Rechercher dans ce blog

Monday, July 31, 2023

คอลัมน์การเมือง - 'บิ๊กตู่'ต้องทำหน้าที่นายกฯต่อไป - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาได้ออกหนังสือเรียกประชุมรัฐสภาในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ มีวาระสำคัญ 2 วาระ คือ 1. การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และ 2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ยกเลิกอำนาจ สว. เลือกนายกฯ ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน รัฐสภาสามารถดำเนินการตามวาระแรก คือเลือกนายกรัฐมนตรีได้แต่หากรับคำร้องและมีคำสั่งให้ชะลอการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีออกไป จะหยิบยกวาระที่ 2 ขึ้นมาพิจารณา

นักวิชาการ นักวิเคราะห์ทางการเมืองมองว่า ในวันที่ 4 สิงหาคม นั้นจะยังไม่ได้ตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่เพราะเงื่อนไขต่างๆ ยังมีอีกมาก เหมือนปรากฏการณ์ “เอลนีโญ”คือสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ที่ลากยาวไปถึงปีหน้า


ส่วนนายทักษิณ ชินวัตร ผู้หนีคดีอาญาแผ่นดินที่ประกาศจะกลับไทยในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ก็ไม่ได้กลับเช่นเดียวกัน ซึ่งไม่ได้เป็นความผิดของนายทักษิณ ที่บอกจะกลับในวันที่ 10 สิงหาคมนี้เพราะนายทักษิณ ไม่ได้ระบุ พ.ศ.เอาไว้ นั้นย่อมหมายความว่าอาจจะกลับปีหน้าหรือ 10 ปีข้างหน้า หรือไม่กลับมาเลยก็เป็นไปได้

ส่วนกลุ่มชุมนุมที่จัดชุมนุมในกรุงเทพฯในช่วงวันหยุดดูเหมือนไม่ได้มีพลังอะไรมากนักแค่สนุกสนานเฮฮาปาร์ตี้ บางกลุ่มก็เน้นด้านโซเชียลมีเดียเป็นหลัก บางรายพลาดไปก็ถูกดำเนินคดีให้เป็นตัวอย่างเดือดร้อนกันทั้งครอบครัวซึ่งกลุ่มนี้เป็นฝ่ายที่อยากได้นายกรัฐมนตรีโดยเร็ว ก็มองว่าถ้าไม่ได้ นายกรัฐมนตรีแล้วเศรษฐกิจจะทรุด ข้าวยากหมากแพงขาดความเป็นประชาธิปไตย

ต่างจากความเห็นของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า มุมมองเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ยังมีศักยภาพในการขยายตัวได้ในระดับ 3-4% ความไม่แน่นอนเรื่องรัฐบาล ใครจะมา มาเมื่อไร จะไม่กระทบภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้

น้ำหนักคำพูดของผู้ว่าการธปท.ย่อมมีเหนือกว่าน้ำลายของนักการเมือง ที่ผิดหวังในการเข้าควบคุมอำนาจรัฐที่พยายามข่มขู่ว่าถ้าไม่มีรัฐบาลใหม่เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบ ซึ่งความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังแข็งแกร่งเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ในเมื่อรัฐสภายังไม่สามารถเฟ้นหานายกรัฐมนตรีใหม่ได้ นั้นย่อมหมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน มีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน แม้กระทั่งเรื่องประกาศกฎอัยการศึกก็ยังทำได้จนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่

แต่ดูเหมือนว่าในการประชุม ครม.ในแต่ละครั้งงานใหม่ๆ ออกน้อยมาก เพราะรัฐบาลชุดนี้ต้องการให้รัฐบาลใหม่มาทำ รวมทั้งจะทำอะไรต้องขออนุญาตกกต.ซึ่งมองว่าเรื่องการขออนุญาตจาก กกต.ก็ไม่จำเป็นเพราะการเลือกตั้งจบไปแล้ว และยังไม่รู้ว่าจะได้นายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ควรลุยงานต่อเหมือนตอนยึดอำนาจใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับเพลง “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน”

ขณะนี้เวลาของพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่หมด และยังเหลืออีกยาวนาน จึงควรใช้เวลาส่วนนี้ให้เต็มที่ อย่างน้อยๆ ก็ควรปล่อยโครงการคนละครึ่งให้ประชาชนอีกสักครั้งเพื่อช่วยการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ยังสามารถทำได้ หรือจะตระเวนออกพบปะประชาชนเหมือนในอดีต ไปตรวจราชการต่างจังหวัดก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

Adblock test (Why?)


