Rechercher dans ce blog

Friday, September 30, 2022

มีดีกว่าทำคอนเทนต์ "เทน ฮาก" เผย 3 จุดแข็ง "แม็กไกวร์" เชื่อคืนฟอร์มกับ แมนยูฯ - ไทยรัฐ

กุนซือแมนยูฯ เผย 3 ข้อดี แฮร์รี แม็กไกวร์ ที่หลายคนมองไม่เห็น ก่อนปะทะ แมนฯ ซิตี้ บิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก มั่นใจคืนฟอร์มเก่งได้

วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 5 พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้สัมภาษณ์ปกป้อง แฮร์รี แม็กไกวร์ กองหลังทีมชาติอังกฤษที่โดนวิจารณ์อย่างหนักมาตลอด เรื่องฟอร์มการเล่นที่น่าผิดหวังในช่วงหลัง ก่อนเกมบิ๊กแมตช์สัปดาห์นี้ ซึ่งจะไปเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองจ่าฝูง วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม แข่งขันเวลา 20.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ทั้งนี้ แฮร์รี แม็กไกวร์ เพิ่งได้ลงเป็น 11 ตัวจริงให้ แมนยูฯ เพียง 3 นัดในฤดูกาลนี้ ซึ่งลงเอยด้วยความปราชัยทั้งหมด แบ่งเป็น 2 เกมในพรีเมียร์ลีก แพ้คาบ้านให้กับ ไบรจ์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน 1-2 และบุกไปแพ้ เบรนท์ฟอร์ด 0-4 รวมถึง ยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก กลุ่มอี ที่แพ้คาบ้านให้กับ เรอัล โซเซียดัด 0-1

แม้ แฮร์รี แม็กไกวร์ จะถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง หลังจาก ราฟาเอล วาราน กับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ สามารถจับคู่ทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งในแนวรับของ แมนยูฯ ขณะที่ บรูโน เฟอร์นันเดส ก็ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมแทนในช่วงที่ไม่ได้ลงสนาม แต่ เอริค เทน ฮาก ยืนยันว่าปราการหลังวัย 29 ปี ยังมีดีอีกหลายด้านที่คนทั่วไปอาจมองไม่เห็น

เทน ฮาก กล่าวถึง 3 ข้อดีของ แม็กไกวร์ จากการสังเกตในระหว่างฝึกซ้อมกับ แมนยูฯ ว่า "ผมสนับสนุนเขาเต็มที่ เพราะผมเชื่อมั่นในตัวเขา ผมแน่ใจว่าเขาทำได้ เขาจะกลับมาอีกครั้ง ผมมั่นใจจริงๆ"

"แม้หลังจากที่เขาไม่ได้อยู่ในทีม เขาก็ยังฝึกซ้อมได้ดีมาก แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเขามีคุณภาพ พวกคุณน่าจะเห็นแล้วว่าเขาติดทีมชาติอังกฤษเกือบ 50 นัด เขาเล่นได้ดีกับ เลสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สิ่งที่คุณเห็นคือเขาเป็นผู้เล่นที่มีศักยภาพสูง"

อย่างไรก็ตาม เทน ฮาก ยืนยันว่า แฮร์รี แม็กไกวร์ จะพลาดลงสนามให้ แมนยูฯ ปะทะ แมนฯ ซิตี้ แน่นอนแล้ว เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริง ระหว่างลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ ในศึกยูฟ่า เนชันส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ลีกเอ นัดสุดท้าย กลุ่ม 3 เสมอกับ ทีมชาติเยอรมนี 3-3 เมื่อวันจันทร์ที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา

Adblock test (Why?)


มีดีกว่าทำคอนเทนต์ "เทน ฮาก" เผย 3 จุดแข็ง "แม็กไกวร์" เชื่อคืนฟอร์มกับ แมนยูฯ - ไทยรัฐ
Read More

"B.I, ASTRO"นำทีมสาดความมัน ทำแฟนคลับประทับใจไม่มีวันลืม - เดลินิวส์ออนไลน์

จบลงแล้วอย่างสนุกสนานและอบอวลไปด้วยความสุขของเหล่าสาวกเคป๊อปชาวไทย ที่ได้มาสนุกและพบปะใกล้ชิดกับ 8 ศิลปินสุดฮอต ในงาน LALAPA K-CONCERT IN BANGKOK 2022 ที่งานนี้บริษัท PEERORUM (พีโอรึม) จัดเต็มแสง สี เสียงให้กับแฟนๆ หนักมาก จนหลายคนมีเรื่องราวดีๆ ของปีนี้ผ่านงานนี้เลยด้วย


โดยศิลปินทั้ง 8 ศิลปิน ไม่ว่าจะเป็น B.I, ASTRO, AB6IX, JEON SOMI, WJSN, CRAVITY และ DRIPPIN ต่างเตรียมโชว์สุดพิเศษ พร้อมเตรียมคำพูดภาษาไทยมาสื่อสารพูดคุยกับแฟนๆ ได้อย่างน่าประทับใจ ถือว่างานนี้จบลงด้วยความสุขทั้งศิลปินและแฟนคลับที่ร่วมกันความทรงจำอันแสนพิเศษได้อย่างน่าประทับใจทั้งสองรอบการแสดง สำหรับในรอบแรก เปิดฉากด้วยไอดอลน้องใหม่ 7 หนุ่ม Drippin (ดริปปิน) พวกเขาเตรียมเพลงสุดฮอตมาโชว์ให้เหล่า ดรีมมิ่ง (DREAMIN : ชื่อแฟนคลับ) ได้สนุกสนานกันถึง 5 เพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลง ZERO, GAME, VILLAIN, SWITCH และ FREE PASS โดยครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของพวกเขาที่ได้มาโชว์ให้แฟนๆ ชาวไทยได้ชมกัน แต่ละโชว์จึงเรียกเสียงกรี๊ดกระหึ่มฮอลล์ รวมถึงในช่วงพูดคุย พวกเขาก็เตรียมความในใจของทุกคนมาส่งต่อให้กับแฟนๆ ชาวไทยได้ฟังกัน พร้อมคำภาษาไทยมากมายที่เตรียมมาพูดกับแฟนๆ ชาวไทยด้วย ไม่ว่าจะเป็น “ รักนะจุ๊บๆ, รักนะครับ, ขอบคุณครับ” ซึ่ง “ฮวังยุนซอง” ลีดเดอร์ของวงได้บอกว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาเมืองไทยเลยตื่นเต้นมากๆ และถึงแม้ตอนกิจกรรมวิดีโอคอล จะทำให้ได้เจอแฟนๆ ชาวไทยผ่านหน้าจอมาแล้ว แต่พวกเขาก็อยากจะมาเมืองไทย เพื่อมาเจอแฟนๆ ทุกคนแบบใกล้ชิดด้วย แรงอ้อนและหยอดคำหวานของพวกเขาทั้ง 7 คน มาแบบไม่หยุดหย่อนทำเอา “ดรีมมิ่งไทย” ใจเหลวกันทั้งฮอลล์


ต่อด้วย 10 สาวเกิร์ลกรุ๊ปวง WJSN (อูจูโซนยอ) เพียงแค่โชว์เปิดเพลงแรก AURA ก็เรียกเสียงกรี๊ดทั้งจาก “อูจองชาวไทย” (UJUNG : ชื่อแฟนคลับ) และด้อมอื่นๆ ในงานได้กระหื่มและไม่ว่าจะโชว์เพลงไหน แฟนๆ ทั้งฮอลล์ก็ต่างสนุกสนานและตื่นตาตื่นใจไปกับเพอร์ฟอร์แมนซ์ของพวกเธอที่เป๊ะปัง สวยงามตามท้องเรื่องมากๆ โดยเพลงที่พวกเธอเตรียมมาโชว์นอกจากเพลงแรกแล้วยังมี LAST SEQUENCE, UNNATURAL, SAVE ME SAVE YOU และปิดท้ายด้วยเพลง AS YOU WISH รวมทั้งช่วงพูดคุยก็ยังทำให้ได้รู้จักพวกเธอกันมากขึ้น ที่สำคัญคือทำให้รู้ว่าพวกเธอรักเมืองไทย รักแฟนๆ ชาวไทย และตั้งใจเตรียมโชว์ เตรียมภาษาไทยมาพูดกับแฟนๆ ชาวไทยกันอย่างเต็มที่มากๆ เลยทีเดียว รวมถึงยังฝากให้แฟนๆ ชาวไทยติดตามผลงานของสาว “โบนา” กับซีรีส์เรื่อง Twenty Five, Twenty One อีกด้วย และก็มาถึงศิลปินหนุ่มสุดเท่ห์ B.I (บีไอ) ที่มาสาดความฮอตปรอทแตก แฟนๆ ทั้งฮอลล์กระหน่ำกรี๊ด “ไอดีไทย” (ID : ชื่อแฟนคลับ) พร้อมเพรียงกัน เปิดแท่งไฟโบกสะบัดแน่นฮอลล์ เริ่มโชว์ด้วยเพลง WATERFALL และ ILLA ILLA กับสเต็ปเต้นสุดร้อนแรง พร้อมเดินทักทายแฟนๆ รอบฮอลล์อย่างใกล้ชิด หลังจากนั้นพักทักทายแฟนๆ ชาวไทยเล็กน้อยก่อนจะต่อเนื่องกันด้วยโชว์เพลง FLAME และ LOVER และยังอ้อนแฟนๆ ชาวไทยอีกครั้งว่า “ผมบีไอ อายุ 25 ปี เห็นหน้าตาผมเป็นแบบนี้ แต่ผมจิตใจดีนะครับ จะทุ่มเทในการแสดงวันนี้ให้เต็มที่ครับ และมาไทยครั้งนี้ ผมนึกถึง ไอดีไทย และโรตีครับ” และในช่วงสุดท้ายของเขาก็ได้ขนเพลงฮิตที่เขาตั้งใจเตรียมมาโชว์อย่างเต็มที่เพื่อแฟนๆ ชาวไทยทุกคน ไม่ว่าจะเพลง ILLUSION, COSMOS และเพลง BTBT ก่อนจะปิดท้ายขอบคุณแฟน​ๆ พร้อมทั้งยังรับปากว่าจะหาโอกาสกลับมาเจอทุกคนอีกแน่นอน


ปิดท้ายรอบแรกกันด้วย 4 หนุ่ม ASTRO (แอสโทร) ที่เตรียมโชว์เพอร์ฟอร์แมนซ์มาอย่างเต็มที่กว่า 6 เพลง มีทั้งโชว์เดี่ยว และโชว์คู่ในยูนิตพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นโชว์เพลง JUST BREATH จาก JINJIN และ ROCKY ต่อด้วยโชว์เพลง LAZY จาก JINJIN และเพลง CPR จาก ROCKY หลังจากนั้นมาต่อความสนุกกันกับโชว์จาก MOONBIN และ YOON SAN-HA กับเพลง GHOST TOWN, BOO และ WHO งานนี้ทำเอาเหล่า “อโลฮ่า” (ALOHA : ชื่อแฟนคลับ) กรี๊ดกันแบบไม่หยุดหย่อนตลอดโชว์ งานนี้พวกเขาก็เตรียมทั้งโชว์ และคำพูดมากมายมาพูดกับแฟนๆ ชาวไทย พร้อมทิ้งท้ายอ้อนแฟนๆ ชาวไทยด้วยภาษาไทยกันแบบไหลลื่นมาก ๆ งานนี้เหล่าอโลฮ่าไทยตกหลุมรักแล้วตกหลุมรักอีก เพราะได้รับเอเนอร์จี้บวกจากหนุ่ม ๆ อย่างเต็มที่


หลังเต็มอิ่มแบบจุใจกับความสนุกในคอนเสิร์ตรอบแรกไปแล้ว ในคอนเสิร์ตรอบที่สองก็ทำแฟน ๆ หวีดหนักไม่แพ้กัน เปิดเวทีด้วยเพลงสนุกๆ ของหนุ่มๆ วง CRAVITY (คราวิตี้) ที่มาปลุกความมันส์แฟนคลับในฮอลล์ด้วยเสียงกรี๊ดดังสนั่น โชว์ครั้งนี้พวกเขาเตรียมตัวมาอย่างหนักขนเพลงมาเพอร์ฟอร์มให้หายคิดถึงทั้งเพลง ADRENALINE, VIVID, VENI VIDI VICI, REALIZE และ JUMPER เพราะพวกเขาเองก็คิดถึงชาว “ลอบิตี้” (LUVITY : ชื่อแฟนคลับ) มาก ๆ เช่นกัน และหนุ่ม ๆ ยังบอกอีกว่า ดีใจที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของคอนเสิร์ตครั้งนี้ พร้อมยังอ้อนฝากมินิอัลบั้มล่าสุดของพวกเขากับแฟนชาวไทย ก่อนโชว์ร้องสด ๆ ให้ฟังหนึ่งท่อนเป็นที่แรกอีกด้วย น่ารักแสนดีแบบนี้ ไม่แปลกที่จะโกยความรักจากแฟนไทยไปอย่างมากมาย


ทวีกราฟความมันส์ให้พุ่งขึ้นไปอีก เมื่อ AB6IX (เอบีซิกซ์) ขึ้นมาพร้อมเพลง SAVOR ทำเอาหัวใจชาว “เอบีนิว” (ABNEW : ชื่อแฟนคลับ) แทบเต้นไม่เป็นจังหวะ นอกจากความหล่อออร่าจะชวนกรี๊ดแล้ว การกลับมาครั้งนี้ของหนุ่มๆ ยังทำตามสัญญาที่ให้ไว้ครั้งก่อนด้วยว่า ถ้ากลับมาเมืองไทยครั้งหน้าจะมาพร้อมหน้าพร้อมตาครบ 4 คน งานนี้ได้ใจชาว “เอบีนิว” ไปเต็ม ๆ เท่านั้นไม่พอ! เจอกันครั้งนี้ 4 หนุ่ม เขาก็ปากหวานซะเหลือเกิน นอกจากจะอวยยศว่าแฟนไทย “สุดยอด” แล้ว ยังหยอดลูกอ้อนเป็นภาษาไทยว่า “คิดถึงนะครับ” ไปอีก ปากหวานเบอร์นี้แฟน ๆ จะไปไหนรอด แถมนอกจากจะทำตามสัญญาแล้ว ยังตั้งใจเอาโชว์ดีๆ มาให้ทุกคนได้ชมกันด้วยกับเพลง SUCKER FOR YOUR LOVE, CHERRY THE ANSWER และ 1,2,3 ที่สนุกจนแฟน ๆ กรี๊ดกันสุดเสียงไปเลย

