Rechercher dans ce blog

Tuesday, January 2, 2024

คอลัมน์การเมือง - 'ทำโชว์' กับ 'โชว์ทำ' - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

งานใหญ่ของฝ่ายการเมืองต้นปี 2567 คือ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ซึ่งล่าช้ามาหลายเดือน เนื่องจากการตั้งรัฐบาลได้ล่าช้า

ในการพิจารณาดังกล่าวนี้ มีไว้เพื่อให้ผู้แทนราษฎร ได้“ทำหน้าที่” ติติง เสนอแนะ ให้เกิดการจัดสรรการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินที่เป็นธรรม ทั่วถึง และโปร่งใส


1) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วาระแรกในวันที่ 3 - 5 ม.ค.ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติได้รับเวลาจัดสรรรวม 90 นาที โดยมี สส.ที่จะอภิปรายรวม 9 คนโดยมี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค เป็นผู้อภิปรายนำ และมี สส.อีก 8 คน ขณะที่กรอบการอภิปรายได้ใช้การแบ่งกลุ่มเป็น 6 ด้าน คือ กลุ่มเศรษฐกิจและคมนาคม, กลุ่มการปกครองท้องถิ่น, กลุ่มสังคม สตรี เด็ก, กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน, กลุ่มท่องเที่ยวและวัฒนธรรม และ กลุ่มสาธารณสุข การศึกษา

โดยข้อเสนอแนะที่ต้องการสื่อสารไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ การสานต่อนโยบายและโครงการที่เป็นประโยชน์ ซึ่งได้ทำมาตั้งแต่สมัยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกฯ ในช่วง 9 ปี อาทิ รถไฟทางคู่, ขยายสนามบิน, ขยายถนน, มอเตอร์เวย์ และสวัสดิการต่างๆ รวมไปถึงโครงการที่ช่วยเหลือเกษตรกร ที่ดินทำกิน โฉนดทำกิน เป็นต้น

ในการนี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ได้ปิดกั้นการทำหน้าที่ของ สส.และขอให้ใช้เวทีอภิปรายถึงข้อเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์ โดยไม่มีเงื่อนไขว่า เป็น สส.ในพรรคร่วมรัฐบาลแล้วจะไม่สามารถอภิปรายติติงใดๆ ได้ และขอให้ใช้สิทธิอภิปรายและทำหน้าที่ให้เต็มที่อย่างไรก็ดี ส่วนตัวเชื่อว่าการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านจะเน้นไปที่การอภิปรายตามกรอบงบประมาณที่รัฐบาลเสนอไม่ใช่การพุ่งเป้าโจมตีตัวรัฐมนตรีที่กำกับกระทรวงหรือหน่วยงานใดๆ

2) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการประชุม สส.ว่า นายประมวล พงศ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในที่ประชุม สส.ของพรรคซึ่งตลอดทั้งวันจะมีการเตรียมความพร้อม เพื่ออภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2567โดยสส.มีการจัดเตรียมประเด็นในการอภิปราย เตรียมข้อมูล พร้อมอภิปรายเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการจัดงบประมาณและใช้งบประมาณแผ่นดินให้คุ้มค่าโปร่งใสและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศมากที่สุด

“พรรคประชาธิปัตย์จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่เราไม่เป็นพรรคอะไหล่ของใคร และฝ่ายรัฐบาลก็อย่าดิ้นกลัวจนเกินไป อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณแผ่นดินถ้าคิดว่าจัดสรรงบประมาณมีความเป็นธรรมและโปร่งใส เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศ ก็ไม่สมควรกลัวการอภิปราย” นายราเมศ กล่าว

นายราเมศ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคเราทราบดีและทำตามข้อบังคับการประชุม ฝ่ายรัฐบาลไม่ต้องสอน และรัฐบาลก็ไม่ควรเตรียมผู้ประท้วงไว้เยอะ เพราะไม่เกิดประโยชน์ ควรรับฟังแล้วไปปรับปรุงในชั้นคณะกรรมาธิการ

3) “คีย์เวิร์ด” ที่น่าสนใจ ที่ทั้งสองพรรค “ฝัง” ไว้ในการแสดงท่าทีของตัวเองคือ

3.1 โดยไม่มีเงื่อนไขว่า เป็น สส.ในพรรคร่วมรัฐบาลแล้วจะไม่สามารถอภิปรายติติงใดๆ ได้ และขอให้ใช้สิทธิอภิปรายและทำหน้าที่ให้เต็มที่ (รวมไทยสร้างชาติ)

3.2 จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ เราไม่เป็นพรรคอะไหล่ของใคร (ประชาธิปัตย์)

