Rechercher dans ce blog

Thursday, September 30, 2021

เป็นมากกว่าที่เคยเป็น ทำมากกว่าที่เคยทำ โอกาสที่บางจากฯ มีให้กับพนักงานเสมอ เพื่อส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้สังคม - กรุงเทพธุรกิจ

เต้-สุชน ดีจังวิภาต นักวางแผนอาวุโส ส่วนบริหารการเปลี่ยนแปลง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) แบ่งปันประสบการณ์ของเขาที่พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วว่า จริง ๆ แล้วเราสามารถเป็นได้มากกว่าสิ่งที่เราเคยเป็น

ในชีวิตการทำงาน หลายคนอาจเคยคิดว่าหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็คืองานที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพและความถนัดโดยตรง เช่น ถ้าเป็นครูก็สอนหนังสือ ถ้าเป็นหมอก็รักษาคนไข้ ถ้าเป็นพนักงานบริษัท ก็รับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วคน ๆ หนึ่งสามารถทำอะไรได้มากไปกว่าอาชีพหรือความถนัดในงานที่รับผิดชอบอยู่ 

เหมือนกับที่ เต้-สุชน ดีจังวิภาต นักวางแผนอาวุโส ส่วนบริหารการเปลี่ยนแปลง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) แบ่งปันประสบการณ์ของเขาที่พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วว่า จริง ๆ แล้วเราสามารถเป็นได้มากกว่าสิ่งที่เราเคยเป็น ทำในสิ่งที่เราอาจไม่เคยทำมาก่อนได้ แล้วทำออกมาได้เป็นอย่างดีด้วยเพียงเรามุ่งมั่นและตั้งใจ

เป็นมากกว่า KPI คือการค้นพบบทบาทใหม่

‘ปีแรกที่เข้าบางจากฯ มา พบว่ามีกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSR ให้เลือกทำ ตอนนั้นยังไม่ค่อยรู้จักว่า CSR คืออะไร เลยคิดว่าลงสมัครไปก่อนแค่ให้เป็นไปตาม KPI โดยสมัครเข้าร่วมเป็นครูอาสาไปสอนวิชาเคมี  ที่กศน. เขตพระโขนง’

ที่บางจากฯ การร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมนั้น เป็นหนึ่งใน KPI ประจำปีของพนักงานเพื่อให้พนักงานสามารถเข้าร่วมตามความถนัดหรือความสนใจโดยไม่ถือเป็นการเสียเวลาทำงาน เนื่องจากการทำกิจกรรมเพื่อสังคมนั้นเรียกได้ว่าอยู่ใน DNA ของชาวบางจากฯ เลยก็ว่าได้  สำหรับเต้ จุดนี้ได้กลายมาเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ ชีวิตของเต้ให้มีบทบาทใหม่เพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากการเป็นพนักงานบริษัทฯ 

‘ตอนไปเป็นครูอาสาครั้งแรก เรารู้สึกประหลาดใจมาก เพราะคิดว่าคนที่มาเรียนคงจะถูกบังคับมา แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เลย ทุกคนที่มาตั้งใจกันมาก ๆ กลายเป็นเรามองผิดไป คือทุกคนคาดหวังกับการมาสอนของพนักงานบางจากฯ มาก ทั้งตัวผู้เรียนเองแล้วก็คุณครูของทางกศน. ด้วย’

จากโต๊ะทำงาน สู่ครูอาสาฯ นอกห้องเรียน

การเริ่มสอนเป็นครั้งแรกในวันนั้นของเต้ ได้ก่อเกิดเป็นความประทับใจ ช่วยสร้างพลังงานบวกซึ่งกันและกันระหว่างนักเรียนกับครู ซึ่งมาจากความตั้งใจจริงที่อยากนำความรู้ด้านเคมีถ่ายทอดให้แก่นักเรียน

‘หลังจากการสอนครั้งแรก เราทั้งรู้สึกดีใจและภูมิใจ เลยเข้าร่วมการสอนมาตลอด 14 ปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่มีโอกาสจะไปช่วยสอนการบ้านเด็ก ๆ ที่อยู่ในชุมชนรอบโรงกลั่น ตอนนั้นเวลาไปก็ไปกับเพื่อนพนักงานอีกหลายคน โดยบริษัทฯ จัดเตรียมรถรับส่ง สื่อการสอน เครื่องเขียนต่าง ๆ ไว้ให้เราไปสอนอย่างพร้อมที่สุด’

แน่นอนว่าบทบาทใหม่ในการเป็นครูอาสานั้นไม่ได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถที่คน ๆ หนึ่งจะทำได้เพียงตั้งใจและไม่ย่อท้อ เหมือนกับที่เต้ได้พัฒนาตัวเองและหมั่นเข้าร่วมกิจกรรมด้านการสอนหนังสือที่บางจากฯ จัดขึ้นมาโดยตลอด  ‘ช่วงแรก ๆ มีปัญหาอยู่บ้าง เพราะพื้นฐานผู้เรียนแต่ละคนแตกต่างกัน แต่เราก็ค่อย ๆ ปรับทักษะการสอน พัฒนามาเรื่อย ๆ จากการสังเกตนักเรียนในห้องเรียน ค้นเจอจุดตรงกลางที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน และในที่สุดทุกอย่างก็เป็นไปได้’

นอกจากกิจกรรมสอนหนังสือ บางจากฯ ยังมีกิจกรรมรูปแบบอื่น ๆ ที่จัดขึ้นเพื่อดูแลและสร้างความสัมพันธ์กับทางชุมชนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมวันครอบครัว การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อดูแลสุขภาพของคนในชุมชน การซ้อมแผนอพยพกรณีเกิดอุบัติภัย เป็นต้น

ปรับตัวว่องไว แม้ในบทบาทเสริม

‘การทำ CSR มันก็มีหลายวิธีที่ง่ายกว่าหรือจบเร็ว แต่ CSR ที่บางจากฯ ลงมือทำนั้นลุ่มลึก ใช้ทรัพยากรเยอะ อาจจะใช้เงินไม่มากนัก แต่ทรัพยากรที่ใช้เยอะมากคือ ในแง่ของคน ความสามารถส่วนบุคคล เวลา รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทำให้พนักงานอย่างเรารู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมนั้นจริง ๆ’ พิสูจน์ได้ด้วยความพยายามคิดต่อยอดและปรับตัวในวันที่โลกใบเดิมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปจากการมาเยือนของโควิด-19  โดยกลุ่มบางจากฯ ยังคงเดินหน้ากิจกรรมเพื่อสังคมต่อไปในรูปแบบที่เหมาะสมและสอดคล้องกับมาตรการของภาครัฐ รวมไปถึงบทบาทการสอนของเต้ด้วยเช่นกัน

‘เราคิดว่าถ้าเป็นเรา เราก็ยังอยากเรียนแม้จะเป็นช่วงโควิด เลยลองคิดหาวิธีปรับการสอนเป็นแบบออนไลน์ มีการทำแบบสำรวจกับเพื่อนบ้านรอบโรงกลั่นก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าผู้เรียนเห็นด้วย และจะได้รู้ว่ามีใครติดปัญหาตรงไหนหรือไม่ ซึ่งจากกว่า 300 คนที่ตอบมา เกิน 90% ก็สนใจที่จะเรียนแบบออนไลน์ ตอนนี้เลยอยู่ในช่วงจัดทำหลักสูตรอยู่’

นอกจากนั้น กิจกรรมต่าง ๆ ที่ทีมกิจการสัมพันธ์ทำร่วมกับชุมชนผ่านโครงการครอบครัวเดียวกัน  ก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบจากที่จัดกิจกรรมให้ได้เรียนรู้ร่วมกัน เป็นการส่งของ DIY เช่น ชุดย้อมสีกระเป๋าผ้าพร้อมวิธีทำ กระทง DIY ไปกับจุลสารครอบครัวใบไม้ ซึ่งก็ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวไปในตัว นอกเหนือไปจากการดูแลให้ทุกคน “ปลอดภัยไปด้วยกัน” ด้วยการมอบของจำเป็นในช่วงโควิด เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ 

หนึ่งเรื่องสำคัญที่พี่ ๆ ‘บ้านบางจาก’ พูดถึงเสมอคือ Resilience หรือ การที่เราสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเวลาที่เจออุปสรรค ถือเป็นอีกคุณสมบัติที่สำคัญที่จะหนุนให้องค์กรอยู่คู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน
    
ซึ่งพนักงานบางจากเองก็ได้พิสูจน์แล้วว่าในยามวิกฤต ทุกคนได้ยืนหยัดที่จะต่อสู้กับปัญหา เป็นกำลังสำคัญของบริษัทฯ เพื่อก้าวผ่านทุกอุปสรรคไปให้ได้ สอดรับกับค่านิยมของบริษัทฯ ในเรื่องของ Agility และ Mobility หมายถึงการพร้อมใจเปลี่ยนแปลงและมีความคล่องตัวอยู่เสมอ 

และ ทุกคน ‘เป็นมากกว่าพนักงาน’ เพื่อสร้างประโยชน์ ส่งต่อโอกาสให้แก่ผู้คนในสังคม ในทุกครั้งที่โอกาสอำนวย

เป็นมากกว่าที่เคยเป็น ทำมากกว่าที่เคยทำ โอกาสที่บางจากฯ มีให้กับพนักงานเสมอ เพื่อส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้สังคม

Adblock test (Why?)


เป็นมากกว่าที่เคยเป็น ทำมากกว่าที่เคยทำ โอกาสที่บางจากฯ มีให้กับพนักงานเสมอ เพื่อส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้สังคม - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

เลือกได้ไหม! หนุ่มสุดงง เมียให้แกะขนมตามซีรีส์ ทำได้ให้เงิน ทำพลาดถูกหัก - ข่าวสด

หนุ่มสุดงง เมียให้แกะขนมตามรอยซีรีส์ Squid Game ทำสำเร็จรับเงินค่าขนม ทำพลาดถูกหักเงิน แถมยังมีโจทย์มาให้ท้าทายเรื่อย ๆ อีก!

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชาวไต้หวัน (@Kevin Cheng) ได้โพสต์ภาพของขนมทัลโกนา (ขนมน้ำตาล) ที่ภรรยาของเขาทำขึ้น ซึ่งขนมทัลโกนาได้ปรากฏในซีรีส์เรื่อง “Squid Game” ทางเน็ตฟลิกซ์ เป็นฉากที่ตัวละครจะต้องแกะขนมให้ได้ตามรูป หากใครทำพลาดมีบทลงโทษถึงชีวิต

ดูเหมือนภรรยาของเขาจะติดซีรีส์หนักไปหน่อย จึงทำขนมทัลโกนามาให้เขาลองแกะตาม เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังตั้งกฎแปลก ๆ ขึ้นมาว่า หากเขาสามารถแกะขนมได้ตามรูปจะให้เงินประมาณ 600 บาท แต่หากทำพลาดก็จะถูกหักเงินเช่นกัน โดยใช้ได้แค่เข็มกับลิ้นเท่านั้น

ต่อมาเขาได้อัพเดตเพิ่มเติมว่า หลังจากนั้นภรรยาก็คิดโจทย์ขึ้นมาใหม่เรื่อย ๆ เพราะเดิมเป็นรูปสี่เหลี่ยม เธอบอกว่ามันง่ายเกินไป จึงทำออกมาให้แกะมากถึง 7 รูปแบบ ซึ่งดูจากความหนาแล้วน่าจะยากพอสมควร ทำเอาเขาไปไม่เป็นเลยทีเดียว

ไม่นานโพสต์ได้กลายเป็นไวรัล ชาวเน็ตแห่เข้ามาแสดงความคิดเห็นล้นหลาม บางคนก็ล้อเลียน บางคนก็แนะนำวิธีการให้เขา “ดีเท่าไหร่แล้วที่เธอไม่ปล่อยให้คุณตาย”, “รู้สึกเหมือนว่าภรรยากําลังฝึกทักษะบางอย่างให้คุณอยู่”, “ซีรีส์ทำพิษ”

ขอบคุณที่มา Facebook

Adblock test (Why?)