ไปต่อกันแบบไม่พัก เพราะความน่ารักของไอดอลสาวสวยรวยคาริสม่า “JEON SOMI” (จอนโซมี) ฟุ้งไปทั่วทั้งฮอลล์ แค่เพลงแรกที่เจ้าตัวขึ้นมามอบความสดใสอย่าง XOXO ก็กวดเสียงกรี๊ดได้เพียบสมการรอคอยเกือบ 3 ปีที่ไม่ได้เจอกัน ความโซคิวท์ของ “โซมี” ทำแฟนชาวไทยปลื้มหนักมาก เมื่อแอบไปซุ่มให้ไอดอลสายเลือดไทยอย่าง “แบมแบม GOT7” ช่วยสอนภาษาไทย เพื่อจะมาคุยกับแฟน ๆ ในงานครั้งนี้ และได้จดโพยขึ้นมาพูดบนเวทีว่า “สวัสดีค่ะ หนู ‘โซมี’ ค่ะ ไม่ได้เจอกันนานมากเลยค่ะ ทุกคนสบายดีไหมคะ ทุกคนหนูสวยไหมคะ หนูคิดถึงเมืองไทยมาก ๆ เลยค่ะ วันนี้มาสนุกกันนะคะ” ทำเอาแฟนๆ มีพลังเอ็นจอยไปกับโชว์ทุกโชว์แบบไม่มีรู้จักคำว่าเหนื่อยทั้งเพลง BIRTHDAY, WHAT YOU WAITING FOR และเพลงฮอตอย่าง “DUMB DUMP” ที่ “โซมี” เลือกมาปิดโชว์ก็ถูกอกถูกใจแฟน ๆ ออกสเต็ปท่าฮิตตามกันทั้งฮอลล์ และยกนิ้วให้ไปเลยว่า “น้องส้ม” สุดแสนจะน่าเอ็นดู


เสียงกรี๊ดดังต่อยาว ๆ เมื่อ “MONSTA X” (มอนสตาเอ็กซ์) ปรากฏตัวด้วยลุคออลไวท์ที่หล่อไบรท์จนต้านไม่ไหว “มอนเบเบ้” (MONBEBE : ชื่อแฟนคลับ) หัวใจแทบหลุดออกมา จบโชว์เพลง LOVE ก็ทักทายให้หายคิดถึงกันทันที และเมื่อไม่ได้เจอกันนานหนุ่ม ๆ เลยไม่พลาดแนะนำตัวเป็นภาษาไทย พร้อมกับขนเพลงมาโชว์อย่างร้อนแรงเวทีแทบลุกเป็นไฟทั้ง LOVE KILLA, RIDE WITH U, BURNING UP และ GAMBLER บวกกับความหล่อขี้เล่นที่หนุ่มๆ เขารวมพลังกันบอกรัก “มอนเบเบ้” ให้เป็นของขวัญแสนพิเศษด้วย เรียกว่างานนี้เต็มอิ่ม ฟิน ประทับใจ และหอบความรัก ความอบอุ่นกลับไปเป็นความทรงจำดี ๆ ทั้งศิลปินและแฟนคลับเลยทีเดียว ถือว่าหนุ่มๆ MONSTA X โชว์ปิดงานได้อย่างน่าประทับใจจริงๆ

แฟนๆ สามารถติดตามข่าวสารรอบโลกได้แล้ววันนี้ที่ www.dailynews.co.th และทุกแพลตฟอร์มของ Dailynews

Adblock test (Why?)


"B.I, ASTRO"นำทีมสาดความมัน ทำแฟนคลับประทับใจไม่มีวันลืม - เดลินิวส์ออนไลน์
Read More

Thursday, September 29, 2022

'สาวลาว' เดินทางเข้าไทยหวังได้งานทำ กลับถูกนายจ้างใช้ปืนจี้ขืนใจยับ - เดลินิวส์ออนไลน์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


'สาวลาว' เดินทางเข้าไทยหวังได้งานทำ กลับถูกนายจ้างใช้ปืนจี้ขืนใจยับ - เดลินิวส์ออนไลน์
Read More

เคล็ด(ไม่)ลับ ง่าย ๆ ป้องกันเล็บพัง จากการทำ "เล็บปลอม" - คมชัดลึก

ต้องยอมรับว่าสมัยนี้ การทำเล็บ  ต่อเล็บปลอม  เป็นสิ่งที่สาว ๆ  นิยมทำกัน บางคนชอบการทาสี ตกแต่งบนเล็บให้สวยงาม บางคนต่อเล็บยาวเพื่อทำให้นิ้วดูยาวเรียว แต่รู้บ้างมั้ยว่าการได้รับสารเคมีจากการทำเล็บบ่อยๆ อาจทำให้เล็บของเราเปราะบาง หรือบางรายที่รุนแรง อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ 

สำหรับเล็บปลอมที่นิยมทำกัน ปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิด  โดยชนิดแรกทำจากสารเคมี ได้แก่ เล็บอะคริลิก และ เล็บเจล  อีกชนิด เป็นเล็บปลอมที่ ทำจากพลาสติก ที่นี่เรามาดูกันว่าเล็บปลอมแต่ละชนิด เป็นอย่างไรบ้าง 

 เคล็ด(ไม่)ลับ ง่าย ๆ ป้องกันเล็บพัง จากการทำ "เล็บปลอม"

เล็บอะคริลิก เป็นเล็บปลอม  ทำจากผงอะคริลิกโพลิเมอร์  ผสมกับน้ำยาโมโนเมอร์ มีลักษณะเป็นเจล ช่างทำเล็บจะตะไบหน้าเล็บให้ขรุขระเล็กน้อยเพื่อให้เล็บที่ต่อยึดเกาะเล็บจริงได้ดีขึ้น ทาน้ำยาเชื่อมเล็บ จากนั้นจะนำเจลอะคริลิกที่ผสมมาทาที่บริเวณเล็บ และจัดแต่งรูปทรงตามต้องการ ทิ้งไว้สักครู่อะคริลิกจะแห้งและยึดเกาะกับเล็บจริง  

เล็บอะคริลิก ปกติจะอยู่ได้นานประมาณ 2–3 สัปดาห์ การถอดเล็บอะคริลิกออก ต้องแช่เล็บในน้ำยาอ เพื่อให้ถอดออกได้ง่าย


เล็บเจล คล้ายกับการทาเล็บปกติ แต่น้ำยาทาเล็บที่ใช้จะเป็นชนิดสีเจล ซึ่งต้องอบสีเจลให้แห้งสนิทและคงรูปด้วยเครื่องอบรังสียูวี

 เคล็ด(ไม่)ลับ ง่าย ๆ ป้องกันเล็บพัง จากการทำ "เล็บปลอม"

การทำเล็บเจลจะอยู่ได้นานกว่าการทำเล็บอะคริลิก วิธีการล้างเล็บเจลเหมือนกับการถอดเล็บอะคริลิกคือต้องแช่นิ้วมือในน้ำยาก่อน เพื่อล้างสีเจลออกง่ายขึ้น


และสำหรับ เล็บปลอม ที่ทำจากพลาสติก  เป็นชุดทำเล็บปลอมสำเร็จรูป ที่ ส่วนใหญ่จะมีลวดลายอยู่แล้วและราคาไม่แพง เป็นที่นิยมของสาว ๆ เนื่องจากสามารถติดได้ด้วยตัวเองโดยใช้กาวที่มาพร้อมกับเล็บปลอมเป็นตัวเชื่อม

 เคล็ด(ไม่)ลับ ง่าย ๆ ป้องกันเล็บพัง จากการทำ "เล็บปลอม"

เคล็ด (ไม่)ลับ ต่อเล็บปลอมอย่างไรไม่เล็บพัง

- ก่อนอื่นเลยการตัดสินใจในการต่อเล็บปลอม ควรเป็นช่างทำเล็บที่มีความชำนาญ เลือกร้านทำเล็บที่จดทะเบียนถูกต้อง รวมทั้งเลือกช่างทำเล็บที่ผ่านการอบรมและมีใบอนุญาต 

- อุปกรณ์ที่ใช้ทำเล็บ ไม่ว่าจะเป็นที่ตัดเล็บ  ตะไบเล็บ ที่แคะเล็บ  ควรผ่านการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อทุกครั้ง หรือบางคนอาจมีอุปกรณ์ ในการทำเล็บของตัวเอง ก็น่าจะปลอดภัยสำหรับเล็บเรา  

- ไม่ควรแกะเล็บเจลและเล็บอะคริลิกด้วยตัวเอง เพราะต้องใช้น้ำยาสำหรับล้างเล็บปลอมโดยเฉพาะ จึงควรให้ช่างที่มีความชำนาญล้างเล็บให้

- ไม่นำเล็บปลอมชนิดพลาสติก ที่หลุดแล้วมาติดซ้ำโดยไม่ทำความสะอาด เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

- ทาครีมหรือโลชั่นบำรุงเล็บและมืออย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังจากล้างเล็บด้วยน้ำยาอะซีโตน

- หลีกเลี่ยงการต่อเล็บปลอมหรือทาสีเล็บบ่อย ๆ และควรพักเล็บ ทุก ๆ 2 เดือน 

-  เลี่ยงการทำเล็บหากมีการติดเชื้อราที่เล็บ หากมีแผลที่เล็บ หรือมีอาการแพ้สารเคมีที่ใช้ในการทำเล็บ  ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา

 เคล็ด(ไม่)ลับ ง่าย ๆ ป้องกันเล็บพัง จากการทำ "เล็บปลอม"


ติดตามข่าวสาร คมชัดลึก อื่นๆ ได้ที่
Facebook - https://www.facebook.com/komchadluek
LineToday - https://today.line.me/th/v2/publisher/100057

Adblock test (Why?)


เคล็ด(ไม่)ลับ ง่าย ๆ ป้องกันเล็บพัง จากการทำ "เล็บปลอม" - คมชัดลึก
Read More

ไม่ชัวร์ไม่ทำ - ไทยโพสต์

แต่งานนี้ "ลุงป้อม" ไม่ได้นั่งหัวโต๊ะเอง เรื่องนิติบัญญัติ ระเบียบเลือกตั้ง ปล่อยให้ "สันติ พร้อมพัฒน์" รมช.คลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กับ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ประธานการประชุมแทน

ขณะที่ "ลุงป้อม" เดินทางเข้ามาในเชิงสัญลักษณ์ ให้ ส.ส.ได้พบปะพูดคุย ถามสารทุกข์สุกดิบ โดยหลังประชุมติวเข้มกฎเหล็ก กกต.เสร็จ บรรดา ส.ส.ต่างพากันขึ้นไปหาหัวหน้าที่ห้องทำงานชั้น 21 อาคารรัชดาวัน เพื่อเอากำลังใจ

เจอหน้า "ลุงป้อม" เหมือนได้พลังวิเศษ ส.ส.ลงมาจากห้องทำงานหัวหน้าพรรคแบบยิ้มแป้น พร้อมกับเสื้อคอกลมสีขาวสกรีน 'ใจบันดาลแรง' คนละสองตัว

อย่างไรก็ดี จิ้งจกที่ทำการพรรคพลังประชารัฐเก็บตกวงประชุมติวเข้มกฎเหล็ก กกต. ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจบ เพราะมี ส.ส.สอบถามข้อกฎหมายกันประปราย 2-3 คน

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะหลายคนทำการบ้านกันมาแล้ว ขณะที่บางข้อที่ ส.ส.บางคนยังไม่เข้าใจ ฝ่ายกฎหมายเองก็ไม่คอนเฟิร์ม เพราะในกฎเหล็กเขียนไม่ละเอียด

ว่ากันว่า แม่บ้านพรรคอย่าง "สันติ" ใช้วิธีแก้ปัญหา ข้อไหนไม่เคลียร์ ไม่เข้าใจ และไม่ชัวร์ ตัดปัญหาด้วยการไม่ทำเพื่อความปลอดภัย

งานนี้พรรคพลังประชารัฐพลาดไม่ได้ คนจ้องจับผิดเพียบ หุหุ.

ฌ.เฌอ

Adblock test (Why?)


ไม่ชัวร์ไม่ทำ - ไทยโพสต์
Read More

Wednesday, September 28, 2022

3 กิจกรรมทางกาย ทำง่าย ได้สุขภาพดี - สสส.

ที่มา : หนังสือ Foot & Fit กินเป็น ขยับบ่อย สุขภาพดี SOOK Library

แฟ้มภาพ

                    เมื่อเรามีพฤติกรรมการกินที่ดีแล้ว ควรมีการขยับเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวันด้วย จึงจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันโรคภัย โดยการเคลื่อนไหวร่างกาย รวมถึงการออกกำลังกายในที่นี้ เราเรียกว่า “กิจกรรทางกาย” ซึ่งทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน โรงเรียน ออฟฟิศ นอกบ้าน และเราจะมีกิจกรรมทางกายได้อย่างไรบ้าง มาดูกันเลย

  1. กิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวัน เช่น ทำสวน ทำงานบ้าน เดินเล่น
  2. กิจกรรมทางกายในยามว่าง เช่น การเล่น ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที
  3. เล่นกีฬา เป็นการใช้ทักษะและการฝึกฝนเพื่อแข่งขันตามกฎกติกา

Adblock test (Why?)


