"Quiet Quitting" หรือ "QQ" อีกหนึ่งพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ ที่กำลังถูกพูดถึงในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ "TikTok" และ "Twitter" ที่ใช้ชีวิตเสมือน “ลาออกแบบเงียบๆ” แต่ “ไม่ได้ลาออกจริงๆ” โดยใช้วิธีกำหนดขอบเขตการทำงานของตัวเองอย่างชัดเจนเพื่อ “ลดความเครียด” หรือหาทางหลีกเลี่ยงภาวะหมดไฟในการทำงานไปแบบดื้อๆ
QQ มักมาจากการที่เริ่มรู้สึกว่าความพอใจหรือภูมิใจในงานที่ตัวเองทำอยู่ลดลง ทำให้ไม่ได้รู้สึกกระตือรือร้นกับการทำงานเพื่อการเติบโตอีกต่อไป
ทว่า แม้จะไม่ได้ความสุขกับการทำงานแล้ว แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะลาออก จึงเลือกโฟกัสกับงานในส่วนแค่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบเท่านั้น เพราะไม่ได้รู้สึกว่าต้องการความเติบโตอย่างโดดเด่น แต่อยากมีชีวิตที่บาลานซ์ในชีวิตมากกว่า
ความน่าสนใจคือพฤติกรรมเหล่านี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ "Gen Z" ที่มองหา "งานที่แฟร์" และ "Work Life Balance" มากกว่าการเติบโตอย่างโดดเด่นในองค์กรที่ต้องแลกมาด้วยการทุ่มเทแรงกายแรงใจเหมือนคนในเจเนอเรชันก่อนๆ
นอกจากนี้การทำงานแบบ QQ ยังมีแรงกระตุ้นในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ที่หลายองค์กรลดจำนวนคน แต่ต้องการปริมาณงานเท่าเดิม ทำให้พนักงานต้องทำหลายหน้าที่จนเหนื่อยล้าเกินจะแบกรับ
รายงานสถานที่ทำงานทั่วโลกของ "Gallup" ปี 2022 พบว่ามีเพียง 9% ของคนงานในสหราชอาณาจักรที่มีส่วนร่วมหรือกระตือรือร้นในการทำงาน ขณะที่การสำรวจพนักงานของ NHS ซึ่งดำเนินการในฤดูใบไม้ร่วงปี 2564 แสดงให้เห็นว่าขวัญกำลังใจลดลงจาก 6.1 จาก 10 เป็น 5.8 และความผูกพันของพนักงานลดลงจาก 7.0 เป็น 6.8
ด้วยบริบทสังคมที่เปลี่ยนไปจากในอดีต การแข่งขันสูง ตำแหน่งงานน้อย แต่ต้องทักษะมากมายในคนๆ เดียว ทำให้คนรุ่นใหม่ที่ต้องเผชิญกับความกดดันจนรู้สึกเบื่อหน่าย หรือรู้สึกถูกเอาเปรียบหากต้องทำงานเพิ่มที่นอกเหนือจากเนื้องานที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ต้น
แม้แนวคิดนี้จะช่างขัดแย้งกับแนวคิดเรื่องการทำงานของเจนเนอเรชันอื่นอย่าง อย่างไรก็ตาม การมีคนทำงานสไตล์ QQ ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนขี้เกียจและไม่ได้เป็นภัยต่อองค์กร แต่เป็นเรื่องที่หัวหน้างานและองค์กรควรรู้เพื่อจุดไฟในตัวคนรุ่นใหม่ให้ได้แบบไม่รบกวนการออกไปใช้ชีวิตมากจนหมดไฟ และ "ลาออก" ไปจริงๆ
------------------------------------------------
รู้จัก "Quiet Quitting" งานไม่แฮปปี้ ก็แค่ทำตามหน้าที่ แต่ไม่ต้องลาออก - กรุงเทพธุรกิจ
Read More
No comments:
Post a Comment