เต้-สุชน ดีจังวิภาต นักวางแผนอาวุโส ส่วนบริหารการเปลี่ยนแปลง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) แบ่งปันประสบการณ์ของเขาที่พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วว่า จริง ๆ แล้วเราสามารถเป็นได้มากกว่าสิ่งที่เราเคยเป็น
ในชีวิตการทำงาน หลายคนอาจเคยคิดว่าหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็คืองานที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพและความถนัดโดยตรง เช่น ถ้าเป็นครูก็สอนหนังสือ ถ้าเป็นหมอก็รักษาคนไข้ ถ้าเป็นพนักงานบริษัท ก็รับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วคน ๆ หนึ่งสามารถทำอะไรได้มากไปกว่าอาชีพหรือความถนัดในงานที่รับผิดชอบอยู่
เหมือนกับที่ เต้-สุชน ดีจังวิภาต นักวางแผนอาวุโส ส่วนบริหารการเปลี่ยนแปลง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) แบ่งปันประสบการณ์ของเขาที่พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วว่า จริง ๆ แล้วเราสามารถเป็นได้มากกว่าสิ่งที่เราเคยเป็น ทำในสิ่งที่เราอาจไม่เคยทำมาก่อนได้ แล้วทำออกมาได้เป็นอย่างดีด้วยเพียงเรามุ่งมั่นและตั้งใจ
เป็นมากกว่า KPI คือการค้นพบบทบาทใหม่
‘ปีแรกที่เข้าบางจากฯ มา พบว่ามีกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSR ให้เลือกทำ ตอนนั้นยังไม่ค่อยรู้จักว่า CSR คืออะไร เลยคิดว่าลงสมัครไปก่อนแค่ให้เป็นไปตาม KPI โดยสมัครเข้าร่วมเป็นครูอาสาไปสอนวิชาเคมี ที่กศน. เขตพระโขนง’
ที่บางจากฯ การร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมนั้น เป็นหนึ่งใน KPI ประจำปีของพนักงานเพื่อให้พนักงานสามารถเข้าร่วมตามความถนัดหรือความสนใจโดยไม่ถือเป็นการเสียเวลาทำงาน เนื่องจากการทำกิจกรรมเพื่อสังคมนั้นเรียกได้ว่าอยู่ใน DNA ของชาวบางจากฯ เลยก็ว่าได้ สำหรับเต้ จุดนี้ได้กลายมาเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ ชีวิตของเต้ให้มีบทบาทใหม่เพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากการเป็นพนักงานบริษัทฯ
‘ตอนไปเป็นครูอาสาครั้งแรก เรารู้สึกประหลาดใจมาก เพราะคิดว่าคนที่มาเรียนคงจะถูกบังคับมา แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เลย ทุกคนที่มาตั้งใจกันมาก ๆ กลายเป็นเรามองผิดไป คือทุกคนคาดหวังกับการมาสอนของพนักงานบางจากฯ มาก ทั้งตัวผู้เรียนเองแล้วก็คุณครูของทางกศน. ด้วย’
จากโต๊ะทำงาน สู่ครูอาสาฯ นอกห้องเรียน
การเริ่มสอนเป็นครั้งแรกในวันนั้นของเต้ ได้ก่อเกิดเป็นความประทับใจ ช่วยสร้างพลังงานบวกซึ่งกันและกันระหว่างนักเรียนกับครู ซึ่งมาจากความตั้งใจจริงที่อยากนำความรู้ด้านเคมีถ่ายทอดให้แก่นักเรียน
‘หลังจากการสอนครั้งแรก เราทั้งรู้สึกดีใจและภูมิใจ เลยเข้าร่วมการสอนมาตลอด 14 ปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่มีโอกาสจะไปช่วยสอนการบ้านเด็ก ๆ ที่อยู่ในชุมชนรอบโรงกลั่น ตอนนั้นเวลาไปก็ไปกับเพื่อนพนักงานอีกหลายคน โดยบริษัทฯ จัดเตรียมรถรับส่ง สื่อการสอน เครื่องเขียนต่าง ๆ ไว้ให้เราไปสอนอย่างพร้อมที่สุด’
แน่นอนว่าบทบาทใหม่ในการเป็นครูอาสานั้นไม่ได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถที่คน ๆ หนึ่งจะทำได้เพียงตั้งใจและไม่ย่อท้อ เหมือนกับที่เต้ได้พัฒนาตัวเองและหมั่นเข้าร่วมกิจกรรมด้านการสอนหนังสือที่บางจากฯ จัดขึ้นมาโดยตลอด ‘ช่วงแรก ๆ มีปัญหาอยู่บ้าง เพราะพื้นฐานผู้เรียนแต่ละคนแตกต่างกัน แต่เราก็ค่อย ๆ ปรับทักษะการสอน พัฒนามาเรื่อย ๆ จากการสังเกตนักเรียนในห้องเรียน ค้นเจอจุดตรงกลางที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน และในที่สุดทุกอย่างก็เป็นไปได้’
