สพฐ.เชิญชวนครู-บุคลากร ทำแบบสอบถามความคิดเห็นต่อหลักเกณฑ์วิทยฐานะ ก่อนชงก.ค.ศ.
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) แจ้งผ่านเพจ “สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ” ระบุว่า สพฐ. โดยสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ(สพร.) ขอความอนุเคราะห์ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตอบ “แบบสำรวจความคิดเห็นต่อหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินเพื่อให้มีและเลื่อนวิทยฐานะ”
เพื่อทราบสภาพปัจจุบัน ปัญหาอุปสรรคต่อการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน การขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ และความคิดเห็นต่อระบบ DPA รวมถึงการประเมิน เพื่อ สพฐ.จะได้ทำเป็นข้อมูลนำเสนอต่อคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ในการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ต่อไป
รายเละเอียดตามลิงก์ :
https://forms.gle/j8mxbb2Djnh63Wzr9
สำหรับคำถาม มีอาทิ สภาพปัจจุบัน ปัญหา อุปสรรคต่อการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน และการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ
1.ท่านมีการรับรู้หรือเห็นด้วยกับประเด็นต่อไปนี้มากน้อยเพียงใด (โดยคำตอบมีตั้งแต่ไม่เห็นด้วยไปจนถึงเห็นด้วยอย่างยิ่ง)
– มีความรู้ความเข้าใจในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) เป็นอย่างดี
– สามารถจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ได้ตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
– การจัดทำข้อตกลงในพัฒนางาน (PA) ตามรอบปีงบประมาณ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 30 กันยายนปีถัดไป มีความเหมาะสม
– คณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลงมีความรู้ความสามารถเหมาะสม และชี้แนะแนวทางในการพัฒนางานได้เป็นอย่างดี
– การประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง ควรพิจารณาจากผลการปฏิบัติงานตามสภาพจริงเท่านั้น
– การประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง ควรพิจารณาจากผลการปฏิบัติงานที่เป็นเอกสารประกอบผลการปฏิบัติงานเท่านั้น
– การประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง ควรใช้แนวทางที่ไม่เพิ่มภาระงาน และลดการสิ้นเปลืองในการใช้กระดาษ
– ข้อตกลงในการพัฒนางานสามารถพัฒนาคุณภาพผู้เรียน คุณภาพข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา คุณภาพของสถานศึกษาและหน่วยงานทางการศึกษาได้จริง
– ผลการประเมินการพัฒนางานตามข้อตกลงต้องได้คะแนนจากกรรมการแต่ละคนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 มีความเหมาะสมแล้ว
– การขอรับการประเมินต้องมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งตามมาตรฐานวิทยฐานะ 4 ปี
– การนำผลการพัฒนางานตามข้อตกลงย้อนหลัง 3 รอบการประเมิน มาใช้เป็นคุณสมบัติในการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ
– การขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ โดยต้องมีการประเมินมีวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ ย้อนหลัง 4 ปี
– การลดระยะเวลาตามเงื่อนไขคุณสมบัติเฉพาะมีความเหมาะสม
– คณะกรรมการประเมินการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะในแต่ละวิชา/สาขา ควรมีความรู้ความเข้าใจในการประเมินเป็นมาตรฐานเดียวกัน
– การใช้ไฟล์ดิจิทัล “บันทึกการสอน” ตามมาตรฐานวิทยฐานะที่สอดคล้องกับแผนการจัดการเรียนรู้ โดยไม่มีการตัดต่อประกอบการประเมิน
– การปรับเกณฑ์การตัดสินการประเมินด้านที่ 1 และด้านที่ 2 ต้องได้คะแนนจากกรรมการไม่น้อยกว่า 2 ใน 3
– การใช้ไฟล์ดิจิทัล “บันทึกภาพตนเอง” เกี่ยวกับสภาพการจัดการเรียนการสอนที่สะท้อนถึงวิธีการแก้ไขปัญหา เป็น mp4 ไม่เกิน 10 นาที
– การบันทึกผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน และผลงานทางวิชาการ ในรูปแบบของไฟล์เพื่อใช้อัพโหลดประกอบการประเมิน
– การจัดทำไฟล์ดิจิทัล (คลิปวิดีโอ) เป็นสิ่งที่ยุ่งยากและเป็นอุปสรรคสำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษา
– ควรมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การขอมีและเลื่อนวิทยฐานะให้มีทางเลือกการเสนอขอมากกว่าปัจจุบัน
2.ท่านคิดว่า การขอมีและเลื่อนวิทยฐานะตามหลักเกณฑ์ ว9/2564 (ตำแหน่งครู) ว10/2564 (ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา)และ ว11/2564 (ตำแหน่งศึกษานิเทศก์) โดยนำเข้าระบบการประเมินวิทยฐานะดิจิทัล (DPA) มีความเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร
– เหมาะสมแล้ว
– ควรปรับปรุง
– ไม่เหมาะสม
3.ท่านมีปัญหา และอุปสรรค การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน และการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ เรื่องใดบ้าง (โปรดสรุปพอสังเขป)
4.ท่านต้องการให้ ก.ค.ศ. หรือ สพฐ. ดำเนินการแก้ไข/ช่วยเหลือท่านในประเด็นใดบ้าง
5.การกำหนดทางเลือกในการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ ควรใช้หลักเกณฑ์และวิธีการใดที่เหมาะสม
- ว 17/2552 (แบบผลงานทางวิชาการ)
- ว 13/2556 (แบบผลงานดีเด่น/เชิงประจักษ์)
- ว 21/2560 (เฉพาะครู วฐ.)
- ว PA (ว 9 ,ว 10 ,ว 11 ,ว 12 /2564)
- อื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีคำถามอื่นๆ อาทิ ความคิดเห็นต่อระบบ DPA และการประเมิน, ความคิดเห็นต่อการนำเข้าข้อมูลผ่านระบบการประเมินวิทยฐานะดิจิทัล (DPA) ควรมีแนวทางการพัฒนาหรือไม่ อย่างไร เป็นต้น
สพฐ.เชิญชวนครู-บุคลากร ทำแบบสอบถามความคิดเห็นต่อหลักเกณฑ์วิทยฐานะ - มติชน
Read More
No comments:
Post a Comment