แม่ค้าโวยร้านถูกรื้อ หลังสร้าง รพ.สนาม เครื่องมือทำกินหายเกลี้ยงไม่รู้ใครเอาไป ผวาหมอคนดังโพสต์ข่มขู่ เรียกทัวร์มาลง
(9 พ.ค.65) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ชมรมทนายความจิตอาสา ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นางพรินทร์อร อู่วิเชียร อายุ 52 ปี เจ้าของร้านครัวคุณปอ ถูกบริษัทแห่งหนึ่งรื้อถอนร้านเพื่อตั้งโรงพยาบาลสนาม และ น.ส.อิสราวดี อายุ 36 ปี เจ้าของร้านนับตัง ลาบพังโคน ถูกข่มขู่ให้รื้อร้าน ทั้งที่ทำตามกฏทุกข้อ ทั้ง 2 คน นำหลักฐานเดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับทางทนายเกียรติคุณ ต้นยางประธานชมรมทนายจิตอาสา หรือทนายโป้ง เนื่องจากร้านถูก ชายฉกรรจ์ 6-8 คน ยกและรื้อถอนร้านจนไม่เหลือซากบริเวณซอยแจ้งวัฒนะ 14 โดยไม่มีการติดตั้งป้ายการรื้อถอน และรื้อถอนโดยที่เจ้าของร้านป่วยผ่าตัดอยู่โรงพยาบาลไม่อยู่ที่ร้าน ขนเอาข้าวของภายในร้านไปจนเกลี้ยง ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนเงินหลายแสนบาท ผู้เสียหายจึงเข้ามาร้องทนายโป้งเพื่อขอความยุติธรรม
นางพรินทร์อร เจ้าของร้านที่ถูกรื้อถอน เล่าว่า ตนขายอาหารตามสั่ง ส้มตำไก่ย่าง ขายตรงนี้มา กว่า 20 ปีแล้ว อยู่มาวันนึงมีการสร้างโรงพยาบาลสนาม ตนก็รู้สึกกลัวจึงปิดร้านไว้ ตอนแรกก็ไม่รู้เพราะไม่ได้มีใครบอกจนต้องไปถามพวกก่อสร้างถึงได้รู้ และมันติดห้าง ตลาดสด คอนโด ซึ่งสมัยก่อนโควิดมันน่ากลัวไม่ได้เหมือนแบบทุกวันนี้ ตนรู้สึกว่าทำแบบนี้มันได้หรอ มันจะไม่ติดกันหมดหรือไง เลยคุยกับหลายๆ คนรอบด้านทุกคนก็กลัวและตื่นตระหนกกันหมด เลยไปขอทางเขตให้มาตรวจสอบ ทำโรงพยาบาลสนามได้แต่พวกตนจะปลอดภัยมั้ย ถ้าอยู่ร่วมกันได้มันก็ดีเพราะตนต้องขายของอยู่ตรงนี้
หลังจากนั้นโรงพยาบาลสนามสร้างเสร็จเขาบอกให้ทางตนรื้อร้านออกเพราะอยู่ตรงนี้ไม่ปลอดภัย ตนก็คิดว่าไม่เป็นไรไม่ขายก็ได้ เพราะว่าเราก็กลัวจึงปิดร้านไว้ชั่วคราว ถ้าสถานการณ์โควิดดีขึ้นโควิดหมดตนจะกลับมาขายเหมือนเดิม แต่เขาบอกให้ตนรื้อเพราะว่าตนบุกรุกทางเท้า ซึ่งตรงนี้ขายกันทั้งซอยแล้วตนก็ไม่รู้ว่าบุกรุกตรงไหนเพราะก็เสียภาษีมาตลอด ขายมา 20 ปี เหมือนกันหมดทั้งซอย จึงไม่ได้รื้ออะไร มีเขตทำหนังสือมาติดแต่ตนก็ขอระยะเวลาหาที่ขายใหม่ หลังจากนั้นตนป่วยก็ไม่ได้มาขายของเขาก็เข้ามารื้อร้านและขนอุปกรณ์ในร้านไปทรัพย์สินทั้งหมดไม่เหลือเลย ไม่ได้แจ้งอะไรมีแต่น้องที่อยู่ร้านข้างๆ โทรมาบอกเพราะตนผ่าตัดอยู่โรงพยาบาล น้องเขาได้ถ่ายรูปและคลิปวิดีโอไว้เขารื้อตัดเหล็กจนหมด ตู้เบียร์ ตู้โค้ก ป้ายโค้ก ไม่เหลืออะไรสักอย่าง