เป็นจุดยืนที่ดี แต่ “แสดงออกด้วยอะไร แค่ไหน” การแถลงนี้เป็นการ “โชว์ว่าจะทำ” แต่ “ยังไม่ได้ทำให้เห็น”และเวทีงบประมาณ จะถูกใช้เป็นเวที “ทำโชว์” เพื่อกลบเกลื่อนบางเรื่องที่ควร “โชว์ทำ” อย่างเข้มแข็งเข้มข้นใช่หรือเปล่า น่าคิดนะครับ

เรื่องการอภิปรายงบประมาณเป็นเรื่อง “กระจอก” ไปเลยเมื่อเทียบกับการ “ตรวจสอบความถูกต้อง” ที่ประชาชนคนไทยอยากเห็นว่า “ความถูกต้อง” ถูกยืนยันและปกปักรักษาไว้เหนือสิ่งอื่นใด เหนือความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หรือเป็นฝ่ายค้าน

4) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้ลงนามคำสั่งมอบหมายให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเดิมนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ดูแลในส่วนนี้อยู่ ว่าทั้งนายสมศักดิ์และนายพีระพันธุ์ เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งจากที่ตนได้คุยกับนายสมศักดิ์ ทราบว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีงานในมือจำนวนมาก ขณะที่ตัวนายสมศักดิ์ เองก็มีงานมากขึ้น และนายพีระพันธุ์ เคยผ่านงานส่วนนี้มาก็น่าจะเข้าใจ ในส่วนของนโยบายกระทรวงยุติธรรมก็ยึดตามนโยบายของรัฐบาล คือจะต้องทำงานปกป้องคุ้มครองประชาชน ให้ปลอดภัยจากปัญหาอาชญากรรม และได้รับการคุ้มครองเรื่องสิทธิเสรีภาพ รวมทั้งมิติทางความคิด แทนที่จะให้ประชาชนเข้าหาความยุติธรรม ความยุติธรรมต้องเข้าหาประชาชน และยกระดับนิติธรรมให้เข้มแข็ง เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ

ส่วนที่ถูกมองว่าการปรับเปลี่ยนตำแหน่งในครั้งนี้ อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นการปูทางให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า นายพีระพันธุ์ คงไม่ทำอะไรที่นอกเหนือกฎหมายเช่นเดียวกับกระทรวงยุติธรรมที่ต้องทำทุกอย่างตามกฎหมาย โดยจะเห็นว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ที่ออกเมื่อปี 2560 ก็ไม่ใช่ พ.ร.บ.ที่รัฐบาลนี้ตั้งขึ้นมา และหมายเหตุท้าย พ.ร.บ.ก็เขียนไว้ชัดเจนว่ากฎหมายเดิมขัดต่อหลักสากล โดยเฉพาะการไม่สามารถดำเนินการตามพฤตินิสัย เพราะไม่มีที่ควบคุมหรือที่คุมขังอื่น จึงมีเฉพาะเรือนจำ จึงมีการเขียนกฎหมายนี้ให้มีมาตรา 33 และมาตรา 34 การไม่ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ถือว่าไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม จึงมีการออกกฎกระทรวงกฎระเบียบและออกประกาศ ซึ่งไม่ได้ออกเพื่อคนใดคนหนึ่ง นายพีระพันธุ์ จะทำนอกกฎเกณฑ์นี้ ก็คงเป็นไปไม่ได้

เมื่อถามว่ากรณีของนายทักษิณ หากคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ ก็จะถือเป็นการปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมายใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ระเบียบและกฎเกณฑ์ต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยประกอบ ถ้าเป็นคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอาจจะไม่ต้องเข้าไปควบคุมตัวในเรือนจำ หรือใช้สถานที่อื่น ซึ่งกระบวนการนี้มีคณะกรรมการจากหลายฝ่ายร่วมกันพิจารณา ส่วนกรณีที่มีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย ก็ต้องรับฟัง บ้านเมืองเราเป็นประชาธิปไตย แต่ก็ต้องยึดตามกฎหมายและไม่ได้ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง

ส่วนอาการของนายทักษิณในปัจจุบันนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้ส่งความเห็นล่าสุดมาให้ ซึ่งกรณีที่ไปรักษาตัวนอกเรือนจำเกิน 120 วัน ต้องขอความเห็นชอบจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โดยมีความเห็นชอบของแพทย์ผู้ตรวจ และหลักฐานอื่นประกอบ ซึ่งในทางกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าจะเกินได้มากน้อยแค่ไหน แต่โดยส่วนตัวมองว่าไม่ควรเกิน 1 สัปดาห์ พร้อมเปิดเผยว่าตนเองไม่เคยขึ้นไปเยี่ยมนายทักษิณ แต่ในวันที่เข้าไปตอบกระทู้สดที่สภา มีโอกาสได้พบกับแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งแพทย์ยืนยันว่านายทักษิณป่วยจริง