เลือกได้ไหม! หนุ่มสุดงง เมียให้แกะขนมตามซีรีส์ ทำได้ให้เงิน ทำพลาดถูกหัก - ข่าวสด
Read More

NSL Foods จับมือ เป็ด เชิญยิ้ม ทำ "น้ำปลาร้าต้มสุก" ลุยตลาด - ไทยรัฐ

เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จับมือ เป็ด เชิญยิ้ม หรือ เชิญยิ้ม ฟู้ด โปรดักส์ ส่ง "น้ำปลาร้าปรุงรสต้มสุก" ลุยตลาด ตั้งเป้าปี 65 ยอดขาย 9 ล้านขวด

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 64 นายสมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NSL กล่าวว่า เราและบริษัท เชิญยิ้ม ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงทางธุรกิจ เข้ามาเป็นผู้ผลิต และจัดจำหน่าย พร้อมดูแลเรื่องการกระจายสินค้าของ บริษัท เชิญยิ้ม ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด ต่อยอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์

พร้อมทำการตลาดมีแผนเริ่มต้นการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปในต่างประเทศ โดยช่องทางการจำหน่ายสินค้า จะมีแผนการวางจำหน่าย 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ Modern Trade Traditional Trade และ ร้านสะดวกซื้อ โดยจะจำหน่ายทาง 7-11 ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 64

ดร.ธัญญา โพธิ์วิจิตร รองประธานกรรมการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชิญยิ้ม ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด หรือ CYP เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์น้ำปลาร้าปรุงรสต้มสุก เป็นผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหารที่มีมูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด จะผลิตภัณฑ์น้ำปลาร้าปรุงรสต้มสุกตราเชิญยิ้มสู่ตลาด 

อีกทั้งทางบริษัทฯ ยังมีศักยภาพเพียงพอในด้านการสื่อสารการตลาดเพื่อให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักในวงกว้างทั้งทาง Online, Offline, On ground Activity และนำเสนอผลิตภัณฑ์สู่กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มพ่อบ้าน แม่บ้าน พ่อค้า แม่ค้า ผ่านรายการก่อนบ่ายคลายเครียด และเจาะตลาดผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารด้วย

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีจุดยืนที่เข้มแข็งในด้าน Brand Positioning เนื่องจากชื่อเชิญยิ้ม เป็นชื่อคณะดาราตลกที่มีชื่อเสียง และมีสมาชิกมากที่สุดของวงการบันเทิงไทย มีผู้บริโภครู้จักเป็นวงกว้าง สำหรับยอดขายที่ตั้งเป้าหมายไว้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 64 อยู่ที่จำนวน 1 ล้านขวด และตั้งเป้ายอดขายในปี 65 อยู่ที่ 9 ล้านขวด แม้สถานการณ์โควิด-19 ระบาด ยังไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อยอดขาย 

ขณะเดียวกัน เรามีแผนต่อยอดผลิตภัณฑ์เป็นน้ำปลาร้าปรุงรสต้มสุก สูตรแม่ค้าขนาดใหญ่ หรือ Big Size  เหมาะสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารที่มีความจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ปรุงรสเป็นจำนวนมาก สำหรับแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ เชิญยิ้มในปี 2565

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มอาหารทานเล่น อาทิ ลูกชิ้นคากิ, ไส้กรอกอีสาน, ไส้กรอกคากิ, หมูยอ, ขาหมูชิ้น, หมูบะช่อ กลุ่มเครื่องดื่มกาแฟสุขภาพ 3 in 1 ผลิตภัณฑ์ขนมกัมมี่ อารมณ์ดี ผลิตภัณฑ์อาหารบนสายการบิน ผลิตภัณฑ์ประเภทกับข้าว แกงถ้วยสำเร็จรูป ฯลฯ ซึ่งเป็นแผนการขยายฐานธุรกิจในอนาคต. 

Adblock test (Why?)


NSL Foods จับมือ เป็ด เชิญยิ้ม ทำ "น้ำปลาร้าต้มสุก" ลุยตลาด - ไทยรัฐ
Read More

ประกาศห้ามชุมนุม มั่วสุม ทำกิจกรรมเสี่ยงแพร่โควิด ฉบับ 11 ฝ่าฝืนมีโทษ - ไทยรัฐ

ราชกิจจานุเบกษา ประกาศห้ามชุมนุม มั่วสุม ทำกิจกรรมเสี่ยงแพร่โรคโควิด-19 ทั่วราชอาณาจักร ฉบับที่ 11 ฝ่าฝืนผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องระวางโทษคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่น 

วันที่ 30 กันยายน 2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 11) ลงนามโดย พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง ประกาศ ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564 มีเนื้อหาดังนี้

สืบเนื่องมาจากผลการบูรณาการและประสานความร่วมมือของทุกฝ่าย รวมทั้งความร่วมมือของภาคประชาชนในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล รวมทั้งมาตรการอื่นๆ ที่กำหนด ทำให้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มของสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น เพื่อการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจ การฟื้นฟูและพัฒนาประเทศในระยะยาว ควบคู่กับการป้องกันและควบคุมโรคอย่างสมดุลและยั่งยืน รัฐบาลจึงได้ออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 34) ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564 ซึ่งมีมาตรการผ่อนคลายความเข้มงวดบางกรณีให้มีความเหมาะสม โดยกำหนดมาตรการควบคุมเท่าที่จำเป็นตามระดับพื้นที่ของสถานการณ์เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ยังจำเป็นต้องติดตามกำกับดูแลทั้งบุคคล สถานที่ การดำเนินกิจการและกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขของการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในระยะยาว

อาศัยอำนาจตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 15) ข้อ 3 และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2563 ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ 3 (6) และข้อกำหนด คำสั่ง ประกาศ ที่เกี่ยวข้อง จึงให้ปฏิบัติดังนี้

1. ให้ยกเลิกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 9) ลงวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 10) ลงวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564

2. ห้ามมิให้มีการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค หรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน หรือการกลั่นแกล้งเพื่อแพร่โรค ณ ที่ใดๆ ทั่วราชอาณาจักร

3. ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุมพื้นที่เฝ้าระวังสูง พื้นที่เฝ้าระวัง เว้นแต่กรณีได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้น โดยให้ดำเนินการตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 30) ลงวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ข้อกำหนด (ฉบับที่ 32) ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และข้อกำหนด (ฉบับที่ 34) ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564

ทั้งนี้ ในเรื่องมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้ดำเนินการตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 32) ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และข้อกำหนด (ฉบับที่ 34) ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564

หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ ต้องรับโทษตามมาตรา 13 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในกรณีที่มีการออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับใหม่ ให้ประกาศฉบับนี้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดฉบับใหม่ดังกล่าว

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป.

Adblock test (Why?)


ประกาศห้ามชุมนุม มั่วสุม ทำกิจกรรมเสี่ยงแพร่โควิด ฉบับ 11 ฝ่าฝืนมีโทษ - ไทยรัฐ
Read More

คุณตาวัย 89 ร้อง หลานหลอกไปทำพินัยกรรม แต่ให้โอนที่ดินหมด 5 แปลง - ไทยรัฐ

ชายชราวัย 89 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เมื่อทายาทที่เป็นตำรวจมาพบว่า เซ็นชายที่ดิน 5 แปลงเนื้อที่กว่า 16 ไร่ ราคาจริงไร่ละ 1-5 ล้านบาท แต่ขายให้หลานสาวและหลานเขยไปเพียง 3 แสนบาท โดยคุณตายืนยันไม่ได้ขาย หลานบอกว่าจะพาไปทำพินัยกรรมขอที่ดินแปลงเดียว ด้านเจ้าพนักงานที่ดินยืนยันทุกอย่างดำเนินการถูกต้องทุกขั้นตอน คุณตาแสดงเจตนาจะขายที่ดินรวม 5 โฉนด ในราคา 3 แสนบาทจริง

วันที่ 30 ก.ย. 64 นายชุบ นารอด อายุ 89 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 8 ต.ไม้เค็ด อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ได้นำหลักฐานใบแจ้งความทุกข์ เข้าพบผู้สื่อข่าว "ไทยรัฐ" ระบุว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 64 ได้ถูกหลาน 2 คน หลอกพาไปทำพินัยกรรมเรื่องที่ดิน แต่ปรากฏว่า พาไปทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่สำนักงานที่ดิน จ.ปราจีนบุรี ซึ่งผู้แจ้งได้ร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลทั้ง 2 ไว้ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี

ทั้งนี้ ในหลักฐานใบแจ้งความร้องทุกข์ ระบุว่า นายชุบ นารอด อายุ 89 ปี ได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี แจ้งว่าเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 64 เวลาประมาณ 12.00 น. ขณะผู้แจ้งอยู่บ้านพัก นายเจริญฤทธิ์ เจริญรบ และ นางวัชรินทร์ เจริญรบ ได้ขับรถยนต์เข้ามาที่บ้านพัก (พักอาศัยอยู่ด้วยกัน) บอกให้ผู้แจ้งไปทำพินัยกรรมเรื่องที่ดิน แต่นายเจริญฤทธิ์ ได้พาไปที่สำนักงานที่ดิน

หลังจากนั้นให้นั่งคอยนานประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วเรียกให้ผู้แจ้งไปลงลายมือชื่อในเอกสาร ซึ่งผู้แจ้งไม่ทราบว่า เป็นเอกสารอะไร ผู้แจ้งไม่ได้อ่าน มีเจ้าหน้าที่เป็นผู้หญิงเป็นผู้ดำเนินการ หลังจากลงลายมือชื่อเสร็จ นายเจริญฤทธิ์ และนางวัชรินทร์ฯ ได้พาผู้แจ้งกลับบ้านพัก โดยผู้แจ้งไม่ทราบว่าการลงลายมือชื่อดังกล่าวเป็นการลงลายมือชื่ออะไร ต่อมา วันที่ 4 ก.ย. 64 ผู้แจ้งจึงเล่าเรื่องดังกล่าวให้ พ.ต.ท.สมศักดิ์ นารอด ฟัง และในวันที่ 5 ก.ย. 64 พ.ต.ท.สมศักดิ์ จึงให้ นางวัชรินทร์ "น้องสาว" ของ พ.ต.ท.สมศักดิ์ นำโฉนดที่ดินมาดู ปรากฏว่าเป็นการโอนที่ดินเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ จากผู้แจ้งเป็นของ นางวัชรินทร์ ทั้งหมด ในวันนี้ (6 ก.ย. 64) ผู้แจ้งและ พ.ต.ท.สมศักดิ์ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่ สนง.ที่ดิน ขอดูเอกสาร ปรากฏว่าในหนังสือสัญญาขายที่ดินระบุว่าผู้แจ้งขายที่ดินให้ นางวัชรินทร์ฯ ทั้งหมด 5 แปลง (ปรากฏตามสำเนาโฉนดที่มอบต่อ พงส.) ราคา 300,000 บาท ผู้แจ้งจึงรู้ว่าถูกหลอกลวงให้ทำนิติกรรมดังกล่าว จึงเดินทางแจ้งความร้องทุกข์ กับ ร.ต.อ.ดำรงค์ ทองลบ พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีกับนายเจริญฤทธิ์ และนางวัชรินทร์ จนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายชุบ นารอด อายุ 89 ปี ที่บ้านเลข 13 หมู่ 7 ต.บ้านนา อ.บ้านนา จ.นครนายก เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงพบว่า โฉนดเลขที่ 2489 จำนวน 5 ไร่ 32 ตารางวา โฉนดเลขที่ 5986 จำนวน 4 ไร่ 1 งาน 86 ตารางวา โฉนดเลขที่ 43935 จำนวน 1 ไร่ 2 งาน 23 ตารางวา โฉนดเลขที่ 2380 จำนวน 1 ไร่ 85 ตารางวา โฉนดเลขที่ 48780 จำนวน 4 ไร่ 1 งาน 12 ตารางวา รวม 5 โฉนด รวม จำนวนที่ดิน 16 ไร่ 2 งาน 38 ตารางวา เป็นพื้นที่ในตำบลไม้เค็ด อ.เมืองปราจีนบุรี อยู่บริเวณถนนสาย 33 ตัดใหม่ ที่ขายไปเป็นเงิน 300,000 บาท ซึ่งราคาซื้อขายในปัจจุบันมีการซื้อขายไร่ละกว่า 1-5 ล้านบาท