คอลัมน์การเมือง - 'บิ๊กตู่'ต้องทำหน้าที่นายกฯต่อไป - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Read More

สถานการณ์แรงงานไทยไตรมาส 2/66 ผู้มีงานทำ 39.7 ล้านคน พุ่ง 6.6 แสนคน - Post Today

ทั้งนี้ พบว่าในไตรมาส 2/2566 จำนวนผู้มีงานทำอยู่ที่ 39.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.6 แสนคน เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2565 ขณะที่ชั่วโมงการทำงานก็มากขึ้น สะท้อนถึงปริมาณงานในระบบที่มากขึ้น โดย สสช. พบว่า ผู้ที่ทำงานเต็มเวลาหรือทำงาน 35-49 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นประมาณ 5.6 แสนคน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ส่วนผู้ที่ทำงาน 50 ชั่วโมงขึ้นไปต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นประมาณ 3.5 แสนคน ในขณะที่ผู้ที่ทำงานน้อยกว่า 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ลดลงประมาณ 2.4 แสนคน

ทางด้านการว่างงาน พบว่า ในไตรมาส 2/2566 มีผู้ว่างงานเฉลี่ย 4.3 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงาน 1.1% ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่การว่างงานอยู่ที่ 5.5 แสนคน หรือ 1.4% และทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566 ที่มีการว่างงาน 4.2 แสนคน หรือ 1.1% 

Adblock test (Why?)


สถานการณ์แรงงานไทยไตรมาส 2/66 ผู้มีงานทำ 39.7 ล้านคน พุ่ง 6.6 แสนคน - Post Today
Read More

พม. ประกาศช่วยเหลือค่าทำศพผู้สูงอายุ 3,000 บาท ยื่นเรื่องยังไง ไปดู - Kapook.com

           ราชกิจจานุเบกษา ลงประกาศ พม. ช่วยเหลือค่าทำศพ 3,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุ ต้องทำเรื่องยังไงบ้าง ยื่นเรื่องหน่วยงานไหน ใช้หลักฐานอะไร มีบอก

โลงศพ
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
          วันที่ 30 กรกฎาคม 2566 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เรื่อง การสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี โดยจะมีการช่วยเหลือเป็นเงินการจัดการศพผู้สูงอายุรายละ 3,000 บาท มีเงื่อนไขดังนี้

การเข้าหลักเกณฑ์ของผู้ตาย

          1. ผู้ตายต้องอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

          2. สัญชาติไทย

          3. กรณีมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เว้นแต่ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ยังไม่มีบัตรหรือยังไม่ได้ลงทะเบียน ให้คนใดคนหนึ่ง คือ ผอ.เขต, นายอำเภอ, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, นายกเทศมนตรี, นายก อบต., นายกเมืองพัทยา หรือประธานชุมชน เป็นผู้ออกหนังสือรับรองตามแบบที่อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุกำหนด

สถานที่ยื่นเรื่อง

          ผู้ที่รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณี ยื่นคำขอในพื้นที่ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหรือภูมิลำเนาในขณะที่ถึงแก่ความตาย ภายใน 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ออกใบมรณบัตรพร้อมเอกสาร ได้แก่

          1. กรุงเทพฯ ยื่นขอที่สำนักงานเขต

          2. จังหวัดอื่น ให้ยื่นที่ สำนักงาน พม. จังหวัด, ที่ว่าการอำเภอ, สำนักงานเทศบาล, ที่ทำการ อบต. หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา

หลักฐานที่ใช้ยื่นเรื่อง

          1. ใบมรณบัตรของผู้สูงอายุ

          2. บัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้สูงอายุ

          3. บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่น ๆ ที่ออกโดยหน่วยงานรัฐที่มีรูปถ่ายและเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ยื่นคำขอ

          4. สมุดบัญชีหรือเลขที่บัญชีธนาคารของผู้ยื่นคำขอ ยกเว้นขอรับเป็นเงินสด ให้ดำเนินการตามระเบียบราชการ

          5. หนังสือรับรองเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณี

ขอบคุณข้อมูลจาก ราชกิจจานุเบกษา

Adblock test (Why?)


