ศัลยกรรมดึงหน้า คือหนึ่งในทางออกของผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้น ใครๆ ก็อยากจะกลับไปมีผิวพรรณที่เต่งตึงอ่อนกว่าวัยอีกครั้ง หากคิดจะทำศัลยกรรมดึงหน้า ต้องรู้อะไรบ้าง เพื่อใช้ในการตัดสินใจได้อย่างปลอดภัย
ปัจจุบันเทคนิคการทำศัลยกรรมดึงหน้าได้มีการพัฒนาไปมาก อีกทั้งยังมีทั้งคลินิกและสถานพยาบาลให้เลือกมากมาย รวมไปถึงโปรโมชันและโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ จนไปถึงเทคนิคในแต่ละแห่งก็แตกต่างกัน นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด ได้เผยถึง 10 ข้อต้องรู้ก่อนทำศัลยกรรมดึงหน้ามาไว้ดังนี้
10 ข้อที่ต้องรู้ก่อนทำศัลยกรรมดึงหน้า
1. ใช้เทคนิคอะไรในการทำศัลยกรรมดึงหน้า
ปัจจุบันมีหลายเทคนิคที่ใช้ทำศัลยกรรมดึงหน้า แต่เทคนิคที่ดีที่สุดคือการผ่าตัดลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อระดับ SMAS จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเทคนิคอื่น ข้อดีคือผิวหน้าจะตึงกระชับอย่างเป็นธรรมชาติและอยู่ได้ในระยะยาวเห็นผลชัดเจน ซึ่งดีกว่าการผ่าตัดเพียงแค่ผิวหนังด้านบนที่มีข้อดีคือผ่าตัดง่ายสะดวกรวดเร็ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะดูไม่เป็นธรรมชาติ และอยู่ไม่ยาวนาน เหมือนกับการผ่าตัดที่ลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อระดับ SMAS
2. เทคนิคโดยรวมมีคอนเซปต์อย่างไร
แต่ละสถานพยาบาลจะมีคอนเซปต์การทำศัลยกรรมดึงหน้าไม่เหมือนกัน ดังนั้นต้องดูว่าเราพึงพอใจกับคอนเซปต์ของแต่ละที่ไหม บางที่ดึงหน้าจนตึงมากจนใบหน้าเปลี่ยนและดูไม่ธรรมชาติ แต่บางที่เน้นความเป็นธรรมชาติ เช่น เทคนิคการดึงหน้าแบบ Modern Facelift คือเน้นการผ่าตัดแบบแผลเล็ก เจ็บน้อย หายเร็ว เน้นความเป็นธรรมชาติ ทำให้ใบหน้าจะดูอ่อนเยาว์เหมือนย้อนอายุกลับไปอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา สามารถยิ้ม หรือแสดงสีหน้าได้เหมือนเดิม ต่างจากบางเทคนิคที่ดึงหน้าจนตึงมากเกินไป ทำให้หลับตาไม่สนิท เวลายิ้มมองแทบไม่เห็นร่องแก้ม ซึ่งทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ
3. เลือกทำศัลยกรรมดึงหน้าเฉพาะส่วนได้อย่างตรงจุด
ในอดีตหลายคนมักคิดว่าการทำศัลยกรรมดึงหน้าต้องทำทั้งหน้า แต่ในความเป็นจริงด้วยเทคนิคปัจจุบัน เราสามารถทำแยกส่วนได้ ไม่จำเป็นต้องทำทั้งใบหน้า จึงทำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า พักฟื้นเร็วกว่า เช่นบางคนอายุมากแต่ใบหน้าส่วนบนยังตึงแต่มีร่องน้ำหมากเราก็เลือกดึงแค่ใบหน้าส่วนล่าง หรือบางคนหน้ายังตึงแต่คอหย่อน เราก็เลือกดึงแค่คอ ถ้าเราดึงได้ตรงปัญหาก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดี
4. การตรวจวิเคราะห์กับแพทย์โดยละเอียด
การตรวจวิเคราะห์กับแพทย์โดยละเอียดควรเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึง เพราะก่อนจะต้องทำศัลยกรรมดึงหน้า เราจะมีการตรวจวัดระดับความหย่อนคล้อยของใบหน้าอย่างละเอียด เช่น หากหย่อนคล้อยในระดับเกรด 1-2 อาจจะยังไม่ต้องผ่าตัด แต่ถ้าหย่อนคล้อยในระดับเกรด 3-4 แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดได้ ดังนั้นอย่าเพียงส่งภาพใบหน้าของเราให้แพทย์วิเคราะห์ ควรเข้ามาปรึกษาที่สถานพยาบาลจะดีกว่า และแพทย์สามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงจุด
5. นอกจากดึงหน้ามีการเสริมส่วนอื่นอีกไหม
นอกจากการผ่าตัดดึงหน้า แพทย์มีการเสริมส่วนอื่นไหม เช่น การฉีดไขมันของตัวเอง (Fat Grafting) ผสานสารสกัดพลาสมา (PRP) ทั่วใบหน้า ร่วมกับการผ่าตัดดึงหน้า ซึ่งสามารถทำร่วมกันในการผ่าตัดครั้งเดียวได้ จึงช่วยเติมเต็มร่องและริ้วรอยต่างๆ ให้ตื้นลง และทำให้คุณภาพของผิวดีขึ้นได้อีกด้วย