3 กิจกรรมทางกาย ทำง่าย ได้สุขภาพดี - สสส.
Read More

"อ.เสรี" คาด "พายุโนรู" ทำ อุบลราชธานี น้ำท่วมหนักกว่า ปี 2562 - คมชัดลึก

"พายุโนรู" เคลื่อนตัวเข้ามายังประเทศไทยเรียบร้อยแล้วเมื่อช่วง 19 .00 น. ที่ผ่านมา ฝั่ง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี  ทำให้หลายฝ่ายต่างเตรียมรับมือ และออกประกาศแจ้งเตือนประชาชน โดยเฉพาะในภาคอีสาน ที่จังหวัดอุบลราชธานี  ซึ่งจะเป็นปราการด่านแรกที่พายุลูกนี้เข้าโจมตีเพื่อเปิดทางเข้ามาประเทศไทย
ล่าสุด สำนักงานเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า ดาวเทียมฮิมาวาริ 8 ของญี่ปุ่น จับภาพของ "พายุโนรู" ขณะขึ้นฝั่งที่เมืองฮอยอัน ประเทศเวียดนาม โดยรายงานสถานการณ์ว่า เส้นทางต่อไปกำลังมุ่งหน้าสู่ประเทศลาว คาดว่ากำลังลมจะอ่อนลงอย่างแน่นอน และจะเข้าไทยช่วงดึกวันที่ 28-29 ก.ย.นี้ (อาจจะเป็นดีเปรสชั่น เมื่อเข้าไทย)

ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาของไทย ก็คาดการณ์ว่า "พายุโนรู" เคลื่อนตัวเข้าไทยคืนนี้ (28 กันยายน 2565) ทาง จ.อำนาจเจริญ และ จ.อุบลราชธานี ทำให้ภาคอีสานตอนล่าง มีฝนตกชุกหนาแน่นเป็นบริเวณกว้าง แต่เมื่อ "พายุโนรู" เข้าสู่ประเทศไทยจะอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชัน 

 แต่ถึง "พายุโนรู" จะอ่อนกำลังลง สถานการณ์น้ำท่วมในภาคอีสานก็ยังคงน่าเป็นห่วง แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นเมืองดอกบัว แห่งอีสาน ที่หน่วยงานและประชาชนจับจ้องเป็นพิเศษ เพราะขณะนี้ ที่ยังไม่มี  "พายุโนรู" ชาวบ้านริม "ลำน้ำมูล" เส้นเลือดใหญ่ภาคอีสาน ทั้งฝั่งอำเภอเมืองอุบลราชธานี และ ฝั่ง อำเภอวารินชำราบ น้ำได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนแล้วอย่างน้อย 40 หมู่บ้าน บางแห่งสูงเกือบ 2 เมตร และสถานการณ์ตอนนี้ ก็พบว่า  ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับฝนที่ตกลงมาเกือบตลอดทั้งวัน ทำให้ภาพน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2562 หวนกลับมาหลอกหลอนชาวอุบลราชธานี ให้ทุกข์ระทมกันอีกครั้ง เพราะกลัวว่าปีนี้ "โนรู" จะทำกับพวกเขาเหมือนเมือ 3 ปีที่ผ่านมา  

รวมถึง จ.ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม สุรินทร์ และภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะพื้นที่ลำน้ำชี ลำน้ำมูล พื้นที่ริมฝั่งเจ้าพระยา และทุ่งรับน้ำต่างๆ รวมถึงชายฝั่งทะเล ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 

  "อ.เสรี" คาด "อุบลราชธานี" หนักกว่าปี 2562 และรุนแรงที่สุดในรอบ 60-80 ปี ของไทย 

วันนี้ (28 กันยายน 2565 ) ทีมข่าว"คมชัดลึกออนไลน์" จึงได้ต่อสายตรงสอบถามข้อมูล กับ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต  ถึงความรุนแรงของ "พายุโนรู"  คำตอบที่ได้ คือ รศ.ดร.เสรี เห็นต่างกับการคาดการณ์ถึงระดับน้ำของกรมชลประทาน 

โดย รศ.ดร.เสรี เปิดเผยว่า "พายุโนรู" ความเร็วจะมากกว่า 190 กม./ชม. ก่อนเข้าเวียดนาม 160 กม./ชม. แต่พอขึ้นบกเวียดนามกำลังจะเพิ่มขึ้น ซึ่งเวียดนามไม่เคยเจอ และเราก็ไม่เคยเจอ เราจะรับมือกันอย่างไร เมื่อก่อนเราเจอมากกว่า 118 กม./ชม. แต่ไม่เคยเจอ 160 และ 190 เป็นเวรี่สตรอง

คาดว่า หาก "พายุโนรู" มาถึงไทย ก็ยังคงเป็นพายุโซนร้อน แต่จะอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชั่นในวันที่ 29 กันยายนนี้

เพราะฉนั้น สถานการณ์ที่ อุบลราชธานี จึงน่าเป็นห่วงที่สุด เพราะเป็นจังหวัดแรกที่จะถูกพายุพัดถล่มในคืนนี้ (28 กันยายน 2565 ) และคาดว่าปริมาณฝนจะตกหนักถึงหนักมาก อาจถึง 200 มิลลิเมตร  

เพราะ ณ ปัจจุบัน ปริมาณน้ำฝนก็อยู่ที่ 160 มิลลิเมตรแล้ว และพายุลูกนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะในเวียดนามหนักที่สุดในรอบ 20 ปี ส่วนของไทยก็น่าจะ 60 ปี - 80 ปี เพราะฉนั้นความรุนแรงไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะความรุนแรงขนาดประเทศไทยยังไม่เคยเจอ 

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมนั้น รศ.ดร.เสรี ก็คาดการณ์สวนทางกับ ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน ที่เคยให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้กับ "คมชัดลึกออนไลน์"  ว่า ระดับน้ำในลำน้ำมูลปีนี้ ยังไงก็ไม่เท่าปี 2562 อย่างมากที่สุดก็สูงจากปัจจุบันเพียง 1 เมตร และปัจจุบันระดับน้ำวัดได้ ที่ สถานี M 7 ปัจจุบันอยู่ที่ 114 ม.(รทก.) ส่วนปี 2565 อยู่ที่ 116 ม.(รทก.)ยังห่างจากปี 2562 อยู่ 2 เมตร 

"พายุที่เข้ามาทางภาคอีสวาน ส่วนใหญ่จะเป็นพายุที่เข้าเวียดมา เป็นโซนร้อน หรือ ใต้ฝุ่น พูดง่ายๆระดับความแรงมันเท่านี้ แต่ที่ผ่านมาพายุโนรู เป็นใต้ฝุ่นที่รุนแรงมาก ที่เราไม่เคยเจอ แต่เวียดนามเขาบอกว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี แต่ของเราแน่นอนว่า น่าจะเป็นในรอบ 60 ปี หรือ 80 ปี เราจึงไม่รู้ว่ามันจะรุนแรงขนาดไหน เพราะเราไม่เคยเจอ เพราะฉนั้นประชาชนควรต้องมีสติ ในการตั้งรับ ในการเตรียมตัวรับมือ 

ส่วนระดับน้ำที่อุบลราชธานี คาดว่าจะมากกว่าปี 2562 เพราะปีนั้น น้ำมาจากลำน้ำยังเป็นหลัก แต่ปีนี้มันมาจากทั้ง ลำน้ำยัง ลำน้ำชี และลำน้ำมูล เพราะฉนั้นคาดว่า น้ำ ต้องมากว่าปี 2562 อยู่แล้ว สถานการณ์น่าจะรุนแรงกว่า คือมองในแง่ที่ฝนมันตกทั้ง 3 ลุ่มน้ำหลักในภาคอีสาน แล้วท้ายที่สุดน้ำทั้งหมดมันก็จะไหลลงมารวมกันกับ ลำน้ำมูล ในจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขงต่อไป ปีนี้ยังไงจังหวัดอุบลราชธานี ก็หนักอย่างแน่นอน 

ผมคิดว่าในความเชิงความรุนแรง หรือเชิงประสบการณ์ คือเราไม่เคยเจอ เพราะฉนั้น ประเด็นแรก เราไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับพายุลูกอื่นได้ในอดีตในเรื่องปริมาณฝน  เพราะขณะนี้ที่อุบลราชธานี ฝนตกปริมาณ 160 มิลลิเมตรแล้ว เหลืออีกตั้ง 6-8 ชั่วโมง ที่จะต้องตกหนักที่อุบลราชธานี เพราะฉนั้นปริมาณฝนน่าจะอยู่ที่ 200 มิลลิเมตรแน่นอน 

นอกจากนี้ยังเป็นห่วงในพื้นที่น้ำท่วมเดิม ทั้งขอนแก่น ยโสธร และ จังหวัดเพชรบูรณ์  

ส่วนในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่กับพายุลูกนี้ เพราะมันไกล และหางพายุมาไม่ถึง  แต่จะไปกังวลในวันที่ 1-3 ตุลาคมนี้มากกว่า เพราะจะมีหย่อมความกดอากาศต่ำเข้ามา คือ ที่อันดามัน 1 ลูก ที่อ่าวไทย 1 ลูก มันจะทำให้เกิดร่องฝนพาดผ่านกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะวันที่ 2-3 ตุลาคม สถานการณ์ที่กรุงเทพมหานครจะน่าเป็นห่วง "รศ.ดร.เสรี กล่าว 


"พายุโนรู" หากมองตามคำวิเคราะห์การคาดการณ์ ของ รศ.ดร.เสรี ที่ถือว่ามีความเชี่ยวชาญเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศแล้ว ดูเหมือนว่าความรุนแรงจะสวนทางกับหน่วยงานต่างๆที่เคยแจ้งเตือนประชาชนก่อนหน้านี้

ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงของตัวพายุที่หนักสุดในรอบ 60-80 ปี สถานการณ์น้ำท่วมที่จะมาพร้อมกับพายุลูกดังกล่าว รวมไปถึงสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นก็อาจจะเลวร้ายกว่าสิ่งที่หน่วยงานภาครัฐคาดการณ์หลายเท่า 

เพราะฉนั้นในเมื่อข้อมูลที่มีจากทั้งนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญของภาคเอกชน และข้อมูลจากนักวิชาการของหน่วยงานภาครัฐ สวนทางกันโดยสิ้นเชิงแบบนี้ ผลกระทบก็คงตกอยู่กับประชาชน ที่ไม่รู้ว่าถึงเวลานี้ จะเชื่อมั่นในหน่วยงานไหนได้บ้าง มีเพียงสิ่งเดียวที่จะเชื่อมั่นและทำได้ในตอนนี้ คือ ติดตามสถานการณ์จากหน่วยงานที่เชื่อถือได้อย่างใกล้ชิด เชื่อมั่นในตัวเอง กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เตรียมตัวรับมือให้พร้อม บนความมีสติ ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ โดยเฉพาะเรื่องแผนเผชิญเหตุอย่างเคร่งครัด และที่สำคัญที่สุดควรอพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงที่ปลอดภัย เพื่อรักษาชีวิตของตัวเองให้ดีที่สุด 

ติดตาม คมชัดลึก ที่นี่
เพิ่มเพื่อน Line: https://lin.ee/qw9UHd2
Facebook : https://www.facebook.com/komchadluek/
เช็กรายชื่อศิลปินเข้าชิง "คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565" ใครคือ 6 Candidate กับ 8  สาขา Popular Vote ได้ที่นี่   
(https://awards.komchadluek.net/#)
 


 

Adblock test (Why?)


"อ.เสรี" คาด "พายุโนรู" ทำ อุบลราชธานี น้ำท่วมหนักกว่า ปี 2562 - คมชัดลึก
Read More

รัสเซียประกาศชัยชนะในการทำประชามติผนวก 4 แคว้นยูเครน : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คณะผู้นำของรัสเซียได้ออกมาประกาศชัยชนะในการทำประชามติผนวก 4 แคว้นของยูเครน ท่ามกลางกระแสประณามจากองค์การสหประชาชาติ (UN) หลังเผชิญความปราชัยอันน่าอดสูในสมรภูมิรบอย่างต่อเนื่อง

นายดมิทรี เมดเวเดฟ รองหัวหน้าสภาความมั่นคงแห่งรัสเซียกล่าวผ่านบัญชีเทเลแกรมในวันนี้ (28 ก.ย.) ว่า การทำประชามติผนวกพื้นที่ 4 แคว้นของยูเครนเสร็จสิ้นลงแล้ว โดยเขากล่าวว่า “ผลลัพธ์เป็นที่กระจ่างชัด ขอต้อนรับสู่รัสเซีย”

ขณะที่ นายเดนิส ปูชิลิน ผู้นำสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ระบุผ่านบัญชีเทเลแกรมว่า แคว้นของเขานับคะแนนประชามติเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดย 99.23% ของผู้ออกเสียงเห็นชอบในการผนวกเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ส่วนสำนักข่าว RIA ของทางการรัสเซียรายงานว่า ประชาชนในแคว้นเคอร์ซอน ซาปอริซเซีย และลูฮันสก์ลงคะแนนเสียงสนับสนุนการผนวกดินแดนเข้ากับรัสเซียแบบถล่มทลายเช่นเดียวกัน

การประกาศชัยชนะของรัสเซียถือเป็นการโหมกระพือความตึงเครียดให้กับสงครามในยูเครน ทั้งยังขยายความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับสหรัฐและพันธมิตร โดยก่อนหน้านี้ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการ UN ได้ประณามการทำประชามติดังกล่าว เนื่องจากละเมิดกฎบัตร UN และกฎหมายระหว่างประเทศ

จนถึงขณะนี้กองทัพรัสเซียยังไม่สามารถเผด็จศึกได้อย่างสมบูรณ์แบบในแคว้นใดเลยจากทั้ง 4 แคว้น ในขณะที่การต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยรัสเซียสั่งทำประชามติหลังจากทหารฝ่ายตนเผชิญความพ่ายแพ้ยับเยินให้กับฝ่ายยูเครนอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังรัสเซียรุกรานยูเครนในเดือนก.พ. โดยล่าสุดประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้สั่งระดมกำลังพลบางส่วนเพื่อเกณฑ์ทหารกองหนุน 300,000 นาย

ด้านประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนปฏิเสธผลประชามติดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊กในวันนี้ โดยระบุว่า “การกระทำเยี่ยงอาชญากรของรัสเซียจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงสิ่งใดสำหรับยูเครน ละครตลกเพื่อยึดครองดินแดนครั้งนี้ไม่ใช่แม้กระทั่งการเลียนแบบการทำประชามติ”

อนึ่ง ชาติตะวันตกมองว่าการลงประชามติในครั้งนี้เป็นการอ้างเหตุผลของรัสเซียเพื่อผนวกดินแดนดังกล่าว และปธน.ปูติน จะอ้างว่าหากยูเครนโจมตีดินแดนดังกล่าวก็จะถือเสมือนการโจมตีรัสเซีย และเขาจะไม่ลังเลในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการปกป้องดินแดนและอธิปไตยของรัสเซีย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.ย. 65)

Tags: , , ,

Adblock test (Why?)


