เช้านี้หุ้น LEO มีปริมาณการซื้อขายหนาแน่น คาดรับปัจจัยหนุนจากการขนส่งฟื้นตัว ดันดัชนี BDI ทำนิวไฮรอบ 1 ปี ขณะที่โบรกฯ มองกำไรปี 64 เดินหน้าโตทุกไตรมาส หนุนทั้งปีทำ All Time High - มีอัพไซด์ร่วมทุน Cardinal กับดีล M&A ปลายปีนี้
*** ราคาบวก 3.94% - วอลุ่มแน่น รับอานิสงส์การค้าโลกฟื้น
ราคาหุ้น บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO ช่วงเช้าวันนี้ (17 มี.ค.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 6.65 บาท ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 6.6 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 3.94% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 651.04% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
โดยบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คิงส์ฟอร์ด ระบุถึงสาเหตุที่ทำให้ LEO ปิดซื้อขายภาคเช้าในแดนบวก เนื่องจากกำลังได้รับปัจจัยหนุนจากปริมาณการค้าโลกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการด้านการขนส่งมากขึ้น สะท้อนจากดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.นี้ (MTD) ปรับตัวขึ้น 366 จุด หรือ 22.16% ทำนิวไฮในรอบ 1 ปี
*** ขนส่งฟื้น หนุนกำไรครึ่งปีแรกทำ All Time High
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ประเมินกำไรสุทธิ 2 ไตรมาสแรกปี 64 ของ LEO จะเดินหน้าทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ติดต่อกัน โดยมีแรงหนุนจากปริมาณการขนส่งเติบโต ทั้งทางเรือและทางอากาศ ซึ่ง 2 เดือนแรกของปี 64 ปริมาณการขนของ LEO เพิ่มขึ้นราว 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ อัตราค่าขนส่งยังปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากตู้สินค้าขาดแคลนในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นที่ระดับ 30% ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายลดลง เพราะมีการปะหยัดต่อขนาด (Economy of scale) มากขึ้น
สอดคล้องกับ บล.บัวหลวง ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ช่วง 2 เดือนแรกของปี 64 ทาง LEO มีจำนวนการขนส่ง 1.1 หมื่นตู้ เติบโตขึ้น 33% จากปีก่อน โดยตัวเลขดังกล่าว ยังเป็นอัตราการเติบโตที่ดีกว่าตัวเลขการส่งออกของประเทศไทย ที่เติบโตขึ้น 7.5% จากปีก่อน (ไม่รวมทองคำ, น้ำมัน และอาวุธ) ขณะเดียวกัน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของโลกที่อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น จะเป็นปัจจัยหนุนให้ปริมาณการขนส่งสามารถยืนอยู่ในระดับสูงต่อไป
*** ค่าขนส่งทางเรือ จะอยู่ในระดับสูงถึง Q3/64
บล.บัวหลวง ระบุว่า ค่าขนส่งทางเรือโดยตู้คอนเทนเนอร์ คาดจะยังอยู่ในระดับสูงต่อไปอย่างน้อยถึงไตรมาส 3/64 ซึ่งมุมมองนี้ ได้รับการยืนยันจาก ผู้บริหารสายเรือหลายแห่ง เช่น สายเรือ ONE สัญชาติญี่ปุ่น, Hapag-Lloyd ไปจนถึงเรือเบอร์ 1 ของโลก อย่าง Maersk แม้ระยะสั้นค่าขนส่ง (Shanghai Containerized Freight Index) จะย่อตัวลงมาเล็กน้อย แต่ยังถือว่าสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 2.5 เท่า ซึ่งจะช่วยหนุนให้ LEO ได้ส่วนต่างมาร์จิ้นที่สูงขึ้น และกำไรสุทธิในปี 64 จะปรับตัวขึ้นทุกไตรมาส