พม. ประกาศช่วยเหลือค่าทำศพผู้สูงอายุ 3,000 บาท ยื่นเรื่องยังไง ไปดู - Kapook.com
Read More

Sunday, July 30, 2023

หนุ่มใหญ่พลิกชีวิตเปลี่ยนจากทำนา ปลูก 'อินทผลัม' ได้จับเงินล้าน - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

วันอาทิตย์ ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2566, 15.23 น.

ที่สวนถาวรอินทผลัม บ้านห้วยป่าม่วง ต.โนนปูน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสวนของ นายถาวร สิมหม้อ อายุ 52 ปี หลังมีแนวคิดกล้าที่จะเปลี่ยนจากการทำนาข้าว บนพื้นที่ที่แห้งแล้ง มาปลูกพืชทดแทน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อความอยู่รอด จนกระทั่งได้ไปศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพืชอินทผลัม ซึ่งเป็นพืชทนแล้ง ปลูกได้เพียง 3 ปี ปรากฏว่ามีรายได้เฉียดล้าน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำนามาหลายสิบปีไม่เคยแม้แต่จะเห็นเงินแสน ซ้ำบางปีขาดทุน


นายถาวร สิมหม้อ เจ้าของสวน เล่าว่า ตนมีที่ดิน 2 ไร่เศษ เดิมพื้นที่ตรงนี้ทำนาปลูกข้าว ไม่ค่อยได้ผลผลิตเท่าที่ควร เพราะประสบปัญหาแล้ง บางปีก็น้ำท่วมเสียหาย บางปีทำนาได้ข้าวเพียงแค่ 3 กระสอบ ประกอบกับต้นทุนสูง ราคาปุ๋ยแพง ยิ่งทำยิ่งจน ตนจึงพยายามศึกษาหาวิธีว่าจะหาพืชอะไรมาทดแทนการปลูกข้าว ตอนแรกคิดอยากจะปลูกทุเรียนพันธ์หมอนทอง แต่ต้นทุนการปลูกสูงมาก เนื้อที่ 2 ไร่เศษ จะใช้เงินลงทุนอยู่ประมาณ 1.5 ล้านบาท ตนไม่มีเงินลงทุนมากขนาดนั้น จึงเปลี่ยนมาศึกษาอินทผลัม  พันธุ์บาฮี ทานผลสด ซึ่งเป็นพืชทะเลทรายทนแล้ง เหมาะสมกับพื้นที่ของตน

จากนั้นจึงเดินทางไปศึกษาดูงาน เกี่ยวกับวิธีการปลูกที่ จ.นครราชสีมา ก่อนที่จะเปลี่ยนมาปลูกอินทผลัม ยอมรับว่าคิดมาก คิดหนักอยู่เหมือนกัน เพราะว่าเราเป็นชาวนา ทำนามาทั้งชีวิต ประกอบกับต้องลงทุนเยอะ ทั้งค่าใช้จ่ายในการปรับสภาพดิน ต้องซื้อพันธุ์พืช ต้องสร้างระบบน้ำ และปุ๋ย แต่หลังจากได้ศึกษาแล้ว ตนคิดว่าการปลูกอินทผลัม ลงทุนน้อยกว่าการปลูกทุเรียนถึง 3 เท่า จึงตัดสินใจเริ่มต้นปลูกเมื่อปี 2563 จำนวนกว่า 50 ต้น ความห่าง 8X8 เมตร และเริ่มให้ผลผลิตเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา ปีแรกสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งหมด น้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม ราคาหน้าสวนอยู่ที่ กิโลกรัมละ 250 บาท และปี 2566 นี้ คาดว่าจะได้ผลผลิตอยู่ที่กว่า 3 ตัน หรือคิดเป็นเงินสด ประมาณ 800,000 บาท ซึ่งถือว่ารายได้เมื่อเทียบกับการทำนาข้าวมาทั้งชีวิต ที่ทำนา 10-20 ปี ก็ไม่เคยได้เห็นเงินแสน มาถึงตอนนี้ยอมรับว่าพอใจมาก ส่วนรสชาติของอินทผลัม ที่สวนของตนนั้น จะมีความพิเศษอยู่คือ จะมีรสชาติหวาน มัน กรอบ และไม่ฝาด จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและบุคคลทั่วไปที่สนใจเข้ามาเที่ยวชมและชิมฟรีได้ตลอดทั้งวัน.-008 