ตนไม่ทราบว่าหน่วยงานที่มารื้อร้านตนเป็นใคร ออกจากโรงพยาบาลมาก็ไม่รู้เรื่องเลย ตนเข้าโรงพยาบาลวันที่ 6 ก.ย.64 เขามารื้อวันที่ 9 ตนผ่าตัดวันที่ 8 ก็ยังไม่ฟื้น น้องร้านข้างๆ ก็ไปแจ้งตำรวจ โดยตำรวจก็ได้มายังพื้นที่แต่พวกที่มารื้อร้านก็ยังไม่หยุด ตนออกจากโรงพยาบาลมา 2 เดือน ก็ไม่ได้ทำอะไร ไม่รู้จะประกอบอาชีพอะไรต่อ ข้าวของทำมาหากินจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อ ข้าวของเสียหายทั้งหมด ไปแจ้งความตำรวจก็บอกให้เขียนรายการมาแต่ตนก็เขียนได้ไม่หมด ตนไม่รู้ว่าใครเอาของไป ของอยู่ไหนก็ไม่รู้ แจ้งความไว้ตนก็ไม่รู้จะไปสู้กับใครพูดไปก็เหมือนไปปรักปรำเขา
มีชายคนนึงเป็นเจ้าของโรงพยาบาลดังแห่งหนึ่งแถวแจ้งวัฒนะ โพสต์ว่าตนและข่มขู่ ถามว่าตนอยู่ไหน ตนก็บอกไม่ได้ มาโพสต์ว่าตนบุกรุกที่ตัวร้านทำให้คนไม่มีทางเดิน เป็นคนจิตใจไม่ดี ไปยับยั้งสนามล่าช้าการก่อสร้างโรงพยาบาลสนาม ไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก หลายคนเข้าใจผิดก็เข้ามารุมด่าและเกลียดตนหาว่าตนทำให้โรงพยาบาลสนามสร้างเสร็จช้า ทำให้คนตาย และทุกคนก็ตามมาด่า ตามหาว่าตนอยู่ตรงไหน ให้คนมาข่มขู่ ตนไปแจ้งเขตก็มาล้อมที่สำนักงานเขต ตนรู้สึกกลัวมาก เป็นแค่แม่ค้า บ้านก็เช่าอยู่อาศัยเขาอยู่ ตอนนี้ตกงานต้องไปเป็นลูกจ้างเป็นแม่ครัว ไม่รู้จะทำยังไง เจ้าของ รพ.คนที่โพสต์ด่าตนยังตามรังควานตนให้ตนไปเสียภาษีย้อนหลัง ซึ่งตนก็เสียมาตลอด คนหลายคนที่เข้ามาด่า ร้านอื่นอยู่แนวเดียวกันแต่ไม่โดนรื้อ ร้านตนโดนอยู่ร้านเดียว ตนปิดร้านเพื่อให้ทำโรงพยาบาลสนามแต่การก่อสร้างก็ต้องคำนึงถึงคนรอบข้างที่อยู่บริเวณนั้นด้วย แล้วมันอยู่ตรงหน้าร้านเรา ทุกคนมีลูกมีครอบครัว ตอนนี้ต้องไปเป็นลูกจ้างเขาทั้งหมด ถ้าคิดจะรื้อเพื่อทำทางเท้าก็ต้องทำทั้งซอย ปกติมันมีทางเดินให้อยู่แล้ว 1 เมตร ซึ่งมันเดินได้
ตอนนี้แค่อยากได้เครื่องมือทำมาหากินที่มีคนมาเอาไป และที่ทำมาหากิน ตนคิดว่า ถ้าตนบุกรุกจริงคงอยู่ไม่ได้มาถึงทุกวันนี้ เจ้าของที่ซึ่งเป็นเจ้านายตนก็เป็นคนอนุญาต ภรรยาเจ้านายก็ยังอยู่ ถ้าจะรื้อก็ยังต้องบอกเขา ตนคนจนจะไปทำอะไรได้ ตนแจ้งความตั้งแต่ 30 ก.ย. 2564 ผ่านมา 8 เดือนแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเคยโทรไปถามบอกว่ารอเรียกรถที่มาขนของตนไปมาสอบปากคำ ตนไม่รู้ว่าตอนนี้ของอยู่ไหน ตนไม่อยากต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่อยากมีที่ทำมาหากิน ถ้าใครที่คิดว่าที่ตรงนี้เป็นของเขาเราก็ไม่ว่า แต่ตนอยู่ตรงนี้ทำมาหากินตรงนี้มาก่อน ตอนนี้ตนอยากได้ค่าเสียหายและเครื่องมือทำมาหากินคืนเพื่อที่จะได้มาทำมาหากินต่อไป
