ่ายเรี่ยราด ส่งเสียงร้องดังรบกวน ก้าวร้าวผิดปกติ อาจมีสาเหตุมาจากการถูกแยกจากเจ้าของและสิ่งคุ้นเคย

แมวชอบนั่งในกล่อง เพราะมันมีความรู้สึกว่า ถ้ามันพอดีตัว มันก็จะนั่ง (If I fits, I sits) ไม่เฉพาะกล่อง เส้นวงกลม หรือกรอบสี่เหลี่ยมที่พื้น แมวก็ชอบ

แมวกินมังสวิรัติไม่ได้ ถ้าบังคับให้มันกิน มันจะขาดทอรีน (Taurine) โปรตีนที่ร่างกายแมวผลิตขึ้นเองไม่ได้ อาจทำให้ตาบอด หัวใจล้มเหลว ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

3 วิธีตามหา“แมวหาย” ต้องทำอย่างไร แมวจะกลับมา

แมวส่งยิ้มหวานได้ ด้วยการกะพริบตาช้าๆ เป็นจังหวะเนิบนาบ ถ้าอยากผูกมิตรกับแมว ต้องจ้องหน้าแมว แล้วปิดตาลงให้สนิท 2-3 วินาทีแล้วลืมตาขึ้นช้าๆ ทำหลายๆ รอบ แล้วจะพบว่า แมวยิ้มตอบ ด้วยการกะพริบตาช้าๆ กลับมา

  • วิธีตามหาแมวหาย

 1)ตามหาแมวแบบญี่ปุ่น

ใน Japan today วันที่ 15 พฤษภาคม 2562 ได้เผยแพร่วิธีการตามหาแมว How to find a lost cat: Unique method proves to be surprisingly effective ที่เขียนโดย Oona McGee,SoraNews 24 ว่า

มีทวิตเตอร์ชื่อ charlie0816 เล่าว่า แมวสุดที่รักหายไปจากบ้านเป็นเวลา 2 วัน ไม่ยอมกลับเสียที ขณะที่เขากำลังเศร้าก็มีเพื่อนในทวิตเตอร์แนะนำให้ลองบอกแมวจรแถวๆ นั้นดูว่า ถ้าเจอแมวของเขา ให้แมวกลับบ้านด้วยนะ ผลปรากฏว่า แมวของเขากลับมานั่งหน้าระรื่นหน้าประตูบ้านเช้าวันถัดมา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

หลังจากเรื่องราวนี้ถูกแชร์ออกไป ก็มีคนมาคอมเมนต์ว่า วิธีนี้ได้ผลดีเกินคาด โดยมีคนมาแสดงความเห็นมากมาย เช่น

-"แม่ฉันก็ทำแบบนั้นกับเด็กที่เพิ่งเอาแมวมาเลี้ยงได้ 2 วันแล้วหาย เธอเล่าเรื่องของเด็กคนนั้นให้แมวจรจัดฟัง แล้วเช้าวันถัดมา มันก็กลับมาเหมือนกันเลย"

-"ฉันออกไปตามหาแมว พร้อมกับอาหารแมวกระป๋องหนึ่ง ตอนที่เจอแมวจรจัดระหว่างทางก็เอาอาหารให้มันกิน แล้วลองเล่าเรื่องแมวของฉันดู แค่ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นแมวของฉันก็กลับบ้านเฉยเลย”

-"ตอนที่แมวหาย มีแมวจรเดินผ่านมาพอดี ฉันเลยลองถามมันดูว่ารู้ไหม แมวฉันไปไหน มันก็ร้องเหมียวแล้วเดินช้าๆ ไปที่ห้องเก็บของ มันร้องเรียกอีกครั้ง ปรากฏว่าแมวของฉันอยู่ข้างใน!”

-"สุนัขของพวกเราหายตัวไปเหมือนกัน เราก็เลยคุยกับแมวที่เราเลี้ยงไว้อีกตัวให้ไปช่วยหา และหลังจากนั้นไม่กี่นาที เจ้าเหมียวก็กลับมาพร้อมกับสุนัขที่หายไป พวกเราทั้งตกใจและแปลกใจในเวลาเดียวกันเลยล่ะ!”

วิธีการก็คือ เริ่มต้นมองหาแมวจรบริเวณบ้าน แล้วผูกมิตรด้วยการเอาอาหารไปให้ พูดคุยให้แมวจรพาแมวของเรากลับบ้าน 

“ฝากหน่อยนะเจ้าแมว ถ้าเจอ (ชื่อแมว) มีลักษณะ...(บอกให้ครบ) บอกให้มันรีบกลับบ้าน (ตำแหน่งบ้านให้ชัดเจน)”

3 วิธีตามหา“แมวหาย” ต้องทำอย่างไร แมวจะกลับมา 2) วิธีตามหาแมวแบบไทยๆ

วันที่ 22 มกราคม 2561 Sarayuth Tunsirisakhun‎ ได้โพสต์เฟซบุ๊ค รูปหญิงสาวยืนอยู่กลางถนนใช้หม้อครอบหัว ระบุว่า “ทำทุกอย่าง ทาสเท่านั้นที่เข้าใจ” 

นี่คือวิธีโบราณเชื่อกันว่าช่วยให้แมวที่หายไปกลับมาหาเราได้ จากนั้นก็โพสต์ภาพแมวที่หายไปเป็นเดือนได้กลับมาแล้วจริงๆ เป็นการยืนยัน

วิธีการก็คือ นำหม้ออะไรก็ได้ ที่ครอบหัวเรามิด แล้วเดินออกมาหน้าบ้าน เดินไปบริเวณบ้าน รอบๆ บ้าน หรือสถานที่ที่คิดว่าแมวน่าจะไป แล้วตะโกนเรียกชื่อแมว กลับบ้านเราเถอะลูก" วนอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้นก็ออกไปตามหา แล้วจะพบแมว

บางคนบอกว่า นี่เป็นเคล็ดที่ชาวบ้านใช้เรียกผัวกลับบ้าน แต่คนได้นำวิธีนี้มาเรียกแมว เพราะไม่รู้จะใช้วิธีไหน

3 วิธีตามหา“แมวหาย” ต้องทำอย่างไร แมวจะกลับมา 3) วิธีตามหาแมวแบบพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์

วิธีนี้เป็นความเชื่อโบราณ ให้ทำพิธีกลางแจ้ง จุดธูป 9 ดอก กล่าวว่า ข้าพเจ้าเป็นเจ้าของแมว ...(ชื่อแมว) ขอให้เจ้าที่เจ้าทางและเจ้ากรรมนายเวรของแมว (ชื่อแมว) ช่วยเปิดทางให้แมวกลับมายังที่อยู่ ภายใน 3 วัน 7 วัน

และขอให้สัมภเวสีทั้งหลายที่อยู่บริเวณนี้ช่วยตามหา …(ชื่อแมว) ให้กลับมายังบ้านเลขที่... (ที่อยู่ของบ้านที่แมวอาศัยอยู่) พร้อมบนบานว่า หากแมวกลับมาจะให้ไข่ต้ม 9 ฟอง จากนั้นปักธูปลงดินในที่กลางแจ้ง ที่สำคัญ เมื่อแมวกลับมาแล้ว อย่าลืมทำตามที่บนไว้

รวมเคล็ดลับการหาแมวหาย

1)เมื่อรู้ว่าแมวหาย ให้รีบค้นหาทันที ยิ่งนาน มันยิ่งเดินห่างออกไปเรื่อยๆ หรือถ้าเพิ่งย้ายบ้านมาใหม่ ลองกลับไปค้นที่บ้านเดิม แต่ถ้าย้ายมาไกลมาก ให้เพื่อนบ้านที่อยู่ที่เดิมช่วยตามหา หรือถ้าวันไหนจะย้ายบ้าน ก็ต้องเอาแมวใส่กรงไว้ก่อน

2) ใช้ไฟฉายช่วยหา บางทีมันอาจติดอยู่ในซอกหลืบ ที่มองเห็นยาก

3) เรียกชื่อแมว แล้วหยุดฟัง นำของเล่นที่แมวชอบไปด้วย ทำให้ของเล่นนั้นเตะตา มันหายหวาดกลัวและออกมาจากที่ซ่อน

4) ลองหาที่เดิมในเวลากลางคืน แมวพลัดหลงส่วนใหญ่เลือกหลบซ่อนแทนหลบหนี บางตัวอยู่ที่เดิมหลายสัปดาห์

5) ค้นหาในที่ที่อุ่นสบาย ถ้าตอนนั้นอากาศหนาว หรืออยู่ในห้องเครื่องรถยนต์

6) วางของที่มีกลิ่นที่แมวคุ้นเคยไว้ตรงประตู เช่น กระบะทราย ของเล่น พรม เสื้อใส่แล้วไม่ซัก กลิ่นจะดึงดูดให้มันกลับมา

7)วางอาหารที่มีกลิ่นแรงไว้ในภาชนะปิดมีรูอยู่บนฝา แมวได้แต่ดมและป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นนานขึ้น ถ้าอาหารแมวไม่ได้ผล ลองปลาซาดีนดู

8) ใช้เครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหวส่งสัญญาณเตือน

9) ถ้าบริเวณบ้าน มีการจัดงานเสียงดัง มีการจุดพลุ การก่อสร้าง การเดินพาเหรด พายุฝนรุนแรง แมวและสุนัขจะหวาดกลัว ต้องคอยดูแลเป็นพิเศษ

Adblock test (Why?)


3 วิธีตามหา“แมวหาย” ต้องทำอย่างไร แมวจะกลับมา - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

2 ทีมพรีเมียร์ลีก จองบ๊วย "แมนฯซิตี้" ครองแชมป์ทำแต้มสูงสุดในลีกอังกฤษ ปี 2021 - ไทยรัฐ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ครองแชมป์ทีมทำแต้มสูงสุดในลีกอังกฤษ ปี 2021 ขณะที่ 2 ทีมจาก พรีเมียร์ลีก ติด 2 อันดับสุดท้ายจากทั้งหมด 92 ทีมทั่วลีก

วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ปี 2564 ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าสำหรับกีฬาในยุโรปเพิ่งจะเข้าสู่ช่วงกลางฤดูกาลก็ตาม แต่สำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปี 2021 ถือเป็นอีก 1 ปีที่น่ายกย่องสำหรับพวกเขา

โดย เดลี เมล์ สื่อกีฬาชื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาดิโอลา เป็นทีมที่ทำแต้มสูงที่สุดในลีกอังกฤษ หากนับรวมทุกดิวิชั่น (พรีเมียร์ลีก-ลีก 2) ทัพ เรือใบสีฟ้า เก็บได้มากถึง 110 แต้ม จากการลงเล่นทั้งหมด 44 เกม มีผลงาน ชนะ 36 เสมอ 2 แพ้ 6 แม้จะเสีย 32 ประตู เท่ากับ เชลซี แต่ยิงได้มากถึง 113 ประตู และทิ้งห่างอันดับ 2 เชลซี แบบไม่เห็นฝุ่นไกลถึง 27 คะแนน

อันดับ 2 เป็นของ เชลซี ของ โธมัส ทูเคิล ที่แม้ว่าผลงานในลีกจะไม่ได้โดดเด่นมากแต่ปี 2021 เป็นอีก 1 ช่วงเวลาดีๆ ของ ทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" เนื่องจากสามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้สำเร็จ

อันดับ 3 ตกเป็นของ ลิเวอร์พูล ลูกทีมของ เยอร์เกน คลอปป์ แข่งไปทั้งหมด 41 เกม มี 77 คะแนน นำหน้า "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จบปี 2021 ด้วยการเป็นอันดับ 7 จาก 92 ของลีกอังกฤษ โดยมีผลงาน 75 คะแนน จากการลงสนามทั้งหมด 41 เกม

ในขณะที่อันดับที่ 91-92 หรือ 2 อันดับสุดท้าย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นทีมที่มาจาก พรีเมียร์ลีก ทั้ง 2 ทีม ซึ่งอันดับ 91 เป็นของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่มีผลงาน 37 คะแนน จากการลงเล่น 42 เกม และ เสียไปถึง 80 ประตู ส่วนอันดับบ๊วยของลีกคือ เบิร์นลีย์ ทีมจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เก็บได้เพียง 34 คะแนนจากการลงเล่น 39 เกม

Adblock test (Why?)


