“Avatar: The Way of Water” ทำรายได้ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ทั่วโลกในเวลาเพียง 14 วัน กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศได้เร็วที่สุดในปีนี้
โดยในปีนี้มีภาพยนตร์เพียง 3 เรื่อง เท่านั้นที่สามารถทะลุหลักพันล้านดอลลาร์ได้ ได้แก่ “Top Gun: Maverick” (ซึ่งใช้เวลา 31 วันทำรายได้ถึงพันล้านฯ) และ “Jurassic World Dominion” (ใช้เวลามากกว่า 4 เดือน ในการทำรายได้ถึงพันล้านฯ )
นอกจากนั้นถ้าเปรียบเทียบภาพยนตร์ 9 เรื่องที่ออกฉายหลังปี 2019 ที่ทำรายได้ทะลุ 1 พันล้านเหรียญทั่วโลก “The Way of Water” คือภาพยนตร์ที่ทำสถิติได้เร็วที่สุดนับตั้งแต่ “Spider-Man: No Way Home” ในปี 2021 ซึ่งใช้เวลา 12 วัน
นอกจากนั้นในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ก็มีผลงานเพียง 6 เรื่องที่ทำรายได้ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ ด้วยระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์
ภาคต่อของ “Avatar” ที่แฟน ๆ รอคอยชมกันมานานมากกว่า 10 ปี ของ เจมส์ คาเมรอน เปิดตัวไปเมื่อกลางเดือนธันวาคม ด้วยรายได้ 134 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ และ 435 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก ในสัปดาห์แรก
จนถึงตอนนี้หนังทำรายได้ไปแล้ว 317.1 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ และ 712.7 ล้านดอลลาร์ในต่างประเทศ ทำให้รายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 1,025 ล้านดอลลาร์ แซงหน้า "Jurassic World Dominion" เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดอันดับ 2 ของปี และสูงสุดเป็นอันดับ 3 หลังยุคของ COVID-19
ซึ่ง “Avatar 2” ก็น่าจะยืนโรงเก็บเงินไปได้อีกหลายสัปดาห์ โดยตัวของ คาเมรอน ประเมินว่าภาพยนตร์ที่ใช้งบประมาณ 350 ล้านดอลลาร์ (ไม่รวมค่าการตลาดอย่างน้อย 100 ล้านดอลลาร์) เรื่องนี้จะต้องสร้างรายได้ประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์เพื่อให้ถึงจุดคุ้มทุน
แม้ว่านักวิเคราะห์จะเชื่อว่าถ้าหนังทำเงินได้ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ก็น่าจะไม่ขาดทุนแล้วก็ตาม
“Avatar” ต้นฉบับออกฉายในปี 2009 และเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ด้วยรายได้ 2,970 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก แต่สำหรับภาคต่อ Avatar: The Way of Water อาจจะยากหน่อยที่จะทำรายได้ถึงขนาดนั้น เพราะตลาดใหญ่อย่างจีน ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังจากการระบาดของเชื้อไวรัส ส่วนรัสเซียซึ่งเป็นตลาดใหญ่อีกแห่งของวงการภาพยนตร์โลก ก็อาจจะไม่ได้ฉายหนังเรื่องนี้ เพราะปัญหาเกี่ยวกับสงคราม และการเมือง
“Avatar: The Way of Water” ทำรายได้ทะลุพันล้านเหรียญฯ หลังฉายแค่ 2 สัปดาห์ - ผู้จัดการออนไลน์
Read More
No comments:
Post a Comment