รัสเซียประกาศชัยชนะในการทำประชามติผนวก 4 แคว้นยูเครน : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

Tuesday, September 27, 2022

อุดรทำ2เบอร์ดี้ติดเฉือนถาวรสโตรกเดียวคว้าแชมป์กอล์ฟไทยซีเนียร์ฯ - สยามกีฬา

การแข่งขันกอล์ฟ ไทย ซีเนียร์ ทัวร์ สนามสุดท้ายฤดูกาล 2022 รายการ เอ็นเอสดีเอฟ ไทย ซีเนียร์ อาทิตยา โอเพ่น ที่สนาม อาทิตยา กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท แบบพาร์ 72 ระยะ 6,517 หลา จ.นครนายก จบวันสุดท้ายเมื่อวันอังคารที่ 27 กันยายน 2565

พิธีมอบรางวัลได้รับเกียรติจาก นายสุทิน ดรุณโยธิน นายกสมาคมกีฬากอล์ฟอาวุโสไทย พร้อมด้วย ดร.พลธรรม พลการ ผู้อำนวยการสำนักงาน การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดนครนายก และ มร.คู จอง กุน ตัวแทนสนามกอล์ฟ อาทิตยา กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท ร่วมมอบรางวัล โดยการแข่งขันจัดโดย สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพอาวุโสไทย ด้วยการสนับสนุนจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, สนามกอล์ฟอาทิตยา, บีไซด์ สปอร์ต (Besides Sports) ศูนย์ฝึกซ้อมกีฬาในร่ม, โรงแรม ขวัญเรือน รีสอร์ท  และ เซน กอล์ฟเฟอร์ แฟคตอรี่ (ZEN Golfer's Factory) 

เมื่อวันอังคารที่ 27 กันยายน 2565 เป็นวันสุดท้าย โดยช่วงเช้านักกอล์ฟที่แข่งไม่จบจากรอบที่สองมาเล่นต่อจนจบ 36 หลุม ก่อนตัดตัวเล่นรอบสุดท้าย และปล่อยทีออฟพร้อมกัน 4 หลุม ที่หลุม 1 หลุม 6 หลุม 10 และ หลุม 14 การลุ้นแชมป์เป็นการต่อสู้กันระหว่าง อุดร ดวงเดชา ผู้นำจากสองรอบที่ผ่านมา ต้องมาสู้กับ ถาวร วิรัตน์จันทร์ ที่เล่นจบหลุม 15 สกอร์มาเสมอกันที่ 18 อันเดอร์พาร์ ถึงหลุม 17พาร์ 5  อุดร ชิพจากระยะ 30 หลาเข้าเป็นแท็ปอินเบอร์ดี้ ขึ้นนำหนึ่งสโตรก มีสกอร์รวม 19 อันเดอร์พาร์ และเหลือเล่นเพียงหลุมเดียว หลุม 18 พาร์ 4 ทั้งคู่ตีไปออนในระยะหวังผล อุดร มีโอกาสทำแชมเปี้ยนชิพพัตต์จากระยะ 7 ฟุต

โดยสวิงจากเชียงใหม่ทำไม่พลาด พลิกสถานการณ์คว้าแชมป์ไปในที่สุด ถึงแม้ว่า ถาวร จะปิดเกมด้วยการพัตต์ทำเบอร์ดี้ได้จากระยะ6 ทว่าสกอร์ตามไม่ทัน  โดย อุดร ดวงเดชา จบรอบนี้ด้วยผลงาน 7 อันเดอร์พาร์ 65 จาก7 เบอร์ดี้ ไม่มีโบกี้ สกอร์รวมสี่วัน 20 อันเดอร์พาร์ 196 คว้าแชมป์พร้อมรับเงินรางวัล 120,000 บาท ส่วน ถาวร วิรัตน์จันทร์ จบด้วยสกอร์รวม 19 อันเดอร์พาร์ 197 คว้าเงินรางวัล 80,000 บาทจากตำแหน่งรองแชมป์ 

นับเป็นแชมป์แรกของ อุดร ปีนี้ และเป็นถ้วยใบที่ 7 ใน ไทย ซีเนียร์ ทัวร์ รวมถึงเป็นการป้องกันแชมป์รายการนี้ที่ทำได้เมื่อปีที่แล้วด้วย โดยแชมป์กล่าวว่า "ดีใจมากๆที่ทำสำเร็จ เพราะเกมสูสีคู่คี่ สนุกตื่นเต้นตลอดเวลา โชคดีที่ออกสตาร์ทดี แม้ว่าจะมีแผ่วในช่วงกลาง แต่ยังดีที่ทำเบอร์ดี้ที่สองหลุมสุดท้ายได้ ขอบคุณทุกการสนับสนุน ปีหน้าเตรียมที่จะเดินทางไปควอลิฟายแข่งขัน เจแปน ซีเนียร์ ทัวร์ แต่ก็จะกลับมาเล่นที่นี่แน่นอนหากมีโอกาส"

อันดับสามเป็นของ ประหยัด มากแสง ทำสกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 204 โดยมี รังสรรค์ รักสมจิตร และ ธรรมนูญ ศรีโรจน์ คว้าอันดับ 4 ร่วมที่สกอร์รวม 9 อันเดอร์พาร์ 207 ขณะที่ นิพนธ์ สกุลวีรวรรณ คว้าอันดับ 6 รวมสกอร์ 7 อันเดอร์พาร์ 209

สรุปผลการแข่งขัน

1.อุดร ดวงเดชา (-20) 196 (66-65-65)

2.ถาวร วิรัตน์จันทร์ (-19) 197 (68-64-65)

3.ประหยัด มากแสง (-12) 204 (67-68-69)

4.รังสรรค์ รักสมจิตร (-9) 207 (68-69-70)

   ธรรมนูญ ศรีโรจน์ (-9) 207 (69-67-71)

Adblock test (Why?)


อุดรทำ2เบอร์ดี้ติดเฉือนถาวรสโตรกเดียวคว้าแชมป์กอล์ฟไทยซีเนียร์ฯ - สยามกีฬา
Read More

เปิดมุมมองธปท. 'เงินบาทผันผวน' แบงก์ชาติทำอะไร? - กรุงเทพธุรกิจ

      ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ออกบทความ “เงินบาทผันผวน แบงก์ชาติทำอะไร” โดยผู้เขียนบทความ วรพร ทวีทรัพย์ไพบูลย์ ,พัชรภรณ์ โชคชัยเสรี ฝ่ายนโยบายและกำกับการแลกเปลี่ยนเงิน
        โดยระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมา เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวเร็วไม่ว่าจะอ่อนค่าหรือแข็งค่า ก็มักมีเสียงสอบถามจากผู้นำเข้าส่งออกว่าแบงก์ชาติทำอะไรอยู่ ดูแลค่าเงินหรือเปล่า

เปิดมุมมองธปท. ‘เงินบาทผันผวน’ แบงก์ชาติทำอะไร?      เพราะคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าแบงก์ชาติมีหน้าที่ “ดูแลค่าเงินบาท” ให้มันนิ่งๆ แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไป เพราะระบบอัตราแลกเปลี่ยนของไทยเราเปลี่ยนเป็น managed float แล้วหลังปี 1997 (ก่อนหน้านั้น เป็นแบบตรึงค่าเงินไว้กับตระกร้าสกุลเงินคู่ค้าสำคัญหรือ basket fix) 
      ค่าเงินบาทจึงสามารถเคลื่อนไหวไปตามแรงซื้อแรงขายหรือที่เรียกว่ากลไกตลาด และแบงก์ชาติจะ “ดูแล” เมื่อเกิดความผันผวนสูงผิดปกติ ที่อาจส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจเท่านั้น โดยการ “ดูแล” ของแบงก์ชาติเป็นเพียงการซื้อเวลาให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัวและทำได้เพียงช่วงสั้นๆ เพราะการฝืนกระแสตลาดจะเป็นการสะสมความเสี่ยงที่จะก่อปัญหาในระยะยาวเช่นกัน

      ผู้ประกอบการต้องเตรียมตัวรับมือเรื่องค่าเงินอย่างไร เมื่อแบงก์ชาติช่วยได้เพียงบางจังหวะและในระยะสั้นเท่านั้น

     ในขณะที่ภาวะค่าเงินบาทจะมีโอกาสผันผวนขึ้นอีกในอนาคต ตามสถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองของโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ไม่แน่นอน ซับซ้อน ยากต่อการคาดเดา  
      คำตอบคงไม่พ้น “การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน” ซึ่งปัจจุบันมีอยู่หลายเครื่องมือด้วยกัน เช่น สัญญา forward จะช่วยให้ผู้ประกอบการไม่ต้องลุ้นว่าเมื่อแปลงรายได้หรือรายจ่ายสกุลเงินตราต่างประเทศเป็นบาท แล้วจะได้เงินบาทเท่าไร เพราะได้จองราคาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว

     หรือการทำ netting/matching รายได้รายจ่ายสกุลเงินตราต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการหักกลบรายรับรายจ่ายสกุลเงินตราต่างประเทศกันไป เป็นต้น 
     เครื่องมือเหล่านี้จะทำให้ผู้ประกอบการ lock รายได้ รายจ่าย (ต้นทุน) ที่เป็นเงินบาทได้ จึงหมดห่วงที่จะต้องลุ้นว่าสุดท้ายรายได้รายจ่ายสกุลเงินตราต่างประเทศนั้นจะแปลงเป็นบาทได้เท่าไร และจะมีกำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ 
      เพราะค่าเงินเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจึงเป็นเสมือน “วัคซีน” ที่จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ SMEs เพราะความผันผวนของค่าเงินบาทอาจส่งผลกระเทือนต่อฐานะของธุรกิจได้ค่อนข้างมาก
    แบงก์ชาติได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้ “เข้าใจ” ความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และสนับสนุนให้ “ใช้ได้” มาอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการต่างๆ ตั้งแต่ปี 2017 เดี๋ยววันนี้เราจะมารีวิว ดูว่าแบงก์ชาติได้ทำอะไรบ้าง เห็นผลเป็นอย่างไร ไปดูกันเลย
สารพันโครงการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
    เพื่อให้เข้าใจง่ายสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ (1) สร้างความ “เข้าใจ” (2) ทำให้ “ใช้ได้” โดยในส่วนแรก การสร้างความ“เข้าใจ” 
 แบงก์ชาติเน้นให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการผ่านช่องทางต่างๆ

   ทั้งการเข้าพบผู้ประกอบการ การจัดสัมมนา การจัดทำคู่มือ hedging infographic ต่างๆ การเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ หลายท่านอาจยังไม่ทราบว่าเว็บไซต์แบงก์ชาติ (www.bot.or.th) มีข้อมูลที่เป็น ประโยชน์รอท่านอยู่ 
      ซึ่งรวมถึงคู่มือ “ธุรกิจไทยก้าวไกล สบายใจเรื่องค่าเงิน” ที่รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับเครื่องมือบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้อย่างครบถ้วนสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับแนวทางการบริหารความเสี่ยงเพิ่มเติม 
      ในส่วนที่สอง การทำให้ “ใช้ได้” คือ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เอื้อให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งมีโครงการเด่น ๆ เช่น
ปี 2017-2021 โครงการ Options ช่วยชาติ 
     เป็นความร่วมมือของหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและธนาคารพาณิชย์จับมือกันตั้งแต่ปี 2017 ทั้งผลักทั้งดันเพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs บ้านเราได้ทดลองใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่เรียกว่า ประกันค่าเงิน (Options) โดยผู้ประกอบการจะได้รับวงเงินค่าธรรมเนียม (Option premium) 
      สำหรับซื้อประกันค่าเงินกับธนาคารพาณิชย์ แถมยังได้รับความรู้ทางการเงิน โดยเฉพาะการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนผ่านการร่วมอบรมและสัมมนา เรียกว่าครบเครื่องทั้งความรู้และได้ทดลองใช้เครื่องมือการบริหารความเสี่ยงอีกด้วย

     ซึ่งโครงการนี้ก็ต่อขยายมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เปิดตัว phase 1 ในปี 2017 จนมาถึง phase 3 ซึ่งจบไปเมื่อปีที่แล้วนี้เอง
      การเปิดเผยราคาเครื่องมือบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน 
ตั้งแต่ปี 2019 มีการเผยแพร่ forward point รายธนาคารเพื่อให้ผู้ประกอบการใช้เป็น indicative rate

     สำหรับเปรียบเทียบราคาในการบริหารความเสี่ยงเบื้องต้น และกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันระหว่างธนาคารมากขึ้น นอกจากนี้ท่านที่สนใจใช้บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Deposit : FCD) สามารถเช็คอัตราค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขบัญชี FCD

      รวมถึงรายชื่อธนาคารที่ยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนภายในธนาคารเดียวกันจากเว็บไซต์แบงก์ชาติได้อีกด้วย
      การปรับปรุงเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงินภายใต้โครงการระบบนิเวศอัตราแลกเปลี่ยนใหม่ (New FX ecosystem)

ทำให้ผู้ประกอบการ (1) ใช้บัญชี FCD ได้เสรี ไม่จำกัดยอดคงค้าง ซื้อฝาก โอนในประเทศเสรี (2) บริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนได้ตามความเสี่ยงที่มี ไม่จำกัดเฉพาะผู้นำเข้าส่งออกเท่านั้น 

     (3) ไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐานในการ hedge หากเป็นลูกค้าที่ธนาคารรู้จักเป็นอย่างดี หรือ Know Your Business (KYB) นอกจากนี้ ยังได้มีการผ่อนคลายเกณฑ์การทำธุรกรรมของนิติบุคคลต่างชาติ (Non-resident: NR) ที่มาทำธุรกรรมในไทยภายใต้โครงการ Non-resident qualified company (NRQC) ให้ทำธุรกรรมได้คล่องตัวขึ้น ซึ่งช่วยให้ตลาดเงินตราต่างประเทศบ้านเรามีสภาพคล่องมากขึ้น 
      ผลจากการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนมาต่อเนื่อง 
      จากที่แบงก์ชาติได้ผลักดันนโยบายต่างๆ ตามที่ได้กล่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น ปัจจุบันก็เริ่มเห็นผลมากขึ้นในหลายด้าน ทั้งผู้ประกอบการไทยรู้จักคุ้นเคยกับการใช้บัญชี  FCD มากขึ้น ดูได้จากสัดส่วนการใช้บัญชี FCD ช่วงปี 2018 ถึงเดือนมิถุนายน 2022 ที่มีแนวโน้มเพิ่ม ขึ้นในแต่ละปี 

     ขณะเดียวกันต้นทุนการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงของ SMEsก็ลดลง สะท้อนจากการเปลี่ยนแปลงการกระจายตัวของส่วนต่างของ forward point ที่ระยะ 3 เดือนที่ธนาคารคิดจากผู้ส่งออก เทียบกับที่ธนาคารทำในตลาดเงินตราต่างประเทศ (Interbank) ของช่วงปี 2017 กับช่วงปี 2021 ถึงเดือนมีนาคม 2022 พบว่า ส่วนต่าง forward point ของ SMEs ปรับลดลงมาอยู่ใกล้เคียงกับของผู้ประกอบการรายใหญ่มากขึ้น 

     ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายของแบงก์ชาติที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างตลาดเป็นสำคัญ ทั้งจากการเพิ่มผู้เล่นผ่านโครงการ NRQC ที่ทำให้สภาพคล่องในตลาดเงินตราต่างประเทศดีขึ้น

     และจากการเพิ่มการแข่งขันระหว่างธนาคาร ผ่านการเผยแพร่ข้อมูล forward point บนหน้าเว็บไซต์ของแบงก์ชาติเอง ก็ช่วยให้ผู้ประกอบการมีข้อมูลในการต่อรองมากขึ้น

     นอกจากนี้ ผู้ประกอบการรายใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็ก สามารถเข้าถึงธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนได้ง่ายขึ้น และมีจำนวนเยอะขึ้นเมื่อเทียบกับอดีต

      ซึ่งผลจากการทำนโยบายเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่จะบอกได้ว่า นโยบายที่ทำนั้นมาถูกทาง สามารถช่วยผู้ประกอบการไทยได้ และควรค่าแก่การทำต่อไป
       ความพยายามในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการดูแลตัวเองเรื่องค่าเงิน ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการสนใจป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น

      อย่างไรก็ดี พบว่า ผู้ประกอบการขนาดเล็กยังมีสัดส่วนการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่น้อยกว่าเทียบกับผู้ประกอบการรายใหญ่
     ส่วนหนึ่งอาจเพราะอยากมีโอกาสได้กำไรเพิ่มหากคาดการณ์ค่าเงินบาทถูกทาง ติดปัญหาการเข้าถึงธนาคาร หรือเชื่อว่าแบงก์ชาติคอยดูแลค่าเงินบาทอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นโจทย์ที่แบงก์ชาติต้องหาทาง crack ต่อไป

      ควบคู่ไปกับสื่อสารให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันเพื่อปรับพฤติกรรมและสร้างวินัยในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
สุดท้ายนี้ หากเราเปรียบพิษภัยจากค่าเงินบาทเป็นเหมือนโควิด 19 การบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนจะเป็นเสมือนวัคซีนป้องกันโรค ที่ช่วยบรรเทาผลกระทบได้มากกว่าคนที่ไม่ฉีดวัคซีนเลย

      เปิดมุมมองธปท. ‘เงินบาทผันผวน’ แบงก์ชาติทำอะไร?  ในระยะต่อไปคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเราต้องอยู่กับความผันผวนที่สูงขึ้นและนานขึ้น 
    เปรียบเหมือนโรคที่พัฒนาสายพันธุ์ให้แกร่งขึ้น เสถียรภาพของเศรษฐกิจโดยรวม จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากหน่วยเศรษฐกิจแต่ละหน่วยยังไม่แข็งแรง

     ดังนั้น จึงขอเชิญชวนโดยเฉพาะผู้ประกอบการได้สร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองห่างไกลจากผลกระทบค่าเงิน ด้วยการรับวัคซีนการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนกันเสียแต่วันนี้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแบบมวลรวมให้แก่เศรษฐกิจไทยสืบไป
 

Adblock test (Why?)


เปิดมุมมองธปท. 'เงินบาทผันผวน' แบงก์ชาติทำอะไร? - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

เปิด 9 ขั้นตอน การทำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ปมวาระ 8 ปีนายกฯ - ไทยโพสต์

27 ก.ย. 2565 - นายธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก มีรายละเอียดดังนี้

ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคำร้องของ ส.ส. พรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 30 กันยายน 2565 นี้นั้น

มีข้อกฎหมายที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำคำวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีดังกล่าว ซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้แก่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2562 และระเบียบศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการบริหารจัดการคดี พ.ศ. 2563 โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจโดยสังเขปดังนี้

1.ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นองค์คณะทุกคนต้องร่วมพิจารณาคดีและร่วมทําคําวินิจฉัย เว้นแต่มีเหตุถูกคัดค้านหรือมีเหตุจำเป็นอื่นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หรือหากตุลาการคนใดไม่ได้ร่วมในการพิจารณาประเด็นสำคัญแห่งคดีย่อมไม่มีอำนาจทำคำวินิจฉัยคดีนั้น

2.องค์คณะของศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณาคดีและในการทําคําวินิจฉัย ต้องประกอบด้วยตุลาการไม่น้อยกว่า 7 คน

3.การทำคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ถือเสียงข้างมาก ในกรณีที่คะแนนเสียงเท่ากัน ให้ศาลปรึกษาหารือกันจนกว่าจะได้ข้อยุติ

4.ตุลาการซึ่งเป็นองค์คณะทุกคนจะงดออกเสียงในประเด็นใดประเด็นหนึ่งตามที่ศาลกําหนดไว้ไม่ได้ เว้นแต่ตุลาการผู้นั้นจะไม่ได้ร่วมในการพิจารณาประเด็นสำคัญแห่งคดี

5.คําวินิจฉัยของศาลอย่างน้อยต้องประกอบด้วยข้ออ้างและคําขอตามที่ปรากฏในคําร้องขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัย ข้อโต้แย้งในคําชี้แจงข้อกล่าวหา ประเด็นแห่งคดี สรุปข้อเท็จจริงที่ได้จากการพิจารณา เหตุผลในการวินิจฉัยในแต่ละประเด็น และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิง รวมทั้งผลแห่งคําวินิจฉัย

6.ในการวินิจฉัยคดี จะเริ่มต้นจากการที่ตุลาการซึ่งเป็นองค์คณะทุกคนทําความเห็นส่วนตนเป็นหนังสือ พร้อมทั้งแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต่อจากนั้นที่ประชุมจะปรึกษาหารือร่วมกัน แล้วจึงมีการลงมติในการวินิจฉัยคดี และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง

7.คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้มีผลในวันที่อ่าน

8.ความเห็นส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ทำโดยสังเขปและต้องเผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยเผยแพร่ผ่านทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และปิดประกาศไว้ ณ ที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีคำวินิจฉัย

9.สำหรับคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีคําวินิจฉัย

Adblock test (Why?)


เปิด 9 ขั้นตอน การทำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ปมวาระ 8 ปีนายกฯ - ไทยโพสต์
Read More

อัยการธนกฤต เปิดขั้นตอนข้อกฎหมาย ทำคำวินิจฉัยศาล รธน. ปมวาระนายกฯ 8 ปี - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

อัยการธนกฤต เปิดขั้นตอนข้อกฎหมาย ทำคำวินิจฉัยศาล รธน. ปมวาระนายกฯ 8 ปี  ประชาชาติธุรกิจ
อัยการธนกฤต เปิดขั้นตอนข้อกฎหมาย ทำคำวินิจฉัยศาล รธน. ปมวาระนายกฯ 8 ปี - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

'ศรีสุวรรณ' ซัดทำศาสนาเสื่อม จี้เอาผิด 'หมอปลาย' ขายสบู่น้ำมนต์ล้างอวิชชา - เดลินิวส์ออนไลน์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


'ศรีสุวรรณ' ซัดทำศาสนาเสื่อม จี้เอาผิด 'หมอปลาย' ขายสบู่น้ำมนต์ล้างอวิชชา - เดลินิวส์ออนไลน์
Read More

Monday, September 26, 2022

ครั้งแรกของมนุษยชาติ! 'นาซา' ทำสำเร็จ ส่งยานชนดาวเคราะห์น้อยทดสอบเบี่ยงวงโคจร - เดลินิวส์ออนไลน์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


ครั้งแรกของมนุษยชาติ! 'นาซา' ทำสำเร็จ ส่งยานชนดาวเคราะห์น้อยทดสอบเบี่ยงวงโคจร - เดลินิวส์ออนไลน์
Read More

'ธนกร' แนะ 'จตุพร' รักประเทศ-ประชาชนจริง!ควรทำยุตินัดการชุมนุม - เดลินิวส์ออนไลน์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


'ธนกร' แนะ 'จตุพร' รักประเทศ-ประชาชนจริง!ควรทำยุตินัดการชุมนุม - เดลินิวส์ออนไลน์
Read More

'ตรีนุช' สั่ง 'ทำทัณฑ์บน' นักเรียนชายบุกหอพักนักเรียนหญิงข่มขืน - ไทยโพสต์

26 ก.ย.2565- นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวถึงกรณีนักเรียนหญิงอายุ 17 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนประจำอยู่ภายในโรงเรียนประเภทอยู่ประจำกินนอนแบบสหศึกษาแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ได้ถูกนักเรียนประจำผู้ชายรุ่นน้องอายุ 15 ปีก่อเหตุปีนขึ้นมาที่หอกักตัวเด็กหญิงที่ติดโควิด-19 แล้วข่มขืนต่อหน้าเพื่อนนักเรียนหญิงเกือบ 30 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 65 เวลาประมาณ 23.00 น.ว่า เมื่อเร็วๆนี้ตนได้มอบหมายให้นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาพิเศษ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่โรงเรียนดังกล่าวแล้ว โดยเบื้องต้นเรื่องนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้ปกครองทั้งสองฝ่าย เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เปราะปราง ซึ่งตนยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมถึงขณะนี้นักเรียนหญิงที่โดนก่อเหตุได้ย้ายกลับไปบ้านเกิดตัวเองที่จ.เลยแล้ว โดยตนได้ประสานเขตพื้นที่การศึกษาให้ดูแลเรื่องการศึกษาของนักเรียนหญิงอย่างเต็มที่หากเด็กประสงค์จะเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนไหนในจ.เลยตนพร้อมดูแล

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ส่วนนักเรียนชายที่ก่อเหตุนั้นได้แยกเด็กออกจากโรงเรียน เพื่อให้ไปเรียนออนไลน์แทน และตนเตรียมจะดำเนินการสั่งการโรงเรียนให้ลงโทษทำทัณฑ์บนนักเรียนชายที่ทำความผิดและนักเรียนหญิงที่เป็นหัวโจ๊กนัดแนะนักเรียนชายให้ขึ้นมาก่อเหตุบนพอพักนอนนักเรียนหญิงด้วย อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปตนจะกลับมาทบทวนมาตรการความปลอดภัยสำหรับโรงเรียน ที่จัดการศึกษาในรูปแบบกินนอนให้มีความรัดกุมมากขึ้น โดยจะต้องมีมาตรการเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งครูเวรประจำหอนอนนักเรียนจะต้องดูแลเด็กอย่างทั่วถึงและคอยสำรวจพฤติกรรมของนักเรียนด้วย รวมถึงจะต้องจัดหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยดูแล

///

เพิ่มเพื่อน

Adblock test (Why?)


'ตรีนุช' สั่ง 'ทำทัณฑ์บน' นักเรียนชายบุกหอพักนักเรียนหญิงข่มขืน - ไทยโพสต์
Read More

6 เทคนิคใช้บัตรเครดิต เครื่องมือทำเงิน เพิ่มรายได้ - PPTVHD36

บัตรเครดิต หลายคนสมัคร  ก็จะคิดถึงแค่เรื่องการเพิ่มความคล่องตัวในการใช้จ่ายโดยไม่ต้องพกเงินสดติดตัว หรือเพื่อใช้จ่ายซื้อของออนไลน์ได้สบาย ๆ และรวดเร็ว แต่ถ้ามีเทคนิคการใช้ก็อาจเพิ่มรายได้มากกว่าที่คิด 

ทั่วโลกผวา "ภาวะถดถอย" ตลาดหุ้นหนีตาย ไทยจับตาขึ้นดอกเบี้ยคาด 0.25%

พฤติกรรมคนซื้อที่อยู่อาศัยเปลี่ยนไป เมื่อ "เทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น"

วิธีแรก จองตั๋วเครื่องบิน กรณีที่จะเดินทางไปเที่ยวกับครอบครัว สามารถอาสาใช้บัตรเครดิต จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมออนไลน์ เพื่อให้ได้พอยด์ ไม่ว่าจะไปเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ เมื่อจองแล้วให้รับเงินสดมาจ่ายค่าบัตรทันที จะช่วยให้เราได้พอยต์บัตรเครดิตมาแลกเป็นเงินคืน ส่วนลด แลกรับของที่อยากได้ฟรี ๆ 

6 เทคนิคใช้บัตรเครดิต เครื่องมือทำเงิน เพิ่มรายได้

แต่ต้องไม่ลืมตรวจสอบรายละเอียดและเงื่อนไขการจองให้ดี ๆ ก่อนเริ่มทำการจองเสมอ

วิธีที่ 2 สายคอนเสิร์ต ต้องลองใช้บัตรเครดิตช่วยจองบัตรคอนเสิร์ต

ทั้งศิลปินไทยรือต่างประเทศชื่อดังก็กดจองได้ทันง่าย ๆ  เพราะบัตรเครดิตถือเป็นข้อได้เปรียบด้านความไว กดปุ๊บจ่ายปั๊บ ไม่ต้องไปต่อคิวรอชำระเงิน ถ้าจะไปกับเพื่อนๆ  ลองอาสาจองบัตรคอนเสิร์ตให้กับคนที่ไม่มีบัตรเครดิต แม้จะบวกค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อยหรือไม่บวกเลย

แต่เราได้พอยต์จากการรับจองบัตรก็เอาไปแลกสิทธิประโยชน์ได้ หรือจะหันไปแม่ค้ารับจองสินค้าศิลปินจากต่างประเทศมาจำหน่ายต่อ โดยชำระผ่านบัตรเครดิต ก็จะได้ทั้งพอยต์ได้ทั้งกำไรจากสินค้า ได้รายได้เข้ากระเป๋าไปอีกต่อ

วิธีที่ 3 ใช้บัตรเครดิตรับหิ้วของ ได้ค่าหิ้วพร้อมพอยต์

ลองใช้บัตรเครดิตรับหิ้วสินค้า พร้อมคิดค่าหิ้วเล็กน้อย เพิ่มบริการพิเศษด้วยการให้ระยะเวลาเครดิตการจ่ายเงินสำหรับคนที่เราเชื่อใจได้ ช่วยให้น่าใช้บริการมากกว่าเดิม กรณีนี้ได้ทั้งพอยต์จากวงเงินที่รูดไป พร้อมค่าหิ้วที่อาจสร้างรายได้เสริมให้เราได้อย่างจริงจัง