นายชุบ นารอด กล่าวว่า "เขาชวนไปทำพินัยกรรมที่ดินที่จังหวัดปราจีนบุรี แต่ไม่ได้ทำที่สำนักงาน แต่ไปทำที่ด้านหลังสำนักงานที่ดิน ก็เอะใจเหมือนกันแต่ก็สะกดใจเอาไว้ เมื่อกลับบ้านมาเขาก็ไปแล้ว เมื่อหลาน คือ (พ.ต.ท.สมศักดิ์ นารอด) มาก็เลยบอก ทำให้ความแตก"

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการที่มีหลักฐานการซื้อขาย นายชุบ กล่าวว่าไม่ได้ซื้อไม่ได้เงินแต่อย่างใด เรื่องนี้จะดำเนินการให้ถึงที่สุด และยืนยันว่าไม่ได้มีการซื้อขาย ไม่เคยบอกขายเลย ที่เซ็นชื่อในหลักฐานเพราะเขาบอกว่าให้ทำพินัยกรรมไปก่อน เขาคงกลัวคนอื่นแย่งไป และนึกว่าทำแปลงเดียวที่เขาเคยขอไว้ ที่ไหนได้รวม 5 แปลง

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่ดิน จ.ปราจีนบุรี เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น นายกฤษณะ ช่อแซม เจ้าพนักงานที่ดิน หัวหน้างานทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ได้กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 64 นายชุบ นารอด ผู้ร้องได้มาติดต่อกับที่ดินจังหวัดปราจีนบุรีว่า มีความประสงค์ต้องการทำพินัยกรรมขายที่ดิน จำนวน 5 โฉนด ให้แก่ นางวัชรินทร์ เจริญรบ โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ทางเจ้าหน้าที่สอบสวนช่องบริการที่ 1 คือ คุณอุบล แสงมณี เป็นผู้ตรวจสอบหลักฐานประกอบการทำนิติกรรม โดยได้สอบสวนสิทธิความสามารถของบุคคลตลอดจนความสมบูรณ์ตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ข้อกำหนดในที่ดิน การหลีกเลี่ยงกฎหมาย ราคาซื้อขายที่แท้จริง การชำระราคาการซื้อขาย การชำระภาษีบำรุงท้องที่ สอบสวนว่าผู้ขายเป็นเจ้าของที่ดินที่แท้จริง ให้ผู้ซื้อยืนยันว่าผู้ขายเป็นเจ้าของที่แท้จริง และยินยอมรับผิดชอบความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ตามกฎหมายกรมที่ดิน ว่าด้วยการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมว่าด้วยการขายที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่น พ.ศ. 2543 ลงวันที่ 20 พ.ย. 2543 และฉบับที่ 2545 

"เมื่อเจ้าพนักงานพิจารณาแล้วอยู่ในหลักเกณฑ์ที่สามารถทำนิติกรรมตามเจตนาของคู่กรณี จึงจัดทำสัญญาขายที่ดินรวม 5 โฉนด โดยนายชุบ นารอด แสดงเจตนาว่าจะขายที่ดินรวม 5 โฉนด ให้แก่ นางวัชรินทร์ เจริญรบ ในราคา 300,000 บาท ถ้วนแล้ว จึงลงลายมือชื่อในบันทึกยืนยันการแจ้งราคาซื้อขาย และได้ชำระเงินรับตามสัญญาซื้อขายที่ดินรวม 5 โฉนดครบถ้วนแล้ว เจ้าพนักงานที่ดินจึงได้จดทะเบียนนิติกรรมขายที่ดิน รวม 5 โฉนด ตามความประสงค์ของคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งได้แจกโฉนดที่ดินให้ผู้ซื้อ หลังจากได้จดทะเบียนนิติกรรมแล้ว ในระบบคอมพิวเตอร์ จะเปลี่ยนเป็นของผู้ซื้อ ส่วนที่ว่าการทำนิติกรรมทำที่ด้านหลังสำนักงานที่ดินนั้น เป็นไปไม่ได้เลย การทำนิติกรรมต้องทำในสำนักงานที่ดินจังหวัดปราจีนบุรีเท่านั้น".

Adblock test (Why?)


คุณตาวัย 89 ร้อง หลานหลอกไปทำพินัยกรรม แต่ให้โอนที่ดินหมด 5 แปลง - ไทยรัฐ
Read More

ประกาศห้ามชุมนุม-มั่วสุม ทำกิจกรรมเสี่ยงแพร่โควิด ฝ่าฝืนมีโทษ - กรุงเทพธุรกิจ

ราชกิจจานุเบกษา ประกาศห้ามชุมนุม มั่วสุม ทำกิจกรรมเสี่ยงแพร่โควิด ฉบับ 11 ฝ่าฝืนผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องระวางโทษคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่น

วันที่ 30 กันยายน 2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 11) ลงนามโดย พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง ประกาศ ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564 มีเนื้อหาดังนี้

สืบเนื่องมาจากผลการบูรณาการและประสานความร่วมมือของทุกฝ่าย รวมทั้งความร่วมมือของภาคประชาชนในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล รวมทั้งมาตรการอื่นๆ ที่กำหนด ทำให้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มของสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น เพื่อการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจ การฟื้นฟูและพัฒนาประเทศในระยะยาว ควบคู่กับการป้องกันและควบคุมโรคอย่างสมดุลและยั่งยืน

รัฐบาลจึงได้ออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 34) ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564 ซึ่งมีมาตรการผ่อนคลายความเข้มงวดบางกรณีให้มีความเหมาะสม โดยกำหนดมาตรการควบคุมเท่าที่จำเป็นตามระดับพื้นที่ของสถานการณ์เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ยังจำเป็นต้องติดตามกำกับดูแลทั้งบุคคล สถานที่ การดำเนินกิจการและกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขของการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในระยะยาว

อาศัยอำนาจตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 15) ข้อ 3 และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2563 ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ 3 (6) และข้อกำหนด คำสั่ง ประกาศ ที่เกี่ยวข้อง จึงให้ปฏิบัติดังนี้

1. ให้ยกเลิกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 9) ลงวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 10) ลงวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564

2. ห้ามมิให้มีการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค หรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน หรือการกลั่นแกล้งเพื่อแพร่โรค ณ ที่ใดๆ ทั่วราชอาณาจักร

3. ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุมพื้นที่เฝ้าระวังสูง พื้นที่เฝ้าระวัง เว้นแต่กรณีได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้น โดยให้ดำเนินการตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 30) ลงวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ข้อกำหนด (ฉบับที่ 32) ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และข้อกำหนด (ฉบับที่ 34) ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564

ทั้งนี้ ในเรื่องมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้ดำเนินการตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 32) ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และข้อกำหนด (ฉบับที่ 34) ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564

หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ ต้องรับโทษตามมาตรา 13 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในกรณีที่มีการออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับใหม่ ให้ประกาศฉบับนี้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดฉบับใหม่ดังกล่าว

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป

ประกาศห้ามชุมนุม-มั่วสุม ทำกิจกรรมเสี่ยงแพร่โควิด ฝ่าฝืนมีโทษ ประกาศห้ามชุมนุม-มั่วสุม ทำกิจกรรมเสี่ยงแพร่โควิด ฝ่าฝืนมีโทษ

Adblock test (Why?)


ประกาศห้ามชุมนุม-มั่วสุม ทำกิจกรรมเสี่ยงแพร่โควิด ฝ่าฝืนมีโทษ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

'เพื่อไทย' คิกออฟโครงการ 'Outside-IN ประชาชนคิด เพื่อไทยทำ' ประเดิม 8 เขต กทม. - มติชน

‘เพื่อไทย’ คิกออฟโครงการ ‘Outside-IN ประชาชนคิด เพื่อไทยทำ’ ประเดิม 8 เขต กทม. รับฟังปัญหาของปชช.-เปิดรับแนวคิด แก้วิกฤตสร้างโอกาสคืนสู่ประเทศ ปูทางสู่ ‘ครอบครัวเพื่อไทย’

เมื่อวันที่ 30 กันยายน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค พท. และนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรค พท. เปิดอบรมโครงการ Outside-IN ประชาชนคิด เพื่อไทยทำ นำร่อง 8 เขตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเปิดพื้นที่ให้ประชาชนเข้ามาแลกเปลี่ยน สะท้อนปัญหาและความคิดเห็นผ่านกิจกรรมเวิร์กช็อป และทำโพลปัญหาเชิงพื้นที่ โดยการจัดงานในวันนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 25 คน ดำเนินการภายใต้ข้อกำหนดการจัดกิจกรรมการรวมกลุ่มของ ศบค.

นายประเสริฐกล่าวว่า ตลอดเส้นทางการเมืองที่ยาวนานกว่า 20 ปี ของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ได้พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยและสร้างปรากฏการณ์พัฒนาการทางประชาธิปไตยของไทยให้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทุกนโยบายของพรรคเพื่อไทย มาจากการเปิดกว้างรับความคิดเห็นของประชาชน และนำไปปฏิบัติจริงเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง โดยทีมงานมืออาชีพ เพื่อสร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อย่างที่เราเคยมีความสุขอย่างถ้วนหน้ามาแล้วในอดีต

ด้าน น.ส.อรุณีกล่าวว่า ข้อสรุปที่ได้จากโครงการ Outside-IN ประชาชนคิด เพื่อไทยทำ จะนำไปเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำนโยบายของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้เตรียมความพร้อมทั้งบุคลากร และนโยบายใหม่ๆ ที่จะช่วยสร้างคืนชีวิตที่ดีและมีคุณภาพให้กับพี่น้องประชาชนในแบบที่เราทำมาโดยตลอด

ขณะที่ นายชนินทร์กล่าวว่า ผลการจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปและการจัดทำโพลปัญหาเชิงพื้นที่ พบว่า ประชาชนกลุ่มนำร่อง 8 เขต กทม. ส่วนใหญ่ 90% เห็นว่าปัญหาเศรษฐกิจคือปัญหาเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไข รองลงมา 50% คือปัญหาการเมือง และอีก 40% คือปัญหาการศึกษา ส่วนปัญหาเชิงพื้นที่กรุงเทพฯ เห็นว่า ปัญหาน้ำท่วม การจราจร การเก็บส่วยคอร์รัปชั่น อาชญากรรม ต้องเร่งแก้ไขโดยเร็ว และสิ่งที่ประชาชนคาดหวังมากที่สุดในขณะนี้คืออยากมีงานทำ ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่าการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลชุดนี้ทำให้ประชาชนสิ้นหวังทุกทาง พรรค พท.ได้เพิ่มช่องทางให้ประชาชนสะท้อนปัญหาเข้ามายังพรรคเพื่อไทย ผ่าน Line Official เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้พรรคการเมืองใกล้ชิดประชาชนได้โดยตรง

ทั้งนี้ สำหรับโครงการ Outside-IN ประชาชนคิด เพื่อไทยทำ จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน – 21 ตุลาคม 2564 เบื้องต้นจะดำเนินการใน 8 เขตในกรุงเทพมหานคร ก่อนจะขยายต่อไปในทุกเขตทั่วกรุงเทพฯ เมื่อจบการอบรม ผู้เข้าอบรมจะได้รับบัตรสมาชิกชั่วคราว เพื่อยืนยันว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของพรรคในฐานะ “ครอบครัวเพื่อไทย” ด้วย

QR Code LINE @Matichon

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่

LINE @Matichon

บทความก่อนหน้านี้‘ก.ค.ศ.’ เคาะปรับสอบครูผู้ช่วย ชงครม.เพิ่มเบี้ยพิเศษครู เสียสละ-อดทน
บทความถัดไปหยาดทิพย์ รีวิวเป็นคุณแม่ครบ 1 เดือน บอกไม่น่าเชื่อ ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

matichon

Adblock test (Why?)


