เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์จนเกิดกระแสร้อนอีกครั้ง กับการทำหน้าที่ประธานสภาของ “วันนอร์” วันมูหะมัดนอร์ มะทา ใช้อำนาจปิดประชุมสภา เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2566 ในทันที ทำให้ สส.ต่างงุนงง หลังองค์ประชุมครบ เปิดประชุมได้เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่สามารถหาข้อยุติญัตติด่วนให้ทบทวนมติรัฐสภา ห้ามเสนอชื่อโหวตนายกฯ ซ้ำ โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงใดๆ ของ สส. และสุดท้ายสั่งเลื่อนประชุมพิจารณาแก้ไขมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ สว.ในการโหวตเลือกนายกฯ จากการเสนอของพรรคก้าวไกล
การสั่งปิดประชุมสภาครั้งล่าสุดของ “วันนอร์” เป็นอีกบทพิสูจน์ในการทำหน้าที่ จนถูกตั้งข้อครหาอาจไม่สง่างาม หลังทัวร์ลงไปแล้วรอบหนึ่งเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ไม่สามารถชี้ขาดการโหวตนายกฯ รอบสอง ทำให้ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา เหนือกว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ และเจ้าตัวได้ออกมาชี้แจงยืนยันปฏิบัติหน้าที่เป็นกลาง ถูกต้องตามข้อบังคับอย่างดีที่สุด แต่ก็พร้อมยอมรับข้อตำหนิ
คนเริ่มสงสัย ทำงานเหมือนมีใบสั่ง จนไม่กล้าตัดสินใจ
เกิดอะไรขึ้นกับผู้ทำหน้าที่ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ในห้วงการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่ลงตัว ต้องระวังเกมลับลวงพราง อาจทำให้สถานการณ์พลิกผันได้ “รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส” คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก มองว่า บทบาทของวันนอร์ได้สร้างความกังขาเป็นอย่างยิ่งในวิธีการวินิจฉัยชี้ขาด แม้จะทำให้การประชุมสภาดำเนินไปตามปกติ แต่ก็เหมือนกับไม่ได้ทำให้อะไรเลย เพราะปล่อยให้มีการประท้วงโดยไม่ได้ชี้ขาดวินิจฉัย ไม่ตัดสินใจ จนสุดท้ายก็ปิดประชุมสภา
“ทำอย่างนี้ก็ควรเอาเอไอมาทำแทนก็ได้ เพราะพรรคการเมืองแต่ละพรรคจะใช้เอกสิทธิ์ในการประท้วงอยู่แล้วในการประชุมสภา ประธานสภาควรใช้ดุลพินิจ ไม่ใช่ปล่อยไปตามเกม ปล่อยให้พูดกันไป จนการทำงานไม่มีความราบรื่น เหมือนไม่กล้าตัดสินใจ ทำให้คนเริ่มสงสัยกันแล้วว่าเหมาะสมกับตำแหน่งประธานสภาหรือไม่ ข้อบังคับการประชุมสภาก็ไม่แม่น ต้องให้สมาชิกสภามาบอก หรือถ้าจะมองในแง่ร้าย ทำงานเหมือนมีใบสั่งว่าอันนี้ห้ามทำแบบนี้ อันนี้ให้ทำแบบโน้น”
ไม่อาจวางใจได้ หากประธานสภาทำตัวไม่เป็นกลาง
ในช่วงแรกๆ ของการประชุมสภา ยังไม่มีญัตติอะไรมากมาย เพราะจัดตั้งรัฐบาลยังไม่สำเร็จ ยังไม่มีเรื่องสาหัสที่ต้องรับมือในการแก้ไข หรือเสนอญัตติ แต่วันนอร์กลับทำหน้าที่ประธานสภาได้อย่างน่าผิดหวัง อย่างล่าสุดสั่งปิดประชุมสภาโดยไม่มีข้อสรุปใดๆ ไม่มีการยืนยันกับสมาชิกสภาว่าไม่สามารถนำไปสู่การวินิจฉัยได้ เหมือนไม่พร้อมทำหน้าที่ อย่างกรณี รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอญัตติเรื่องเงื่อนไขห้ามโหวตนายกฯ ซ้ำ ในการประชุมสภา เพื่อให้ตีความว่าถูกต้องหรือไม่ ก็ควรเปิดให้ลงมติ หรืออาจจะมองว่าสว.มาประชุมน้อยก็ได้
แต่การที่ สว.ไม่มาประชุมสภา ก็เป็นความรับผิดชอบของ สว. เพราะเป็นเหตุทำให้วาระการประชุมไม่สามารถดำเนินการได้ จนคนมองว่าทำงานตามใบสั่งหรือไม่ อีกทั้ง สว.มาประชุมน้อยมาก ทั้งที่เป็นการประชุมร่วมกันของรัฐสภา และทำไมประธานสภาไม่ให้รังสิมันต์เสนอญัตติไม่ให้มีการอภิปราย และไม่ให้ลงมติในเรื่องนี้ จนคนทั่วไปมองออกว่าทำหน้าที่แบบนี้ก็ควรลาออกไป ถ้าไม่วางตัวเป็นกลางในการทำหน้าที่อย่างมีมาตรฐาน ทำให้การประชุมสภาครั้งต่อไปไม่สามารถไว้วางใจได้ในการระดมความคิดเห็นในเรื่องข้อกฎหมาย
“ปกติประธานสภาก็ทำหน้าที่ตามข้อบังคับให้การประชุมบรรลุเป้าหมาย แต่ถ้ายังทำแบบนี้อีก ประชาชนคงไม่เชื่อถือศรัทธาในการทำหน้าที่ประธานสภา ไม่ใช่วางตัวไม่เป็นกลาง ทำให้การประชุมร่วมรัฐสภาไปไม่ได้ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา แต่ครั้งนี้ทำหน้าที่บกพร่องต่อกระบวนการนิติบัญญัติ และไม่เคยเห็นประธานสภาคนไหนจะถูกบรรดาสมาชิกสภาแสดงความไม่พอใจมาก่อน ต้องไปหาดูบทบัญญัติว่ามีบทลงโทษ หรือให้ลาออกหรือไม่ แต่อาจไม่มีข้อกำหนด คงต้องเรียกร้องให้ลาออกเอง ถ้าไม่สามารถทำหน้าที่ได้เหมือนเสาหลัก จนเดินต่อไม่ค่อยได้”
การทำหน้าที่ประธานสภาของวันนอร์มีความผิดพลาดตั้งแต่การประชุมครั้งที่แล้ว ไม่ควรเอาข้อบังคับการประชุมสภามาวินิจฉัยว่าเหนือกว่ารัฐธรรมนูญ โดยไม่ใช้ดุลพินิจ จนเกิดความวุ่นวายต่อจากนี้ ทั้งที่การประชุมสภาครั้งล่าสุดทาง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ได้ออกมาสนับสนุนญัตติของรังสิมันต์ แต่ประธานสภายืนยันว่าเป็นมติเดิม แสดงว่าไม่ค่อยเข้าใจข้อบังคับประชุมสภา หรือแม้แต่ในรัฐธรรมนูญ.
บทพิสูจน์ “วันนอร์” ถูกครหาทำหน้าที่ประธานสภา ไม่เป็นกลาง จริงหรือ - ไทยรัฐ
Read More
No comments:
Post a Comment