เช้านี้ BCH ดีดทำนิวไฮรอบ 3 ปี คาดรับปัจจัยหนุนยอดตรวจเชื้อโควิด-19 ไตรมาส 2/64 จ่อเพิ่มขึ้นเป็น 5 แสนราย หนุนกำไรโค้งสองนิวไฮ ขณะที่โบรกฯแห่อัพเป้ากำไรปี 64 – ราคาเหมาะสม หนุนกำไรทั้งปีทำ All Time High
*** นิวไฮรอบ 3 ปี หลังงบ Q2/64 จ่อโตกระฉูด
ราคาหุ้น บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ช่วงเช้าวันนี้ (27 พ.ค.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 20.80 บาท ทำนิวไฮในรอบ 3 ปี ก่อนปิดซื้อขายช่วงเช้าไปด้วยราคา 20.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 1.48% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 38.55% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
โดย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น BCH ช่วงเช้าวันนี้ ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮในรอบ 3 ปี เนื่องจากกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ของ BCH มีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส หลังจำนวนผู้เข้ารับบริการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ในช่วงไตรมาส 2/64 คาดทำได้ถึง 5 แสนราย เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ทำได้ 1.3 แสนราย ซึ่งคิดเป็นรายได้ 1.2 พันล้านบาท
ขณะที่ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ของ BCH ไว้ที่ 550-600 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส โดยมีปัจจัยหนุนหลัก คือ รายได้จากการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในช่วงไตรมาสนี้
ส่วน บล.กรุงศรี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน BCH มีคนไข้รักษาอาการป่วยจากโควิด-19 ประมาณ 2.2 พันราย โดยมีคนไข้หมุนเวียน 100-150 รายต่อวัน จากระยะเวลาการรักษานานอย่างน้อย 14 วัน ส่งผลให้อัตราการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลค่อนข้างเต็ม ซึ่ง BCH ได้ขยายจำนวนห้องผู้ป่วยโควิด-19 จาก 665 ห้อง สู่ 927 ห้อง และ เพิ่มจำนวนห้องใน Hospitel จาก 2,200 ห้องสู่ 3,421 ห้อง
นอกจากนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)จะเพิ่มงบประมาณการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ขึ้นเฉลี่ย 25% รวมถึงการดูแลผู้ป่วยในห้อง ICU จาก 4.8 พันบาทต่อวัน สู่ 7.4 พันบาทต่อวัน ซึ่ง สปสช.จะให้เบิกจ่ายค่ารักษาที่มีต้นทุนสูง ที่ไม่ให้เบิกจ่ายก่อนหน้านี้ เช่นภาวะขาดเลือด (Hypoperfusion) จำนวน 4.4 หมื่นบาทต่อครั้ง ข้
ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวของ สปสช. จะถูกส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ และ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยจะมีผลบังคับใช้ย้อนหลัง ซึ่งประเด็นนี้ จะช่วยเพิ่มรายได้และอัตรากำไรให้กับ BCH ขึ้นอีกด้วย
*** ยอดคนไข้ทะลัก กูรูเริ่มทยอยอัพเป้ากำไรปีนี้
บล.เคทีบี เอสที ระบบุว่า ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ของ BCH ขึ้นจากเดิมอีก 75% เป็น 2.38 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งระดับกำไรสุทธิดังกล่าว จะทำให้กำไรสุทธิปีนี้ของ BCH ทำสถิติสูงสุดตลอดกาล (All Time High) นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
โดยสาเหตุหลัก จากการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ขึ้น เป็นเพราะ รายได้ในช่วงไตรมาส 2/64 ของ BCH มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างโดดเด่น เบื้องต้นคาดไว้ที่ 5.8 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 178% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 150% จากไตรมาสก่อน หลังผู้เข้ารับบริการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ในช่วงเดือน เม.ย. – พ.ค.ทำได้แล้วถึง 3.5 แสนราย
เช่นเดียวกับ บล.เอเชีย เวลท์ ที่ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ของ BCH ขึ้นจากเดิมอีก 8% เป็น 1.43 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (กำไรทำ All Time High) โดยมีสาเหตุหลักจากจำนวนผู้ตรวจคดกรองเชื้อโควิด-19 ในช่วงเดือน เม.ย.- พ.ค.64 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังไม่คลี่คลายลง
นอกจากนี้ BCH ยังสามารถ ควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ดีกว่าคาด และยังได้รับประโยชน์จากการประหยัดเชิงขนาด อีกด้วย