'เพื่อไทย' คิกออฟโครงการ 'Outside-IN ประชาชนคิด เพื่อไทยทำ' ประเดิม 8 เขต กทม. - มติชน
Read More

ลูกค้าอึ้ง! สั่งทำคัพเค้กวันเกิด แม่ค้ารับปากดิบดี สุดท้ายมาส่งช้า แถมยังกล้าที่จะสอน - Sanook

กลายเป็นโพสต์ที่ถูกแชร์ไปทั่วโลกออนไลน์ หลังจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์เล่าเหตุการณ์สั่งคัพเค้ดมาเป้าในวันเกิดลูก ซึ่งแม่ค้าก็รับปากดิบดีว่าส่งทันแน่นอน แต่ปรากฏว่ามาส่งไม่ทันเวลานัด ซึ่งแม่ค้าก็ยอมรับว่าทางร้านผิดที่รับปากไป แต่ส่งช้า และยังสอนเธอว่าให้สั่งล่วงหน้า โดยไม่ยอมโอนเงินคืน และบอกว่าถ้าไม่รับก็ให้เอาคัพเค้กโยนทิ้งไปเลย

ผู้โพสต์ ระบุว่า "โปรดใช้วิจารณญาณในการเลือกร้านเค้ก ร้านเค้กอื่น สวย อร่อย แม่ค้าน่ารัก คงยังมีอีกหลายร้าน ร้านนี้ครั้งเดียวเกินพอ

สรุป

  • ตอนแรงบอกว่าส่งถึงก่อน 18.00
  • พอถามบอกจะส่ง17.30 แต่ออกจากร้านจริง 18.31
  • โกหกว่าโทรหาคนขับรถบอกใกล้ถึงแล้ว ทั้งที่ไม่ได้โทร
  • แม่ค้าตอบไม่น่ารัก
  • เค้กถึงหน้าบ้านตอบ 19.50

#ทำแบบนี้แม่ค้าไม่น่ารักรึเปล่า"

ผู้โพสต์ยังได้โพสต์แชตที่ถูกคุยกับแม่ค้า โดยเธอได้สอบถามและทำการสั่งคัพเค้ก โดยแม่ค้าแจ้งค่าส่งว่า 413 บาท ซึ่งเธอก็สอบถามว่าจะถึงกี่โมง โดยทางแม่ค้ายืนยันว่าได้รับไม่เกิน 18.00 น.

ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้น เวลา 16.30 น. เธอได้แชตไปถามอีกครั้ง แต่ทางร้านบอกว่ายังไม่เสร็จ และจะออกส่งได้ในเวลา 17.30 น.

ซึ่งลูกค้าก็ได้ตอบกลับไปว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอเสียความรู้สึกมาก เพราะแพงแค่ไหนก็ยอมจ่าย เนื่องจากวันเกิดลูก 1 ปี มีครั้งเดียว และอยากทำเซอร์ไพรส์ และลูกของเธอยังเล็กต้องรีบเข้านอน และทำการถามก่อนแล้วว่าถึงกี่โมง จึงตกลงสั่ง

โดยทางร้านได้ถามกลับมาว่า คืนยอดไหม และจะให้รถวนกลับ และยอมรับว่าผิดที่ร้านเองที่รับปากแล้วส่งช้า พร้อมพิมพ์มาว่า "ถ้าครั้งหน้าไปสั่งร้านไหน รบกวนสั่งล่วงหน้านะคะ ถ้าตั้งใจสั่ง"

ทั้งนี้ ลูกค้าได้ขอคืนเงิน แต่ทางร้านไม่ยอม และบอกว่าให้รอไป ถ้าไม่รับก็ให้เธอโยนทิ้งไป

Adblock test (Why?)


ลูกค้าอึ้ง! สั่งทำคัพเค้กวันเกิด แม่ค้ารับปากดิบดี สุดท้ายมาส่งช้า แถมยังกล้าที่จะสอน - Sanook
Read More

ย้อนวินาที "โรนัลโด" ทำประตูชัยทดเจ็บพา "แมนยูฯ" พลิกดับบียาร์เรอัล (คลิป) - ไทยรัฐ

ย้อนวินาที "คริสเตียโน โรนัลโด" ทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บช่วยให้ "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" พลิกกลับมาเอาชนะ "บียาร์เรอัล" 2-1 ในศึก UCL 2021-22 รอบแบ่งกลุ่ม นัดสอง

วันที่ 30 ก.ย. 64 ควันหลงหลังเกม "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดรังเหย้า โอลด์ แทรฟเฟิร์ด เอาชนะ "เรือดำน้ำสีเหลือง" บียาร์เรอัล 2-1 ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2021-22 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอฟ นัดสอง เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ เก็บสามคะแนนสำคัญได้สำเร็จหลังนัดแรกพบกับความพ่ายแพ้ ส่วนทีมเยือนมีแค่แต้มเดียวจาก 2 เกม

ทั้งนี้ไฮไลต์ในเกมนี้เกิดขึ้นในนาทีที่ 90+5 จากจังหวะที่ เฟร็ด เติมเกมรุกมาทางฝั่งซ้ายแล้วเปิดเข้าในกรอบเขตโทษที่เสาไกล คริสเตียโน โรนัลโด โหม่งให้ เจสซี ลินการ์ด ก่อนตบเข้าคืนมาให้ คริสเตียโน โรนัลโด ยิงนัดเข้าเสาแรกประตูไปอย่างสะใจแฟนบอลเจ้าถิ่นทั้งสนาม

สำหรับนัดต่อไป "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะยังเฝ้ารังรับมือ อตาลันตา ในค่ำคืนวันที่ 20 ตุลาคมนี้ 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ส่วน บียาร์เรอัล จะบุกเยือน ยัง บอยด์ ในวันและเวลาเดียวกัน

Adblock test (Why?)


ย้อนวินาที "โรนัลโด" ทำประตูชัยทดเจ็บพา "แมนยูฯ" พลิกดับบียาร์เรอัล (คลิป) - ไทยรัฐ
Read More

อย่าหาทำ! กินบุฟเฟต์ไม่หมด แอบทิ้ง 'ถังขยะ' ในห้องน้ำ - มติชน

เรื่องของบุฟเฟต์ สั่งมาแล้วทานไม่หมด มีดราม่ามาโดยตลอด ล่าสุดเกิดกับร้านบุฟเฟต์แห่งหนึ่งในจ.สุราษฎร์ธานี

โดยเพจดัง “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 1” ได้โพสต์คลิปติ๊กต็อกพร้อมเขียนแชร์เรื่องราว ระบุว่า สงสารร้านค้าเลยทำแบบนี้ สงสัยกลัวโดนปรับ แต่เวลายัดห้าไม่ดูกำลังตัวเองโลภตักมาตุน

“ร้านเราใช้วัตถุดิบอย่างดี สั่งมาทิ้งทำไม ทุกอย่างมีต้นทุนนะลูกค้าไม่น่ารักเลย อย่าหาทำนะคะ ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ด้วย เห้อออ…”

เคสนี้หนักเลยจ้า รอบก่อนถ้วยซุป รอบนี้ถังขยะห้องน้ำ ก็ว่าอยู่ทำไมทิชชู่ในถังขยะเยอะผิดปกติ พนักงานที่ร้านทำความสะอาดห้องน้ำ ยกถังขยะแล้วรู้สึกหนักผิดปกติ เลยคุ้ยดู โอ้โหเลยจ้าาาาา แอบเอามาทิ้งเยอะมากกกก (ในถังขยะขนาดนี้ ในชักโครกจะขนาดไหน แถมบนโต๊ะก็ยังเหลืออีกเพียบ)

ลูกค้ามาสองคนทานบุฟเฟต์ 699 ทางร้านก็เตือนแล้วว่ามันเยอะมากนะคะลูกค้า ค่อยๆ สั่งได้นะคะ ทานไม่พอสั่งเพิ่มได้ตลอดค่ะ (เพราะเราก็ไม่ค่อยชอบปรับเลยเตือนตลอด) เขาก็ยืนยันจะสั่ง ทางร้านก็จัดให้ค่ะ อาหารลงโต๊ะลูกค้าก็เข้าห้องน้ำบ่อยมาก ไม่คิดว่าจะทำแบบนี้ นั่งจนเวลาหมดเช็กบิลโดนปรับที่โต๊ะอีก 620฿ (ส่วนที่โดนปรับเราใส่กล่องให้กลับบ้านอย่างดี) ทานไม่พอสั่งเพิ่มได้ตลอดไม่เคยกั๊ก ทำแบบนี้มันเสียความรู้สึกด้วยค่ะ อย่าหาทำ”

Adblock test (Why?)


อย่าหาทำ! กินบุฟเฟต์ไม่หมด แอบทิ้ง 'ถังขยะ' ในห้องน้ำ - มติชน
Read More

เมลเบิร์นติดเชื้อทำสถิติ แม้จะยังล็อกดาวน์ - ไทยรัฐ

เมืองเมลเบิร์นของออสเตรเลีย ยังเผชิญกับตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงทำสถิติอีกครั้ง แม้ว่าจะยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มานานถึง 2 เดือนแล้วก็ตาม

ทางการรัฐวิกตอเรียแถลงยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมืองเมลเบิร์น ในวันพฤหัสบดี พุ่งสูงทำสถิติอีกรอบ โดยพบผู้ติดเชื้อถึง 1,438 ราย แซงหน้ารัฐนิวเซาท์เวลส์ที่มีผู้ติดเชื้อ 941ราย ทั้งๆ ที่ยังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มานานกว่า 2 เดือน ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเมืองเมลเบิร์นเกือบ 1 ใน 3 น่าจะเป็นการติดเชื้อจากการลักลอบจัดงานปาร์ตี้หรือรวมตัวกันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อร่วมชมเกมการแข่งขัน ออสเตรเลียน รูลส์ ในรอบสุดท้ายผ่านทางโทรทัศน์ร่วมกัน

ด้านนายแดเนียล แอนดรูว์ ผู้ว่าการรัฐวิกตอเรียระบุในระหว่างแถลงข่าวว่า เขาไม่อยากจะโทษว่าเป็นความผิดใคร เพราะบางเคสก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็จะเป็นต้องชี้แจงสาเหตุ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจว่า ทำไมยอดติดเชื้อจึงพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว โดยจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์จากเมื่อวันพุธที่มีผู้ติดเชื้อ 950 ราย ในขณะที่ทางการกำลังเร่งเดินหน้าให้วัคซีนแก่ประชาชนวัยผู้ใหญ่ที่มีอยู่ราว 5.5 ล้านคน โดยขณะนี้ประชากรของรัฐที่มีอายุมากกว่า 16 ปี เกินครึ่งได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว ซึ่งยังต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 53 เปอร์เซ็นต์

โดยนายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้เน้นย้ำไปยังทุกรัฐ และเขตแดน ให้เริ่มปรับตัวเตรียมพร้อมอยู่ร่วมกับไวรัส หาประชากรราว 70-80 เปอร์เซ็นต์ได้รับวัคซีนครบแล้ว ขณะที่รัฐควีนส์แลนด์ และเวสต์เทิร์นออสเตรเลียยังคงตั้งธงว่าจะยังคงไม่เปิดเมืองจนกว่าจะทำให้ยอดติดเชื้อเป็นศูนย์ได้.

Adblock test (Why?)


