น่าจะเป็นปีที่โชคร้ายของหนังซูเปอร์ฮีโร่ของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส เพราะไม่เพียง “Black Adam” กับ “Shazam! Fury of the Gods” ที่ขาดทุนแล้ว หนังเดี่ยว “The Flash” ก็กลายเป็นหนังขาดทุนอีกเรื่อง และน่าจะหนักกว่าสองเรื่องนี้ด้วย
จากการประเมินของ Exhibitor Relation Co. บอกว่า “The Flash” น่าจะสิ้นสุดการฉายในสหรัฐโดยทำเงินไปราว 106 ล้านเหรียญ ซึ่งนั่นต่ำกว่า “Green Lantern” ที่ทำเงินในสหรัฐไป 116 ล้านเหรียญ โดยยังไม่ได้มีการปรับตามค่าเงินเฟ้อด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ดี ถ้าดูรายได้ทั่วโลกแล้ว “The Flash” ยังทำเงินมากกว่าครับ โดยทำเงินไปแล้ว 263 ล้านเหรียญ เอาชนะ “Green Lantern” ที่ทำเงินไปราว 219 ล้านเหรียญ
จากการประเมินของ Forbes บอกว่า ด้วยทุนสร้าง 200-220 ล้านเหรียญ ยังไม่รวมงบการตลาด หนัง “The Flash” อาจขาดทุนราว 200 ล้านเหรียญ ที่จะกลายเป็นหนังซูเปอรืฮีโร่ที่ขาดทุนมากที่สุดในประวัติศาสตร์
ทำไมหนังถึงขาดทุนขนาดนี้ มีหลายเหตุผลที่นักวิเคราะห์ประเมินกันครับ ตั้งแต่เรื่องอื้อฉาวส่วนตัวของเอซรา มิลเลอร์ การที่หนังเลื่อนฉายเพราะโควิด-19 จนขาดความสดใหม่และน่าตื่นเต้น การที่ผู้ชมเริ่มเบื่อหนังซูเปอร์ฮีโร่ การที่มันเป็นหนังดีซีเรื่องท้ายๆ ในจักรวาลที่แซ็ค สไนเดอร์ วางเอาไว้ และกำลังจะมีจักรวาลใหม่ของเจมส์ กันน์ มาแทน ทำให้ผู้ชมเตรียมทิ้งมันไปแล้วเริ่มใหม่ รวมถึงการที่อีกไม่นาน หนังก็ลงสตรีมมิ่งแล้ว ผู้ชมรู้สึกว่ารอดูทางสตรีมมิ่งได้ครับ
“The Flash” อาจทำเงินในสหรัฐต่ำกว่า “Green Lantern” เมื่อสิ้นโปรแกรมการฉาย - Jediyuth
Read More
No comments:
Post a Comment