เพียงไม่กี่วันหลังจากรัฐมนตรีคลังจากประเทศกลุ่มจี 20 เห็นด้วยในการผลักดันให้การทำการค้าระหว่างประเทศเป็นไปได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ทางการ “อินเดีย” ก็เริ่มเดินหน้าหารือข้อตกลงทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ
เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า ทางการอินเดียกำลังอยู่ในขั้นตอนหารือ ทำข้อตกลง “เขตการค้าเสรี” (FTA) หลังจากอินเดียได้ถอนตัวออกจากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) เมื่อเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้แทนที่อินเดียจะมุ่งทำการค้าซึ่งเป็นความตกลงระหว่างกลุ่มหลายประเทศ แต่หันมาสนใจทำข้อตกลงทางการค้าแบบทวิภาคี หรือระหว่าง 2 ประเทศหรือภูมิภาคแทน
อย่างล่าสุด ทางการอินเดียเตรียมหารือข้อตกลงทางการค้ากับ “สหภาพยุโรป” (อียู) หลังจากการหารือข้อตกลงดังกล่าว ถูกระงับมานานกว่า 14 ปี รวมถึงเตรียมหารือทำการค้ากับประเทศ “อิสราเอล” ในเดือนหน้า
ขณะเดียวกัน เมื่อเดือนที่ผ่านมาก็ได้เริ่มหารือข้อตกลงทางการค้ากับ “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” และได้เริ่มส่งสัญญาณว่าจะหารือข้อตกลงการค้ากับเพื่อนบ้าน “บังกลาเทศ” ช่วงต้นปีหน้า และก่อนหน้านี้รัฐบาลอินเดียได้ระบุว่า แม้ยังรอกำหนดการหารือข้อตกลงทางการค้ากับประเทศ
“ออสเตรเลีย” และ “สหราชอาณาจักร” (ยูเค) แต่รัฐบาลก็คาดหวังว่าจะสามารถทำข้อตกลงทางการค้ากับออสเตรเลียได้สำเร็จภายในเดือนธันวาคมนี้ และคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงกับสหราชอาณาจักรภายในเดือนมีนาคมปีหน้า
โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “พิยุช โกยอล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อินเดีย ระบุว่า อาจมีการหารือทำข้อตกลงทางการค้ากับอีก 2 ประเทศ แต่ยังไม่ได้ระบุว่าประเทศไหน
นอกจากนี้ ทางการอินเดียยังแถลงการณ์ว่า จะกลับมาทบทวนข้อตกลงทางการค้ากับอาเซียนอีกด้วย
รายงานข่าวระบุว่า ความสนใจในการทำข้อตกลงทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ ถือเป็น “นโยบายที่แตกต่าง” ไปจากเดิมของรัฐบาลอินเดียอย่างมาก
โดยตั้งแต่ “นเรนทรา โมดี” ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอินเดียเมื่อปี 2014 รัฐบาลไม่ได้สนใจทำข้อตกลงทางการค้ากับประเทศอื่น ๆ เพิ่ม แต่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อตกลงทางการค้าต่าง ๆ ที่อินเดียได้มีอยู่ เนื่องจากมองว่าข้อตกลงการค้าที่มีอยู่ “อินเดีย” กลายเป็นคู่ค้าที่เสียเปรียบ ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุให้รัฐบาลอินเดียขอถอนประเทศออกจากอาร์เซ็ปเมื่อปี 2019
โดยตั้งแต่โมดีดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอินเดีย ได้มีการเซ็นรับรองข้อตกลงทางการค้าเพิ่มเติมกับเพียงประเทศ “มอริเชียส” เกาะนอกชายฝั่งแอฟริกา
ขณะที่ “มันโมฮัน ซิงห์” อดีตนายกรัฐมนตรีอินเดียคนก่อนหน้า ได้ทำข้อตกลงทางการค้าเสรีมากกว่า 11 ข้อตกลง
ทั้งนี้ แหล่งข่าวอ้างอิงจากทางการอินเดียว่า ทางรัฐบาลได้เริ่มวางแผนที่จะมีการทำข้อตกลงการค้ากับประเทศต่าง ๆ อย่างไรก็ดี การระบาดของโควิด-19 ซึ่งได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ได้ทำให้รัฐบาลอินเดียสนใจกับการทำข้อตกลงทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น
“ดีเจ นาเรน” อธิบดีสื่อและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาคการส่งออกอินเดียที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด ได้ทำให้รัฐบาลสนใจในการทำข้อตกลงทางการค้าเพิ่มมากยิ่งขึ้น
“อินเดียเป็นประเทศคู่ค้าที่น่าเชื่อถือได้ ภายในซัพพลายเชน โดยรัฐบาลเดินหน้าดำเนินการทุกกระบวนการ เพื่อให้แน่ใจว่า ซัพพลายเชนของอินเดียจะไม่มีปัญหา เพื่อให้ทุกประเทศทั่วโลกมีความมั่นใจต่อกำลังการผลิตของประเทศอินเดียว่าจะไม่มีอุปสรรคใด ๆ” นาเรนกล่าว
ขณะเดียวกัน “ริชาร์ด รอสสอว์” ที่ปรึกษาอาวุโสและประธานศูนย์การศึกษาวาทวานี ด้านนโยบายระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและอินเดีย กล่าวว่า อีกปัจจัยที่ทำให้อินเดียสนใจทำข้อตกลงการค้ากับประเทศอื่น ๆ ก็เพราะว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นกับจีน
“ช่วงนี้หลายบริษัทกำลังต้องการกระจายความเสี่ยงออกมาจากประเทศจีน ซึ่งอินเดียถือเป็นประเทศที่จะทำให้หลายบริษัทสามารถเร่งการผลิตได้อย่างรวดเร็วขึ้น ซึ่งการทำข้อตกลงทางการค้า จะช่วยดึงดูดให้บริษัทที่สนใจเร่งกำลังการผลิต หันมาสนใจลงทุนที่อินเดียเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย” รอสสอว์กล่าว
โดยตอนนี้ รัฐบาลอินเดียได้พยายามจูงใจบริษัททั้งหลาย ที่อยากออกจากประเทศจีน และเริ่มมีนโยบายต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นมา เพื่อให้บริษัทหันมาตั้งฐานการผลิตที่อินเดียเพิ่มมากขึ้นแล้ว
“อินเดีย” เร่งทำ FTA หวังกระตุ้น “ส่งออก” - ประชาชาติธุรกิจ
Read More
No comments:
Post a Comment