เมลเบิร์นติดเชื้อทำสถิติ แม้จะยังล็อกดาวน์ - ไทยรัฐ
Read More

Wednesday, September 29, 2021

ดีทั่วดีถึง เพื่อชีวิตเท่าเทียม ดีแทคเน็ตทำกินปั้นผู้ประกอบการวัยเก๋า 50+ หนุนเศรษฐกิจสูงวัย - Sanook

ดีแทค เน็ตทำกิน จับมือ ดีป้า มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย และ ยังแฮปปี้ (YoungHappy) เปิดโครงการ เน็ตทำกิน ในภารกิจปั้นผู้ประกอบการวัยเก๋า 50+ เล็งยกระดับทักษะดิจิทัลให้ผู้สูงวัยอาศัยลำพังรุ่นแรก 250 คนให้พึ่งพาตนเองได้ ท่ามกลางสภาวะการเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ เชื่อเศรษฐกิจสูงวัยขับเคลื่อนได้ด้วยองค์ความรู้ด้านดิจิทัลและความพร้อมในการเป็นผู้ประกอบการ

 

นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “สังคมผู้สูงวัยถือเป็นอีกเมกะเทรนด์หนึ่งของโลกในศตวรรษที่ 21 โดยองค์การสหประชาชาติคาดการณ์ว่า ประชากรผู้สูงวัยโลกที่มีอายุกว่า 65 ปีขึ้นไปจะมีจำนวนกว่า 1,500 ล้านคนในปี 2593  ขณะที่ประเทศไทยจำนวนผู้สูงวัยในตอนนี้สูงถึงประมาณ 20%

และจะเพิ่มเป็น 28% ของประชากรทั้งประเทศในปี 2576 โดยในอีก 30 ปีข้างหน้าคาดว่าประชากรกลุ่มเกษียณและเตรียมเกษียณจะมีจำนวนถึง 30 ล้านคน ดังนั้น ถ้าผู้สูงวัยไม่สามารถก้าวทันดิจิทัล พวกเขาจะประสบปัญหาการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ ธนาคาร และบริการของภาครัฐ นอกจากนี้ พวกเขายังต้องการทักษะดิจิทัลเพื่อพัฒนาการสร้างรายได้เพิ่ม ดีแทคเน็ตทำกิน จึงมุ่งมั่นที่จะปิดช่องว่างดิจิทัลที่ส่งผลกระทบต่อผู้สูงวัยในประเทศไทย”

การก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยของไทยถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสาธารณสุขอย่างมาก จากแนวโน้มสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีผู้สูงวัยมากที่สุดเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากสิงคโปร์ ซึ่งปัญหาสำคัญที่ตามมาคือ “ปัญหาภาระพึ่งพิงทางสังคมของผู้สูงวัย” (Social Dependency) โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดการณ์ว่าอัตราส่วนพึ่งพิงของผู้สูงวัยต่อวัยแรงงานจะเพิ่มขึ้นจาก 27.7% เป็น 56.2% ในอีก 20 ปีข้างหน้า

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า “เศรษฐกิจผู้สูงวัย หรือ Silver Economy ถือเป็น 1 ใน 5 สาขาเศรษฐกิจที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาโดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ หากผู้สูงวัยได้รับการยกระดับทักษะด้านดิจิทัลให้เป็นผู้สูงวัยที่เข้มแข็งทั้งกายและใจ ก็จะนำมาซึ่งโอกาสมหาศาลในการขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจผู้สูงวัยในประเทศที่ปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านบาท

อีกทั้งมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องประมาณ 5-10% ต่อปี นอกจากนี้ ดีป้า มองว่าการส่งเสริมให้เกิดความคุ้นเคยในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในระดับที่เหมาะสมยังช่วยส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัย ไม่ว่าจะเป็นการลดความเสี่ยงต่ออันตรายจากอุบัติเหตุผ่านเทคโนโลยี IoT การสร้างเกมเพื่อพัฒนาการทำงานของสมองในผู้สูงวัย การติดตามสุขภาวะสุขภาพเชิงดิจิทัล และการเข้าถึงการรักษาแบบออนไลน์”

ดีแทค เน็ตทำกิน ภารกิจปั้นผู้ประกอบการวัยเก๋า 50+ สร้างพฤฒพลังดันเศรษฐกิจสังคมยั่งยืน

 

“ดีแทคมองว่าดิจิทัลเทคโนโลยีจะเป็นตัวแปรสำคัญ (Key enabler) ที่จะส่งเสริมให้ผู้สูงวัยสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีในบั้นปลายชีวิต สร้างพฤฒพลังให้ผู้สูงวัย ส่งเสริมศักยภาพในการพึ่งพาตนเองของผู้สูงวัย เปลี่ยนจากประชากรผู้มีความเปราะบางสู่ประชากรที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อสังคมอย่างยั่งยืน และดีแทคเน็ตทำกิน ภารกิจปั้นผู้ประกอบการวัยเก๋า 50+ ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อตอบโจทย์ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจนี้” นายชารัด กล่าว

“โครงการดีแทค เน็ตทำกิน” ในภารกิจปั้นผู้ประกอบการวัยเก๋า 50+ ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก 3 องค์กรพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย และธุรกิจเพื่อสังคมที่มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาผู้สูงวัย “ยังแฮปปี้” กำหนดจุดมุ่งหมายสำคัญในการสร้างเสริมทักษะและความรู้ในการค้าขายออนไลน์ การแสวงหาโอกาสในการทำธุรกิจดิจิทัล

รวมทั้ง การให้ความรู้เพื่อรับมือกับภัยเสี่ยงบนโลกออนไลน์ให้ผู้สูงวัยด้วย ภายใต้โครงการนี้ ดีแทคจะเป็นพี่เลี้ยง ร่วมเป็นแอดมินเพจ และช่วยแนะนำ แก้ไขปัญหาให้ผู้ประกอบการออนไลน์วัยเก๋าหน้าใหม่จนกว่าจะมีความมั่นใจและสานต่อดูแลธุรกิจออนไลน์ของตัวเองได้ ทั้งนี้ ดีแทคและองค์กรพันธมิตรมุ่งหวังที่จะเห็น ผู้สูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีศักยภาพในการพึ่งพาตนเอง เป็นผู้สูงวัยที่มีพฤฒพลังสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและคุณภาพสังคมที่ดีขึ้น

 dtac2

ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว ดีแทคโดยทีมงานดีแทคเน็ตทำกินจะรับผิดชอบการอบรมการตลาดออนไลน์ ให้บริการพี่เลี้ยงและหาจุดขายให้แก่ผู้สูงวัย ขณะที่ดีป้าให้ความอนุเคราะห์สนับสนุนโครงการและเชื่อมโยงพันธมิตรกับหน่วยงานรัฐอื่นๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยที่มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยจะทำหน้าที่บริหารจัดการโครงการและร่วมจัดการอบรมเกี่ยวกับการรับมือกับภายเสี่ยงในโลกออนไลน์

ในส่วนของ ยังแฮปปี้ นั้นจะรับผิดชอบทางด้านการคัดเลือกผู้เข้าอบรม รูปแบบและการบริหารกิจกรรม ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมุ่งเน้นที่กลุ่มผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ลำพัง ต้องการหารายได้เสริม โดยตั้งเป้าอบรมผู้สูงวัยจำนวนทั้งสิ้น 250 คนในระยะแรกนี้

ดร.ศรีดา ตันทะอธิพานิช กรรมการผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย กล่าวว่า “นอกจากประเด็นการเข้าถึงเทคโนโลยีแล้ว ความรู้ความเข้าใจในการใช้ดิจิทัล (Digital Literacy) เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญในการส่งเสริมผู้สูงวัยให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ไม่หลงเชื่อข่าวลวงข่าวปลอม ไม่ถูกหลอกลวงฉ้อโกง ตกเป็นเหยื่อของ Romance Scam หรือการขายยาอาหารเสริมต่าง ๆ สามารถใช้ดิจิทัลสร้างความสุข ลดช่องว่างระหว่างวัยกับบุตรหลาน รวมถึงสามารถหารายได้ทางการใช้ดิจิทัล สร้างคุณค่าเสริมความแข็งแกร่งในการพึ่งพาตนเอง”

นายธนากร พรหมยศ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังแฮปปี้ (YoungHappy) กิจการเพื่อสังคมที่มุ่งสร้างคอมมูนิตี้ของผู้สูงวัย กล่าวว่า “ยังแฮปปี้ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ ลดปัญหาทางด้านร่างกายและจิตใจที่เสื่อมถอยตามกาลเวลา ป้องกันโอกาสเสี่ยงในการเป็นผู้สูงวัยติดบ้านและติดเตียง เพื่อขยายช่วงเวลาของการเป็น Active Aging หรือผู้สูงวัยที่ยังคงแอคทีฟออกไปให้มากที่สุด ด้วยคอนเซปต์ ‘สนุก มีคุณค่า และพึ่งพาตัวเองได้’ ด้วย”

นายชารัด กล่าวเสริมว่า “ในวาระที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้ปี 2564-2573 เป็นทศวรรษแห่งสูงวัยสุขภาวะดี (Decade of Healthy Ageing) ดีแทคในฐานะองค์กรเอกชนและ corporate citizenship ที่มีเป้าหมายในการนำเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์สังคม จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนผ่านสังคมสูงวัยยุคดิจิทัลที่แข็งแรงผ่านองค์ความรู้และเทคโนโลยีดิจิทัล การสร้างสังคมดิจิทัลที่ทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสดีทั่วดีถึง เพื่อชีวิตเท่าเทียม”

Adblock test (Why?)


ดีทั่วดีถึง เพื่อชีวิตเท่าเทียม ดีแทคเน็ตทำกินปั้นผู้ประกอบการวัยเก๋า 50+ หนุนเศรษฐกิจสูงวัย - Sanook
Read More

กรมอุตุฯ ชี้มรสุมกำลังอ่อนทำฝนน้อยลง เตือน 36 จังหวัดยังเจอฝน - มติชน

กรมอุตุฯ ชี้มรสุมกำลังอ่อนทำฝนน้อยลง เตือน 36 จังหวัดยังเจอฝน

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 30 กันยายน 2564 ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมประเทศไทย ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนน้อย แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ตอนล่าง

ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในช่วงของฤดูฝนการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันมีน้อย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก
พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคกลาง ส่วนมากบริเวณจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่
บริเวณจังหวัดเพชรบุรี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่
บริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

Adblock test (Why?)


