เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.ให้
อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่
อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรั
สโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 หรือ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ตนอภิปราย พ.ร.ก.เงินกู้นี้ด้วยความหวัง แม้ว่าการดำเนินการของ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทฉบับก่อนหน้านี้ตนจะรู้สึกผิดหวัง แต่ก็เข้าใจได้ถึงสาเหตุของการกู้ครั้งนี้ว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับสถานาการณ์ที่เลวร้าย เพราะเห็นหลายโครงการที่ภาครัฐอัดฉีดลงไปทำให้ประชาชนเริ่มมีความหวัง แม้หลายโครงการตนรู้สึกไม่เห็นด้วยและไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร วันนี้ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย อภิปรายไปในแนวทางเสนอแนะสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ปฏิเสธภาระนี้ไม่ได้ เพราะเป็นผู้มีอำนาจพิจารณา จะให้หรือไม่ให้ใคร จะเร็วหรือช้าอยู่ที่ท่าน
นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทครั้งที่แล้วสรุปได้ว่า สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีปัญหา 3 ประเด็น คือ 1.ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเวลา 2.ขาดความชำนาญ และ 3.ขาดความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาเยียวยาฟื้นฟูที่ล่าช้าจนถึงขนาดที่ให้ ส.ส.ฟากรัฐบาลด้วยกันเองมาตำหนิกระทรวงสาธารณสุข เพราะเข้าใจว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่มีการเตรียมงานและโครงการ ทั้งที่กระทรวงสาธารณสุขทำแผนงานส่งไปที่สภาพัฒน์ตลอด แต่ไม่ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการเยียวยาการฟื้นฟูต้องทำโดยเร็ว เขาพูดทั้งประเทศว่าต้องให้ความสำคัญกับบุคลากรทางการแพทย์ แต่สภาพัฒน์กลับไม่รู้ เช่น อสม. ที่ไม่ได้ค่าตอบแทน รวมถึงห้องแรงดันลบที่ล่าช้า การสร้างงาน และการเยียวยาภาคธุรกิจที่ดูแลไม่ทั่วถึง เป็นการทำงานที่ขาดความชำนาญและประสบการณ์ ท่านไม่มีทางหวังผลลัพธ์ใหม่ได้จากการกระทำเดิม ซึ่งตนหวังอยากเห็น พ.ร.ก.ฉบับนี้สามารถฟื้นฟูเยียวยาประชาชนคนไทยได้อย่างแท้จริง รวมทั้งขอให้สภาฯตั้งกรรมาธิการติดตามการใช้เงิน และขอฝาก รมว.คลังด้วย เพราะกรรมาธิการ พ.ร.ก.ฉบับที่แล้วมีหน้าที่แค่รับฟังรายงานเท่านั้น แต่สิ่งที่เสนอไปกลับไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง
“บางท่านอาจบอกว่าเราเล่นละคร ไม่เป็นอะไร เพราะถ้าเราเล่นละคร ท่านก็เล่นละครเหมือนกัน ไม่ใช่มี พ.ร.ก.หรือ พ.ร.บ.ฉบับนี้เท่านั้น ที่เราอภิปรายกันดุเดือดแล้วไปรับ ไม่ใช่มีเฉพาะฝ่ายรัฐบาลที่ทำ แต่ฝ่ายค้านหลายครั้งอภิปรายดุเดือด แต่ถ้าเป็นกฎหมายสำคัญประชาชนก็รับ นี่คือความสวยงามประชาธิปไตย และการแสดงความคิดเห็นของส.ส.เป็นไปได้โดยเสรี หากใครคิดว่าการแสดงความคิดเห็น ส.ส.เป็นสิ่งที่ผิด อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย ท่านไม่สามารถแสวงหามิตรได้ด้วยการกระแหนะกระแหนเสียดสีบังคับขู่เข็ญ แต่ท่านย่อมหาแนวร่วมกับท่านได้ด้วยความเข้าใจ ทำหน้าที่ตอบแทนประชาชนที่เลือกเรามาอย่างตรงไปตรงมา” นายสิริพงศ์ กล่าว
Adblock test (Why?)
'ภูมิใจไทย'อัด'สภาพัฒน์' ทำคนมอง'สธ.'ทำงานอืด - เดลีนีวส์
Read More
No comments:
Post a Comment