ส่วนนักวิเคราะห์ อีก 2 แห่ง ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ BCH ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 64 (ลบ.) |
%chg YoY. |
หยวนต้า |
1,497 |
22.50 |
เอเซีย พลัส |
1,473 |
19.85 |
*** จ่อนำเข้าวัคซีนทางเลือก Q3/64 คาดค่าบริการ 3-4 พันบ./ราย
บล.กรุงศรี ระบุว่า BCH วางแผนจะนำเข้าวัคซีน Moderna ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยจะนำเข้าผ่านองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งแบบสำรวจของ BCH สะท้อนถึงความต้องการวัคซีนมากกว่า 2 ล้านโดส จากทั้งบุคคลและองค์กร ขณะที่อุปสงค์รวมของ โรงพยาบาลเอกชน ไทย เพิ่มขึ้นจาก 5 ล้านโดส เป็น 10 ล้านโดส
ทั้งนี้ BCH จะเปิดจองวัคซีน และเก็บเงินมัดจำหลังได้ข้อสรุปราคาขายวัคซีนภายในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะสามารถนำเข้าวัคซีน Moderna ได้ภายในช่วงไตรมาส 3/64
ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ได้ประเมินราคาขายวัคซีน Moderna ของ BCH ไว้ที่ 3-4 พันบาท/ราย อย่างไรก็ตาม ประเมินความเสี่ยงของ BCH ในกรณีที่ได้รับวัคซีน Moderna ครบ 2 ล้านโดส ซึ่งเป็นปริมาณที่สูง ยังมีอยู่ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากคำสั่งซื้อจำนวน 2 ล้านโดส เป็นการสำรวจความต้องการจริงจากผู้บริโภค
รวมถึงวัคซีน Moderna ที่คาดจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 3-4/64 เปรียบเทียบกับการเริ่มกระจายวัคซีนในประเทศไทยอย่างเร่งด่วน ที่เริ่มขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 2/64 จึงทำให้มีโอกาสที่จะได้เห็นความต้องการเพิ่มเติมบางส่วน จากผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 6 เดือนไปแล้ว เพิ่มด้วย
*** โบรกฯ มอง Valuation ยังน่าสนใจ
บล.เคทีบี เอสที ระบุว่า แม้ราคาหุ้น BCH จะปรับตัวขึ้น Outperform ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ถึง 42% ในช่วง 3 เดือนล่าสุด แต่ยังมองว่ามูลค่า (Valuation) ของหุ้น BCH ยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากปัจจุบัน BCH เทรดที่ PER เพียง 21 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในระดับ 38 เท่า
ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยหนุนที่สำคัญ คือ การเติบโตของกำไรสุทธิปี 64 ที่มีแนวโน้มทำ All Time High ประกอบกับ กระแสเงินสด (Cash Flow) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นไป จากกำไรที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในกรอบ 35-36%
เช่นเดียวกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่มองว่า BCH ยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากผลประกอบการปี 64 มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างโดดเด่นสวนกระแสการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งมอง BCH เป็นธุรกิจที่แข็งแกร่ง เติบโตได้ท่ามกลางวิกฤต
*** ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" พร้อมอัพเป้าราคา
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" พร้อมปรับราคาเหมาะสมของ BCH ขึ้นด้วย หลังผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64 มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างโดดเด่น จากจำนวนผู้ตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับ สปสช.เตรียมเสนอ ครม.เพิ่มค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้น
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสมเดิม (บ.) |
ราคาเหมาะสมใหม่ (บ.) |
เคทีบีฯ |
ซื้อ |
20.20 |
25.00 |
ยูโอบีฯ |
ซื้อ |
21.00 |
24.00 |
หยวนต้า |
ซื้อ |
20.20 |
23.60 |
ราคาเฉลี่ย |
20.46 |
24.20 |
ต้องยอมรับว่าสาเหตุหลัก ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่ากำไรสุทธิปี 64 ของ BCH จะเติบโตได้อย่างโดดเด่น เป็นเพราะยอดตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้กำไรปีนี้อาจเป็นจุดพีคที่สุดของ BCH
แต่ สิ่งที่น่าติดตามต่อไป คือ เมื่อการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง BCH ยังจะสามารถรักษาระดับกำไรในระดับสูงเหมือนที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ได้ต่อไปหรือไม่?...
No comments:
Post a Comment