วันอังคาร ที่ 01 มิถุนายน พ.ศ. 2564, 10.06 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ชาวบ้านในพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลา หมู่ 8 ต.ลำปํา อ.เมืองพัทลุง ที่มีบ้านเรือนตั้งอยู่ริมทะเล ใช้จังหวะช่วงน้ำในทะเลสาบลดลง ต่างพากันทำนาข้าวในทะเลสาบ โดยใช้พื้นที่ริมชายฝั่งทะเลสาบที่ทอดยาวกว่า 5 กม. เพื่อทำการปักดำปลูกข้าว ที่เป็นวิถีที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษเพื่อใช้ผลผลิตที่ได้เลี้ยงครอบครัว และถือว่าการทำนาในทะเลสาบมีแห่งเดียวในประเทศไทยก็ว่าได้
นางซิ่น พูลสวัสดิ์ อายุ 69 ปี หนึ่งในผู้ที่ได้รับการถ่ายทอด ความรู้เรื่องวิธีการทำนาข้าวในทะเลสาบ เล่าว่า ใช้พื้นที่ประมาณ 4 ไร่ ทำนาข้าวริมทะเลสาบมานานหลายสิบ ปี และยังมีเพื่อนบ้านอีกหลายครัวเรือนทำเช่นเดียวกัน รวมพื้นที่ปลูกข้าวในหมู่บ้านกว่า 800 ไร่ ใช้เวลาราว 3 เดือนครึ่งในการปลูกข้าว จะเริ่มกันประมาณต้นเดือน มิถุนายน เก็บเกี่ยวช่วงปลายเดือน กันยายน ของทุกปี ด้วยเหตุผลที่เลือกทำนาในช่วงเวลานี้ เพราะน้ำในทะเลสาบลดลง ทำให้สามารถปลูกข้าวได้ หากเกินช่วงเวลาดังกล่าวนาข้าวจะไม่ได้ผลผลิตเพราะน้ำทะเลจะหนุนสูงท่วมต้นข้าวเสียหาย
การเพาะปลูกข้าวที่นี่ ต้องหาพันธุ์ข้าวที่ลำต้นแข็งแรง มีรากลึก และต้นข้าวเมื่อเจริญเติบโตแล้วต้องมีความสูง และสามารถต้านทานกับสภาพแรงลมและคลื่นขนาดเล็กที่ซัดเข้าหาฝั่งได้ ซึ่งชาวบ้านจึงนิยมใช้พันธุ์ข้าว กข 55 และพันธุ์ข้าวหอมราชินี
สำหรับการดูแลรักษานั้นไม่ยุ่งยากและไม่ต้องใช้เงินในการซื้อปุ๋ย เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้มีตะกอนแร่ธาตุจากธรรมชาติไหลมาทับถมอยู่แล้ว และยังมีน้ำหล่อเลี้ยงตลอดเวลา ตามการขึ้นลงของน้ำในทะเลสาบเกษตรกรจึงได้รับผลผลิตอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เมื่อต้นข้าวเจริญเติบโตแล้ว ยังกลายเป็นแหล่งอาศัยของกุ้ง หอย ปู ปลา ขนาดเล็กอีกด้วย ซึ่งเป็นผลพลอยได้ที่ชาวบ้านได้รับอีกทอดหนึ่ง ที่สำคัญการทำนาของชาวบ้านที่นี่ไม่ต้องใช้ทุน ใช้เพียงแรงเท่านั้น
นับเป็นอีกมุมหนึ่งของการท่องเที่ยววิถีชุมชนของชาวบ้านริมทะเลสาบสงขลา ที่เหมาะให้นักท่องเที่ยวได้มาเรียนรู้และเช็กอินมุมสวยๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทำนาในทะเลสาบวิถีหนึ่งเดียวที่พัทลุง เริ่มปักดำต้นกล้าหลังระดับน้ำทะเลลด - บ้านเมือง
Read More
No comments:
Post a Comment