6. หมอที่ผ่าตัดเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริงไหม
ต้องดูว่าแพทย์ที่ทำการผ่าตัดให้เรา เป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริงไหม เพราะการผ่าตัดกับหมอเฉพาะทางจะทำให้ได้ผลลัพธ์ออกมาสวยและปลอดภัยมากกว่า โดยสามารถเช็กได้จากการนำชื่อศัลยแพทย์ ไปเช็กจากฐานข้อมูลบนเว็บไซต์แพทยสภา ที่ดูได้ว่ามีประสบการณ์กี่ปี เรียนจบเฉพาะทางด้านใด สำหรับสถานพยาบาลสามารถเช็กจากเว็บไซต์กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. เพื่อความมั่นใจก่อนการตัดสินใจเพื่อทำศัลยกรรมดึงหน้า
7. การทำศัลยกรรมดึงหน้าเป็นผ่าตัดใหญ่ต้องมีทีมที่พร้อม
การผ่าตัดศัลยกรรมใหญ่ เราควรต้องมีทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีวิสัญญีแพทย์ และทีมพยาบาลครบครัน เพราะการมีทีมที่พร้อมจะช่วยทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างปลอดภัยและราบรื่น
8. การพักฟื้น และการดูแลหลังผ่าตัด
การผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าเป็นการทำศัลยกรรมใหญ่ จำเป็นต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล และมีทีมพยาบาลวิชาชีพดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
9. เลือกสถานพยาบาล
ดูมาตรฐานด้านความปลอดภัยเป็นหลัก นอกจากจะเลือกแพทย์แล้วส่วนสำคัญคือสถานพยาบาล ให้ดูว่ามีวัสดุอุปกรณ์ และสถานที่ที่ได้มาตรฐานสำหรับการผ่าตัด รวมถึงการเตรียมความพร้อมในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน จะทำให้เข้าถึงการช่วยชีวิตที่ง่าย และปลอดภัยมากขึ้น
10. ให้ดูผลงานของหมอ ไม่เน้นดูรีวิวจากดารา หรือคนดัง
ก่อนจะตัดสินเลือกทำศัลยกรรมดึงหน้ากับโรงพยาบาลใด ควรดูผลงานของแพทย์ และโรงพยาบาลนั้นๆ เป็นหลัก โดยเฉพาะรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ร่วมกับวิชาการทางการแพทย์ ไม่ควรดูแค่รีวิวศัลยกรรมที่จ้างดารา หรือ Influencer เป็นหลัก เพราะอาจจะทำให้เกิดความคาดหวังที่เกินจริงได้
“ปัจจุบันเทคนิคทางการแพทย์มีการพัฒนาขึ้นมาก ในอดีตคนที่มาทำศัลยกรรมดึงหน้ามักจะเป็นกลุ่มอายุ 60-70 ปี แต่ในปัจจุบันคนอายุประมาณ 30-40 ปี ก็เริ่มมาทำศัลยกรรมดึงหน้าแล้ว ซึ่งเป็นการดึงหน้าเฉพาะส่วนที่มีความหย่อนคล้อย เช่น คนช่วงวัย 30-40 ปี อาจจะมีหางตา หรือคิ้วที่เริ่มตกไปตามวัย บางคนเริ่มปรากฏรอยตีนกา หากเป็นเมื่อก่อนหมอจะยังไม่แนะนำให้ดึงหน้า แต่ปัจจุบันมีเทคนิคทางการแพทย์ที่ดีขึ้นทำให้เราสามารถดึงหน้าแยกส่วนได้ สามารถฉีดยาชา ทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ใช้เวลาน้อยลง และตอบโจทย์การแก้ปัญหามากขึ้น เช่น คนวัย 30-40 ปี ที่มาดึงเฉพาะส่วน ใช้เวลา 30 นาทีก็เสร็จแล้ว ถือเป็นการผ่าตัดเล็ก และดูแลง่าย”
ขณะเดียวกัน นอกจาก 10 ข้อที่กล่าวไปนี้แล้ว ยังควรให้ความสำคัญเรื่อง “จริยธรรมแพทย์” ด้วย เพราะจรรยาบรรณและความรับผิดชอบที่ศัลยแพทย์ควรมีมากกว่าการมุ่งแต่ผลตอบแทนทางธุรกิจ ด้วยการให้ข้อมูลตามความเป็นจริง อธิบายข้อดี-ข้อเสีย และโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนทั้งหมดอย่างละเอียด ซึ่งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เกิดความปลอดภัย และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง.
ศัลยกรรมดึงหน้า กับ 10 ข้อต้องรู้ก่อนตัดสินใจทำ - ไทยรัฐ
Read More
No comments:
Post a Comment