Adblock test (Why?)


หนุ่มใหญ่พลิกชีวิตเปลี่ยนจากทำนา ปลูก 'อินทผลัม' ได้จับเงินล้าน - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Read More

"โหรวารินทร์" ทายทักบ้านเมือง คนทำอยู่ส่อทำต่อ ให้รอดู "ทักษิณ" กลับไทยในฐานะใด - Sanook

"โหรวารินทร์" ทายทักบ้านเมืองคนทำหน้าที่อยู่ส่อทำต่อ อยู่ระหว่างคุยเจรจาหลายฝ่าย เหลือแค่ดำเนินการต่อตามแนวทางที่วางไว้ ย้ำคนไทยต้องร่วมกันปกป้อง 3 สถาบันหลัก ส่วนผู้คิดร้ายจ่อรับผลกรรม และให้รอดู "ทักษิณ" จะได้กลับไทยหรือไม่

"โหรวารินทร์" จัดพิธีใหญ่ นำลูกศิษย์ทำบุญก่อนเข้าพรรษาประจำปี 2566 และปลุกเสกองค์ครูบาเจ้าศรีวิชัย เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการเสนอชื่อยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกของยูเนสโก ชี้สถานการณ์บ้านเมืองต้องจับตาดูให้ดี คณะผู้มีหน้าที่ทำเพื่อชาติบ้านเมืองจะได้กลับมาทำหน้าที่สืบต่อ โดยหลายฝ่ายกำลังเจรจาร่วมกันเพื่อสร้างความสงบสุข พร้อมปลุกคนไทยรู้รักสามัคคี เชิดชูยึดเหนี่ยว 3 สถาบันหลัก "ชาติ ศาสน์ กษัตริย์" อย่าปล่อยผู้ไม่หวังดีชักจูงสร้างความวุ่นวาย ส่วนเรื่อง "ทักษิณ" กลับไทย ต้องดูว่าจะกลับมาจริงหรือไม่ และถ้ากลับมาจะมาในฐานะใด

วันนี้ (30 ก.ค.66) ที่วิหารหลวง หลวงปู่ หมู่บ้านฮิมมา เพรสทีจ ลิฟวิ่ง ข้างธนาคารแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือ "โหรวารินทร์" เจ้าสำนักสุขิโต โหรชื่อดังเจ้าของฉายา "โหร คมช." พร้อมด้วย พลเอกหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล , พลเอกสกนธ์ สัจจานิตย์ ผู้แทนนายกรัฐมนตรี นายปรีชา บัววิรัตน์เลิศ ,นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และคณะ นำจัดพิธีงานบุญมหากุศลก่อนวันเข้าพรรษาประจำปี 2566 และพิธีเถราภิเษกปลุกเสกองค์ครูบาเจ้าศรีวิชัย ขนาดหน้าตัก 30 นิ้ว เท่าตัวจริง จำนวน 3 องค์,ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว จำนวน 36 องค์,ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว จำนวน 200 องค์ และเหรียญบูชาอีกจำนวนหนึ่ง