2 ทีมพรีเมียร์ลีก จองบ๊วย "แมนฯซิตี้" ครองแชมป์ทำแต้มสูงสุดในลีกอังกฤษ ปี 2021 - ไทยรัฐ
Read More

"ไอคอนสยาม" เฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ จุดพลุทำจากข้าวเหนียวกว่า 30000 ดอก - กรุงเทพธุรกิจ

"ไอคอนสยาม" สร้างมหาปรากฎการณ์ Multimedia Fireworks ให้คนไทยและทั่วโลกก้าวสู่ค่ำคืนแสนพิเศษของศักราชใหม่ กับงาน ‘Amazing Thailand Countdown 2022’ ครั้งแรกกับการแสดงพลุรักษ์โลก ที่ทำจากทำจากข้าวเหนียวไทยกว่า 30,000 ดอก บนโค้งน้ำเจ้าพระยาความยาว 1,400 เมตร

"ไอคอนสยาม" เฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ จุดพลุทำจากข้าวเหนียวกว่า 30,000 ดอก

ครอบคลุมรัศมีการชมได้มากกว่า 5 กิโลเมตร สุดตระการตาด้วยแสง สี เสียง ภายใต้แนวคิด “Win the World for Thailand” อัตลักษณ์ไทยชนะใจคนทั้งโลก ตอกย้ำ Global Countdown Destination ระดับโลก 

"ไอคอนสยาม" เฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ จุดพลุทำจากข้าวเหนียวกว่า 30,000 ดอก

Adblock test (Why?)


"ไอคอนสยาม" เฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ จุดพลุทำจากข้าวเหนียวกว่า 30000 ดอก - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Thursday, December 30, 2021

ทูเคิล โอดปัญหาโควิด-แข้งเจ็บ ทำ เชลซี ส่อแววหมดลุ้นแชมป์ - ข่าวสด - ข่าวสด

โธมัส ทูเคิล กุนซือทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ออกมายอมรับว่า เชลซี อาจหมดลุ้นแชมป์ลีกแล้ว หลังมีปัญหานักเตะติดโควิด-19 และบาดเจ็บหนัก

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เชลซี เพิ่งจะโดนแบ่งแต้มแบบสุดช็อก หลัง แดนนี เวลเบ๊ก โขกประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ในเกมที่พวกเขาเสมอกับ ไบรตัน 1-1 เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.

โดยหลังจบเกม ทูเคิล ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นไปได้ในการลุ้นแชมป์ของทีมสิงโตน้ำเงินครามในฤดูกาลนี้ ว่า

“เราจะไปอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร เรามีเคสโควิด 7 ราย เรามีนักเตะ 5 หรือ 6 คน ที่ต้องพัก 6 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น เราจะไปอยู่ในการแย่งแชมป์ได้อย่างไรกัน”

“ทีมอื่นๆที่มีขุมกำลังเต็มเปี่ยม นักเตะทุกคนลงซ้อมกันได้หมด มีพลังเต็มเปี่ยมสำหรับลีกนี้ เราคงจะโง่หากคิดว่าเราสามารถลุ้นแชมป์ได้ทั้งที่มีปัญหาโควิดและอาการบาดเจ็บ”

“นี่คือความเป็นจริง นี่คือจุดที่เราอยู่ และเราจำเป็นต้องปรับตัวให้ตรงกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ นี่คือสิ่งที่ผมกำลังพูดอนู่ เราพยายามอย่างหนักในการคว้าชัยชนะกับไบรตัน”

Adblock test (Why?)


ทูเคิล โอดปัญหาโควิด-แข้งเจ็บ ทำ เชลซี ส่อแววหมดลุ้นแชมป์ - ข่าวสด - ข่าวสด
Read More

Wednesday, December 29, 2021

หมอผีเปรู ทำพิธีปัดเป่า ทำนายดวงชะตาโลกปี 2565 - ไทยรัฐ

บรรดาหมอผีของเปรู รวมตัวกันทำพิธีปัดรังควานปีเก่าขอพรปีใหม่กับภาพถ่ายเหล่าผู้นำโลก และทำนายดวงชะตาโลกปี 2565 ที่กำลังจะมาถึง ระบุโควิด-19 จะอยู่กับเราอีกสักพักก่อนจะค่อยๆ หายไป

เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. กลุ่มหมอผีชาวเปรูไปรวมตัวกันที่เนินเขาบริเวณชานกรุงลิมา เพื่อประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ปัดรังควานสิ่งไม่ดีในปี 2564 และสวดขอพรสำหรับปีใหม่ 2565 โดยมีการโปรยดอกไม้ เป่าเขาวัวกระทิง และทำพิธีสวดกับภาพถ่ายของเหล่าผู้นำโลก ไม่ว่าจะเป็นนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ตลอดจนนายอังเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ประธานาธิบดีเม็กซิโก 

อะนา มาเรีย ซิโมน หนึ่งในหมอผีผู้ประกอบพิธีได้ทำนายดวงชะตาโลกปีหน้า ระบุว่าโควิด-19 ที่คร่าชีวิตชาวโลกแล้วกว่า 5.4 ล้านคน จะแพร่ระบาดต่อไปอีกสักพัก ก่อนที่จะลดความรุนแรงลงและหายไปในที่สุด ขณะเดียวกัน บรรดาหมอผีที่เข้าร่วมพิธีระบุว่า พวกเขาทำพิธีเพื่อขอพรให้โลกสงบสุข ขอให้สถานการณ์โลกดีขึ้น และประชาชนชาวโลกมีสุขภาพแข็งแรงมีความเป็นอยู่ที่ดีในปี 2565. 

Adblock test (Why?)


หมอผีเปรู ทำพิธีปัดเป่า ทำนายดวงชะตาโลกปี 2565 - ไทยรัฐ
Read More

กรมชล ชี้ เกษตรกรแห่ทำนาปรัง2 เดือนแตะ 3 ล้านไร่แล้ว - กรุงเทพธุรกิจ

กรมชลประทาน จับตาแล้ง 2 เดือน ทำนาปรังครั้งที่ 1 ไต่ระดับแตะ 3 ล้านไร่ 46 % ของแผนแล้ว ลุ่มเจ้าพระยามากสุด 73% วอนประหยัดน้ำเพื่อให้เพียงพอใช้ตลอดทั้งปี

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้ติดตามการทำนาปรังครั้งที่ 1 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกษตรกรได้เริ่มปลูกแล้วตั้งแต่เดือน พ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวนาปี 2564/65 โดยผลสำรวจเมื่อ 26 ธ.ค.2564 พบว่าในพื้นที่เขตชลประทาน มีการทำนาปรังแล้ว 3.01 ล้านไร่ หรือ 46.86% ของแผนที่กำหนดไว้ 6.41 ล้านไร่

 โดยอยู่ในเขตลุ่มเจ้าพระยามากที่สุด 2.08 ล้านไร่ หรือ 73.84% ของแผนที่กำหนดไว้ 2.81 ล้านไร่ หรือ 31% ของการทำนาปรังทั่วประเทศ รองลงมา ภาคตะวันออก 4.2 แสนไร่ หรือ 85.91% ของแผนที่กำหนดไว้ 4.9 แสนไร่และภาคเหนือ 4.1 แสนไร่ หรือ 90.25% ของแผนที่กำหนดไว้ 4.5 แสนไร่

          “ช่วงเวลาไม่ถึง 2 เดือนหลังประกาศเข้าสู่ฤดูแล้งอย่างเป็นทางการเมื่อ 1พ.ย. โดยทั่วประเทศทำนาปรังครั้งที่ 1 แล้วมากกว่า 3 ล้านไร่ หรือเกือบ 50% ของแผนการทำนาปรังในเขตชลประทานทั่วประเทศ ที่มากสุดคงเป็นลุ่มเจ้าพระยามีการทำนาปรังครั้งที่ 1เกือบ 31% ของพื้นที่ทำนาปรังครั้งที่ 1 ทั้งหมดและคิดเป็น 74% ของแผนเพาะปลูก แต่น้ำต้นทุนในรายภาคที่จะนำมาใช้ในลุ่มเจ้าพระยา จาก 4 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์  เขื่อนแควน้อย และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เหลือน้ำใช้การได้ 42% ของน้ำใช้การได้เมื่อต้นฤดู”

ทั้งนี้ แผนการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง (1พ.ย.64-30เม.ย.65) ลุ่มเจ้าพระยาปี 2564/65 ใน 4 เขื่อนหลักมีปริมาณน้ำใช้การได้ 14,281 ล้าน ลบ.ม. หรือ 57% ของปริมาณน้ำเก็บกักได้เมื่อต้นฤดูที่ 24,871 ล้านลบ.ม. น้ำใช้การได้เหลือ 7,785 ล้าน ลบ.ม. หรือ 42% ของปริมาณน้ำใช้การได้เมื่อต้นฤดูที่ 18,175 ล้าน ลบ.ม. โดย เขื่อนภูมิพล ปริมาณน้ำเก็บกักเหลือ 8,113 ล้าน ลบ.ม. หรือ 60% ของน้ำเมื่อต้นฤดูที่ 13,462 ล้าน ลบ.ม. และปริมาณน้ำใช้การได้ 4,313 ล้าน ลบ.ม. หรือ 45% ของปริมาณน้ำต้นฤดูแล้งที่ 9,662 ล้านลบ.ม.

เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำเก็บกักเหลือ 4,404 ล้าน ลบ.ม. หรือ 46% ของปริมาณน้ำเมื่อต้นฤดูแล้งที่ 9,510 ล้านลบ.ม. และปริมาณน้ำใช้การได้เหลือ 1,554 ล้าน ลบ.ม. หรือ 23% ของปริมาณน้ำใช้การได้เมื่อต้นฤดู 6,660 ล้านลบ.ม.

เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำเก็บกักเหลือ 876 ล้าน ลบ.ม. หรือ 93% ของปริมาณน้ำเก็บกักได้เมื่อต้นฤดูที่ 939 ล้าน ลบ.ม. น้ำใช้การได้เหลือ 833 ล้านลบ.ม. หรือ 93% ของปริมาณน้ำใช้การได้เมื่อต้นฤดูแล้งที่ 896 ล้าน ลบ.ม.และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำเก็บกักเหลือ 888 ล้านลบ.ม. หรือ 93% ของปริมาณน้ำเก็บกักได้เมื่อต้นฤดูแล้งที่ 960 ล้าน ลบ.ม.  ปริมาณน้ำใช้การได้ 885 ล้านลบ.ม. หรือ 93% ของปริมาณน้ำใช้การได้เมื่อต้นฤดูที่ 957 ล้าน ลบ.ม.

ระยะเวลาเกือบ 2 เดือน กรมชลประทานมีการบริหารจัดการน้ำเพื่อใช้ในฤดูแล้ง ให้เพียงพอสำหรับใช้ในกิจกรรมต่างๆ ตามปริมาณน้ำต้นทุน เมื่อ 1 พ.ย.จำนวน 7,744 ล้าน ลบ.ม. มีการจัดสรรน้ำเพื่อใช้ในฤดูแล้ง 5,700 ล้านลบ.ม. ในจำนวนนี้ได้มีการสำรองไว้ต้นฤดูฝน เผื่อฝนทิ้งช่วง จำนวน 3,044 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้มีการจัดสรรไปแล้ว 1,425 ล้าน ลบ.ม. หรือ 25% ของน้ำใช้ในฤดูแล้ง คงเหลือน้ำที่ต้องจัดสรร 4,275 ล้าน ลบ.ม. หรือ 75%ของปริมาณน้ำที่ใช้ในฤดูแล้ง

อย่างไรก็ตามน้ำที่สำรองเพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ จะถูกจัดสรร ตามลำดับความสำคัญ และปริมาณน้ำต้นทุนที่มี คือ เพื่อทำเกษตรกรรมสัดส่วน 43% เพื่อรักษาระบบนิเวศและอื่นๆ สัดส่วน 35% เพื่ออุปโภคบริโภค บริโภคสัดส่วน 20%  และเพื่ออุตสาหกรรมสัดส่วน 2%

Adblock test (Why?)


กรมชล ชี้ เกษตรกรแห่ทำนาปรัง2 เดือนแตะ 3 ล้านไร่แล้ว - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

“นิพนธ์”ย้ำจัดทำงบประมาณปี66มุ่งแก้จน-ลดความเหลื่อมล้ำ - กรุงเทพธุรกิจ

“นิพนธ์”ย้ำจัดทำงบประมาณปี66มุ่งแก้จน-ลดความเหลื่อมล้ำ ลั่นประชาชนต้องได้ประโยชน์ ย้ำความปลอดภัยทางถนนและแก้น้ำเสียชุมชน

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมการประชุมมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566  โดยมีพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมฯร่วมกับสำนักงบประมาณ โดยนายนิพนธ์  กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณ เป็นเรื่องสำคัญเพื่อขับเคลื่อนภารกิจงานให้สำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของประชาชนได้อย่างแท้จริงให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล

โดยได้ให้แนวทางการจ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2566 1. ด้านการจัดการน้ำและสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 2.ด้านความปลอดภัยทางถนน 3.การจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และให้ความสำคัญกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพิ่มศักยภาพการถ่ายโอนภารกิจ การจัดการสาธารณะ ลดความเหลี่ยมล้ำมุ่งแก้ปัญหาความยากจน การพัฒนาประสิทธิภาพ การจัดเก็บรายได้และประสิทธิผลการใช้จ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มุ่งบูรณาการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด 4. การบริหารจัดการน้ำเสีย และการเสริมสร้างการรับรู้สู่ชุมชน  
 

สำหรับแนวทางการจัดทำงบประมาณในภาพรวมของกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานต่างๆ ให้สอดคล้องทั้ง 9 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย (1) ยุทธศาสตร์ชาติ (2) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (3) แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง(4) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 
 

(5) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (6) แผนปฏิบัติราชการของกระทรวง (7) เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (8) นโยบายสำคัญของรัฐบาล และ (9) โมเดลเศรษฐกิจ ECG 

โดยมุ่งเน้นโครงการสำคัญประจำปี 2566 ที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ จำนวน 406 โครงการ และวาระการพัฒนาที่ต้องให้ความสำคัญ 13 หมุดหมาย ตาม (ร่าง) แผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 13 พร้อมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการจัดสรรงบประมาณ คำนึงถึงความจำเป็น/ภารกิจ/ความต้องการในพื้นที่ และแผนพัฒนาพื้นที่ตามความต้องการของประชาชน
 

Adblock test (Why?)