นอกจากกิจกรรมสอนหนังสือ บางจากฯ ยังมีกิจกรรมรูปแบบอื่น ๆ ที่จัดขึ้นเพื่อดูแลและสร้างความสัมพันธ์กับทางชุมชนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมวันครอบครัว การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อดูแลสุขภาพของคนในชุมชน การซ้อมแผนอพยพกรณีเกิดอุบัติภัย เป็นต้น
ปรับตัวว่องไว แม้ในบทบาทเสริม
‘การทำ CSR มันก็มีหลายวิธีที่ง่ายกว่าหรือจบเร็ว แต่ CSR ที่บางจากฯ ลงมือทำนั้นลุ่มลึก ใช้ทรัพยากรเยอะ อาจจะใช้เงินไม่มากนัก แต่ทรัพยากรที่ใช้เยอะมากคือ ในแง่ของคน ความสามารถส่วนบุคคล เวลา รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทำให้พนักงานอย่างเรารู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมนั้นจริง ๆ’ พิสูจน์ได้ด้วยความพยายามคิดต่อยอดและปรับตัวในวันที่โลกใบเดิมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปจากการมาเยือนของโควิด-19 โดยกลุ่มบางจากฯ ยังคงเดินหน้ากิจกรรมเพื่อสังคมต่อไปในรูปแบบที่เหมาะสมและสอดคล้องกับมาตรการของภาครัฐ รวมไปถึงบทบาทการสอนของเต้ด้วยเช่นกัน
‘เราคิดว่าถ้าเป็นเรา เราก็ยังอยากเรียนแม้จะเป็นช่วงโควิด เลยลองคิดหาวิธีปรับการสอนเป็นแบบออนไลน์ มีการทำแบบสำรวจกับเพื่อนบ้านรอบโรงกลั่นก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าผู้เรียนเห็นด้วย และจะได้รู้ว่ามีใครติดปัญหาตรงไหนหรือไม่ ซึ่งจากกว่า 300 คนที่ตอบมา เกิน 90% ก็สนใจที่จะเรียนแบบออนไลน์ ตอนนี้เลยอยู่ในช่วงจัดทำหลักสูตรอยู่’
นอกจากนั้น กิจกรรมต่าง ๆ ที่ทีมกิจการสัมพันธ์ทำร่วมกับชุมชนผ่านโครงการครอบครัวเดียวกัน ก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบจากที่จัดกิจกรรมให้ได้เรียนรู้ร่วมกัน เป็นการส่งของ DIY เช่น ชุดย้อมสีกระเป๋าผ้าพร้อมวิธีทำ กระทง DIY ไปกับจุลสารครอบครัวใบไม้ ซึ่งก็ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวไปในตัว นอกเหนือไปจากการดูแลให้ทุกคน “ปลอดภัยไปด้วยกัน” ด้วยการมอบของจำเป็นในช่วงโควิด เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์
หนึ่งเรื่องสำคัญที่พี่ ๆ ‘บ้านบางจาก’ พูดถึงเสมอคือ Resilience หรือ การที่เราสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเวลาที่เจออุปสรรค ถือเป็นอีกคุณสมบัติที่สำคัญที่จะหนุนให้องค์กรอยู่คู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน
ซึ่งพนักงานบางจากเองก็ได้พิสูจน์แล้วว่าในยามวิกฤต ทุกคนได้ยืนหยัดที่จะต่อสู้กับปัญหา เป็นกำลังสำคัญของบริษัทฯ เพื่อก้าวผ่านทุกอุปสรรคไปให้ได้ สอดรับกับค่านิยมของบริษัทฯ ในเรื่องของ Agility และ Mobility หมายถึงการพร้อมใจเปลี่ยนแปลงและมีความคล่องตัวอยู่เสมอ
และ ทุกคน ‘เป็นมากกว่าพนักงาน’ เพื่อสร้างประโยชน์ ส่งต่อโอกาสให้แก่ผู้คนในสังคม ในทุกครั้งที่โอกาสอำนวย
เป็นมากกว่าที่เคยเป็น ทำมากกว่าที่เคยทำ โอกาสที่บางจากฯ มีให้กับพนักงานเสมอ เพื่อส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้สังคม - กรุงเทพธุรกิจ
Read More
No comments:
Post a Comment