ส่วนกรณีที่ กมธ.การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร จะเดินทางไปดูงานที่โรงพยาบาลตำรวจ ในวันที่ 12 มกราคม 2567 นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในส่วนของราชทัณฑ์เปิดกว้างอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีหลายคณะเข้าไปดูงาน ซึ่งเป็นสิทธิ์ของราชทัณฑ์ และตนได้ให้นโยบายว่าต่อไปนี้ควรจะเปิดเรือนจำให้คนที่มีความสงสัยเข้าไปดูได้ แต่ก็ต้องมีหลักเกณฑ์

เมื่อถามว่ากรรมาธิการจะสามารถขึ้นไปชั้น 14 ได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ระบบการเยี่ยมมีอยู่แล้ว ส่วนที่ก่อนหน้านี้ที่นายสมศักดิ์ระบุว่าไม่สามารถขึ้นไปเยี่ยมได้นั้น ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้ขึ้นไปชั้น 14 มาแล้ว เนื่องจากมีคนร้องเรียน สามารถทำได้ตามอำนาจขององค์กรอิสระ ซึ่งตนทราบเรื่องนี้จากรายงาน

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่าไม่หนักใจ ที่ถูกจับตาในเรื่องของนายทักษิณมาโดยตลอด พร้อมระบุว่า คนที่ไม่เชื่อก็จะไม่เชื่อ วันนี้ต้องก้าวผ่านความอคติ ตนก็เปิดกว้าง และต้องทำงานสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งหลังปีใหม่ก็จะมีงานสำคัญ เกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลที่จะถูกดำเนินการ รวมถึงเรื่องยาเสพติด

ครับ, ผมจึงอยากเห็นการตรวจสอบเรื่องนี้บนท่าทีแบบ “โดยไม่มีเงื่อนไขว่า เป็น สส.ในพรรคร่วมรัฐบาลแล้วจะไม่สามารถอภิปรายติติงใดๆ ได้” กับ “จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ เราไม่เป็นพรรคอะไหล่ของใคร”

นายพีระพันธุ์ ซึ่งเป็นต้นทางนโยบายแรก ว่าเป็นพรรคร่วมก็ติติงได้ ได้เคยติติงกระบวนการ “ปรนนิบัติ” นักโทษชายทักษิณ อย่างที่เป็นอยู่บ้างไหม ได้เคยให้ความรู้ต่อสังคมว่า ขั้นตอน กระบวนการ การโยนกันไปกันมา การปกปิด อย่างที่ปรากฏ เป็นความสุจริต โปร่งใส ที่ใช้ได้แล้ว เป็น “นิติรัฐ นิติธรรมแล้ว” มี “ธรรมาภิบาล” แล้ว บ้างหรือไม่ ยังไม่รวม “ลูกพรรค” ที่ก็ไม่เคย “แตกแถว” ออกมาปริปากเรื่องนี้เลย

ราเมศ ซึ่งเป็นนักกฎหมาย ได้จริงจังต่อการตรวจสอบว่า การปฏิบัติทั้งหมด เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายแล้วหรือไม่ ตั้งแต่ขั้นตอนการส่งตัวมายังโรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ผ่านโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ความเห็นแพทย์สุจริต โปร่งใส ตรงไปตรงมาไหม ความเห็นของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ล่ะ เป็นอย่างไร ขั้นตอน วิธีการควบคุมตัวระหว่างรักษาพยาบาล ฯลฯ ล่ะ

“ทำโชว์” บนเวทีงบประมาณ มันง่ายครับ

ลอง “โชว์ทำ” สิ่งที่ยาก แต่ควรทำ ต้องทำให้เป็นธรรม อย่างเรื่อง “นักโทษชายทักษิณ” กันบ้างเป็นไร

รอชมอยู่นะครับ!!

Adblock test (Why?)


คอลัมน์การเมือง - 'ทำโชว์' กับ 'โชว์ทำ' - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Read More

No comments:

Post a Comment

พระครู เชิญวิญญาณ เมียฝรั่ง เผยต้องทำพิธี 3รอบ ตร.เจอเรื่องแปลก - ข่าวสด - ข่าวสด

พระครู ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ เมียฝรั่ง ถูกฆ่าทิ้งไร่ข้าวโพด เผยสิ่งผิดปกติ ต้องทำพิธีถึง 3 รอบ ด้าน พนักงานสอบสวน เล่าเรื่องแปลก ก่อนวันผู้ต้อ...