“นิพนธ์”ย้ำจัดทำงบประมาณปี66มุ่งแก้จน-ลดความเหลื่อมล้ำ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Tuesday, December 28, 2021

สูตรทำโดนัทจิ๋ว ลูกกลมน่ารักอร่อยง่ายที่บ้าน - kapook.com

          รวมสูตรโดนัทจิ๋ว สูตรขนมลูกกลมพอดีคำ เคี้ยวอร่อยนุ่มกินเดี่ยว ๆ หรือจับคู่กับเครื่องดื่มอะไรก็อร่อย

           แม้ว่าโดนัท เบเกอรี่มีขายทั่วไป แต่รสชาติอาจไม่ถูกปาก ลองมาทำเองกันดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำโดนัทจิ๋ว มีทั้งโดนัทจิ๋วเคลือบน้ำตาล โดนัทจิ๋วไส้ครีมเลมอน โดนัทช็อกโกแลคเคลือบน้ำตาล เป็นต้น ถ้าชอบลองทำกันดูค่ะ

1. โดนัทจิ๋วเคลือบน้ำตาล

โดนัทจิ๋ว

          เริ่มกันที่เมนูโดนัทจิ๋วเคลือบน้ำตาลเกลซฉ่ำ ๆ ใช้แป้งสำเร็จรูป มีความหอมของกลิ่นวานิลลา พร้อมเคลือบน้ำตาลไอซิ่ง

ส่วนผสม โดนัทจิ๋วเคลือบน้ำตาล

  • แป้งโดนัทสำเร็จรูป 
  • น้ำมันพืช
  • น้ำตาลไอซิ่ง 150 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1/4 ช้อนชา
  • น้ำเปล่า 3-6 ช้อนชา

วิธีทำโดนัทจิ๋วเคลือบน้ำตาล

     1. เทน้ำมันใส่กระทะ ตั้งไฟที่อุณหภูมิ 375 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้

     2. ทำไอซิ่งเกลซโดยผสมน้ำตาลไอซิ่ง กลิ่นวานิลลา และน้ำเปล่า 3 ช้อนชา คนผสมจนเข้ากัน ทั้งนี้สามารถเติมน้ำเพื่อให้เหลวขึ้นได้ตามชอบ ตักขึ้นใส่ชาม เตรียมไว้

     3. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมพอดีคำ นำไปทอดจนสุกเหลือง นำไปซับบนกระดาษรองอบแล้วนำไปคลุกกับไอซิ่ง ตักขึ้นมาพักไว้จนเย็น

2. โดนัทจิ๋วคลุกน้ำตาล

โดนัทจิ๋ว

ภาพจาก คุณแขมร อินเตอร์ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

ส่วนผสม โดนัทจิ๋วคลุกน้ำตาล

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 140 กรัม
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 190 กรัม
  • น้ำมันพืช สำหรับทอด
  • น้ำตาลทราย สำหรับโรย (ถ้าชอบ)

วิธีทำโดนัทจิ๋วคลุกน้ำตาล

     1. เทแป้งลงในชาม ตามด้วยโยเกิร์ตเลย จากนั้นค่อย ๆ คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี จนมีความหนืด

     2. ตักใส่ถุงแกงหรือถุงอะไรก็ได้ตามสะดวก และตั้งน้ำมันโดยใช้ไฟกลางค่อนแรง (อย่าแรงมาก) ตัดปลายถุงเอาขนาดโดนัทจิ๋วตามต้องการได้เลย

     3. บีบแป้งและตัดลงไปทอดในน้ำมัน พอสุกจะลอยขึ้นมา ทอดจนสีเหลืองทองตักขึ้น นำไปคลุกกับน้ำตาล หรือไม่คลุกแล้วแต่ชอบเลย
 

ดูวิธีทำ โดนัทจิ๋วคลุกน้ำตาล เพิ่มเติมคลิก

3. โดนัทจิ๋วไส้ครีมเลมอน

โดนัทจิ๋ว

ภาพจาก คุณ Panda-chan สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

ส่วนผสม โดนัท

  • แป้งอเนกประสงค์ 50 กรัม
  • แป้งขนมปัง 50 กรัม
  • น้ำตาลทราย 50 กรัม
  • เกลือ 4 กรัม
  • นม 160 กรัม
  • น้ำเปล่า (ถ้านวดแล้วแห้งให้ใส่เพิ่ม)
  • ยีสต์ 5 กรัม
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 0) 1 ฟอง
  • เนยจืด 45 กรัม
  • น้ำตาลทรายป่น สำหรับคลุก

ส่วนผสม ครีมเลมอน

  • ไข่แดง 2 ฟอง
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • น้ำเลมอน 100 มิลลิลิตร (เลมอน 2-3 ลูก)
  • เกลือหยิบมือ
  • น้ำตาลทราย 130 กรัม (ปริมาณน้ำตาลขึ้นอยู่กับความเปรี้ยวของน้ำเลมอน)
  • เนยจืด 70 กรัม
  • ผิวเลมอนขูด 6-7 กรัม

วิธีทำไส้ครีมเลมอน

     1. ทำครีมเลมอนโดยผสมไข่ไก่ ไข่แดง น้ำเลมอน เกลือ และน้ำตาลทรายให้เข้ากันในชาม จากนั้นต้มน้ำในหม้อให้เดือดแล้วลดระดับลงให้เหลือระดับอุ่น ๆ จากนั้นเอาชามส่วนผสมตั้งไว้บนหม้อต้มน้ำ จากนั้นค่อย ๆ คนไปเรื่อย ๆ ประมาณ 10-13 นาที ให้ไข่ค่อย ๆ สุก แนะนำว่าให้คนตลอด ถ้าปล่อยไว้ไข่ขาวจะจับตัวเป็นก้อนง่ายมาก     

     2. วิธีดูว่าครีมเลมอนได้ที่หรือยังให้เอาช้อนไม้แตะลงไป สังเกตว่าถ้าครีมเคลือบช้อนแสดงว่าได้ที่แล้ว ให้ปิดไฟของหม้อต้มน้ำ แล้วใส่เนยตามลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นให้นำครีมเลมอนไปกรองกับตะแกรงเพื่อความละเอียดนะคะ ส่วนใหญ่แล้วจะมีเศษไข่ขาวติด ถ้าไม่กรองออก

     3. หลังจากกรองเรียบร้อยแล้วให้ใส่ผิวเลมอนขูดลงไป ผสมให้เข้ากันแล้วหาพลาสติกมาปิดไม่ให้ตัวครีมสร้างผิวที่แข็ง ๆ ขึ้นมา นำไปแช่ตู้เย็นข้ามคืนแล้วตัวครีมจะข้นขึ้น

วิธีทำโดนัท

     1. ใส่ส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นเนยลงไป แล้วนวดให้เข้ากัน ระหว่างนวดให้สังเกตว่าโดว์แห้งหรือเปียกเกินไปหรือเปล่า ถ้าแห้งไปให้เติมน้ำครั้งละ 1 ช้อนชา นวดไปสัก 2-3 นาทีแล้วให้ใส่เนยลงไปนวดด้วย คราวนี้นวดแป้งโดว์จนกว่าจะนุ่ม ประมาณ 20 นาที เมื่อนวดแป้งได้ที่แล้วให้ใส่พักแป้งไว้ในชามที่ทาน้ำมันแล้ว ประมาณ 1 ชั่วโมง

     2. หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมงให้เอานิ้วจิ้มดูว่าแป้งโดว์เด้งกลับหรือไม่ ถ้าไม่แสดงว่าพักแป้งเสร็จเรียบร้อย ลองแผ่เป็นแผ่นฟิล์มก็ได้ ต้องยืดออกมาได้โดยไม่ขาด ตัดแบ่งแป้งเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนวดให้เป็นลูกกลม ส่วนถ้าใครอยากได้เป็นแบบโดนัทสวย ๆ แนะนำให้รีดแป้งโดว์เป็นแผ่นแล้วใช้ที่ตัดคุกกี้รูปทรงกลมตัดให้สวยงาม     

     3. ตัดแบ่งเสร็จแล้ว ให้พักแป้งประมาณ 20-25 นาที จากนั้นให้นำไปทอดใช้ไฟกลางตอนแรกแล้วลดระดับลง วิธีเช็กว่าน้ำมันร้อนพอหรือยังให้เอาตะเกียบไม้จุ่มลงไปดูว่ามีฟองอากาศขึ้นมาไหม ถ้ามีฟองเล็ก ๆ ขึ้นมาแสดงว่าน้ำมันร้อนพอที่จะทอดได้แล้ว ถ้าฟองเยอะไปแสดงว่าน้ำมันร้อนเกิน ทอดเสร็จแล้วก็ให้พักไว้ที่ตะแกรง จากนั้นให้นำไปคลุกน้ำตาลตอนที่โดนัทยังอุ่น ๆ อยู่ ถ้าเย็นแล้วจะคลุกไม่ติด จากนั้นก็ใช้ตะเกียบเจาะรูสำหรับบีบไส้ครีมเลมอนลงไป
 

ดูวิธีทำ โดนัทจิ๋วไส้ครีมเลมอน เพิ่มเติมคลิก

4. โดนัทอบ

โดนัทจิ๋ว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก แม่พลอยซานฟราน

          ใครมีเตาอบมาลองทำโดนัทอบ สูตรจาก เฟซบุ๊ก แม่พลอยซานฟราน ใส่แอปริคอตกับลูกจันทน์ป่น เคลือบกับน้ำตาลซินนามอนก็อร่อยแล้ว

ส่วนผสม โดนัทอบ

  • แอปเปิลไซเดอร์ 1 ช้อนโต๊ะ (หรือจะใช้น้ำส้มสายชูปกติก็ได้)
  • นมไร้ไขมัน 1/2 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ (หรือนมธรรมดาก็ได้ยิ่งอร่อย)
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • ลูกจันทน์ป่น 3/4 ช้อนชา (หรือ 1 ช้อนชา เต็มก็ได้)
  • แอปริคอตแห้ง (หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ) 1/3 ถ้วย
  • น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทรายขาวป่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม น้ำตาลซินนามอน

  • เนยจืดละลาย 1/4 ถ้วย
  • เกลือ เล็กน้อย
  • น้ำตาลทรายขาวป่นละเอียด 1/2 ถ้วย
  • ผงซินนามอน 1 ช้อนชา

หมายเหตุ :

  • น้ำตาลทรายขาวป่น ถ้าที่มีอยู่ไม่ละเอียด ให้นำไปปั่นสักครู่ก่อน

  • แป้งที่ใช้จะใช้เป็นแป้งโฮลวีตก็ได้ แต่ขอให้ร่อนแป้งก่อนให้ละเอียด ๆ และโดนัทที่ได้จะแห้งกว่าใช้แป้งสาลีปกตินิดหน่อย และอย่าอบนานเกินไป (เอาแค่แป้งสุกก็ยกออกจากเตาเลย)

  • ถ้าอยากให้เฮลธ์ตี้มากขึ้น อาจผสมเนยกับน้ำมันครึ่งต่อครึ่ง หรือเนยมากกว่านิดหนึ่ง แต่ความหอมอร่อยจะลดน้อยลงไป

วิธีทำโดนัทอบ

     1. ทำบัตเตอร์มิลค์ โดยผสมแอปเปิลไซเดอร์หรือน้ำส้มสายชูลงไปในนม คนให้เข้ากันสักครู่ พอนมข้นขึ้น พักไว้

     2. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 375 องศาฟาเรนไฮต์ (หรือ 190 องศาเซลเซียส) นำถาดมัฟฟินมาทาน้ำมันหรือเนยบาง ๆ เพื่อกันโดนัทติดถาด พักรอไว้

     3. ทำส่วนผสมของแห้ง โดยเตรียมชามผสม ใส่แป้ง ผงฟู และลูกจันทน์ป่น คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่แอปริคอตลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน พยายามให้แอปริคอตกระจายออกจากกัน อย่าให้ติดกันเป็นก้อน ๆ (ใช้มือก็ได้) แล้วพักไว้

     4. ทำส่วนผสมของเหลว โดยผสมบัตเตอร์มิลค์ (นมควรข้นขึ้นหลังผสมน้ำส้มสายชู) ลงไปในชามน้ำมันพืช ตามด้วยกลิ่นวานิลลาและน้ำตาลทราย แล้วคนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย

     5. เทส่วนผสมของแห้งลงในชามส่วนผสมของเหลว (ทีละครึ่ง) แล้วคนพอเข้ากัน (อย่าคนจนเพลินเชียวเพราะจะได้โดนัทเนื้อหนักแทนเนื้อนุ่ม) ส่วนผสมแป้งโดนัท (Batter) ที่ได้จะเหนียวข้น หนืดกว่าส่วนผสมแป้งเค้ก (Batter) มาก

     6. ใช้ที่ตักไอศกรีมขนาดเล็ก ตักส่วนผสมแป้งโดนัท (Batter) ใส่ถาดมัฟฟิน ถ้าอยากได้ลูกกลม ๆ สวยงามอาจใช้ปลายช้อนช่วยเกลี่ยแป้งหลังตักใส่พิมพ์

     7. นำเข้าเตาอบ (ที่ได้ความร้อน 375 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 190 องศาเซลเซียส) ใช้เวลา 15-17 นาที (ขึ้นอยู่กับเตาแต่ละคน) เราจะอบแค่โดนัทสุก (สังเกตความสุกโดยใช้ปลายมีดจิ้ม ถ้าดึงออกมาปลายมีดสะอาดแสดงว่าสุกแล้ว) อย่าอบนานเกินไป โดยเฉพาะถ้าใช้แป้งโฮลวีตและถ้าแอบลดน้ำมันเพราะจะได้โดนัทจะแห้งเกินไป (แฟนเพจหลายคนชอบแอบลดน้ำมัน)

     8. ระหว่างรอโดนัทสุก เราก็ทำน้ำตาลซินนามอนโรยกัน โดยละลายเนย (ในถ้วยน้ำจิ้ม) แล้วใส่เกลือลงไป (เอาแค่นิดเดียวนะคะ) แล้วพักไว้ อีกถ้วยหนึ่ง ผสมน้ำตาลทรายกับผงซินนามอน คนให้เข้ากัน

     9. พอโดนัทสุก ก็นำโดนัทมาจุ่มเนย และตามด้วยจุ่มน้ำตาล จะจุ่มแบบทั้งลูกหรือครึ่งลูกก็แล้วแต่ (เคาะ ๆ โดนัท หลังจุ่มเนย และจุ่มน้ำตาลด้วย น้ำตาลจะได้ไม่มากเกินไป) ถ้าเกล็ดน้ำตาลไม่ป่นจะไม่ติดโดนัท พอทำเสร็จก็วางบนตะแกรงรอให้เย็น
 

ดูวิธีทำ โดนัทอบ เพิ่มเติมคลิก

5. โดนัทช็อกโกแลตจิ๋วเคลือบน้ำตาล

โดนัทจิ๋ว

          ปิดท้ายกันด้วยโดนัทช็อกโกแลตจิ๋วเคลือบน้ำตาล ใส่ผงโกโก้กับนมสด เติมโยเกิร์ตกับเนย มาพร้อมวิธีทำน้ำตาลไอซิ่ง

ส่วนผสม โดนัทช็อกโกแลตจิ๋ว

  • แป้งโฮลวีต หรือแป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วย (หรือแป้งอเนกประสงค์ 1 ถ้วย+แป้งโฮลวีต 1 ถ้วย)
  • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
  • ผงโกโก้ 1/2 ถ้วย
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง 
  • นมสด 3/4 ถ้วย
  • กรีกโยเกิร์ต 1/4 ถ้วย
  • กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
  • เนยจืดละลาย 3 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม น้ำตาลสำหรับเคลือบ

  • น้ำตาลไอซิ่ง 225 กรัม
  • เฮฟวี่ครีม 60 มิลลิลิตร
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • น้ำเลมอน 1 ช้อนชา

วิธีทำโดนัทช็อกโกแลตจิ๋ว

     1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 177 องศาเซลเซียส และฉีดสเปรย์น้ำมันลงในพิมพ์มัฟฟินขนาด 24 หลุม เตรียมไว้

     2. ทำแป้งโดนัทโดยร่อนแป้งกับน้ำตาลทรายลงในอ่างผสม ใส่ผงโกโก้ ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือลงไป ผสมพอเข้ากัน เตรียมไว้

     3. ตีผสมไข่ไก่ นมสด โยเกิร์ต และกลิ่นวานิลลาจนเนียนเข้ากัน ใส่เนยละลาย ผสมจนเข้ากัน เทส่วนผสมของแห้งลงไป คนผสมจนเข้ากัน ตักลงในพิมพ์มัฟฟิน ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ 

     4. นำไปอบประมาณ 10 นาทีหรือจนสุก นำออกมาพักไว้ประมาณ 5 นาที แล้วนำออกจากพิมพ์พักต่ออีก 5 นาทีก่อนเคลือบไอซิ่ง

     5. ทำไอซิ่งเกลซโดยร่อนน้ำตาลไอซิ่งลงอ่างผสม ใส่เฮฟวี่ครีม กลิ่นวานิลลา และเลมอนลงไป คนผสมจนเนียน เสร็จแล้วเอาโดนัทมาเคลือบตามชอบ

           วันหยุดนี้มาทำโดนัทจิ๋ว ขนมกินเพลิน ๆ กันดีไหม ถ้าไม่มีเตาอบเอามาทอดก็อร่อย ดัดแปลงรสชาติได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นโดนัทชาเขียว โดนัทใบเตย เป็นต้น

แนะนำสูตรโดนัทอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ใครอยากทำเมนูไหนคลิกเลยจ้า

Adblock test (Why?)


สูตรทำโดนัทจิ๋ว ลูกกลมน่ารักอร่อยง่ายที่บ้าน - kapook.com
Read More

ใครจะทำธุรกรรม เช็กให้ดี วันหยุด ธนาคาร ส่งท้ายปี ต้อนรับปีใหม่ 2565 - ไทยรัฐ

ใครมีแพลนต้องไปทำธุรกรรมทางการเงินในช่วงสิ้นเดือนธันวาคม เช็กวันหยุดธนาคาร ช่วงส่งท้ายปี ต้อนรับปีใหม่ 2565 สาขานอกห้าง หยุดยาว 4 วัน

ใกล้ถึงช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่หน่วยงานราชการ เอกชน ฯลฯ ปิดทำการ เช่นเดียวกับ สถาบันการเงินต่างๆ และธนาคาร

ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย ออกประกาศวันหยุดตามประเพณีของสถาบันการเงิน ในช่วงส่งท้ายปีดังนี้ 

  • วันศุกร์ ที่ 31 ธันวาคม วันสิ้นปี
  • วันจันทร์ ที่ 3 มกราคม ชดเชยวันขึ้นปีใหม่ (วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565)

ทำให้สถาบันการเงินที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้า หยุดทำการยาว 4 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2564 - 3 มกราคม 2565 ดังนั้น หากใครจำเป็นต้องทำธุรกรรมทางการเงินในช่วงสิ้นเดือน อาจจะต้องวางแผนสักหน่อย.

Adblock test (Why?)


ใครจะทำธุรกรรม เช็กให้ดี วันหยุด ธนาคาร ส่งท้ายปี ต้อนรับปีใหม่ 2565 - ไทยรัฐ
Read More

"ป้าแต๋น" ยังอินเทรนด์ ขอทำกล่องสุ่มแต๋นซ่าท้าลมหนาว 1000 บาท - คมชัดลึก

"ป้าแต๋น" ทนกระแสความนิยมไม่ไหว จัดทำกล่องสุ่มชื่อว่า แต๋นซ่าท้าลมหนาว ในราคา 1,000 บาท และรับประกันมูลค่าของในกล่องมากกว่า 1,000 บาท แน่นอน นอกจากนั้นยังมีของพิเศษจากลุงพลมอบให้ด้วยเช่นกัน ซึ่งทางป้าแต๋นก็ได้แจ้งอีกว่าสามารถซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ - 29 ธันวาคม 2564 เท่านั้น งานนี้ใครที่เป็นเอฟซีลุงพลป้าแต๋นก็สามารถมาจับจองกันได้เลย

"ป้าแต๋น" งานนี้ก็ขออินเทรนด์กับเขาด้วยเช่นกัน เพราะที่ผ่านมานี้ต้องยอมรับเลยว่ากระแสกล่องสุ่มในโลกออนไลน์มาแรงมาก เหล่าแม่ค้าพ่อค้าหลายร้านก็หันมาทำกล่องสุ่มสร้างความสนุกสนานคืนกำไรให้กับลูกค้าของตนเอง ซึ่งงานนี้ทางด้านป้าแต๋นก็ไม่ขอพลาดกระแสความฮิตประกาศจัดทำกล่องสุ่มของตนเองด้วย

ป้าแต๋น, ลุงพล, กล่องสุ่ม

โดยเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ทางด้าน "ป้าแต๋น" ก็ได้มาไลฟ์ผ่านทาง Youtube ช่อง ลุงพลป้าแต๋น แฟมิลี่ ของตนเองก่อนจะประกาศว่า จะจัดทำกล่องสุ่ม แต๋นซ่าท้าลมหนาว ราคา 1,000 บาท โดยในกล่องสุ่มไม่สามารถเลือกสินค้าได้ สินค้ามีมูลค่ามากกว่า 1,000 บาท แน่นอน เริ่ม 25 - 29 ธันวาคม 2564 และเริ่มทยอยส่งสินค้าตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป นอกจากนั้นป้าแต๋นยังบอกอีกว่าทุกกล่องจะมีการ์ดที่ลุงพลเขียนเองให้อีกด้วย 

ป้าแต๋น, ลุงพล, กล่องสุ่ม

ป้าแต๋น, ลุงพล, กล่องสุ่ม

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : ลุงพลป้าแต๋น แฟมิลี่

Adblock test (Why?)


"ป้าแต๋น" ยังอินเทรนด์ ขอทำกล่องสุ่มแต๋นซ่าท้าลมหนาว 1000 บาท - คมชัดลึก
Read More

Monday, December 27, 2021

“บิ๊กป้อม” ไปโคราชมอบสิทธิ์ในที่ดินทำกิน ช่วยเกษตรกร-ผู้ยากจน - ไทยรัฐ

“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา มอบสิทธิ์ในที่ดินทำกินให้เกษตรกรและผู้ยากจน สั่ง บจธ. ช่วยทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

วันที่ 27 ธ.ค. 2564 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี “บจธ. มอบสิทธิในที่ดินทำกิน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ตามโครงการบริหารจัดการที่ดินอย่างยั่งยืน ของ สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ. ที่วิสาหกิจชุมชนไร่นาสวนผสมเกษตรกรฐานรากช่องโคพัฒนา อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา โดยมีเกษตรกรที่เข้าร่วมงานประมาณ 300 คน และ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ประธานกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน กล่าวรายงาน และผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า บจธ. เป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินภารกิจกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนในการแก้ไขปัญหาด้านที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย การป้องกันการสูญเสียสิทธิ์ในที่ดินจากการจำนอง ขายฝาก ตลอดจนส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในที่ดิน การเพิ่มโอกาสการเข้าถึงที่ดินทำกินเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งโครงการตามภารกิจของ บจธ.ทุกโครงการ จะให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการวางแผนบริหารจัดการที่ดิน โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ มาเป็นหลักในการทำเกษตรและพัฒนาที่ดินในโครงการด้วย เพื่อที่จะได้รักษาที่ดินทำกินที่รัฐบาลมอบให้ในวันนี้ไว้ให้ลูกหลานสืบทอดต่อไป

ทางด้าน นายกุลพัชร ภูมิใจอวด ผู้อำนวยการ บจธ. กล่าวว่า ปัจจุบัน บจธ. ให้การสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนไปแล้ว 11 กลุ่ม และ 1 สหกรณ์การเกษตร ใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา ภาคตะวันออก จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา ภาคตะวันตก จังหวัดตาก จังหวัดเพชรบุรี และภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกษตรกรได้รับความช่วยเหลือ จำนวน 482 ครัวเรือน จำนวนที่ดิน 1,234-2-17.7 ไร่

ทั้งนี้ มีตัวอย่างที่เห็นภาพความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรมคือพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนไร่นาสวนผสมเกษตรกรฐานรากช่องโคพัฒนา ตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา มีเกษตรกรและผู้ยากจนที่ได้รับความช่วยเหลือจำนวน 45 ครัวเรือน สมาชิกบางส่วนเป็นผู้ไร้ที่ดินทำกิน บางส่วนถูกเจ้าของที่ดินบอกเลิกเช่า สมาชิกจึงมีการรวมกลุ่มกันและยื่นหนังสือขอรับความช่วยเหลือจาก บจธ. เนื้อที่ 150-0-17 ไร่ และได้มีการทำสัญญาเช่ากับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ เมื่อเดือน เม.ย. 2563 รวมระยะเวลาประมาณ 2 ปี โครงการแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิ์ในที่ดินของเกษตรกรและผู้ยากจน ได้ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรแล้ว 387 ราย รวมเนื้อที่ทั้งหมด 2,727-2-79 ไร่ และโครงการนำร่องธนาคารที่ดินในพื้นที่นำร่อง 5 ชุมชน (ดำเนินงานในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน) บจธ. ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนที่ไม่มีที่ดินทำกินจำนวน 500 ครัวเรือน พื้นที่ 741-3-91.5 ไร่

จากนั้น พล.อ.ประวิตร เดินทางไปติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำมูล และตรวจเยี่ยมพื้นที่เพื่อก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำมูล บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำมูล ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการดำเนินแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามแผนที่ได้จัดสรรไว้เพื่อให้การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งในพื้นที่เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว.