กรมอุตุฯ ชี้มรสุมกำลังอ่อนทำฝนน้อยลง เตือน 36 จังหวัดยังเจอฝน - มติชน
Read More

ลูกกรงเหล็กก็เอาไม่อยู่! กะเทยแสบทำทีขอดูทอง ฉกทองหนัก 2 บาท เผ่นแน่บ - เดลีนีวส์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


ลูกกรงเหล็กก็เอาไม่อยู่! กะเทยแสบทำทีขอดูทอง ฉกทองหนัก 2 บาท เผ่นแน่บ - เดลีนีวส์
Read More

สยามคูโบต้า หนุนทำ Smart Farmer รับแรงงานรุ่นใหม่กลับภาคเกษตร - ไทยรัฐ

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 64 นายทาคาโนบุ อะซึมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้แรงงานกลับภาคเกษตรมากขึ้นกว่า 1.6 ล้านคน ทำให้ความต้องการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น 

จากเหตุดังกล่าวทำให้การส่งออกสินค้าทางการเกษตรได้รับผลกระทบ เนื่องจากความต้องการของต่างประเทศที่ลดลง รวมถึงปัญหาเรื่องการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวและมันสำปะหลัง ปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าเริ่มกลับมาอยู่ในเกณฑ์ดี การส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่าภาพรวมสถานการณ์ธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรในปี 64 ช่วงครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มที่ดี โดยคาดการณ์ GDP ภาคเกษตรของไทยเติบโต 2-3% และ GDP ภาคเกษตรของกัมพูชาซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักอยู่ที่ 6%

ดังนั้น บริษัทฯ จึงพัฒนานวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรในรูปแบบต่างๆ หวังให้เกษตรกรใช้เครื่องจักรกลการเกษตร และโซลูชันมาบริหารจัดการในการทำการเกษตรได้ ลดความเสี่ยงจากความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ ตลอดจนสามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต นำไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มขึ้น

ส่วนการจัดส่งสินค้าให้ทันกับความต้องการ การผลิตของ supplier อาจได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาด แต่สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นจากการใช้มาตรการ Bubble & Seal และเร่งจัดหาวัคซีนให้พนักงาน พร้อมแผนเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น เพื่อให้พร้อมส่งมอบสินค้าให้ทันกับความต้องการของตลาด

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ อาทิ รถดำนาเดินตาม 4 แถว โดรนเพื่อการเกษตร โรงเรือนอัจฉริยะ (Greenhouse) และรถปลูกผัก (Vegetable Planter) พัฒนานวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรในรูปแบบต่างๆ 

โดยบริษัทคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น วางแนวทางดำเนินธุรกิจโดยการพัฒนาสินค้าเพื่อสานต่อความยั่งยืนทั้งด้านอาหาร น้ำ และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลกมีความมั่นคงทางอาหารในการบริโภคจากผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานและปลอดภัย สอดรับเทรนด์โลกในปี 2030 และมีกลยุทธ์มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ชั้นนำระดับโลก GMB หรือ Global Major Brand พร้อมเป็น The Most Trusted Brand ของเกษตรกรทั่วโลก

นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรในภาพรวมของบริษัทตั้งแต่ปี 61-63 พบว่า เครื่องจักรกลการเกษตรที่เป็นยอดขายหลักของบริษัท อย่างแทรกเตอร์และรถเกี่ยวนวดข้าวมียอดขายเพิ่มขึ้น

โดยลูกค้าเก่าของบริษัทฯ มีการซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรเพิ่มขึ้นกว่า 30% เนื่องจากการขยายพื้นที่การเพาะปลูก อีกทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรโดยรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยลูกค้าปัจจุบันบางส่วนหันมาใช้โซเชียลมีเดียและดิจิทัลแพลตฟอร์มด้านการเกษตร เป็น Smart Farmer เพิ่มขึ้น 

สำหรับภาคการเกษตรในปี 64 บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัว โดยมาจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศเอื้ออำนวยต่อการทำการเกษตรมากขึ้น จะมีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับการเพาะปลูก และไม่ประสบปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากสถานการณ์พายุฤดูฝนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จึงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบให้มากที่สุด รวมถึงความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของสินค้าเกษตรและปริมาณผลผลิตภายในประเทศ

ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลัง 64 เติบโตมากขึ้น แรงงานกลับสู่ภาคเกษตร ด้านการส่งออก ด้วยค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ทำให้ตลาดมีความต้องการสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น รวมถึงความต้องการของพืชมูลค่าสูงใหม่ๆ เช่น สมุนไพรและผลไม้ สินค้าเกษตรปลอดภัยเกษตรอินทรีย์

อีกทั้งด้านนวัตกรรมการเกษตร มีแนวโน้มการใช้เทคโนโลยี IOT และนวัตกรรมมาใช้ในภาคการเกษตร แบบ Smart Farming เพื่อยกระดับการพัฒนาเกษตรกรรมใน 4 ด้าน ได้แก่ 1.ลดต้นทุนในกระบวนการผลิต 2.เพิ่มผลผลิต คุณภาพสินค้า และเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร 3.ลดความเสี่ยงในภาคเกษตรที่เกิดจากการระบาดของศัตรูพืชและจากภัยธรรมชาติ และ 4.จัดการส่งผ่านความรู้โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม 

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีแนวคิด KUBOTA (Agri) Solutions หรือ KAS เกษตรครบวงจร สู่การพัฒนาเป็น Innovative Farming Experience Center ที่สร้างประสบการณ์การเกษตรสมัยใหม่ของคูโบต้าในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงสนับสนุนการใช้ Smart Farming Platform เพิ่มการเข้าถึงเครื่องจักรกลการเกษตร ผ่านการเช่าหรือแชร์การใช้งานเครื่องจักรฯ เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ครัวเรือนมากขึ้น.

Adblock test (Why?)


สยามคูโบต้า หนุนทำ Smart Farmer รับแรงงานรุ่นใหม่กลับภาคเกษตร - ไทยรัฐ
Read More

ดีทั่วดีถึง เพื่อชีวิตเท่าเทียม ดีแทคเน็ตทำกินปั้นผู้ประกอบการวัยเก๋า 50+ หนุนเศรษฐกิจสูงวัย - ประชาชาติธุรกิจ

29 กันยายน 2564 – ดีแทค เน็ตทำกิน จับมือ ดีป้า มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย และ ยังแฮปปี้ (YoungHappy) เปิดโครงการ เน็ตทำกิน ในภารกิจปั้นผู้ประกอบการวัยเก๋า 50+ เล็งยกระดับทักษะดิจิทัลให้ผู้สูงวัยอาศัยลำพังรุ่นแรก 250 คนให้พึ่งพาตนเองได้ ท่ามกลางสภาวะการเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ เชื่อเศรษฐกิจสูงวัยขับเคลื่อนได้ด้วยองค์ความรู้ด้านดิจิทัลและความพร้อมในการเป็นผู้ประกอบการ

นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “สังคมผู้สูงวัยถือเป็นอีกเมกะเทรนด์หนึ่งของโลกในศตวรรษที่ 21 โดยองค์การสหประชาชาติคาดการณ์ว่า ประชากรผู้สูงวัยโลกที่มีอายุกว่า 65 ปีขึ้นไปจะมีจำนวนกว่า 1,500 ล้านคนในปี 2593 ขณะที่ประเทศไทยจำนวนผู้สูงวัยในตอนนี้สูงถึงประมาณ 20% และจะเพิ่มเป็น 28% ของประชากรทั้งประเทศในปี 2576 โดยในอีก 30 ปีข้างหน้าคาดว่าประชากรกลุ่มเกษียณและเตรียมเกษียณจะมีจำนวนถึง 30 ล้านคน ดังนั้น ถ้าผู้สูงวัยไม่สามารถก้าวทันดิจิทัล พวกเขาจะประสบปัญหาการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ ธนาคาร และบริการของภาครัฐ นอกจากนี้ พวกเขายังต้องการทักษะดิจิทัลเพื่อพัฒนาการสร้างรายได้เพิ่ม ดีแทคเน็ตทำกิน จึงมุ่งมั่นที่จะปิดช่องว่างดิจิทัลที่ส่งผลกระทบต่อผู้สูงวัยในประเทศไทย”

การก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยของไทยถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสาธารณสุขอย่างมาก จากแนวโน้มสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีผู้สูงวัยมากที่สุดเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากสิงคโปร์ ซึ่งปัญหาสำคัญที่ตามมาคือ “ปัญหาภาระพึ่งพิงทางสังคมของผู้สูงวัย” (Social Dependency) โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดการณ์ว่าอัตราส่วนพึ่งพิงของผู้สูงวัยต่อวัยแรงงานจะเพิ่มขึ้นจาก 27.7% เป็น 56.2% ในอีก 20 ปีข้างหน้า

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า “เศรษฐกิจผู้สูงวัย หรือ Silver Economy ถือเป็น 1 ใน 5 สาขาเศรษฐกิจที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาโดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ หากผู้สูงวัยได้รับการยกระดับทักษะด้านดิจิทัลให้เป็นผู้สูงวัยที่เข้มแข็งทั้งกายและใจ ก็จะนำมาซึ่งโอกาสมหาศาลในการขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจผู้สูงวัยในประเทศที่ปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านบาท อีกทั้งมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องประมาณ 5-10% ต่อปี นอกจากนี้ ดีป้า มองว่าการส่งเสริมให้เกิดความคุ้นเคยในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในระดับที่เหมาะสมยังช่วยส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัย ไม่ว่าจะเป็นการลดความเสี่ยงต่ออันตรายจากอุบัติเหตุผ่านเทคโนโลยี IoT การสร้างเกมเพื่อพัฒนาการทำงานของสมองในผู้สูงวัย การติดตามสุขภาวะสุขภาพเชิงดิจิทัล และการเข้าถึงการรักษาแบบออนไลน์”

ดีแทค เน็ตทำกิน ภารกิจปั้นผู้ประกอบการวัยเก๋า 50+ สร้างพฤฒพลังดันเศรษฐกิจสังคมยั่งยืน

“ดีแทคมองว่าดิจิทัลเทคโนโลยีจะเป็นตัวแปรสำคัญ (Key enabler) ที่จะส่งเสริมให้ผู้สูงวัยสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีในบั้นปลายชีวิต สร้างพฤฒพลังให้ผู้สูงวัย ส่งเสริมศักยภาพในการพึ่งพาตนเองของผู้สูงวัย เปลี่ยนจากประชากรผู้มีความเปราะบางสู่ประชากรที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อสังคมอย่างยั่งยืน และดีแทคเน็ตทำกิน ภารกิจปั้นผู้ประกอบการวัยเก๋า 50+ ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อตอบโจทย์ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจนี้” นายชารัด กล่าว

“โครงการดีแทค เน็ตทำกิน” ในภารกิจปั้นผู้ประกอบการวัยเก๋า 50+ ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก 3 องค์กรพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย และธุรกิจเพื่อสังคมที่มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาผู้สูงวัย “ยังแฮปปี้” กำหนดจุดมุ่งหมายสำคัญในการสร้างเสริมทักษะและความรู้ในการค้าขายออนไลน์ การแสวงหาโอกาสในการทำธุรกิจดิจิทัล รวมทั้ง การให้ความรู้เพื่อรับมือกับภัยเสี่ยงบนโลกออนไลน์ให้ผู้สูงวัยด้วย ภายใต้โครงการนี้ ดีแทคจะเป็นพี่เลี้ยง ร่วมเป็นแอดมินเพจ และช่วยแนะนำ แก้ไขปัญหาให้ผู้ประกอบการออนไลน์วัยเก๋าหน้าใหม่จนกว่าจะมีความมั่นใจและสานต่อดูแลธุรกิจออนไลน์ของตัวเองได้ ทั้งนี้ ดีแทคและองค์กรพันธมิตรมุ่งหวังที่จะเห็น ผู้สูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีศักยภาพในการพึ่งพาตนเอง เป็นผู้สูงวัยที่มีพฤฒพลังสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและคุณภาพสังคมที่ดีขึ้น

ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว ดีแทคโดยทีมงานดีแทคเน็ตทำกินจะรับผิดชอบการอบรมการตลาดออนไลน์ ให้บริการพี่เลี้ยงและหาจุดขายให้แก่ผู้สูงวัย ขณะที่ดีป้าให้ความอนุเคราะห์สนับสนุนโครงการและเชื่อมโยงพันธมิตรกับหน่วยงานรัฐอื่นๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยที่มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยจะทำหน้าที่บริหารจัดการโครงการและร่วมจัดการอบรมเกี่ยวกับการรับมือกับภายเสี่ยงในโลกออนไลน์ ในส่วนของ ยังแฮปปี้ นั้นจะรับผิดชอบทางด้านการคัดเลือกผู้เข้าอบรม รูปแบบและการบริหารกิจกรรม ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมุ่งเน้นที่กลุ่มผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ลำพัง ต้องการหารายได้เสริม โดยตั้งเป้าอบรมผู้สูงวัยจำนวนทั้งสิ้น 250 คนในระยะแรกนี้

ดร.ศรีดา ตันทะอธิพานิช กรรมการผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย กล่าวว่า “นอกจากประเด็นการเข้าถึงเทคโนโลยีแล้ว ความรู้ความเข้าใจในการใช้ดิจิทัล (Digital Literacy) เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญในการส่งเสริมผู้สูงวัยให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ไม่หลงเชื่อข่าวลวงข่าวปลอม ไม่ถูกหลอกลวงฉ้อโกง ตกเป็นเหยื่อของ Romance Scam หรือการขายยาอาหารเสริมต่าง ๆ สามารถใช้ดิจิทัลสร้างความสุข ลดช่องว่างระหว่างวัยกับบุตรหลาน รวมถึงสามารถหารายได้ทางการใช้ดิจิทัล สร้างคุณค่าเสริมความแข็งแกร่งในการพึ่งพาตนเอง”