แต่การรับหิ้วสินค้าต้องมั่นใจว่าซื้อไปจะไม่โดนเท เพราะแทนที่จะได้รับค่าตอบแทน แต่อาจจะกลายเป็นว่าลูกค้าไม่ยอมโอนเงิน เราต้องรับภาระต้นทุนฟรี ๆ เลยนะ

วิธีที่ 4 ลงทุนด้วยบัตรเครดิต เช่น นำไปซื้อกองทุน หรือตราสารหนี้

แต่การใช้บัตรเครดิตรูดซื้อกองทุน จะซื้อได้เฉพาะกองทุนลดหย่อนภาษี และจะไม่ได้รับคะแนนสะสม หรือเครดิตเงินคืน เพียงแต่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องเท่านั้น ทั้งนี้ควรศึกษาเงื่อนไขการซื้อ และความเสี่ยงให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน 

วิธีที่ 5 ลงทุนในทองด้วยบัตรเครดิต โดยการรูดซื้อขายทองภายในระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยหลังปิดยอด เพิ่มโอกาสในการลงทุน ด้วยการใช้บัตรเครดิตหลังวันปิดยอดของแต่ละเดือน ซึ่งจะมีช่วงระยะเวลา 50 วันที่เป็นระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย หากชำระภายใน 50 วันนั้นก็จะไม่เสียดอกเบี้ย

ลองอาศัยช่วงเวลานี้ในการลงทุนซื้อขายทองเก็งกำไร โดยใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต แต่อย่าลืมชำระค่าบัตรเครดิตให้ทันภายในระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย และศึกษาเรื่องการลงทุนเรื่องทองให้ดี รวมถึงศึกษาช่วงที่มีโปรโมชัน เพราะร้านทองบางร้าน อาจจะคิดค่าธรรมเนียมในการรูดจ่ายด้วยบัตรเครดิต เพราะฉะนั้นต้องคิดต้นทุนให้รอบคอบ จะได้กำไรมาเข้ากระเป๋าเราได้เต็มๆ

วิธีที่ 6 ชวนเพื่อนมาสมัครบัตรเครดิต

แค่ชวนเพื่อนมาสมัครบัตรเครดิตก็สร้างรายได้เสริมได้แล้ว เพราะมีหลายธนาคารที่มีแคมเปญสำหรับลูกค้าที่ได้รับเชิญให้แนะนำเพื่อนสมัครบัตรเครดิตง่าย ๆ แค่ชวนเพื่อนให้มาสมัครบัตรเครดิตผ่านช่องทางออนไลน์ของธนาคาร หากเพื่อนได้รับการอนุมัติ เราก็ได้รับรางวัลไปด้วย โดยที่รางวัลจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนเพื่อนของเรา ยิ่งชวนมากยิ่งได้เงินมาก แค่นี้ก็มีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มได้ง่าย ๆ

 

การใช้บัตรเครดิต หากใช้บัตรเครดิตให้เป็นประโยชน์ครอบคลุมทุกด้าน ก็จะเป็นเครื่องมือทำเงินรูปแบบใหม่ เพิ่มรายได้อย่างคาดไม่ถึง อย่างไรก็ตามการอ่านเงื่อนไข และข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญก่อนทำธุรกรรมทางการเงิน เพื่อจะได้ไม่พลาดสิทธิประโยชน์ที่ผู้ถือบัตรควรได้รับ และทำให้มีชีวิตทางการเงินที่ดีได้ตามแผนที่วางไว้

 

ข้อมูลจาก : ttb

OR_Main OR_Main

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline

Adblock test (Why?)


6 เทคนิคใช้บัตรเครดิต เครื่องมือทำเงิน เพิ่มรายได้ - PPTVHD36
Read More

Sunday, September 25, 2022

3 เมนู อะโวคาโด ทำง่าย อร่อย ประโยชน์เพียบ - TrueID Food

[unable to retrieve full-text content]

3 เมนู อะโวคาโด ทำง่าย อร่อย ประโยชน์เพียบ  TrueID Food
3 เมนู อะโวคาโด ทำง่าย อร่อย ประโยชน์เพียบ - TrueID Food
Read More

คุณภาพชีวิต ดีแน่นอน ถ้าได้ลองทำ 5 สิ่งนี้ - สสส.

ตัวช่วยการเข้าถึง

ขนาดตัวอักษร

ความตัดกันของสี

ปกติ

ขาว-ดำ

ดำ-เหลือง

Adblock test (Why?)


คุณภาพชีวิต ดีแน่นอน ถ้าได้ลองทำ 5 สิ่งนี้ - สสส.
Read More

เกมแข่งทำอาหาร "Yum Yum Cookstar" เข้าครัว 11 พ.ย. - เดลินิวส์ออนไลน์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


เกมแข่งทำอาหาร "Yum Yum Cookstar" เข้าครัว 11 พ.ย. - เดลินิวส์ออนไลน์
Read More

Saturday, September 24, 2022

อย่าหาทำ! เปิดคลิปโรงพิมพ์ทำป้ายไม่ทันแต่โวยใส่ลูกค้า ทำโซเชียลงง แบบนี้ก็มีด้วย - ผู้จัดการออนไลน์



วงการลูกค้าสั่นสะเทือน หลังสั่งทำป้ายไวนิลกับโรงพิมพ์แห่งหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลากลับทำไม่ทันอ้างไม่มีของ เมื่อโดนถามทางร้านไม่ได้เช็กสต๊อกก่อนรับออเดอร์ลูกค้าเหรอ กลับโวยวายใส่ บอกอย่าอวดเก่ง อย่าทะลึ่ง ทำชาวเน็ตไปไม่เป็น

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อ iame.tz โพสต์คลิปวิดีโอเผยให้เห็นเหตุการณ์สาวรายหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์กับโรงพิมพ์ที่ตนเองได้สั่งทำป้ายไวนิลเพื่อใช้ในงานสัมมนา โอนให้เรียบร้อยแต่เมื่อถึงกำหนดกลับโทร.มาบอกว่าของไม่พอ ทำไม่ได้แล้ว สาวที่คุยจึงถามกลับไปว่าทางร้านไม่ได้เช็กสต๊อกก่อนรับออเดอร์ลูกค้าเหรอคะ แต่ชายในสายกลับตะคอกและโวยวายไม่ฟัง นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่า อย่าอวดเก่ง อย่าทะลึ่ง เชิญไปเปิดร้านอยากทำแบบไหนไปทำ อย่าก้าวก่าย จากนั้นผู้หญิงบอกว่าพูดดีๆ นะคะ ไมได้ก้าวก่าย อันนี้ทางเราจ่ายเงินเต็มจำนวนไปแล้ว แต่มาบอกว่าไม่มีของ แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ฟัง โวยวายเสียงดังใส่

ต่อมาผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ @iame_tz ระบุเพิ่มเติมว่า แล้วคือเราต้องใช้งานพรุ่งนี้แล้ว แล้วมาอย่างนี้คือเราเสียหายมากนะ ร้านคือปัดความรับผิดชอบ ไม่แก้ปัญหา แล้วใช้อารมณ์มาก จริงๆ คำถามที่เราถามร้านเป็นเรื่องปกติที่ลูกค้าถามได้นะ สรุปก็คือร้านโอนเงินคืน บริษัทเราต้องหาร้านพิมพ์ใหม่ จบ

ทั้งนี้ หลังคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปสู่โลกสังคมออนไลน์ ได้มีชาวเน็ตเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของทางร้านรับทำป้ายเป็นจำนวนมาก


Adblock test (Why?)


อย่าหาทำ! เปิดคลิปโรงพิมพ์ทำป้ายไม่ทันแต่โวยใส่ลูกค้า ทำโซเชียลงง แบบนี้ก็มีด้วย - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

เปิด 2 วิกฤตปัญหารุมเร้า ทำคนไทยเสียศูนย์ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ - ไทยโพสต์

25 ก.ย.2565 – สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,138 คน ระหว่างวันที่ 17-22 กันยายน 2565   คนไทยกับการควบคุมอารมณ์ พบว่า เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงและต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ประชาชนมักจะทำใจยอมรับ ร้อยละ 51.00 เมื่อมีปัญหาเข้ามารุมเร้า ประชาชนควบคุมอารมณ์ได้บ้าง ร้อยละ 59.91  เรื่องที่มักทำให้ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ คือ การมีปัญหาสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บ ไม่สบาย ร้อยละ 51.62 รองลงมา คือ ปัญหาเรื่องเงิน ร้อยละ 43.14

เวลาที่เครียด โกรธ โมโห สิ่งที่จะทำ คือ ตั้งสติ ร้อยละ 51.58 รองลงมาคือ ยอมรับและเผชิญกับความเป็นจริง ร้อยละ 48.42 จากข่าวความรุนแรงในสังคมปัจจุบัน ประชาชนมองว่าน่าจะเกิดจากการถูกกดดัน เครียด ขาดสติ  ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ร้อยละ 41.97 รองลงมาคือมองว่าสุขภาพจิตของคนในสังคมแย่ลง ร้อยละ 22.58 และจากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมองว่าตนเองยังทนได้ ร้อยละ 73.37   

น.ส.พรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า โควิด-19 ที่กินเวลายาวนานกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นส่งผลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจของคนไทย โดยจากผลโพล พบว่าเมื่อมีปัญหาคนส่วนใหญ่จะ “ทำใจยอมรับ” และยังอยู่ในสภาพที่ “ทนได้” เมื่อเครียด   ก็พยายาม “ตั้งสติ” และจะควบคุมอารมณ์ตนเองให้ได้ แต่ก็มีกลุ่มที่บอกว่าตนเองนั้น “ควบคุมอารมณ์ไม่ได้” สอดคล้องกับข่าวความรุนแรงที่พบเห็นกันมากขึ้น ส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่ต้องทนอยู่กับปัญหา กดดัน เครียด และขาดสติ ดังนั้นการดูแลสุขภาพใจจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ช่วยกันดูแล และสร้างภูมิคุ้มกันทางใจให้แก่ตนเองและคนใกล้ตัวในช่วงวิกฤติเช่นนี้

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัชนก นุกิจ รองคณบดีโรงเรียนการเรือน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า จากผลการจัดสนทนากลุ่ม (Focus Group) พบว่า จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้คนไทยต้องพบกับความเครียด ปัญหาสุขภาพจิตและการฆ่าตัวตาย ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเจ็บป่วย ปัญหาสุขภาพ การเงิน   การจัดการเวลาและสัมพันธภาพ ซึ่งทักษะชีวิต (Life Skill) ที่สำคัญและควรมีเพื่อความอยู่รอด ไม่ว่าคนเจเนอเรชั่นไหน อายุเท่าไหร่ ก็จำเป็นต้องเรียนรู้และฝึกฝน คือ 1) EQ (Emotional Quotient) ความฉลาดทางด้านอารมณ์ 2) AQ (Adversity Quotient) ความฉลาดในการรับมือกับปัญหา 3) RQ (Resilience Quotient) ความสามารถทางอารมณ์และจิตใจในการปรับตัวและฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติภายหลังที่พบกับวิกฤติ

“นอกจากนี้ในปัจจุบันการเจริญสติ (Mindfulness) เป็นจิตวิทยากระแสใหม่ซึ่งอาศัยหลักการพักด้วยการฝึกสมาธิ ทำงานด้วยการฝึกสติ มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายในด้านจิตบำบัด  การพัฒนาคน การสร้างสุขด้วยสติในองค์กร ซึ่งหากเราได้รับการพัฒนาสติและสมาธิแล้วก็จะตั้งรับกับปัญหาและสามารถแก้ไขปัญหาที่เผชิญได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการเอาตัวรอดจากวิกฤติที่เกิดขึ้น” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัชนก ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

Adblock test (Why?)


เปิด 2 วิกฤตปัญหารุมเร้า ทำคนไทยเสียศูนย์ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ - ไทยโพสต์
Read More

ฟังทางนี้! ทำอย่างไร เมื่อโควิดเป็นโรคติดต่อ ที่ต้องเฝ้าระวัง - ไทยโพสต์

25 ก.ย.65 – เฟซบุ๊ก ไทยรู้สู้โควิด ระบุ ทำอย่างไร ? เมื่อ COVID เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง  ดังนี้ คือ 1. ผู้ที่มีอาการป่วยทางเดินหายใจ ให้ปฏิบัติตนตามมาตรการ DMHT โดยเฉพาะสวมหน้ากาก ล้างมือ เมื่อต้องใกล้ชิดผู้อื่น 2. ประชาชนทั่วไปแนะนำให้สวมหน้ากาก เมื่อเข้าไปในสถานที่ผู้คนแออัด หรือพื้นที่ปิดอากาศไม่ ถ่ายเท เช่น โรงพยาบาล สถานที่ดูแลผู้สูงอายุ/เด็กเล็ก และให้ตรวจ ATK เมื่อมีอาการป่วย ตามความจำเป็น  และ 3. หน่วยงาน องค์กร สถานประกอบการ คัดกรองอาการป่วยของพนักงานเป็นประจำ หากมีพนักงาน ป่วยจำนวนมากให้รายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที.

เพิ่มเพื่อน

Adblock test (Why?)


ฟังทางนี้! ทำอย่างไร เมื่อโควิดเป็นโรคติดต่อ ที่ต้องเฝ้าระวัง - ไทยโพสต์
Read More

สั่งร้านทำป้ายไวนิล พอจะถึงวันบอกของไม่พอ? แถมด่าลูกค้า อย่าอวดเก่ง อย่าทะลึ่ง - ช่อง 7HD

ลูกค้าเป็งง สั่งร้านทำป้ายไวนิล พอจะถึงวันบอกของไม่พอ พอถามกลับเจอด่าใส่ "อย่าอวดเก่ง อย่าทะลึ่ง" ซ้ำปัดความรับผิดชอบ

เจอแบบนี้เป็นใครก็งง หลังผู้ใช้ติ๊กต็อก @iame.tz โพสต์คลิปพร้อมระบุว่า "ทางบริษัทได้สั่งทำป้ายไวนิลเพื่อใช้ในงานสัมมนา เลยสั่งพิมพ์กับโรงพิมพ์แห่งหนึ่ง โอนเงินเสร็จเรียบร้อย ทางร้านบอก "ทำทันเวลาแน่นอน"  แต่สุดท้ายกลับโทรมาบอกของไม่พอ ทำไม่ได้แล้ว ทางรุ่นพี่ตนเลยถามกลับว่า ทางร้านไม่ได้เช็กสต็อกก่อนรับออเดอร์ลูกค้าเหรอคะ แล้วก็กลายเป็นอย่างในคลิป"

โดยในคลิป พี่ที่ทำงานของผู้โพสต์พยายามสอบถามว่า โดยปกติแล้วก่อนรับออเดอร์ ทางร้านจะต้องตรวจสอบสินค้าก่อนว่ามีพอขายหรือไม่ ไม่ใช่รับออเดอร์ รับเงินไปแล้ว สุดท้ายโทรมาบอกว่าทางร้านไม่มีของ แต่ปลายสายกลับไม่ฟังและด่ากลับชุดใหญ่ ว่า อย่าทะลึ่ง อย่าอวดเก่ง อย่าก้าวก่ายคนอื่น ควรให้เกียรติคนอื่น อย่ามาสอน อยากทำไปเปิดร้านทำเอง อยากทำอะไรไปบริหารบริษัทตัวเอง อย่ามาเก่งบริหารบริษัทคนอื่น

ท้ายที่สุดทางร้านได้ปัดความรับผิดชอบด้วยการบอกว่า ไม่มีของและไม่รับทำให้ พร้อมกับให้แจ้งเลขบัญชีมาเพื่อจะโอนเงินคืน

ทั้งนี้ หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้มีผู้คนเข้ามารับชมไปกว่า 2 ล้านครั้ง รวมถึงแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

Adblock test (Why?)