Adblock test (Why?)


“บิ๊กป้อม” ไปโคราชมอบสิทธิ์ในที่ดินทำกิน ช่วยเกษตรกร-ผู้ยากจน - ไทยรัฐ
Read More

เจ้าของรถต้องรู้ 5 ข้อดีของการทำประกันรถยนต์ออนไลน์ - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

เจ้าของรถต้องรู้ 5 ข้อดีของการทำประกันรถยนต์ออนไลน์  ประชาชาติธุรกิจ
เจ้าของรถต้องรู้ 5 ข้อดีของการทำประกันรถยนต์ออนไลน์ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

Sunday, December 26, 2021

วิธีทำเค้กนึ่งหน้าแตก ขนมทำง่าย ไม่ต้องใช้เตาอบ - Sanook

ขนมทำง่าย ที่ไม่ต้องใช้เตาอบมีหลายสูตรหลายวิธี แต่ถ้าอยากกินเค้กเนื้อนุ่ม ๆ จะทำอย่างไรดี เพราะคุ้นว่าขนมเค้กส่วนใหญ่ต้องใช้เตาอบทั้งนั้น ใครยังไม่เคยลองแนะนำให้มาทางนี้ค่ะ เราขอชวนสาว ๆ มาลองทำขนมเค้กแบบคัพเค้กในถ้วย นุ่มฟู หอมหวาน ด้วยวิธีการนึ่งง่าย ๆ แบบที่คนไทยคุ้นเคยกันค่ะ แถมยังใช้ส่วนผสมไม่กี่อย่าง สามารถทำได้ในเวลาไม่นานด้วยนะ

วัตถุดิบเค้กนึ่งหน้าแตก

  • ไข่เป็ด 1 ฟอง
  • เกลือ 1 กรัม
  • วนิลา 3 กรัม
  • น้ำตาล 65 กรัม
  • แป้งอเนกประสงค์ 100 กรัม
  • ผงฟู 5 กรัม
  • นมจืด 85 กรัม
  • เนยจืด 10 กรัม

วิธีทำเค้กนึ่งหน้าแตก

 
ตอกไข่ใส่ชามผสม แยกไข่ขาวและไข่แดง ตีเฉพาะไข่ขาวกับวนิลาให้หอม


 
สามารถใช้ได้ทั้งเครื่องตีผสมหรือตะกร้อมือก็ได้ ตามสะดวก หรือใครจะใช้ไข่ไก่ก็ได้ค่ะ


 
ตีแค่พอไข่ขาวฟูขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนำไข่แดงและเนยลงไปตีจนเนื้อเนียน


 
เข้ากันดีแล้วค่อย ๆ เทน้ำตาลลงไปตีผสมจนหมด และละลายเข้ากันดี



สีของไข่จะอ่อนลงเนื้อเนียนขึ้น จากนั้นจึงร่อนแป้งผสมเกลือและผงฟูลงไป


 
ตีผสมจนเข้ากันดีจะได้เนื้อเค้กข้น ๆ ระหว่างนี้ตั้งไฟหม้อนึ่งรอไว้


 
เทใส่พิมพ์ (ครึ่งถ้วย) วางลงในหม้อนึ่งที่น้ำเดือดรอแล้ว ครั้งนี้เรานึ่งในกระทะก้นลึก จึงวางได้ไม่กี่ชิ้น และชิดฝาหม้อมากเกินไป ใครมีซึ้งนึ่งใช้ได้เลยนะ จะได้หน้าเค้กสวยกว่า


 
ใช้ผ้าคลุมฝาหม้อป้องกันน้ำหยด ลงตัวเค้ก ตั้งไฟกลางค่อนแรงเพื่อให้เค้กหน้าแตก ใครอยากได้หน้าเนียน ๆ ให้ตั้งไฟอ่อน



15 นาที เค้กนึ่งสุกพอดี ได้เนื้อเค้กฟูเต็มถ้วย หน้าแตกโชว์ความสวยแบบรูพรุน ๆ


 
เท่านี้ก็เรียบร้อย ได้เค้กนึ่งเนื้อฟูนุ่ม ขนมทำง่ายมาลิ้มรสยามว่างกันแล้ว ลองทำกันดูนะ

Adblock test (Why?)


วิธีทำเค้กนึ่งหน้าแตก ขนมทำง่าย ไม่ต้องใช้เตาอบ - Sanook
Read More

หนุ่มใหญ่ทำหมวกกันน็อกตกบนถนน เดินมาเก็บโดนรถเก๋งชนตายที่ย่านพระประแดง - ไทยรัฐ

ชายวัย 51 กำลังก้มเก็บหมวกกันน็อกที่ทำตกกลางถนนปากซอยสุขสวัสดิ์ 47 เจอหนุ่มวัย 35 ปี ขับเก๋งพุ่งชนจนร่างกระเด็นเสียชีวิตคาที่ ตร.พระประแดง เร่งสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 26 ธ.ค. 64 ร.ต.อ.ธีรศักดิ์ ไชยมณี รอง สว.สอบสวน สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถเก๋งชนคนกับถนนบริเวณจุดกลับรถปากซอยสุขสวัสดิ์ 47 ถนนสุขสวัสดิ์ ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ได้ประสานแจ้งเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญเข้าตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุ จุดเกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย อยู่กลางถนนทราบชื่อนาย อำนวย ชูกระโทก อายุ 51 ปี ชาวบ้านที่มีภูมิลำเนาอยู่ ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา สภาพศพใส่เสื้อคอปกแขนสั้นสีดำกางเกงขายาวสีน้ำตาล ลักษณะนอนคว่ำหน้า มีบาดแผลที่ศีรษะด้านหลังขนาดใหญ่ แขนและขาทั้งสองข้างหัก

ตำรวจพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูได้ ตรวจค้นในร่างผู้เสียชีวิต พบกระเป๋าสะพายสีน้ำเงิน 1 ใบ ภายในพบ เงินธนบัตร 100 บาท จำนวน 3 ใบ โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง สลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวน 2 ใบ และสมุดประจำตัว ทหารจำนวน 1 เล่ม เครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยข้อมือ พระเครื่อง ทางตำรวจจึงได้เก็บรวบรวม ห่างไปประมาณ 30 เมตร พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น มีโอ สีน้ำเงินดำ ทะเบียน 3 ขบ 8923 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่บริเวณตรงกลางจุดกลับรถเป็นรถของผู้ตาย และห่างไปประมาณ 50 เมตร พบรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น ยาริส สีแดง ทะเบียน 9 กม 9810 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ด้านซ้ายบริเวณทางเข้าตลาดครุใน แล้วได้ตรวจสอบสภาพรถ รถมีร่องรอยการเฉี่ยวชนบริเวณด้านหน้าข้างขวา

จากนั้นยังพบผู้ขับขี่รถเก๋งคือนาย ศุภชัย แซ่อึ้ง อายุ 35 ปี ชาวบ้าน ต.แม่สุก อ.แม่ใจ จ.พะเยา คนขับรถเก๋งคู่กรณี ยืนอยู่ในอาการตกใจ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้ทำการตรวจสอบสภาพศพเรียบร้อยแล้ว ทางตำรวจจึงให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูนำศพส่งสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ส่วนผู้ตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดต่อแจ้งญาติผู้ตายให้ทราบ จากนั้นได้นำตัวผู้ขับรถเก๋งไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ ในเบื้องต้น

นายศุภชัย คนขับรถเก๋ง กล่าวว่า ขับรถมาทางตรงจากพระสมุทรเจดีย์ มุ่งหน้าสามแยกพระประแดง ด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. พอมาถึงจุดเกิดเหตุ ตนเห็นว่าผู้ตายกำลังก้มเก็บของแต่ว่ารถเบรกไม่อยู่แล้วจึงพุ่งชนเข้าอย่างจังทำให้เสียชีวิตดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ บริเวณที่เกิดเหตุ ได้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ผู้ตายได้ขับรถจักรยานยนต์มาซื้อไก่ทอดข้าวเหนียว บริเวณตรงจุดกลับรถดังกล่าว และกำลังจะขับรถข้าม เพื่อกลับบ้านพัก เป็นจังหวะเดียวกันกับหมวกกันน็อกได้หล่นบริเวณกลางถนน ผู้ตายถึงได้จอดรถไว้บริเวณจุดกลับรถ และเดินลงมาเก็บหมวกกันน็อก เป็นจังหวะเดียวกันกับรถเก๋งคันสีแดงที่ก่อเหตุ ขับมาช่องทางด้านขวาสุด ทิศทางมุ่งหน้าสามแยกพระประแดง มองไม่เห็นผู้ตายที่กำลังก้มเก็บหมวกกันน็อกอยู่ เลยพุ่งชนเข้าอย่างจัง ทำให้ผู้ตายกระเด็นไปเกือบ 50 เมตร และตกลงมาเสียชีวิต ถึงอย่างไรก็ตามทางตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานและเก็บภาพกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุอีกครั้งก่อนแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน น.ส.รุ่งทิวา หวายเครือ อายุ 28 ปี แม่ค้าขายอาหารอีสานใกล้จุดเกิดเหตุ กล่าวว่า ขณะที่กำลังขายของอยู่ที่ร้าน ตนเห็นผู้ตายขับรถมาซื้อไก่ทอดที่ร้านบังเปี๊ยก ตรงจุดเกิดเหตุ และผู้ตายกำลังจะขับรถกลับบ้านพักในซอยสุขสวัสดิ์ 47/1 ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร แต่ผู้ตายได้ทำหมวกกันน็อกตกกลางถนน ผู้ตายจึงได้จอดรถไว้ตรงกลางจุดกลับรถและเดินมาก้มเก็บหมวกกันน็อกที่ตกอยู่กลางถนน เป็นจังหวะเดียวกันกับรถเก๋งสีแดงวิ่งมาพอดี คาดว่าน่าจะมองไม่เห็นเลยพุ่งชนเข้าอย่างจัง ทำให้ตัวผู้ตายกระเด็นไปเกือบ 50 เมตร และตกลงมากระแทกพื้นถนนนอนนิ่งและเสียชีวิต

ส่วน บังเปี๊ยก พ่อค้าขายไก่ทอด กล่าวว่า ผู้ตายเป็นลูกค้าประจำที่ร้านมาซื้อไก่ทอดบ่อยๆ ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับรถจักรยานยนต์ข้ามมาซื้อไก่ทอดและข้าวเหนียว ตนก็ขายให้ตามปกติ พอซื้อเสร็จแล้วผู้ตายก็ได้ขับรถจักรยานยนต์ออกไปจากร้าน แล้วข้ามถนนไปตรงหน้าร้านพอดี ก็เห็นว่า หมวกกันน็อกได้ร่วงหล่นกลางถนน ผู้ตายจึงจอดรถอยู่บริเวณตรงกลางจุดกลับรถและเดินมาก้มเก็บหมวกกันน็อก เป็นจังหวะกับรถเก๋งสีแดงวิ่งมาพอดีเลยชนเข้าอย่างจังทำให้ผู้ตายตัวกระเด็นลอย ตกลงที่พื้นถนนและเสียชีวิต.

Adblock test (Why?)


หนุ่มใหญ่ทำหมวกกันน็อกตกบนถนน เดินมาเก็บโดนรถเก๋งชนตายที่ย่านพระประแดง - ไทยรัฐ
Read More

Saturday, December 25, 2021

เจ้าของลิเวอร์พูล ทำช็อก พร้อมปล่อย 1 ใน 3 แนวรุก พ้นถิ่นแอนฟิลด์ - ไทยรัฐ

เจ้าของทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ตกเป็นข่าว พร้อมปล่อย 1 ใน 3 แนวรุก ออกจากถิ่นแอนฟิลด์ หากได้รับข้อเสนอที่เหมาะสม

วันที่ 25 ธ.ค. 64 ดันแคน คาสเซิลส์ กูรูตลาดซื้อขายนักเตะ รายงาน เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป เจ้าของทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมพิจารณาปล่อย โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน หรือ โรแบร์โต เฟอร์มิโน ออกจากถิ่นแอนฟิลด์ หากได้รับข้อเสนอที่เหมาะสม

สำหรับ ซาลาห์, เฟอร์มิโน และ มาเน กำลังจะหมดสัญญากับทีมในปี 2023 และยังไม่มีใครตกลงต่อสัญญาฉบับใหม่ โดยเฉพาะในรายของ ซาลาห์ ที่การเจรจายืดเยื้อมานานและยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่เขาเป็นจอมถล่มประตูของทีม อย่างไรก็ตาม คาสเซิลส์ ระบุว่า เจ้าของทีม จะอนุญาตให้ปล่อย 1 ใน 3 คน ออกจากทีม ถ้ามีข้อเสนอก้อนโตยื่นเข้ามา

“ผมคิดว่า ลิเวอร์พูล คงจะยินดีปล่อยตัว มาเน เฟอร์มิโน หรือ ซาลาห์ หากพวกเขาได้รับข้อเสนอตรงตามที่พวกเขาต้องการ นั่นคือแผน แผนก็คือการขายหนึ่งในสามแนวรุกออกจากทีม” คาสเซิลส์ กล่าว

Adblock test (Why?)