น.ส.อิสราวดี เจ้าของร้านถูกข่มขู่ เล่าว่า ทางร้านตนถูกหนังสือส่งมาจากทางเขตส่งมา เมื่อปีที่แล้ว และทางเขตได้เงียบไป แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พ.ค.65 ส่งฉบับที่สองกลับมาที่บ้านอีกครั้ง และให้รื้อโครงสร้างร้านภายใน 15 วัน บอกว่าโครงสร้างร้านไม่ได้รับอนุญาต ตนจึงเดือดร้อนเรื่องโครงสร้างร้านและการทำมาหากิน ถ้าตนไม่รื้อภายใน 15 วัน ทางเขตจะเข้ามารื้อร้านตนเอง เหมือนกับร้านที่โดนรื้อไป ตนจึงจะไม่มีที่ค้าขาย ต่อไปจะไม่มีร้านขายของ ซึ่งทางผู้รื้อมีการโพสต์ข่มขู่ ร้านค้าประมาณ 4-5 ร้านที่อยู่บริเวณนี้ จะถูกรื้อทั้งหมด ทางพวกเราได้ขายจุดนี้มาประมาณ 20-30 ปี แล้ว และเขามีการโพสต์ว่าทางเราไปบุกรุกพื้นที่ และจะทำร้ายตอนนี้รู้สึกเสียใจเพราะทำมาหากินมานาน ซึ่งถ้าตนมีเงินก็จะเลือกที่ไม่อยู่ตรงนี้ เพราะไม่อยากมีปัญหา ตนแค่อยากขอแค่ที่ทำมาหากินคืน ทางเท้าทางคนเดินตนก็เว้นให้ตามที่เขาขอ ตนก็ให้ความร่วมมือ ขอแค่อย่าขับไล่กันพอเพราะไม่มีที่ไป ไม่มีเงินทุนในการหาร้านใหม่ อยากได้ความเป็นธรรมเพราะอยู่มานานแล้วเป็นที่ทำมาหากินของตน และก็ไม่ได้ไปบุกรุกใคร ตอนนี้ได้แต่เครียด เพราะไม่รู้เรื่องกฏหมายจึงให้ทางด้านทนายโป้งช่วย
ทางด้านทนายโป้ง กล่าวว่า เบื้องต้นที่ได้รับความเดือดร้อนของผู้ร้องในซอยแจ้งวัฒนะ 14 เนื่องจากมีกลุ่มบุคคล 6-8 คนเข้ามารื้อร้าน และเกิดความเสียหาย ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ทุ่งสองห้องแล้ว แต่เจ้าตัวไม่สามารถติดต่อกับพนักงานสอบสวนได้ และไม่ทราบความคืบหน้าของคดี ตอนนี้ให้คำแนะนำคือให้ไปติดตามพนักงานสอบสวนและผู้กำกับทุ่งสองห้อง ว่าคู่กรณีเข้ามาสอบปากคำหรือยัง เพราะมีการโพสต์ขู่ในเฟซบุ๊กทางผู้เสียหายกลัวและถูกคุกคามสามารถเข้าไปแจ้งความได้ แต่ถ้าเกิดข้อความอันเป็นเท็จและถูกโพสต์ในเฟซบุ๊กก็สามารถแจ้งความได้เช่นกัน
ทางผู้เสียหายทั้งหมดยังไม่ได้เข้าไปแจ้งความ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ สามารถไปแจ้งความดำเนินคดีได้เพิ่มเติม เบื้องต้นทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้เมื่อเดือนกันยายน เพราะมีการรื้อถอนวันที่ 9 ก.ย.64 และวันที่ 13 ก.ย.64 ต้องขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน เป็นการหากรรมสิทธิ์ทรัพย์ และทรัพย์สินที่รื้อถอนไปผู้เสียหายยังคงติดตามอยู่ อยากให้พนักงานสอบสวนดำเนินการให้ครบถ้วน ส่วนเรื่องของการรื้อร้าน ถ้าหากผู้นั้นเป็นผู้ที่เป็นกรรมสิทธิ์ ก็ต้องไปใช้สิทธิ์ตามศาล ว่าไปฟ้องขับไล่ ไม่ใช่ใช้อำนาจเข้ามารื้อถอนเอง การที่เป็นเจ้าของที่ดินก็ต้องใช้สิทธิ์ผ่านทางศาล เบื้องต้นจะทำหนังสือทวงถามว่าให้รื้อถอนในระยะเวลาตามสมควรภายใน 30 วันหรือไม่ ถ้ามารื้อเองก็จะมีความผิดทำให้เสียทรัพย์ และถ้าเอาทรัพย์สินของผู้ไปไม่คืนก็จะกลายเป็นคดีลักทรัพย์ทันที
แม่ค้าโวยร้านถูกรื้อ หลังสร้าง รพ.สนาม เครื่องมือทำกินหายเกลี้ยง หมอคนดังโพสต์ข่มขู่ - Sanook
Read More
No comments:
Post a Comment