นายธนากร พรหมยศ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังแฮปปี้ (YoungHappy) กิจการเพื่อสังคมที่มุ่งสร้างคอมมูนิตี้ของผู้สูงวัย กล่าวว่า “ยังแฮปปี้ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ ลดปัญหาทางด้านร่างกายและจิตใจที่เสื่อมถอยตามกาลเวลา ป้องกันโอกาสเสี่ยงในการเป็นผู้สูงวัยติดบ้านและติดเตียง เพื่อขยายช่วงเวลาของการเป็น Active Aging หรือผู้สูงวัยที่ยังคงแอคทีฟออกไปให้มากที่สุด ด้วยคอนเซปต์ ‘สนุก มีคุณค่า และพึ่งพาตัวเองได้’ ด้วย”

นายชารัด กล่าวเสริมว่า “ในวาระที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้ปี 2564-2573 เป็นทศวรรษแห่งสูงวัยสุขภาวะดี (Decade of Healthy Ageing) ดีแทคในฐานะองค์กรเอกชนและ corporate citizenship ที่มีเป้าหมายในการนำเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์สังคม จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนผ่านสังคมสูงวัยยุคดิจิทัลที่แข็งแรงผ่านองค์ความรู้และเทคโนโลยีดิจิทัล การสร้างสังคมดิจิทัลที่ทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสดีทั่วดีถึง เพื่อชีวิตเท่าเทียม”

Adblock test (Why?)


ดีทั่วดีถึง เพื่อชีวิตเท่าเทียม ดีแทคเน็ตทำกินปั้นผู้ประกอบการวัยเก๋า 50+ หนุนเศรษฐกิจสูงวัย - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

น้องมะลิ ไม่มีเงินซื้อของขวัญ แต่ตั้งใจทำสิ่งนี้ให้ แม่โบว์ ถูกใจมาก - ข่าวสด

น่าเอ็นดูเหลือเกิน! น้องมะลิ ไม่มีเงินซื้อของขวัญวันเกิด แต่ตั้งใจทำสิ่งนี้ให้ แถมคำอวยพรชุดใหญ่ แม่โบว์ ลั่นถูกใจมาก

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

น้องมะลิ เบิร์ธเดย์แม่โบว์ / เวียนมาครบรอบวันคล้ายวันเกิด 29 ก.ย. ฉลองอายุ 41 ปีเต็ม สำหรับคุณแม่สุดสตรอง โบว์ แวนดา สหวงษ์ งานนี้บรรดาพี่จ๋าที่ติดตามอินสตาแกรมเข้ามาร่วมอวยพรวันเกิดให้แม่โบว์กันอย่างมากมาย

แน่นอนว่าหนึ่งในคนสำคัญของชีวิตที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ น้องมะลิ ด.ญ.พาขวัญ ลูกสาวคนเก่ง ที่ไม่พลาดเตรียมของขวัญและคำอวยพรมามอบให้คุณแม่สุดที่รัก โดย โบว์ แวนดา ได้โพสต์คลิปสุดน่ารัก พร้อมแปะข้อความว่า “หนูไม่มีเงินจะซื้อของให้แม่ แต่ทำให้ได้มั้ยคะ ไม่รู้ว่าแม่จะชอบมั้ย”

ภายหลังดูคลิปจบแล้ว พี่จ๋าต่างเข้ามาคอมเมนต์ในความน่ารักน่าเอ็นดูของน้องมะลิกันยกใหญ่ สำหรับความตั้งใจที่จะวาดรูปเป็นของขวัญวันเกิดให้แม่โบว์ ซึ่งเป็นรูปพ่อปอและแม่โบว์ที่อุ้มตัวเองอยู่ แถมคำอวยพรให้ด้วยว่า “สุขสันต์วันเกิดคุณแม่นะคะ ขอให้คุณแม่สุขภาพแข็งแรง สวยๆ รวยๆ หนูรักคุณแม่นะคะ” ซึ่ง แม่โบว์ ได้บอกว่า...ชอบของขวัญชิ้นนี้มากๆ เพราะว่าหาซื้อที่ไหนไม่ได้

ขอบคุณภาพ IG : vanda29

Adblock test (Why?)


น้องมะลิ ไม่มีเงินซื้อของขวัญ แต่ตั้งใจทำสิ่งนี้ให้ แม่โบว์ ถูกใจมาก - ข่าวสด
Read More

เมื่อ!!! Instagram ครองอันดับหนึ่งแพลตฟอร์ม สำหรับการทำแคมเปญการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ - Sanook

AnyMind Group เผย Instagram ครองอันดับหนึ่งแพลตฟอร์มที่ถูกใช้มากที่สุด สำหรับการทำแคมเปญการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ แต่อัตราเติบโตต่ำสุดในปีที่ผ่านมาส่วนแคมเปญที่ทำบน YouTube และ Twitter เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

istock-840632382

AnyMind Group ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจครบทุกขั้นตอน (End-to-end Commerce Enablement Platform) สำหรับแบรนด์ อินฟลูเอนเซอร์ และผู้เผยแพร่โฆษณา ในวันนี้ได้เปิดตัวรายงาน State of Influence in Asia 2021 ซึ่งเป็นรายงานเจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับการตลาดด้านอินฟลูเอนเซอร์และเศรษฐกิจของครีเอเตอร์ในเอเชียประจำปี 2564 โดยมีข้อมูลอ้างอิงจากรายงาน State of Influencer Marketing in Asia 2020 ที่เผยแพร่ไปเมื่อเดือนกันยายน 2563 ด้วย

โดยในรายงานปี 2564 ได้มุ่งเน้นไปที่เรื่องเศรษฐกิจของครีเอเตอร์ในภาพกว้าง โดยระบุถึงแนวโน้มสำคัญ 5 ประการพร้อมวิธีที่แบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์สามารถใช้ประโยชน์จากเทรนด์เหล่านี้ได้ และยังรวมสองชุดข้อมูลเกี่ยวกับการทำการตลาดด้านอินฟลูเอนเซอร์:

  • แนวคอนเทนต์ของอินฟลูเอนเซอร์ยอดนิยมอย่างสายแฟชั่น/ความงาม และสายศิลปะ/ความบันเทิง
  • เปรียบเทียบระหว่างการทำแคมเปญการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ที่ขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ (Performance-driven) และแบบเพิ่มการรับรู้ (Awareness-driven) แยกแบบต่อเดือนต่อประเทศ

จากแคมเปญการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์มากกว่า 2,000 รายการที่ดำเนินงานบนแพลตฟอร์มด้านอินฟลูเอนเซอร์มาเกตติ้งอย่าง AnyTag ในปีที่ผ่านมา พบว่า Instagram คือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ถูกใช้ทำแคมเปญการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์มากที่สุด คิดเป็น 37.08% จากแคมเปญทั้งหมด ตามมาด้วยลำดับที่สองอย่าง Facebook (27.53%) YouTube เป็นลำดับที่สาม (19.44%)  และ Twitter เป็นอันดับสุดท้าย (15.95%) แต่ในทางกลับกันเมื่อดูอัตราการเติบโตในการทำการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ในแต่ละแพลตฟอร์ม แคมเปญบน Twitter มีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 165.03% บน YouTube 117.92% ตามมาด้วย Facebook +68.56% และ Instagram +44.43%

รายงานได้แสดงให้เห็นว่าถึงแม้สัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดของอินฟลูเอนเซอร์ (44.08%) คือ micro-influencers (ผู้ติดตาม 10,000 ถึง 100,000 คน) แต่ macro-influencers (ผู้ติดตาม 100,000 ถึง 1ล้านคน) กลับมีอัตราการเติบโตในปีที่ผ่านมาสูงถึง 4.3 เท่า อยู่ที่ 65.65% เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของ micro-influencer ซึ่งอยู่ที่ 15.05%

ในรายงาน State of Influence in Asia 2021 ได้ครอบคลุมเนื้อหาข้อมูลของทั้ง 11 ประเทศ ตั้งแต่สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น และอินเดีย ด้วยการนำข้อมูลของอินฟลูเอนเซอร์กว่า 200,000 คน พร้อมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ และแคมเปญการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์กว่า 2,000 แคมเปญ ในแพลตฟอร์มของ AnyTag มาทำการวิเคราะห์เพื่อเป็นประโยชน์ในการนำไปต่อยอดสำหรับการทำการตลาดด้านอินฟลูเอนเซอร์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สามารถดาวน์โหลดรายงาน State of Influence in Asia 2021 ฉบับเต็มได้ที่: https://anymindgroup.com/th/news/report/15014

ข่าวประชาสัมพันธ์

Adblock test (Why?)


เมื่อ!!! Instagram ครองอันดับหนึ่งแพลตฟอร์ม สำหรับการทำแคมเปญการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ - Sanook
Read More

เอ็มมาได้ไวลด์การ์ดทำศึกใหญ่ - เดลีนีวส์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


เอ็มมาได้ไวลด์การ์ดทำศึกใหญ่ - เดลีนีวส์
Read More

Tuesday, September 28, 2021

นักสูบสะอึก! คาดภาษีบุหรี่ใหม่ 1 ต.ค.นี้ ทำกลุ่มบุหรี่ราคาสูงพุ่งซองละ 110-115 บาท - มติชน

นักสูบสะอึก! คาดภาษีบุหรี่ใหม่ 1 ต.ค.นี้ ทำกลุ่มบุหรี่ราคาสูงพุ่งซองละ 110-115 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงสร้างภาษีใหม่บุหรี่ใหม่จะมีการปรับขึ้นทั้งในภาษีด้านปริมาณจัดเก็บเพิ่มจากมวนละ 1.20 บาท หรือซองละ 24 บาท เพิ่มเป็นจัดเก็บมวนละ 1.25 บาท หรือซองละ 25 บาท ส่วนภาษีด้านมูลค่า ได้มีการขยับทั้งอัตราภาษีและฐานราคาขายปลีกใหม่ ซึ่งเดิมบุหรี่ราคาขายปลีกไม่เกินซอง 60 บาท เสียภาษี 20% จะปรับเพิ่มเป็นบุหรี่ขายปลีกไม่เกินซอง 72 บาท เสียภาษีเพิ่มเป็น 25% ส่วนบุหรี่ที่มีราคาขายปลีกเกินซอง 72 บาท จะเสียภาษีเพิ่มจาก 40% เป็น 42%

ทั้งนี้ อัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่จะมีผลให้ราคาบุหรี่ในท้องตลาดปรับเพิ่มขึ้นด้วย โดยจากการคำนวณเบื้องต้น หากมีการจัดเก็บภาษีในอัตราใหม่จะทำให้บุหรี่ขายปลีกที่มีราคาซองละ 55 บาท ปรับเพิ่มเป็น 64 บาท ส่วนบุหรี่ซองละ 60 บาท จะมีโอกาสปรับขึ้นสูงสุด 70-72 บาท ส่วนกลุ่มบุหรี่ราคาสูงที่ได้รับความนิยม ซองละ 95 บาท อาจขึ้นเป็นซองละ 110-115 บาท โดยรายละเอียดทั้งหมดจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 30 กันยายน 2564 เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

การขึ้นภาษีดังกล่าวถือว่าเป็นการขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยหลังจากนี้ผู้ผลิตบุหรี่ทั้งในและต่างประเทศ จะมีการประชุมเพื่อวางแผนทำตลาดกำหนดราคาอีกครั้ง โดยอาจจะขึ้นราคาบางชนิดเพื่อรักษากำไร รวมถึงอาจยอมขายราคาเท่าเดิม ให้มีกำไรลดลง เพื่อรักษาส่วนแบ่งของตลาด

QR Code LINE @Matichon

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่

LINE @Matichon

บทความก่อนหน้านี้09.00 INDEX แผนลึก โทนี่ วู้ดซั่ม การเมืองพิมพ์เขียว เพื่อไทย ‘หาเสียง’
บทความถัดไปโคกหม้อท่วมหนัก เร่งช่วยผู้สูงอายุออกจากพื้นที่ หลังมวลน้ำทะลักขึ้นชั้น 2 ของบ้าน

matichon

Adblock test (Why?)