เจ้าของลิเวอร์พูล ทำช็อก พร้อมปล่อย 1 ใน 3 แนวรุก พ้นถิ่นแอนฟิลด์ - ไทยรัฐ
Read More

“พันธ์ยศ”จี้รัฐเดินหน้าคลองกระ-ทำประชามติอย่างโปร่งใส - กรุงเทพธุรกิจ

“พันธ์ยศ”จี้รัฐเดินหน้าคลองกระ-ทำประชามติอย่างโปร่งใส ชี้เพิ่มรายได้ให้ประเทศ ชูเป็นเมกกะมรดกสู่ลูกหลาน

นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ อดีตเลขาธิการพรรคภราดรภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ(คลองไทย) เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและสังคม (สคส.) กล่าวว่า ตนได้ร่วมประชุมและศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกับพล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ ถวิลหวัง  ประธานคณะกรรมการสคส. ซึ่งพล.อ.ต.ณัฐอรรจน์เคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการแห่งชาติ ศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ ที่ก่อตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี  (มติครม.16 ต.ค. 2544) 

โดยที่ผ่านมาได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ(คลองไทย) มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ แม้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  จะตอบคำถามกระทู้ที่002ร.ของสมาชิกวุฒิสภาที่สอบถามผ่านราชกิจจานุเบกษาวันที่11ก.พ.2564ว่า คณะกรรมการแห่งชาติฯ ชุดดังกล่าวได้บรรจุอยู่ในบัญชีรายชื่อคณะกรรมการที่ยกเลิกของกระทรวงคมนาคมไปแล้ว(สิ้นสุดสถานภาพลงแล้วเมื่อช่วงเดือนพ.ค.2548 )ก็ตาม 
 

นายพันธ์ยศ กล่าวว่า ในปี 2557 พล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์  ได้ตั้งคณะทำงานความร่วมมือยุทธศาสตร์การค้าไทยจีนของรัฐบาลไทยกับนายหวี่ ปิน ประธานกรรมการบริษัท จงจิ้นริชเวย์โฮลดิ้งประเทศไทย จำกัด และจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลของประเทศไทยบริเวณคลองกระ  รองรับการเปิดการค้าเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นเส้นทางการค้าการลงทุนในกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตามแนวทางการพัฒนาของประธานาธิบดีสี จิ้น ผิงของจีนที่แสดงต่อที่ประชุมเอเปค

โดยในตอนนั้นประธานาธิบดีจีนได้ประชุมทวิภาคีกับพล.อ.ประยุทธ์  และยกวาระการพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่21มาหารือ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบรับในความคิดริเริ่มและพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลดังกล่าว และเป็นที่มาของการจัดตั้งศูนย์วิจิยและพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลของประเทศไทยบริเวณคลองกระห(คลองคอดกระหรือคลองไทย) โดยรัฐบาลไทยในอดีตมีมติอนุมัติให้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ(คลองไทย) หากดำเนินการได้นับเป็นโครงการพัฒนาที่เป็นเมกกะโปรเจคของประเทศอีกชิ้นหนึ่งที่จะสร้างเจริญด้านเศรษฐกิจและอื่นๆของไทยในอนาคต 
 

นายพันธ์ยศกล่าวว่า นอกจากนี้สคส.ได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศร่วมกับสมาคมมิตรภาพไทย-ลาว ซึ่งมีพล.อ.ต.ณัฏฐอรรจน์เป็นนายกสมาคม    โดยสคส.และสมาคมมิตรภาพฯได้มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อใช้ในการป้องกันโควิด -19 ให้กับสปป.ลาว   โดยฯพณฯ แสง สุขะทิวง เอกอัครรัฐทูตสปป.ลาว ประจำประเทศไทยให้การต้อนรับและรับมอบอุปกรณ์ข้างต้น   อีกทั้งตนกับสคส.นำอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส Covid-19แจกจ่ายให้หลากภาคส่วน เช่น  มูลนิธิกู้ภัยหลวงพ่อวัดในกุฏิ-ที่ว่าการอำเภอกุยบุรี  จ.ประจวบคีรีขันธ์ /มูลนิธิร่วมกตัญญู /โรงพยาบาลดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ และพื้นที่อื่นๆเพื่อให้คนไทยผ่านวิกฤตไปด้วยกัน

ซึ่งในครั้งนั้นคณะได้หารือกับเอกอัครรัฐทูตสปป.ลาว ประจำประเทศไทยเกี่ยวกับการค้า การลงทุน การคมนาคมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสองประเทศในวันข้างหน้า โดยมีเรื่องการขุดคลองกระร่วมเป็นหนึ่งในการหารือด้วย เพราะเส้นทางสายไหมทางทะเลคลองกระ(คลองไทย) จะเกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีนและชาติอื่นๆ หากดำเนินการเสร็จสิ้น จะมีเรือสินค้าใช้เป็นเส้นทางผ่านจากไทยไปยังประเทศฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ทุกวัน  วันละไม่ต่ำกว่า 2,000 ลำ ร่นระยะเวลาการเดินทาง 3 เส้นทางเดิมลงได้ 7 วัน(1.สายตะวันออกจากเซียะเหมิน-มหาสมุทรแฟซิฟิก-ทวีปอเมริกา 2.สายใต้จากเซียะเหมิน-เกาะไหหลำ -แหลมญวน-อ่าวไทย-แหลมมลายู  3.สายตะวันตกจากเซียะเหมิน-ทะเลจีนใต้ -ช่องแคบมะละกา-แหลมกู๊ดโฮป ทวีปแอฟริกา)

และจากการสำรวจข้อมูลโลจิสติกส์การค้าจีน-ไทย พบว่า ผู้ประกอบการธุรกิจตอบรับเข้าร่วมใช้เส้นทางสายไหมทางทะเลเส้นใหม่ของไทยสูงถึงร้อยละ60 ถือได้ว่าเส้นทางคลองกระ(คลองไทย) จะเป็นเส้นทางที่เปลี่ยนโลก-เปลี่ยนไทยในอนาคต ดังนั้นสคส. ได้จัดทำโครงการ "คลองกระ..เส้นทางเปลี่ยนโลก" เพื่อให้นักธุรกิจรุ่นใหม่และผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษา และถ่ายทอดแนวความคิดโครงการนี้ไปสู่รุ่นต่อๆไปในอนาคต ในปัจจุบันโครงการนี้ได้ดำเนินกิจกรรมมาแล้วหลายครั้ง    ดังนั้นสิ่งที่ตนหารือกับพล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์และฝ่ายที่เกี่ยวพบว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนไปมากจากภาวะโควิด-19

ดังนั้นไทยต้องปรับตัวให้รับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่  แม้ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์จะบอกว่าต้องใช้เวลาศึกษารอบด้านในเรื่องนี้ แต่ความจริงแล้วสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติตั้งกมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2563 และดำเนินการแล้วเสร็จแล้ว รอเพียงบรรจุวาระให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา ตรงนี้ก็ชัดเจนระดับหนึ่งว่าสภาผู้แทนราษฎรสนใจเรื่องนี้เพราะไทยได้ประโยชน์

"แนวคิดข้างต้นของกมธ.วิสามัญฯตรงกับผมและพล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ หวังว่าโครงการคลองกระนั้นน่าจะนำมาหารือกันใหม่โดยขอเชิญทุกภาคส่วนร่วมกันเป็นเจ้าภาพศึกษาเรื่องนี้คู่ขนานกับรายงานของกมธ.วิสามัญฯชุดข้างต้น จากนั้นจัดทำประชามติให้ทุกอย่างโปร่งใสว่าควร-ไม่ควรขุดคลองกระ แต่ผมและคณะเชื่อว่าเมกกะโปรเจคนี้หากเดินหน้าได้ ประเทศ-ประชาชนจะได้ประโยชน์ในวันข้างหน้าอย่างสูงสุด"
 

Adblock test (Why?)


“พันธ์ยศ”จี้รัฐเดินหน้าคลองกระ-ทำประชามติอย่างโปร่งใส - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Friday, December 24, 2021

"อย่าหาทำ" หมอแล็บแพนด้า เตือน คลอรีนผงผสมน้ำใช้อาบ ช่วยผิวขาว (คลิป) - คมชัดลึก

"อย่าหาทำ" บันเทิงอีกแล้วค่ะงานนี้ หลังจากมีคลิปไวรัลบน TikTok จับกระแสคลั่งความขาวของวัยรุ่น แถมยังเคลมว่าขาวขึ้นภายใน 3 เดือน การันตีว่าตัวเองใช้เอง ด้วยการใช้คลอรีนผงมาผสมน้ำอาบ งานนี้วัยรุ่นทั้งหลายก็หลงเชื่อกันล่ะสิคะ ทำเอาหมอแล็บแพนด้า ต้องรีบออกโรงมาแก้ข่าวด่วน ๆ 

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม โดยหมอแล็บแพนด้า ได้ออกมาโพสต์เตือนบนเพจเกี่ยวกับกรณี "อย่าหาทำ" นี้ โดยระบุว่า โถ ๆ ๆ วัยรุ่นขายคลอรีนผสมน้ำอาบแล้วอ้างว่าผิวจะขาว 555555

มีการทดลองเอายาม่วงมาผสมกับคลอรีนให้ดูด้วย จากยาสีม่วงพอเจอคลอรีนเข้าไป กลายเป็นน้ำใส ทำให้คนดูคลิปเข้าใจว่าถ้าอาบแล้วผิวเราต้องขาวใสแน่เลยยยย ที่จริงมัน คือ กลไกหลอกเด็กที่ใช้หลักการทางเคมี ซึ่งพอเอาสารมาผสมกันแล้วมันจะเปลี่ยนสี เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ผสมกับไอโอดีน (ที่พวกขายกลูต้าชอบมาเอาทดลองโชว์นั่นแหละ)

 และอธิบายเกี่ยวกับ "อย่าหาทำ" นี้ เพิ่มเติมว่า การเอาคลอรีนเข้มข้นมาอาบ เป็นการใช้สารเคมีผิดประเภทเด้อออ คลอรีนมีไว้ใช้สำหรับอุตสาหกรรมและกระบวนการผลิตน้ำประปา, บำบัดน้ำ, ใช้กับบ่อเลี้ยงปลา, สระว่ายน้ำ ไม่ใช่เป็นผลิตภัณฑ์ความสวยงามที่โฆษณาว่าผสมน้ำอาบแล้วผิวจะขาวขึ้น หรือเปลี่ยนสีผิวกลับไปกลับมาเหมือนกิ้งก่า

และไอระเหยของสารคลอรีนอย่าไปสูดดมเด็ดขาด เพราะ จะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจและระบบทางเดินอาหาร ถ้าใช้คลอรีนในปริมาณมาก ๆ จะทำให้ระคายเคือง ยิ่งเข้มข้นยิ่งอันตรายนะคร้าบ วัยรุ่น

ข้อมูล : หมอแล็บแพนด้า

Adblock test (Why?)