*** กำไรปี 64 ทำ All Time High หลังขนส่งฟื้น
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ LEO ไว้ที่ 86 ล้านบาท (ทำ All Time High) เติบโตขึ้น 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีแรงหนุนจากรายได้ที่คาดทำได้ 1.2 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 9% จากปีก่อน ตามรายได้ขนส่งทางเรือเติบโตขึ้น 9% จากปีก่อน เพราะจำนวนการขนส่งสูงขึ้น 7% เป็น 6.36 หมื่นตู้ ประกอบกับ รายได้การขนส่งทางอากาศ เติบโตขึ้น 4% จากปีก่อน หลังสายการบินเริ่มกลับมาบินขนส่ง (Passenger Flight) มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้น ที่จะปรับตัวขึ้นเป็น 30.7% เทียบกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ 29.2% เนื่องจาก LEO ได้ขยายธุรกิจ Self-storage และ Container depot ที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูง
ขณะที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ LEO ไว้ที่ 75 ล้านบาท (ทำ All Time High) เติบโตขึ้น 32% จากปีก่อน เนื่องจากค่าระวางเรือยังอยู่ในระดับสูง เพราะ Demand ยังแข็งแกร่ง และเป็นช่วงไฮซีซั่นของการส่งออกหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ส่วนการขนส่งทางอากาศ คาดทยอยฟื้นตัวจากปีก่อน หลังเริ่มเห็นเที่ยวบิน Passenger Flight กลับมาให้บริการมากขึ้น
*** ยังมีอัพไซด์ จากการร่วมทุน Cardinal - จ่อซื้อกิจการเพิ่ม
บล.บัวหลวง ระบุว่า ยังมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ของ LEO ขึ้นจากเดิม (75 ล้านบาท) เนื่องจากมีประเด็นบวกกับดีลร่วมทุน Cardinal ที่คาดเซ็นสัญญาความร่วมมือภายในเดือน พ.ค.64 ซึ่ง Cardianl เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมานานกว่า 20 ปี โดยก่อนหน้านี้ Cardianl มีจำนวนตู้การส่งออก และนำเข้าให้ LEO ช่วยดูแลประมาณปีละ 2 พันตู้
สำหรับ การร่วมทุนครั้งนี้ คาด LEO จะได้เพิ่มการขนส่งกับกลุ่ม Cardinal อีกอย่างน้อย 2 พันตู้ หรือเพิ่มขึ้น 100% ประกอบกับ การซื้อกิจการ (M&A) เพิ่มเติม ซึ่งผู้บริหาร LEO ให้แนวทางว่าต้องการเพิ่มศักยภาพในการให้บริการขนส่งทางอากาศ และทางบกเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะเสร็จสิ้นในปีนี้
ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน LEO กำลังเจรจาซื้อกิจการอยู่ 2 - 3 ดีล ซึ่งเป็นบริษัททั้งในประเทศ และต่างประเทศ (จีน, เวียดนาม และกลุ่มประเทศอาเซียน) โดย LEO ตั้งเป้าหมายซื้อกิจการที่มีรายได้ราว 100 - 200 ล้านบาทต่อปี และเป็นบริษัทที่มีกำไรอยู่แล้ว คาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3/64 และจะเริ่มรับรู้รายได้ ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป
*** บางโบรกฯ มองมูลค่าเริ่มแพง
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า แม้กำไรสุทธิปี 64 ของ LEO มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น แต่เมื่อพิจารณาในแง่มูลค่า (Valuation) ถือว่าไม่ถูกแล้ว โดยเทรดที่ PE ระดับ 26 เท่า ซึ่งสูงกว่ากลุ่ม ทำให้ความน่าสนใจในการเข้าลงทุนลดลง
*** แต่ส่วนใหญ่ยังแนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังแนะนำ"ซื้อ"เนื่องจากมองว่ากิจกรรมการขนส่งที่เริ่มฟื้นตัว จะช่วยกระตุ้นผลประกอบการของ LEO ปีนี้ เติบโตได้อย่างโดดเด่น ประกอบกับ กำไรสุทธิปีนี้ยังมีอัพไซด์จากการร่วมทุนกับ Cardinal และการซื้อกิจการใหม่ 2 - 3 ดีล ที่สามารถรับรู้กำไรได้ทันที
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
ฟินันเซียฯ |
ซื้อเก็งกำไร |
6.60 |
เคทีบี |
ถือ |
6.60 |
ทรีนีตี้ |
ซื้อ |
7.20 |
บัวหลวง |
ซื้อ |
7.50 |
ราคาเฉลี่ย |
6.97 |
ต้องยอมรับว่าการเข้าลงทุนในหุ้น LEO ช่วงนี้ เริ่มมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ บีบให้อัพไซด์ของหุ้น LEO แคบลงเหลือเพียงราว 5.6% เท่านั้น ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ควรรอจังหวะเข้าสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาย่อตัวลงมากว่านี้
No comments:
Post a Comment