สั่งร้านทำป้ายไวนิล พอจะถึงวันบอกของไม่พอ? แถมด่าลูกค้า อย่าอวดเก่ง อย่าทะลึ่ง - ช่อง 7HD
Read More

6 รายชื่อหนังต่างประเทศ ยึดโลเคชั่น "ไทย" ถ่ายทำภาพยนตร์ - กรุงเทพธุรกิจ

เมื่อเร็วๆนี้ คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติอนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักร วงเงิน 212,102,829.62 บาท ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบว่าด้วยบริหารงบประมาณฯ รวมทั้งจะได้เร่งคืนเงินตามมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยให้แก่ผู้ผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศทั้ง 6 เรื่อง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอ

ประกอบด้วย  

JM จาก ฝรั่งเศส  นำเงินลงทุน 140,002,923.81

Forbidden จาก สิงคโปร์ นำเงินลงทุน 73,852,439.62

Shantaram 1 จากสหรัฐ นำเงินลงทุน  379,605,848.03

Shantaram 2 จากสหรัฐ  นำเงินลงทุน  243,638,151.86

Beer Run จากสหรัฐ นำเงินลงทุน 255,427,243.41

Beer Run 2 จากสหรัฐ นำเงินลงทุน 99,316,213.72

รวม 1,191,842,820.45

โดยตั้งแต่เริ่มต้นมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน มีภาพยนตร์เข้าร่วมมาตรการดังกล่าวแล้ว จำนวน 43 เรื่อง เกิดรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ประมาณ 8,560 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้จ่ายเงินคืนแก่ผู้ผลิตภาพยนตร์ภายใต้มาตรการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว จำนวน 22 เรื่อง รวมเป็นเงินจำนวน 541,497,790.15 บาท

โดยเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณประจำปีของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งจะเห็นได้ว่าการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เมื่อเทียบระหว่างเงินที่รัฐบาลคืนให้ผู้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศกับจำนวนเงินที่ผู้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศนำเข้ามาลงทุนและกระจายรายได้ไปสู่ภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ที่เป็นสถานที่ถ่ายทำทั่วประเทศ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนงบประมาณอย่างต่อเนื่อง จำนวนตั้งแต่ 40 - 188 ล้านบาทต่อปี

สำหรับภาพยนตร์ต่างประเทศ จำนวน 6 เรื่อง ได้ถ่ายทำเสร็จสิ้นในช่วงปี พ.ศ. 2564โดยนำเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทย 1,191.84 ล้านบาท และกระจายรายได้ไปสู่ทีมงานและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ไม่น้อยกว่า 12,000 คน รวมถึงส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนสร้างผลกระทบในระบบเศรษฐกิจอัตราทวีคูณ (ประมาณ 2,384 ล้านบาท) ซึ่งภาพยนตร์ดังกล่าวผ่านการตรวจสอบเอกสารทางการเงินและได้รับอนุมัติเงินคืนจากคณะกรรมการพิจารณาการคืนเงินสำหรับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ มีวงเงินที่ต้องคืนให้แก่ผู้ผลิตภาพยนตร์ดังกล่าว จำนวนเงินทั้งสิ้น 216,818,134.76 บาท

แม้ภาพยนตร์ทั้ง 6 เรื่องจะไม่ใช่ทั้งหมดที่เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นโลเคชั่นถ่ายทำ แต่การไทยส่งภาพประเทศไทย ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องสวยงามเสมอไป ผ่านสื่อภาพยนตร์ก็อาจทำให้ความรู้จัก เข้าใจประเทศไทย นำไปสู่เศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ต่อไปได้ ซึ่งจะเป็นความคุ้มค่าหรือไม่เมื่อเทียบกับเงินอุดหนุนที่รัฐบาลให้ผู้ลงทุนภาพยนตร์คืนไปนั้น ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องมาถกเถียงกันต่อไป 

Adblock test (Why?)


6 รายชื่อหนังต่างประเทศ ยึดโลเคชั่น "ไทย" ถ่ายทำภาพยนตร์ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Friday, September 23, 2022

ไม่ควรทำ!แฟนแมนยูเล่นงานภาพฝาผนังรูปเป๊ป - สยามกีฬา

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อพัฒนาประสบการณ์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้กับผู้ใช้ ท่านตกลงใช้คุกกี้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ต่อไป
อ่านนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)

Adblock test (Why?)


ไม่ควรทำ!แฟนแมนยูเล่นงานภาพฝาผนังรูปเป๊ป - สยามกีฬา
Read More

สร้างอนาคตไทย เร่ง กกต. ชัดเจนระเบียบพรรคการเมืองทำอะไรได้บ้าง - ไทยโพสต์

24 ก.ย.2565 - นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ประธานภาคกรุงเทพฯ พร้อมด้วย น.อ.บัญชาพล อรัณยะนาค ผู้ประสานงานเขตสายไหม และทีมงานสร้างอนาคตไทย ได้ลงพื้นที่ตลาดเคหะออเงิน และชุมชนเลียบคลองหกวา เขตสายไหม

นายสุรนันทน์ กล่าวว่า วันนี้นอกจากจะมาพบปะพ่อค้าแม่ค้าและรับฟังปัญหาต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังคงเดือดร้อนเรื่องปัญหาปากท้องที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ เราได้มาแนะนำตัวและนำเสนอนโยบายต่างๆ ของพรรค โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ ที่จะมาช่วยคนตัวเล็กตัวน้อยให้กลับมาลืมตาอ้าปากได้

นายสุรนันทน์ ย้ำว่าตั้งแต่วันนี้ไปพรรคสร้างอนาคตไทยจะไม่มีการแจกของใดๆทั้งสิ้น เพื่อให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่ขอย้ำอีกครั้งว่ากกต.ควรมีความชัดเจนในทุกๆกรณีโดยเร็ว ว่าพรรคการเมืองสามารถทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน สำหรับเรื่องป้ายของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคนั้น ได้มีการเอาลงเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ขอความเป็นธรรมจาก กกต. ให้มองการกระทำของทุกพรรคอย่างเที่ยงธรรม เป็นกลาง และมีความเสมอภาคกัน อย่ามีนัยยะทางการเมืองใดๆ แอบแฝง ในเมื่อเราแสดงจุดยืนชัดเจนแล้ว ถ้าพรรคอื่นยังไม่มีความชัดเจน กกต.จะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร

Adblock test (Why?)


สร้างอนาคตไทย เร่ง กกต. ชัดเจนระเบียบพรรคการเมืองทำอะไรได้บ้าง - ไทยโพสต์
Read More

10 มิวสิควิดีโอศิลปินเกาหลี บินลัดฟ้ามาถ่ายทำที่ประเทศไทย! (มีคลิป) - TrueID - Music

[unable to retrieve full-text content]

10 มิวสิควิดีโอศิลปินเกาหลี บินลัดฟ้ามาถ่ายทำที่ประเทศไทย! (มีคลิป)  TrueID - Music
10 มิวสิควิดีโอศิลปินเกาหลี บินลัดฟ้ามาถ่ายทำที่ประเทศไทย! (มีคลิป) - TrueID - Music
Read More

Thursday, September 22, 2022

ทำตามฝันได้แล้ว “พีค ภัทรศยา” กับเพลงแรกในชีวิตตัวเอง สร้างตำนานบทใหม่แล้ว - คมชัดลึก

หลังจาก “พีค ภัทรศยา” เคยเปิดใจให้สัมภาษณ์กับการเตรียมตัวเป็นศิลปินเดียวในรายการ ปากต่อปาก พีค รับตื่นเต้นกับการได้เป็นนักร้องพร้อมขอให้พิธีกรอย่าง “ซานิ นิภาภรณ์” ช่วยเทคนิคการร้องเพลงกลางรายการ ทำเอา พิธีกรสาว “ซานิ” ถึงกับกุ้มขมับสอนไม่ถูกเลยทีเดียว

ตอนนี้ คงพูดได้คำเดียวว่า ดีใจกับเธอด้วย เพราะใครก็จดจำว่าเธอร้องเพลงเพี้ยน แต่หารู้ไม่ว่า ตอนนั้น หรือที่ผ่านมา พีคมีฝันอยากเป็นนักร้อง และก็ได้มีโอกาสสานฝันแรกคือการเป็นนักร้องและ พีคก็คิดว่าอยากจะทำเพลงของตัวเองให้มันดี และอยากให้เพลงดัง กินใจคนฟังทุกคน อยากฟินกับฝันนี้แบบเต็ม ๆ และเธอ ทำได้แล้ว ซึ่งแอบบอกเลยว่า ป่อยเพลงและ MV ไปเดียว ยอดวิว พุ่งสู่ 192,370 ครั้ง แล้ว 

กรี๊ดแทนเลยค่ะซิส เมื่อ PEAKSayaa! พีคศยา (พีค ภัทรศยา) นักแสดงอารมณ์ดีที่ทุกคนรู้จักในบทบาทของผู้สร้างตํานานสุดพีคที่รักในการร้องเพลง มาพร้อมกับความฝันเล็กๆ ในใจว่า อยากจะให้ทุกคนได้รู้จักตัวเองในบทบาทการเป็นศิลปิน PEAKSayaa! (พีคศยา)

จากนักแสดงที่ร้องเพลงตามฟิลลิ่งสู่การเป็นศิลปินเต็มตัวในค่าย  LOVEiS ENTERTAINMENT เป็นผู้ให้ความสําคัญกับความสุขของคนฟังเหนือทุกสิ่ง แค่คนฟังได้ยินเสียงพีคแล้วยิ้มออกมาก็พอแล้ว 

ทำตามฝันได้แล้ว “พีค ภัทรศยา” กับเพลงแรกในชีวิตตัวเอง สร้างตำนานบทใหม่แล้ว

พีคบอกว่า “คีย์ใจ”- Heart Key เพลงนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของพีคเลยก็ว่าได้ เนื้อหาของเพลงเกี่ยวกับความพยายามที่อยากจะสื่อสารความในใจกับใครสักคนผ่านการร้องเพลง เพื่อแสดงความตั้งใจให้เขาเห็นว่า เราพยายามส่งความรักและความหวังดีให้เขา ความพิเศษของเพลงนี้ ก็คือ ได้ แจ๊ป The Richman Toy มาช่วยเขียนเนื้อร้อง และทำนอง ทำให้เป็นเพลงที่มีจังหวะสนุกสนานสดใส และยังคงความเป็นพีคอยู่ รวมไปถึงความพิเศษของ MV นี้ เล่าถึงตัวพีคที่ชื่นชอบในการร้องเพลง และอยากร้องเพลงเพื่อจะจีบพระเอกหนุ่มสุดฮอตอย่าง ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร ที่รับบทเป็นพระเอกใน MV นี้ แต่พีคร้องเพลงยังไงก็ไม่เคยตรงคีย์สักที จึงได้ไปเรียนร้องเพลงกับ บ๊อบบี้ นิมิตร ลักษมีพงศ์ นักแสดงมากความสามารถที่รับบทเป็นครูสอนร้องเพลงให้พีค พยายามหาวิธีต่าง ๆ เพื่อสอนพีคร้องเพลงให้ได้ ทำเอาครูหัวจะปวดไปตามๆกัน แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เพลงที่ร้องจะตรงหรือไม่ตรงคีย์ ก็คงไม่เป็นไร…ขอแค่ตรงใจเขาก็พอ"

และ “จริง ๆ แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสาร คือ ถ้าเราพยายามทำอะไรด้วยความตั้งใจ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้เพอร์เฟคที่สุด แต่แค่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก และได้ส่งต่อพลังใจให้ทุกคนมีความสุขก็พอแล้ว” พีคกล่าว

ทำตามฝันได้แล้ว “พีค ภัทรศยา” กับเพลงแรกในชีวิตตัวเอง สร้างตำนานบทใหม่แล้ว

ทั้งนี้  ติดตามชมมิวสิควิดีโอเพลง “คีย์ใจ”- Heart Key ได้ตั้งแต่วันนี้ที่ Youtube/LOVEiS และติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆได้ทาง Facebook: Peak Pattarasaya, Instagram Peakpattarasaya, TikTok : Peak Pattarasaya, Facebook : LOVEiS /Twitter/Instagram : @LOVEiS_ent

ทำตามฝันได้แล้ว “พีค ภัทรศยา” กับเพลงแรกในชีวิตตัวเอง สร้างตำนานบทใหม่แล้ว

Adblock test (Why?)