"อย่าหาทำ" หมอแล็บแพนด้า เตือน คลอรีนผงผสมน้ำใช้อาบ ช่วยผิวขาว (คลิป) - คมชัดลึก
Read More

ภัยโควิด “โอมิครอน” เสี่ยงทำระบบสาธารณสุขล่มสลาย มากกว่า "เดลตา" - ไทยรัฐ

“เราได้เรียนรู้แล้วว่า เราประเมินไวรัสชนิดนี้ต่ำเกินไปสำหรับภยันตรายที่มีต่อเรา ถึงแม้ว่าโอมิครอน อาจจะทำให้อาการของโรครุนแรงน้อยกว่า แต่จำนวนผู้ป่วยอาจครอบงำระบบสาธารณสุขที่อาจตั้งรับไม่ทันท่วงทีได้อีกครั้ง” (14 ธันวาคม 2564)  

“ยกเลิกการจัดงานเลี้ยงดีกว่าที่จะต้องยกเลิกชีวิต การยกเลิกในเวลานี้และจัดงานเฉลิมฉลองให้ช้าลง ดีกว่ามาฉลองกันตอนนี้แล้วมาเสียใจกันในภายหลัง” (21 ธันวาคม 2564)

หากจับใจความของ ทีดรอส อัดฮานอม กีเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ก็จะรู้ว่า "โอมิครอน" อาจจะ "น่ากลัว" กว่าที่คิด 

ขณะที่รายงานของ WHO ณ วันที่ 21 ธ.ค. 64 ระบุว่า ตรวจพบการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนแล้วอย่างน้อย 89 ประเทศทั่วโลก โดยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุกๆ 1.5 - 3 วัน ในพื้นที่ชุมชนที่มีการแพร่ระบาด

นี่คือท่าทีของ WHO ล่าสุดก่อนเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองของชาวโลกกำลังใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ท่ามกลางการ “รอคอย” อย่างใจจดใจจ่อกับ “ข้อมูลอย่างเป็นทางการของสายพันธุ์โอมิครอน”

โดยก่อนหน้าการปรากฏตัวของสายพันธุ์โอมิครอน “เรา” เคยหวาดผวาการอาละวาดของ “สายพันธุ์เดลตา” กันมาก่อน เช่นนั้นแล้วในเมื่อมีความโน้มเอียงว่า สายพันธุ์โอมิครอน “ช่างน่าหวาดหวั่น” ข้อมูลที่ “เรา” มีจนถึงวันที่ 24 ธ.ค. 64 สามารถบอกถึงความ “แตกต่าง” ระหว่าง “สายพันธุ์เดลตา” และ “สายพันธุ์โอมิครอน” ได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว?

ผลการศึกษาในประเทศแอฟริกาใต้?

Discovery Health บริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของแอฟริกาใต้ เปิดเผยผลการวิเคราะห์การแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนในโลกจริง โดยอิงจากผลการทดสอบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 211,000 คน ในประเทศแอฟริกาใต้ ที่มีการเปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 64 ระบุว่า

ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำ : สำหรับผู้เคยติดเชื้อโควิด-19 แล้ว มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำจากสายพันธุ์โอมิครอนในระดับสูงอย่างมีนัยสำคัญ (Significantly Higher) เมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์เดลตา

ความรุนแรงของโรคหลังการติดเชื้อ :

กลุ่มผู้ใหญ่ (Adult)

ความเสี่ยงต่อการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลในกลุ่มผู้ใหญ่ ที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเมื่อเปรียบเทียบกับการติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับสายพันธุ์เดลตาในประเทศแอฟริกาใต้เมื่อช่วงกลางปี 2020 ลดลง 29%

กลุ่มเด็ก (Children)

จากข้อมูลเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า “กลุ่มเด็ก” มีความเสี่ยงสูงที่จะเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการแพร่ระบาดระลอกที่ 4 ในประเทศแอฟริกาใต้ ที่นำโดยสายพันธุ์โอมิครอน ถึง 20% เมื่อเปรียบเทียบกับการแพร่ระบาดระลอกแรกที่นำโดยสายพันธุ์เดลตา

การศึกษาของฮ่องกง?

นักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยลี กาชิง (Li Ka Shing Faculty of Medicine) เปิดเผยผลงานวิจัยเกี่ยวกับการแพร่เชื้อในทางเดินหายใจมนุษย์ หลังได้รับเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ระหว่าง โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม สายพันธุ์เดลตา และสายพันธุ์โอมิครอน พบว่า สายพันธุ์โอมิครอนแบ่งตัวในหลอดลมของผู้ติดเชื้อเร็วกว่าสายพันธุ์เดลตาและโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม 70 เท่า หลังผ่านการได้รับเชื้อไปเพียง 24 ชั่วโมง ซึ่งอาจเป็นคำอธิบายได้ว่าทำไมสายพันธุ์โอมิครอน จึงแพร่เชื้อให้กับมนุษย์ได้เร็วกว่า สายพันธุ์เดลตาและโคโรนาไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ

อย่างไรก็ดี การศึกษาดังกล่าวพบว่า การติดเชื้อในปอดของสายพันธุ์โอมิครอนน้อยกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม ต่ำกว่า 10 เท่า ซึ่งทำให้มีแนวโน้มว่า อาจทำให้ความรุนแรงของโรคลดลง (อย่างไรก็ดี รายงานวิจัยนี้กำลังอยู่ระหว่างการทบทวนเพื่อตีพิมพ์อย่างเป็นทางการ สิ้นสุดวันที่ 15 ธ.ค. 64)

การศึกษาในอังกฤษ?

22 ธันวาคม 2564 

ผลการวิจัยเรื่องความเสี่ยงในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนในประเทศอังกฤษเมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์เดลตา ของ Imperial College London (ICL) 

จากกลุ่มตัวอย่างผู้ติดเชื้อ ที่ได้รับการยืนยันด้วยผลตรวจ PCR ระหว่างวันที่ 1-14 ธ.ค. 64 ในประเทศอังกฤษ ระบุว่า โดยรวมแล้วพบความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล สำหรับผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน “ลดลง” ประมาณ 20-25% เมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์เดลตา และอยู่ที่ประมาณ 40-45% ในกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนาน 1 วัน หรือนานมากกว่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์เดลตาเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ในรายงานวิจัยฉบับนี้ได้ระบุเพิ่มเติมว่า แม้ค่าเฉลี่ยที่ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนที่ต้องนอนในโรงพยาบาลจะลดลงมากกว่าสายพันธุ์เดลตา แต่สิ่งที่ต้องชั่งน้ำหนักให้ดี คือ “ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโอมิครอนนั้นมีมากกว่าสายพันธุ์เดลตา อันเนื่องจากภูมิคุ้มกันในการต้านทานการติดเชื้อ ทั้งจากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อตามธรรมชาตินั้นลดลง เมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลตา ด้วยเหตุนี้ จำนวนผู้ป่วยที่อาจต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจึงอาจมี “จำนวนมากกว่า” จนทำให้ระบบสาธารณสุขล่มสลายรวมถึงยังอาจทำให้ผู้ป่วยโรคอื่นๆ ได้รับผลกระทบตามมาอีกด้วย

** หมายเหตุ กรณีการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา มีความเสี่ยงต่อการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 50% และความเสี่ยงสำหรับการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 1 วันขึ้นไปที่ 61% **

ขณะที่ล่าสุดรายงาน จาก สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักร (UK Health Security Agency) UKHSA ณ สิ้นสุดวันที่ 23 ธ.ค. 64 รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนสะสมที่ได้รับการยืนยันในสหราชอาณาจักรแล้วทั้งสิ้น 90,906 คน เพิ่มขึ้นจากรายงานก่อนหน้า (20 ธ.ค. 64) 16,817 คน โดยจำแนกเป็น

อังกฤษ มีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ที่ได้รับการยืนยันแล้ว 83,526 คน เพิ่มขึ้น 14,379 คน จากรายงานฉบับก่อนหน้า

ไอร์แลนด์เหนือ มีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ที่ได้รับการยืนยันแล้ว 3,877 คน เพิ่มขึ้น 1,528 คน จากรายงานฉบับก่อนหน้า

สกอตแลนด์ มีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ที่ได้รับการยืนยันแล้ว 2,326 คน เพิ่มขึ้น 674 คน จากรายงานฉบับก่อนหน้า

เวลล์ มีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ที่ได้รับการยืนยันแล้ว 1,177 คน เพิ่มขึ้น 236 คน จากรายงานฉบับก่อนหน้า

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ 

Adblock test (Why?)


ภัยโควิด “โอมิครอน” เสี่ยงทำระบบสาธารณสุขล่มสลาย มากกว่า "เดลตา" - ไทยรัฐ
Read More

GISTDA ชวนทำ สคส. ออนไลน์อวกาศรับปีใหม่ 2022 - ผู้จัดการออนไลน์



ใกล้เทศกาลปีใหม่ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA ชวนคนไทย ส่องความสุข ร่วมออกแบบการ์ดออนไลน์ ในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร ด้วยมุมมองจากอวกาศด้วยภาพถ่ายดาวเทียม สแกนหาพื้นที่โดนใจเตรียมเคานต์ดาวน์ 2022 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

วันนี้ (24 ธ.ค.) นายตติยะ ชื่นตระกูล รองผู้อำนวยการด้านสร้างเสริมพันธมิตรและเครือข่ายองค์ความรู้ของ GISTDA กล่าวว่า ถือเป็นการเปิดมุมมองในการเชิญชวนคนไทยให้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมของหน่วยงานภาครัฐมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา การส่งการ์ดอวยพรในวันปีใหม่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน แต่รูปแบบจะปรับเปลี่ยนกันไปตามสถานการณ์และเทคโนโลยี จากกระดาษส่งผ่านไปรษณีย์หรือส่งถึงมือผู้รับ ปรับเปลี่ยนกันมาเป็นรูปแบบออนไลน์ มาวันนี้ GISTDA มาเหนือชั้นบรรยากาศ ชวนทุกคนมาร่วมส่งความสุขในรูปแบบออนไลน์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นการออกแบบ สคส. ที่อ่านเต็มๆ ว่า “ส่องความสุข” โดยการใช้งานเราจะเริ่มจากท่านต้องถ่ายภาพใบหน้าของท่านเองก่อน จากนั้น ระบบจะทำการ random หาพื้นที่ประหนึ่งว่าท่านกำลังใช้ดาวเทียมในการสแกนหาพื้นที่ และทุกท่านก็จะได้ สคส. ปีใหม่แบบออนไลน์ ที่มีใบหน้าของท่านอยู่ในชุดนักบินอวกาศที่กำลังลอยอยู่เหนือพื้นที่ที่ท่านสแกนหา พร้อมกับข้อความ Happy New Year 2022 ซึ่งท่าน สามารถส่ง สคส.นี้ ให้กับญาติสนิท มิตรสหาย พี่น้อง หรือคนที่ท่านรัก ผ่านทางไลน์ หรือ facebook ได้เลยครับ โดยสามารถเข้าไปร่วมกิจกรรมได้ทาง https://bit.ly/3EncCZ5

อย่างไรก็ตาม ทาง GISTDA ขอเชิญชวนให้คนไทยทุกคนได้เข้ามาร่วมสนุกกับกิจกรรมนี้ เพื่อเป็นการต้อนรับปีใหม่ 2022 ที่กำลังจะมาถึง และในโอกาสนี้ขออวยพรให้ทุกท่านจงประสบความสุข ความสำเร็จในหน้าที่การงาน การเงิน และมีสุขภาพแข็งแรงตลอดปีตลอดไป ครับ


Adblock test (Why?)


GISTDA ชวนทำ สคส. ออนไลน์อวกาศรับปีใหม่ 2022 - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

กสม.สรุปภาพรวมม็อบ 64 จนท.ทำเกินกว่าเหตุ-ผู้ชุมนุมบางคนใช้สิ่งเทียมอาวุธ - กรุงเทพธุรกิจ

“กสม.” แถลงสรุปผลการตรวจสอบ “การชุมนุม” ปี 64 ที่ผ่านมา สารพัด “ม็อบ” พบการละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายกรณี เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ แต่ผู้ชุมนุมบางกลุ่มใช้สิ่งเทียมอาวุธด้วย เสนอรัฐเยียวยาผู้เสียหายทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2564 เวลา 10.30 น. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ และผู้ช่วยศาสตราจารย์สุชาติ เศรษฐมาลินี กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายพิทยา จินาวัฒน์ และนายบุญเกื้อ สมนึก ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่สำคัญประจำปี 2564 กรณีการชุมนุมทางการเมืองระหว่างเดือนกรกฎาคม - กันยายน 2564 ซึ่ง กสม. มีมติในคราวการประชุมด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 53/2564 (28) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 เห็นชอบรายงานผลการตรวจสอบดังกล่าว โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้

ตามที่ กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนอันเกี่ยวเนื่องกับกรณีการชุมนุมทางการเมืองในระหว่างเดือนกรกฎาคม - กันยายน 2564 หลายคำร้อง ประกอบกับพิจารณาแล้วเห็นว่า เหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 16 และ 18 กรกฎาคม 2564 รวมทั้งเมื่อวันที่ 1 และ 7 สิงหาคม 2564 อาจมีการกระทำหรือการละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน จึงได้มีมติให้ตรวจสอบและตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ โดยได้รับฟังข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย ทั้งจากกลุ่มผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (เจ้าหน้าที่ คฝ.) หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชน ผู้พักอาศัยบริเวณรอบพื้นที่การชุมนุม และประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งจัดให้มีเวทีระดมความคิดเห็นเพื่อหาทางออกจากความขัดแย้ง และการคุ้มครองสิทธิเด็กในสถานการณ์การชุมนุม ร่วมกับตัวแทนผู้ชุมนุม หน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคประชาสังคมด้านสิทธิมนุษยชน นักวิชาการด้านสันติวิธี และนักจิตวิทยาเด็ก นอกจากนี้ยังได้เฝ้าระวังสถานการณ์และลงพื้นที่สังเกตการณ์การชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนลงพื้นที่ไปติดตามการจับกุมผู้ถูกจับกุมเพื่อตรวจสอบและประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนด้วย