เพื่อเผยแพร่วัตรปฏิบัติและมโนปฏิปทาของครูบาศรีเจ้าศรีวิชัยสู่นานาอารยประเทศ โดยกระบวนการธรรมทูต และเป็นส่วนนำของกระบวนการเสนอชื่อครูบาเจ้าศรีวิชัย เป็นบุคคลสำคัญของโลกขององค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ในวาระครบ 150 ปี ชาตกาล ครูบาเจ้าศรีวิชัยในปี พ.ศ.2571 โดยมีการประกอบพิธีสงฆ์ และประกาศเจตนารมณ์การยกย่องครูบาศรีวิชัย พร้อมไถ่ชีวิตโคกระบือ จำนวน 12 ชีวิต,ปล่อยปลาจำนวน 1,000 กิโลกรัม,ถวายชุดมหาสังฆทาน,ถวายผ้าอาบน้ำฝน,ถวายเทียนพรรษา,ถวายผ้าป่า,มอบทุนให้โรงพยาบาล,มอบทุนการศึกษา และบริจาคโลงศพ ซึ่งพิธีดังกล่าวมีบรรดาลูกศิษย์เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก รวมทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียง,ข้าราชการระดับสูงและนักการเมือง

ทั้งนี้ "โหรวารินทร์" เปิดเผยถึงสถานการณ์ประเทศชาติบ้านเมืองไทยว่า ชาติบ้านเมืองเราหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถึงเวลานี้ทุกอย่างเริ่มกลับเป็นปกติแล้วจากการทำหน้าที่ของรัฐบาลเดิม ซึ่งทำให้ประเทศไทยสามารถยืนหยัดได้และเสียหายน้อยที่สุด ในขณะที่หลายๆ ประเทศแทบจะล่มสลาย แม้แต่ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ว่ากันว่าเป็นมหาอำนาจยังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจนมีคนไร้บ้านจำนวนมาก ซึ่งที่บางคนโจมตีว่าประเทศไทยเป็นเผด็จการนั้น ยังมองไม่เห็นว่าเป็นตรงไหนและยืนยันว่าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย รวมทั้งเห็นแต่คนที่ทำหน้าที่อยู่ทำเพื่อชาติบ้านเมือง

โดยเชื่อว่านับจากนี้สิ่งที่คนทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองได้วางพื้นฐานไว้ในช่วงที่ผ่านมา นับแต่นี้ไปชาติบ้านเมืองจะต้องดีขึ้น ซึ่งวิกฤติและความวุ่นวายหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับชาติบ้านเมืองในช่วงที่ผ่านมานั้น เวลานี้ความจริงต่างๆ เริ่มปรากฏแล้วว่า มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีอยู่เบื้องหลัง จึงอยากบอกกล่าวกับคนไทยทุกคนให้รักสามัคคีกัน โดยมีสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่เป็น 3 สถาบันหลักที่จะอยู่คู่ประเทศชาติตลอดไป เป็นที่ยึดเหนี่ยว และอย่าปล่อยให้ผู้ไม่หวังดีมาชักจูง

สำหรับรัฐบาลใหม่จะสามารถขับเคลื่อนไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่นั้น "โหรวารินทร์" บอกว่า ขณะนี้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของคนที่ได้รับการเลือกตั้ง แม้ว่าจะมีกลุ่มคนที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง แต่ทุกอย่างน่าจะผ่านพ้นไปได้ ขอให้จับตาดูให้ดีว่าคณะผู้ที่มีหน้าที่ทำเพื่อชาติบ้านเมืองยังจะต้องได้กลับมาทำหน้าที่สืบต่อไป มาช่วยกันขับเคลื่อนชาติบ้านเมืองให้เดินหน้าไปได้ ซึ่งเท่าที่ทราบมีการพูดคุยเจรจาร่วมกันหลายฝ่าย เพื่อหาความสงบสุข และขับเคลื่อนชาติบ้านเมืองสืบสานสิ่งที่รัฐบาลที่ผ่านมาได้ทำทุกอย่างไว้หมดแล้ว เหลือแค่ดำเนินการต่อตามแนวทางที่วางไว้ ส่วนผู้ที่คิดร้ายต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ก็จะได้รับผลของการกระทำ และในภาพนิมิตจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกแล้ว

Adblock test (Why?)


"โหรวารินทร์" ทายทักบ้านเมือง คนทำอยู่ส่อทำต่อ ให้รอดู "ทักษิณ" กลับไทยในฐานะใด - Sanook
Read More

"เต๋า-นัท" แจกโมเมนต์ ทำแฟนคลับกรี๊ดสนั่นแม้เลิกกันนับสิบปี - ไทยรัฐ

30 ก.ค. 2566 13:21 น.