ทำตามฝันได้แล้ว “พีค ภัทรศยา” กับเพลงแรกในชีวิตตัวเอง สร้างตำนานบทใหม่แล้ว - คมชัดลึก
Read More

เงินเฟ้อ : ธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ทำเงินบาทไทยอ่อนสุดในรอบเกือบ 16 ปี - บีบีซีไทย

เงินบาทไทยทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์

ที่มาของภาพ, Reuters

ธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง ถึงระดับสูงสุดในรอบเกือบ 15 ปี เพื่อหวังสู้ค่าเงินเฟ้อที่ยังเพิ่มขึ้น ทำเงินบาทไทยยิ่งอ่อนค่าทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์แล้ว แม้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่งสัญญาณให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คุมเงินบาทอยู่ในแดน 35 บาทต่อดอลลาร์ก็ตาม

เฟด หรือธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% ทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 3-3.25% ซึ่งทางเฟดยอมรับว่า การขึ้นดอกเบี้ยนี้ จะทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้พุ่งสูงขึ้น และจะสูงอยู่เช่นนี้เป็นระยะเวลาหนึ่ง

การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเกิดขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลว่า การขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อจะกระทบหนักต่อเศรษฐกิจจนชะลอตัว

เจโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อลดอุปสงค์ และควบคุมให้ราคาสินค้าลดลง เป็นการหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ทั้งนี้ เขาก็ยอมรับว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบ

“เราต้องก้าวผ่านเงินเฟ้อไปให้ได้” เขากล่าวและว่า “ผมหวังว่ายาแรงจะไม่เจ็บปวด แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น”

สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ คล้ายคลึงกับสหรัฐฯ เพราะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อพยายามแก้ปัญหาเงินเฟ้อ

ธนาคารคารกลางอังกฤษเอง คาดการณ์ว่าจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 7 เช่นเดียวกับอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

นักวิเคราะห์เริ่มกังวลว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงในหลายประเทศทั่วโลก อาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวครั้งใหญ่ได้

เจโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด

ที่มาของภาพ, EPA

เบน เมย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจมหภาค ของออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ ระบุว่า เศรษฐกิจโลกตอนนี้ แม้จะยังไม่เข้าสู่ภาวะชะลอตัว หลังตัวเลขเศรษฐกิจช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2022 ยังทรงตัวดีอยู่ แต่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2023 จะอ่อนตัวลงหนักสุดในรอบ 10 ปี ไม่นับปี 2020 ที่เกิดการระบาดใหญ่ของโควิด

“สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ หากต้องเลือกระหว่างการปล่อยให้เงินเฟ้อยังสูงอยู่เป็นเวลานาน...กับการผลักเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว บรรดาผู้นำอำนวยการธนาคารกลาง ดูจะเลือกผลักเศรษฐกิจสู่ภาวะชะลอตัว เพื่อให้เงินเฟ้อกลับไปอยู่ระดับเป้าหมายให้ได้” เขากล่าว

ดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะขึ้นอีกเท่าไหร่

เฟดกำลังขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายด้วยความเร็วมากสุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ เพื่อคุมเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี สวนทางนโยบายการคงอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมต่ำยาวนานหลายปี

นักวิเคราะห์มองว่า ช่วงแรก เฟดหวังว่าจะแก้ปัญหาได้เร็วกว่านี้ หลังสถานการณ์ระบาดของโควิดเริ่มคลี่คลาย แต่สงครามในยูเครน ที่กระทบกับน้ำมันและซัพพลายสินค้า กลับทำให้เงินเฟ้อยังพุ่งทะยาน

ตอนนี้ แม้ราคาน้ำมันเริ่มลดลงมาแล้ว แต่เงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มสูง ข้อมูลล่าสุดชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อเดือน ส.ค. สูงถึง 8.3% จากปัจจัยอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาแพงขึ้น บริการด้านสุขภาพ และค่าเล่าเรียนที่สูงขึ้น

เงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังหนัก

ที่มาของภาพ, Reuters

การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันแล้ว และพุ่งถึง 3% อย่างรวดเร็ว จากเดิมที่อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมแทบจะเป็นศูนย์ ถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดนับแต่ต้นปี 2008

นักวิเคราะห์และบรรดานักการเมืองคาดการณ์แล้วว่า เฟดอาจดันอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปถึง 4.4% ภายในสิ้นปีนี้ และจะยังเพิ่มสูงในปี 2023

“สิ่งที่น่าตกใจคือความเร็ว” ไบรอัน โคลตัน หัวหน้านักเศรษฐกิจ บริษัท ฟิทช์เรทติงส์ กล่าว

“เฟดต้องขยับตัวเร็ว...ซึ่งจะกระทบบริษัทและครัวเรือนอย่างแน่นอน”

ความเคลื่อนไหวทั่วเอเชีย

  • ตลาดหุ้นทั่วเอเชียปรับลดลงเฉลี่ย 1% หนักสุด คือ ดัชนีฮั่งเส็งในฮ่องกง ลดฮวบลงไป -343.17 จุด หรือ -1.86% หรือลดต่ำสุดในรอบ 10 ปี
  • ผู้อำนวยการด้านการเงินของฮ่องกงยอมรับว่า หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ทั้งวิกฤตโควิด เงินเฟ้อ และความผันผวนของตลาดเงินโลก มีแนวโน้มสูงที่ภายในปีนี้ เศรษฐกิจฮ่องกงจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
  • ธนาคารกลางแห่งญี่ปุ่นยืนกรานไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แม้จะเป็นนโยบายที่ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนลง 20% แล้วในช่วงปีที่ผ่านมา และค่าเงินในวันนี้ (22 ก.ย.) ถือว่าต่ำสุดในรอบ 24 ปี หรือนับแต่ปี 1998 ที่ 145 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ
  • ค่าเงินวอนของเกาหลีใต้อ่อนลงอยู่ที่ 1,400 วอนต่อดอลลาร์ ถือว่าอ่อนหนักสุดในรอบกว่า 13 ปี ผลพวงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

*อัพเดทจนถึง 13.15 น. ตามเวลาในไทย

ค่าเงินบาททะยานทะลุแดน 37 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 37.28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เรียกว่าอ่อนค่าต่อเนื่อง จากวันก่อนหน้าที่ 36.97 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนไทยคาดว่า ยิ่งเฟดประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกเกือบ 1% เช่นนี้ จะยิ่งทำให้เงินบาทไทยอ่อนค่ามากขึ้นไปอีก

พีพีทีวีรายงานว่า นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย วิเคราะห์ว่า เงินบาทจะผันผวนสูงในช่วงก่อนและหลังตลาดรับรู้ผลการประชุมเฟด โดยเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบกว้างถึง 36.70-37.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ "สถานการณ์ค่าเงินบาท" ระบุว่า เงินบาทแตะระดับอ่อนสุดในรอบเกือบ 16 ปี โดยเงินบาทอ่อนค่าทดสอบแนว 37.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นนับเป็นระดับอ่อนค่าสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549

ส่วนปัจจัยนั้น แน่ชัดว่า มาจากเรื่องของเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าอย่างมากตามการคุมเข้มนโยบายการเงินแบบแข็งกร้าวของเฟด 

เศรษฐกิจไทย

ที่มาของภาพ, Reuters

ประวิตรแทรกแซงเงินบาท ?

การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดทำให้เงินบาทไทยมีแนวโน้มอ่อนค่าลงเรื่อย ๆ และอาจเข้าใกล้แดน 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ยิ่งทำให้ความหวังที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาราชการนายกรัฐมนตรี ต้องการให้เงินบาทอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ยิ่งห่างไกลออกไปทุกที

วานนี้ (21 ก.ย.) พล.อ. ประวิตร เปิดเผยว่าได้ สั่งการกระทรวงการคลังหารือกับ ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ปัญหาค่าเงินบาทอ่อน โดยยอมรับว่าในการประชุมคณะรัฐมตรี (ครม.) ตนเองกล่าวถึงค่าเงินบาทว่าควรจะอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

“ผมบอก ผมบอกว่าควรจะ” คงค่าเงินบาทอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นคำกล่าวที่เหมือนส่งสัญญาณให้ล็อกค่าเงินบาท

ด้าน อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับเมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) ว่า เงินบาทอ่อนค่าเร็วเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่คงไม่ดำเนินการถึงกับคุมค่าเงินบาท ตามคำกล่าวของ พล.อ. ประวิตร เพราะต้องดูปัจจัยการขึ้นของเงินบาทก่อน

“ประเด็นที่จะคุยกับ ธปท. นั้น เราก็ต้องถามว่ามีปัจจัยอะไรมากระทบบ้าง จะมีการกำหนดแนวทางไหม ดูแลอย่างไร จริง ๆ แล้วค่าเงิน ธปท.ดูแลอยู่แล้ว เราจะไปกำหนดในเรื่องพวกนี้ไม่ได้ เพียงแต่บอกว่าเรามีความเป็นห่วง การที่อ่อนเร็วเกินหรือไม่ จะกระทบอะไร เพราะในด้านซับพลายไซต์ เราก็ดูแลเต็มที่”

“เราอ่อนเร็ว คนอื่นเขาแข็งเร็วหรือเปล่า...อันนี้ต้องดูหลาย ๆ ปัจจัย” ส่วนความวิตกต่อดอกเบี้ยสหรัฐฯ นั้น

ความเห็นของ พล.อ.ประวิตร เรียกเสียงวิจารณ์จากนักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชนว่า ไม่เหมาะสม ฝืนกลไกตลาด และอาจทำให้เงินสำรองระหว่างประเทศร่อยหรออย่างรวดเร็ว หากใช้ไปเพื่อการปกป้องค่าเงิน ดังที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเคยทำ จนนำไปสู่การลอยตัวเงินบาท เมื่อ 2 ก.ค. 2540

ล่าสุด วันนี้ (22 ก.ย.) พล.อ.ประวิตร​ ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้พยายามแทรกแซงค่าเงินบาท โดยตอบว่า “ไม่มี ไม่เกี่ยว”

ยังห่างไกล "วิกฤตต้มยำกุ้ง" รอบใหม่

ในวาระครบรอบ 25 ปี ของวิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย หรือ "วิกฤตต้มยำกุ้ง" ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกรายงานวิเคราะห์เปรียบเทียบกับสถานการณ์ในปีนี้ที่เงินบาทในปีนี้มีทิศทางอ่อนค่าสอดคล้องกับหลายสกุลเงินในเอเชีย มีสาเหตุจากผลกระทบจากปัจจัยของเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ

“เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จะพบว่า สถานการณ์ในปัจจุบันมีความแตกต่างจากปี 2540 เพราะในปี 2540 เงินบาทที่อ่อนค่าเป็นผลมาจากการปรับอ่อนค่าหลังมีการลอยตัวค่าเงินเพื่อสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่อ่อนแอของไทยในเวลานั้น นอกจากนี้หากดูในเรื่องความผันผวนของค่าเงิน จะพบว่า ค่าความผันผวนของเงินบาทในปี 2565 ก็ยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับภาพรวมของสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ซึ่งสะท้อนว่า ธปท. ยังคงช่วยดูแลความเคลื่อนไหวและลดความผันผวนของค่าเงินบาทท่ามกลางปัจจัยไม่แน่นอนรอบด้าน”

สิ่งหนึ่งที่รายงานฉบับนี้อธิบายให้เห็นว่า ประเทศไทยได้เรียกรู้จากบทเรียนครั้งนั้น ที่นำมาสู่จุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ คือ การให้ความสำคัญกับทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้น

เมื่อพิจารณาทุนสำรองระหว่างประเทศในเดือน มิ.ย. มีอยู่ราว 2.51 แสนล้านบาทถือว่าแข็งแกร่ง ขณะที่สัดส่วนหนี้ต่างประเทศก็ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 38.2% ต่อจีดีพี ณ สิ้นปี 2564 นอกจากนี้ทางการได้เข้ามาดูแลการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นระยะผ่านมาตรการ อาทิ การกำหนดเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (Loan to Value - LTV) ซึ่งภาพเหล่านี้สะท้อนการเรียนรู้บทเรียนจากอดีตและการวางแนวทางเพื่อไม่ให้ไทยซ้ำรอยเดิม

ตึกร้าง

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

น่ากังวลแค่ไหน เมื่อบาทอ่อนสุดในรอบ 16 ปี

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ออกบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้อธิบายถึง ภาพรวมการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทนับตั้งแต่ต้นปี 2565 ยังคงเป็นทิศทางที่สอดคล้อง และเกาะกลุ่มไปกับทิศทางค่าเงินหยวน และสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาค โดยเงินบาทอ่อนค่าลงประมาณ 10% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์เป็นอันดับ 5 ในเอเชีย ตามหลังเงินเยนของญี่ปุ่น เงินวอนของเกาหลีใต้ เงินเปโซของฟิลิปปินส์ และเงินดอลลาร์ไต้หวันตามลำดับ

“การอ่อนค่าของทุกสกุลเงินในเอเชียที่กระจายเป็นวงกว้าง สะท้อนว่า ชนวนสำคัญมาจากเรื่องของเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่แข็งค่าอย่างมากตามจังหวะการคุมเข้มนโยบายการเงินแบบแข็งกร้าวของเฟด”

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤตโควิด ก็มีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวขึ้น

ส่วนประเด็นค่าเงินบาทที่อ่อนลง สำนักวิจัยแห่งนี้ได้ชี้ให้เห็นว่า มีความแตกต่างไปจากสถานการณ์ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลานั้นเศรษฐกิจไทยเผชิญปัญหาเรื้อรังจากความไม่สมดุลหลายด้านพร้อมกัน และต้องใช้เวลานานกว่าที่จะคลี่คลายลง

นอกจากนี้ ธปท. ยังคงติดตามสถานการณ์ของเงินบาทอย่างใกล้ชิด และใช้เครื่องมือที่เหมาะสมอย่างระมัดระวัง เพื่อดูแลเสถียรภาพของค่าเงิน

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ แบงก์ชาติจะไม่สามารถให้สัมภาษณ์หรือให้ความเห็นเกี่ยวกับการตัดสินนโยบายการเงินได้เป็นเวลา 7 วันก่อนหน้าวันประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) หรือที่เรียกว่า “silent period” ซึ่งการประชุมครั้งถัดไปจะมีขึ้นในวันที่ 28 ก.ย.

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 10 ส.ค. กนง.ได้มีมติปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 0.50% เป็น 0.75% ต่อปี โดยหวังว่าจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยประเมินว่าจะไม่กระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ

Adblock test (Why?)


เงินเฟ้อ : ธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ทำเงินบาทไทยอ่อนสุดในรอบเกือบ 16 ปี - บีบีซีไทย
Read More

พระครู เชิญวิญญาณ เมียฝรั่ง เผยต้องทำพิธี 3รอบ ตร.เจอเรื่องแปลก - ข่าวสด - ข่าวสด

พระครู ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ เมียฝรั่ง ถูกฆ่าทิ้งไร่ข้าวโพด เผยสิ่งผิดปกติ ต้องทำพิธีถึง 3 รอบ ด้าน พนักงานสอบสวน เล่าเรื่องแปลก ก่อนวันผู้ต้อ...