กสม.สรุปภาพรวมม็อบ 64 จนท.ทำเกินกว่าเหตุ-ผู้ชุมนุมบางคนใช้สิ่งเทียมอาวุธ

จากการตรวจสอบ พบว่า การชุมนุมทางการเมืองในระหว่างเดือนกรกฎาคม - กันยายน 2564 เป็นการรวมตัวของประชาชนที่ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา นักกิจกรรมทางการเมือง เพื่อแสดงความเห็นและมีข้อเรียกร้องปฏิรูปทางการเมืองควบคู่กับข้อเรียกร้องต่อมาตรการของรัฐบาลในการบริหารจัดการสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) โดยมีรูปแบบการชุมนุมที่สำคัญ 3 รูปแบบ คือ (1) การชุมนุมที่เป็นการประท้วง การเดินขบวนประท้วง และการชุมนุมแบบแฟลชม็อบ (2) การชุมนุมในรูปแบบกิจกรรม “คาร์ม็อบ (Car Mob) และ “ไบก์ม็อบ” (Bike Mob) และ (3) การชุมนุมที่ไม่มีกลุ่มหรือแกนนำขับเคลื่อนการชุมนุมอย่างชัดเจน โดยการตรวจสอบมีประเด็นที่ กสม. ได้พิจารณาและมีความเห็น ดังนี้

1. การใช้อำนาจรัฐในการควบคุมดูแลการชุมนุม พิจารณาว่ามีการกระทำหรือการละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ พบว่า การบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548) เพื่อจัดการและควบคุมการชุมนุมของรัฐบาล มีแนวโน้มเป็นการห้ามการชุมนุมแบบเหมารวมและห้ามชุมนุมโดยเด็ดขาด และไม่ได้สัดส่วนระหว่างเสรีภาพในการชุมนุม กับความปลอดภัยสาธารณะ (การป้องกันภัยทางสาธารณสุข) นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมผู้ที่มาชุมนุมและดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 และกฎหมายอื่น ซึ่งถือเป็นการสร้างความหวาดกลัวต่อการใช้เสรีภาพในการชุมนุม จึงมีการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ชุมนุม 

กสม.สรุปภาพรวมม็อบ 64 จนท.ทำเกินกว่าเหตุ-ผู้ชุมนุมบางคนใช้สิ่งเทียมอาวุธ

ส่วนการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการควบคุมดูแลการชุมนุม พบว่า หลายกรณี เจ้าหน้าที่ คฝ. ได้ใช้เครื่องมือควบคุมฝูงชนด้วยวิธีการไม่เหมาะสม เช่น ใช้กระบองในลักษณะที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรง ยิงกระสุนยางในแนวสูงระดับศีรษะ หรือ ยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปตกในที่พักอาศัยของประชาชน อันเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามหลักปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการใช้เครื่องมือควบคุมฝูงชนตามแผนการดูแลการชุมนุมสาธารณะ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2558 และไม่สอดคล้องกับแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการใช้อาวุธที่มีความร้ายแรงต่ำในการบังคับใช้กฎหมาย (United Nations Human Rights Guidance on Less-Lethal Weapons in Law Enforcement) ขณะที่การใช้กำลังจับกุมผู้ชุมนุมนั้น หลายกรณีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจากการเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ เช่น การใช้กระสุนยางยิงสกัดการหลบหนี การขับรถยนต์ตัดหน้าเฉี่ยวชนหรือถีบรถจักรยานยนต์จนล้มลง ซึ่ง กสม. เห็นว่า แม้ผู้ที่ถูกจับกุมจะมีการใช้ความรุนแรงในการแสดงออกร่วมอยู่ แต่ไม่มีเหตุจำเป็นที่เจ้าหน้าที่จะต้องใช้วิธีการรุนแรงโดยไม่สนใจผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามมาโดยเฉพาะการเข้าจับกุมเด็กและเยาวชน จึงเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและไม่ได้สัดส่วนกับพฤติการณ์ของผู้ถูกจับกุม อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

สำหรับการดำเนินการตามกระบวนยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พบว่า มีการใช้เครื่องพันธนาการในการจับกุมเด็กและเยาวชน ซึ่งขณะที่ถูกจับกุมในบางกรณีเยาวชนไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนีหรือต่อสู้ขัดขวาง แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใส่สายรัดข้อมือ (Cable Tie) เป็นเครื่องพันธนาการ และยังปรากฏกรณีเยาวชนถูกควบคุมตัวร่วมกับผู้ต้องหาผู้ใหญ่โดยไม่มีการแยกให้อยู่ในสถานที่พิเศษเป็นการเฉพาะ นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ถูกจับกุมถูกนำตัวไปยังสถานีตำรวจซึ่งไม่ใช่ที่ทำการของพนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ที่ถูกจับหรือที่ทำการของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ เช่น ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จังหวัดปทุมธานี (ตชด. ภาค 1) ส่งผลให้ทนายความไม่สามารถเข้าพบผู้ต้องหาเพื่อให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายได้ในทันที ขณะที่การดำเนินคดีบางกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิของผู้ถูกจับกุม หรือไม่ยินยอมให้ติดต่อญาติ ซึ่งไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ในประเด็นการปล่อยชั่วคราว ซึ่งมีทั้งกลุ่มผู้ถูกจับและควบคุมตัวที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยไม่ต้องมีประกันและมีประกัน และมีกรณีที่ศาลไม่ให้ประกันตัวด้วยเหตุผลพฤติการณ์ในการกระทำความผิดครั้งหลังผิดเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราว หรืออาจมีการกระทำผิดซ้ำ กสม. เห็นว่า กรณีนี้แม้จะเป็นการใช้ดุลพินิจตามอำนาจหน้าที่ของศาล แต่การพิจารณาให้ปล่อยชั่วคราวควรยึดหลักที่ว่าทุกคนพึงได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว การสั่งไม่ให้ปล่อยชั่วคราวนั้นต้องเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรตามที่กำหนดไว้ใน ป.วิ.อาญา. เท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งรับรองสิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยที่จะได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิด และสิทธิที่จะได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดี

2. ความเห็นต่อการใช้สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชน แม้การชุมนุมทางการเมืองในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2564 จะอยู่ในช่วงเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน 2548 เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 แต่การชุมนุมในรูปแบบกิจกรรม “คาร์ม็อบ” (Car Mob) และไบก์ม็อบ (Bike Mob) ซึ่งเป็นการขับขี่ยานพาหนะไปตามเส้นทางต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมายในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค อีกทั้งไม่ปรากฏการใช้ความรุนแรงของผู้ชุมนุมในลักษณะที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลอื่น ส่วนกรณีที่มีเหตุใช้ความรุนแรงนั้นเกิดขึ้นภายหลังการชุมนุมยุติหรือเชื่อได้ว่าเกิดขึ้นจากมวลชนที่ไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขการชุมนุม เช่นเดียวกับการชุมนุมที่เป็นการประท้วง การเดินขบวนประท้วง และการชุมนุมแบบแฟลชม็อบ ซึ่งโดยทั่วไปเป็นการชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมืองและไม่มีจุดประสงค์ในการใช้ความรุนแรง การชุมนุมทั้งสองรูปแบบนี้จึงถือเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ดี รูปแบบการชุมนุมที่ไม่มีกลุ่มหรือแกนนำขับเคลื่อนอย่างชัดเจนโดยที่กลุ่มผู้ชุมนุมใช้สิ่งเทียมอาวุธตอบโต้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถือเป็นการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงและมิใช่การชุมนุมโดยสงบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้มาตรการบังคับทางกฎหมายได้ แต่ต้องคำนึงถึงหลักความเหมาะสมและได้สัดส่วน โดยเฉพาะการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชน

3. ความเห็นต่อผลกระทบและการเยียวยาความเสียหายจากสถานการณ์การชุมนุม เห็นว่า ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายหรือระเบียบรองรับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงหรือความขัดแย้งทางการเมืองเป็นการเฉพาะ แม้มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 และวันที่ 13 มิถุนายน 2560 จะกำหนดให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำกฎหมายหรือระเบียบ เงื่อนไขและวิธีการช่วยเหลือเยียวยาที่ครอบคลุมทุกกรณี แต่ปัจจุบันยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จและยังไม่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายในประเด็นนี้

กสม.สรุปภาพรวมม็อบ 64 จนท.ทำเกินกว่าเหตุ-ผู้ชุมนุมบางคนใช้สิ่งเทียมอาวุธ

4. ความเห็นต่อกรณีการคุ้มครองเด็กในสถานการณ์การชุมนุม พบว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่มีการแยกแยะกลุ่มเด็กออกจากกลุ่มผู้ใหญ่ในการชุมนุม รวมทั้งไม่ปฏิบัติต่อเด็กด้วยวิธีการที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ ทั้งในเรื่องการใช้กำลังในการควบคุมดูแลการชุมนุม และปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม ซึ่ง กสม.ได้มีข้อเสนอแนะเพื่อคุ้มครองสิทธิและความปลอดภัยของเด็กในสถานการณ์การชุมนุม (กรณีสามเหลี่ยมดินแดง) ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เมื่อเดือนกันยายน 2564 ซึ่งหน่วยงานเห็นชอบต่อข้อเสนอแนะของ กสม.

จากผลการตรวจสอบและความเห็นข้างต้น กสม. จึงมีข้อเสนอแนะไปยังคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน สรุปได้ดังนี้
ในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องงดเว้นการใช้ลวดหีบเพลงแถบหนามเป็นเครื่องมือควบคุมฝูงชน ปรับปรุงวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ คฝ. ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายและหลักสากล รวมทั้งต้องจัดให้ผู้ถูกจับกุมทุกคนได้รับสิทธิที่พึงมีตามกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนหลีกเลี่ยงการกระทำ อันเป็นการขัดขวางการใช้สิทธิของผู้ถูกจับกุมในการได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมาย

ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ให้คณะรัฐมนตรีหลีกเลี่ยงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน 2548 เป็นไปเพื่อป้องกันภัยร้ายแรงที่กระทบต่อความมั่นคง ไม่อาจนำไปใช้ในการชุมนุมทางการเมืองทั่วไป และควรมอบหมายกระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการจัดทำกฎหมายหรือระเบียบกลางในการช่วยเหลือเยียวยาที่ครอบคลุมทุกกรณีรวมทั้งกรณีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองโดยเร็ว ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรกำหนดแนวทางปฏิบัติให้การควบคุมการชุมนุมกระทำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ โดยการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมต้องให้การคุ้มครองสิทธิของผู้ถูกจับและผู้ต้องหาอย่างเคร่งครัด และหลีกเลี่ยงการตั้งข้อหาที่เป็นการจำกัดหรือสร้างภาระแก่ผู้ใช้สิทธิและเสรีภาพเกินสมควรแก่เหตุ นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอให้ศาลยุติธรรมพิจารณากำหนดแนวทางการใช้ดุลพินิจเกี่ยวกับการปล่อยชั่วคราว ให้สอดคล้องกับหลักการที่รัฐธรรมนูญ และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองให้การรับรองและคุ้มครอง และควรพิจารณามาตรการอื่นแทนการคุมขังด้วย

พร้อมกันนี้ กสม. มีข้อเสนอแนะต่อการจัดการชุมนุม ซึ่งต้องเป็นไปโดยสงบ ปราศจากอาวุธและสิ่งเทียมอาวุธ โดยต้องคำนึงถึงสิทธิและความปลอดภัยของบุคคลอื่น รวมถึงความรับผิดชอบต่อผู้เข้าร่วมการชุมนุม ต้องมีการประเมินความเสี่ยงจากอันตรายในการชุมนุม และการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และเหตุอื่น โดยเฉพาะการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้แก่เด็กและเยาวชน รวมทั้งควรมีช่องทางการสื่อสารระหว่างผู้จัดการชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อให้การชุมนุมเป็นไปตามหลักสากล

Adblock test (Why?)


กสม.สรุปภาพรวมม็อบ 64 จนท.ทำเกินกว่าเหตุ-ผู้ชุมนุมบางคนใช้สิ่งเทียมอาวุธ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

เตือนเหล่าวัยรุ่น 'TikTok'อย่าหาทำ! เอาคลอรีนผงผสมน้ำใช้อาบ-หวังผิวขาวใส - เดลีนีวส์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


เตือนเหล่าวัยรุ่น 'TikTok'อย่าหาทำ! เอาคลอรีนผงผสมน้ำใช้อาบ-หวังผิวขาวใส - เดลีนีวส์
Read More

พระครู เชิญวิญญาณ เมียฝรั่ง เผยต้องทำพิธี 3รอบ ตร.เจอเรื่องแปลก - ข่าวสด - ข่าวสด

พระครู ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ เมียฝรั่ง ถูกฆ่าทิ้งไร่ข้าวโพด เผยสิ่งผิดปกติ ต้องทำพิธีถึง 3 รอบ ด้าน พนักงานสอบสวน เล่าเรื่องแปลก ก่อนวันผู้ต้อ...