นักสูบสะอึก! คาดภาษีบุหรี่ใหม่ 1 ต.ค.นี้ ทำกลุ่มบุหรี่ราคาสูงพุ่งซองละ 110-115 บาท - มติชน
Read More

ส่องสถิติ "เมสซี" หลังประเดิมทำประตูแรกให้กับ "PSG" ในศึก "UCL" - ไทยรัฐ

ส่องสถิติ "ลิโอเนล เมสซี" หลังประเดิมทำประตูแรกให้กับ "ปารีส แซงต์ แชร์กแมง" ในศึก "ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก" 2021-22 เกมเอาชนะ "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" 2-0

วันที่ 29 ก.ย. 64 ความเคลื่อนไหวหลังจากที่ ลิโอเนล เมสซี สตาร์คนดังชาวอาร์เจนตินา หลังประเดิมทำประตูแรกให้กับ "เปแอสเช" ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่เปิดสนาม ปาร์ค แดร์แพรงส์ เอาชนะ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2021-22 กลุ่มเอ นัดสอง เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา

สถิติ ลิโอเนล เมสซี หลังทำประตูแรกให้กับ PSG

- ลิโอเนล เมสซี ทำไปแล้ว 27 ประตูจากการลงสนาม 35 นัด ที่พบกับสโมสรจาก อังกฤษ ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มากกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ในการแข่งขันรายการนี้

- ลิโอเนล เมสซี ทำไปได้ 6 ประตูจากการลงสนาม 4 เกมหลังสุดในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กับทีมที่คุมโดย เป๊ป กวาร์ดิโอลา (4 ประตู : แมนซิฯตี้ / 2 ประตู บาเยิร์น มิวนิก)

- ลิโอเนล เมสซี ยิงประตูใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รวมแล้ว  7 ประตู โดยที่ 7 ประตู ในขณะที่เจ็ดประตูของเขากับทีมที่คุมโดยเป๊ป กวาร์ดิโอลา (2 ประตู กับบาเยิร์น มิวนิก / 5 ประตูกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้)

Adblock test (Why?)


ส่องสถิติ "เมสซี" หลังประเดิมทำประตูแรกให้กับ "PSG" ในศึก "UCL" - ไทยรัฐ
Read More

เปิดปัจจัยสำคัญทำ "ไทย" พ่าย "สิงคโปร์" อดเป็นเจ้าภาพ ฟุตบอลอาเซียน - ไทยรัฐ

เปิดปัจจัยสำคัญพร้อมสถิติต่างเกี่ยวกับโควิด-19 ที่ทำให้ประเทศไทยพ่าย สิงคโปร์อดเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ช่วงปลายปีนี้

วันอังคารที่ 28 กันยายน 2564 ภายหลังจากที่ สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ประกาศเลือก ประเทศสิงคโปร์ เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 อย่างเป็นทางการเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา

โดยก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้มี 5 ประเทศที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพ ได้แก่ ไทย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว สิงคโปร์ แต่มีเพียง 2 ชาติ คือ ไทยกับสิงคโปร์ที่ผ่านมาตรฐาน โดยจากเกณฑ์การคัดเลือก 5 ข้อ สำคัญที่เราพ่าย สิงคโปร์ คือ

1. ได้รับการสนับสนุนการจัดการแข่งขันจากหน่วยงานภาครัฐ
2. การจัดการเรื่องความปลอดภัย และสุขภาพ
3. การบริหารจัดการความเสี่ยงภายในสถานการณ์โควิด
4. สถานที่จัดการแข่งขัน และสิ่งอำนวยความสะดวก
5. ประสบการณ์ในการจัดการแข่งขันภายใต้สถานการณ์โควิด-19

โดยไทยรัฐออนไลน์นำสถิติต่างๆที่คาดว่าเป็นสาเหตุที่ประเทศไทย อดจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนในครั้งนี้

หากวัดถึงตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของทั้ง 2 ประเทศ (อ้างอิงตัวเลขจากวันที่ 28 กันยายน 2564)

ไทย อยู่อันดับ 28 ของโลก ติดเชื้อรวมทั้งหมด 1,581,415 คน เสียชีวิตรวม 16,498 คน และ รักษาหายแล้ว 1,448,425 คน

ขณะที่ สิงคโปร์ อยู่อันดับ 112 ของโลก ติดเชื้อรวมทั้งหมด 89,539 คน เสียชีวิต 80 คน และ รักษาหายแล้วรวม 75,176 คน 

นอกจากนี้ในเรื่องของการฉีดวัคซีนในแต่ละประเทศ 

ไทย ฉีดไปแล้ว 46 ล้านโดส โดยมีจำนวนประชากรที่ฉีดครบทั้ง 2 โดส 15.9 ล้านคน คิดเป็น 22.8% ของประชากรทั้งประเทศ 

ขณะที่ สิงคโปร์ ฉีดวัคซีนไปแล้ว 9.31 ล้านโดส โดยมีจำนวนประชากรที่ฉีดครบทั้ง 2 โดส 4.52 ล้านคน คิดเป็น 79.2% ของประชากรทั้งประเทศ 

แม้ว่าในช่วง 7 วันที่ผ่านมาประเทศสิงคโปร์ จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่พุ่งสูงถึงเกือบวันละ 2,000 รายจนรัฐบาลต้องสั่งเวิร์ก ฟอร์ม โฮม อีกครั้งแต่มีผู้ติดเชื้อทั้งหมดในประเทศที่ยังรักษาตัวอยู่เป็นจำนวน 14,363 คน เท่านั้น 

ส่วนประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่มากถึง 120,156 คน 

ในขณะที่มาตรการเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ จะต้องตรวจหาเชื้อและมีผลเป็นลบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง และต้องตรวจอีกครั้งเมื่อเดินทางเหยียบแผ่นดิน ขณะที่ ผู้รับวัคซีนแล้วจะต้องแสดงผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ที่เป็นลบก่อนออกเดินทางเป็นเวลา 48 ชั่วโมง 

โดยที่ทุกคนจะต้องตรวจโควิดแบบ PCR และกักตัวเป็นเวลา 48 ชั่วโมงในโรงแรมที่รัฐอนุญาตหากมีผลเป็นลบจะได้รับอนุญาตให้เดินทางในประเทศสิงคโปร์ได้ 

นอกจากนี้มาตรการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ปรับปรุงล่าสุด 

ในข้อของการจัดการประชุม การจัดการแข่งขันกีฬาและการแสดงสดต่างๆ จำกัดจำนวนผู้เข้าชมที่ 50 คนโดยไม่ต้องมีการตรวจคัดกรอง และสามารถรองรับผู้ชมได้ถึง 500 คน หากผู้เข้าชมทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว

สำหรับ การแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ระหว่างวันที่ 5 ธันวาคม 2564 - 1 มกราคม 2565 ซึ่งจะแข่งขันกันที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งโปรแกรมการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ ของไทย มีดังนี้

5 ธันวาคม 2564
ผู้ชนะรอบคัดเลือก (บรูไน หรือ ติมอร์-เลสเต) พบ ไทย

11 ธันวาคม 2564
ไทย พบ เมียนมา

14 ธันวาคม 2564
ฟิลิปปินส์ พบ ไทย

18 ธันวาคม 2564
ไทย พบ สิงคโปร์.

Adblock test (Why?)


เปิดปัจจัยสำคัญทำ "ไทย" พ่าย "สิงคโปร์" อดเป็นเจ้าภาพ ฟุตบอลอาเซียน - ไทยรัฐ
Read More

'อันวาร์' ลั่นไม่ได้ทำอะไรผิด แจงข่าว ปชป.จะไม่ส่งลงเลือกตั้ง ส.ส.ปัตตานี สมัยหน้า - ไทยโพสต์

28 ก.ย.64 - นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวว่า ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ส่งลงสมัครเลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้า หลังจากยกมือไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรมต. ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งที่ผ่านมา เพราะถือว่าขัดคำสั่งของหัวหน้าพรรคและเลขาฯพรรค ว่า มีกระแสข่าวนี้มานานแล้ว แต่ส่วนตัวไม่เคยได้รับแจ้งจากพรรคเลย ตนก็ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่เรื่องทำนองนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อปี2550 เมื่อตนจะลงสมัครส.ส.เป็นสมัยที่สอง ก็มีการทำโพลแจ้งพรรคว่า ส่งตนลงสมัคร ก็แพ้ แต่สุดท้ายพรรคหาคนลงแทนไม่ได้ ก็ส่งตน และก็ชนะได้เป็นส.ส.มาถึงปัจจุบันรวมสี่สมัยแล้ว เพราะตนมั่นใจว่า ทำหน้าที่ยืนเคียงข้างประชาชน วันนี้ก็ลงมาประชุมร่วมกับหน่วยราชการ เพราะเดินหน้าประสานงานงบประมาณในโครงการแก้ไขสะพานข้ามแม่น้ำปัตตานีช่วงตำบลตะลุโบะ ที่พี่น้องชาวปัตตานีรอมาตั้งแต่ก่อนปี2548  สามารถพูดได้เต็มปาก เพราะเดินหน้าทำงานแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านมาตลอด ได้อภิปรายในสภาฯจนได้งบฯมาพัฒนาแล้ว วันนี้ทำสำเร็จแล้ว

“ที่ผ่านมา ผมไม่ได้ทำอะไรผิดต่อพรรคต้นสังกัด ผมทำงานให้ประชาชนในพื้นที่เขตเลือกตั้งของผม หากคิดว่า สิ่งที่ผมยืนเคียงข้างกับประชาชนเป็นสิ่งผิด  ผมไม่เปลี่ยนวิธีครับ เพราะ พี่น้องประชาชนเลือกผมให้มารับใช้เขา”  นายอันวาร์ กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งลงส.ส.จริง จะทำอย่างไร  นายอันวาร์ ตอบว่า หากพรรคไม่คิดถึงประชาชน มีสองทางเลือกคือ หยุดงานการเมือง แล้วไปทำอย่างอื่น แต่หากพี่น้องประชาชนยังต้องการก็ต้องบอกว่า จะให้ตนไปอยู่พรรคใด

เมื่อถามอีกว่า แสดงว่า มีพรรคการเมืองอื่นมาทาบทามบ้างแล้วหรือไม่ นายอันวาร์ กล่าวว่า มีมาหลายพรรค ทั้งพรรคใหญ่และเล็ก แต่ตนไม่ไป

ถามต่อว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งลงสมัครจะไปพรรคอื่นหรือไม่ นายอันวาร์ กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชนในเขตเลือกตั้งตนจะชี้นำ และตนสามารถสานงานที่ค้างไว้ได้มากน้อยแค่ไหน

Adblock test (Why?)


'อันวาร์' ลั่นไม่ได้ทำอะไรผิด แจงข่าว ปชป.จะไม่ส่งลงเลือกตั้ง ส.ส.ปัตตานี สมัยหน้า - ไทยโพสต์
Read More

พระครู เชิญวิญญาณ เมียฝรั่ง เผยต้องทำพิธี 3รอบ ตร.เจอเรื่องแปลก - ข่าวสด - ข่าวสด

พระครู ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ เมียฝรั่ง ถูกฆ่าทิ้งไร่ข้าวโพด เผยสิ่งผิดปกติ ต้องทำพิธีถึง 3 รอบ ด้าน พนักงานสอบสวน เล่าเรื่องแปลก ก่อนวันผู้ต้อ...