"เต๋า-นัท" แจกโมเมนต์ ทำแฟนคลับกรี๊ดสนั่นแม้เลิกกันนับสิบปี

เป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเพลง สำหรับ GRAMMY X RS : 90’s Versary Concert ที่ขนศิลปินจากค่ายยักษ์ใหญ่ที่เป็นคู่แข่งกัน มาขึ้นร้องเพลงด้วยกันบนเวทีเดียวกันได้อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ซึ่งนอกจากจะได้เห็นศิลปินชื่อดังต่างค่ายมายืนบนเวทีเดียวกันแล้ว งานนี้แฟนเพลงยังได้เห็นอีกหนึ่งโมเมนต์ที่ทั้งประทับใจ ซึ้งใจ และน้ำตาคลอไปๆ ตามกัน เมื่ออดีตคู่ชีวิตที่เคยสร้างตำนานรักข้ามค่ายอย่าง เต๋า สมชาย เข็มกลัด กับ นัท มีเรีย มีโอกาสกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง หลังจากเลิกรากันไปสิบกว่าปีแล้ว

อ่านข่าวนี้

Adblock test (Why?)


"เต๋า-นัท" แจกโมเมนต์ ทำแฟนคลับกรี๊ดสนั่นแม้เลิกกันนับสิบปี - ไทยรัฐ
Read More

Saturday, July 29, 2023

ศัลยกรรมดึงหน้า กับ 10 ข้อต้องรู้ก่อนตัดสินใจทำ - ไทยรัฐ

ศัลยกรรมดึงหน้า คือหนึ่งในทางออกของผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้น ใครๆ ก็อยากจะกลับไปมีผิวพรรณที่เต่งตึงอ่อนกว่าวัยอีกครั้ง หากคิดจะทำศัลยกรรมดึงหน้า ต้องรู้อะไรบ้าง เพื่อใช้ในการตัดสินใจได้อย่างปลอดภัย

ปัจจุบันเทคนิคการทำศัลยกรรมดึงหน้าได้มีการพัฒนาไปมาก อีกทั้งยังมีทั้งคลินิกและสถานพยาบาลให้เลือกมากมาย รวมไปถึงโปรโมชันและโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ จนไปถึงเทคนิคในแต่ละแห่งก็แตกต่างกัน นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด ได้เผยถึง 10 ข้อต้องรู้ก่อนทำศัลยกรรมดึงหน้ามาไว้ดังนี้

10 ข้อที่ต้องรู้ก่อนทำศัลยกรรมดึงหน้า

1. ใช้เทคนิคอะไรในการทำศัลยกรรมดึงหน้า

ปัจจุบันมีหลายเทคนิคที่ใช้ทำศัลยกรรมดึงหน้า แต่เทคนิคที่ดีที่สุดคือการผ่าตัดลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อระดับ SMAS จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเทคนิคอื่น ข้อดีคือผิวหน้าจะตึงกระชับอย่างเป็นธรรมชาติและอยู่ได้ในระยะยาวเห็นผลชัดเจน ซึ่งดีกว่าการผ่าตัดเพียงแค่ผิวหนังด้านบนที่มีข้อดีคือผ่าตัดง่ายสะดวกรวดเร็ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะดูไม่เป็นธรรมชาติ และอยู่ไม่ยาวนาน เหมือนกับการผ่าตัดที่ลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อระดับ SMAS

2. เทคนิคโดยรวมมีคอนเซปต์อย่างไร

แต่ละสถานพยาบาลจะมีคอนเซปต์การทำศัลยกรรมดึงหน้าไม่เหมือนกัน ดังนั้นต้องดูว่าเราพึงพอใจกับคอนเซปต์ของแต่ละที่ไหม บางที่ดึงหน้าจนตึงมากจนใบหน้าเปลี่ยนและดูไม่ธรรมชาติ แต่บางที่เน้นความเป็นธรรมชาติ เช่น เทคนิคการดึงหน้าแบบ Modern Facelift คือเน้นการผ่าตัดแบบแผลเล็ก เจ็บน้อย หายเร็ว เน้นความเป็นธรรมชาติ ทำให้ใบหน้าจะดูอ่อนเยาว์เหมือนย้อนอายุกลับไปอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา สามารถยิ้ม หรือแสดงสีหน้าได้เหมือนเดิม ต่างจากบางเทคนิคที่ดึงหน้าจนตึงมากเกินไป ทำให้หลับตาไม่สนิท เวลายิ้มมองแทบไม่เห็นร่องแก้ม ซึ่งทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ

3. เลือกทำศัลยกรรมดึงหน้าเฉพาะส่วนได้อย่างตรงจุด

ในอดีตหลายคนมักคิดว่าการทำศัลยกรรมดึงหน้าต้องทำทั้งหน้า แต่ในความเป็นจริงด้วยเทคนิคปัจจุบัน เราสามารถทำแยกส่วนได้ ไม่จำเป็นต้องทำทั้งใบหน้า จึงทำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า พักฟื้นเร็วกว่า เช่นบางคนอายุมากแต่ใบหน้าส่วนบนยังตึงแต่มีร่องน้ำหมากเราก็เลือกดึงแค่ใบหน้าส่วนล่าง หรือบางคนหน้ายังตึงแต่คอหย่อน เราก็เลือกดึงแค่คอ ถ้าเราดึงได้ตรงปัญหาก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดี

เทคนิคการศัลยกรรมดึงหน้าเฉพาะส่วน เป็นเทคนิคใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงจุด ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน และพักฟื้นได้เร็วกว่าการผ่าตัดดึงหน้าแบบเดิม
เทคนิคการศัลยกรรมดึงหน้าเฉพาะส่วน เป็นเทคนิคใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงจุด ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน และพักฟื้นได้เร็วกว่าการผ่าตัดดึงหน้าแบบเดิม

4. การตรวจวิเคราะห์กับแพทย์โดยละเอียด

การตรวจวิเคราะห์กับแพทย์โดยละเอียดควรเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึง เพราะก่อนจะต้องทำศัลยกรรมดึงหน้า เราจะมีการตรวจวัดระดับความหย่อนคล้อยของใบหน้าอย่างละเอียด เช่น หากหย่อนคล้อยในระดับเกรด 1-2 อาจจะยังไม่ต้องผ่าตัด แต่ถ้าหย่อนคล้อยในระดับเกรด 3-4 แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดได้ ดังนั้นอย่าเพียงส่งภาพใบหน้าของเราให้แพทย์วิเคราะห์ ควรเข้ามาปรึกษาที่สถานพยาบาลจะดีกว่า และแพทย์สามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงจุด

5. นอกจากดึงหน้ามีการเสริมส่วนอื่นอีกไหม

นอกจากการผ่าตัดดึงหน้า แพทย์มีการเสริมส่วนอื่นไหม เช่น การฉีดไขมันของตัวเอง (Fat Grafting) ผสานสารสกัดพลาสมา (PRP) ทั่วใบหน้า ร่วมกับการผ่าตัดดึงหน้า ซึ่งสามารถทำร่วมกันในการผ่าตัดครั้งเดียวได้ จึงช่วยเติมเต็มร่องและริ้วรอยต่างๆ ให้ตื้นลง และทำให้คุณภาพของผิวดีขึ้นได้อีกด้วย

การมีใบหน้าที่เต่งตึงอ่อนกว่าวัยไม่มีริ้วรอยหรือมีความหย่อนคล้อยคือสิ่งที่หลายคนต้องการ
การมีใบหน้าที่เต่งตึงอ่อนกว่าวัยไม่มีริ้วรอยหรือมีความหย่อนคล้อยคือสิ่งที่หลายคนต้องการ

6. หมอที่ผ่าตัดเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริงไหม

ต้องดูว่าแพทย์ที่ทำการผ่าตัดให้เรา เป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริงไหม เพราะการผ่าตัดกับหมอเฉพาะทางจะทำให้ได้ผลลัพธ์ออกมาสวยและปลอดภัยมากกว่า โดยสามารถเช็กได้จากการนำชื่อศัลยแพทย์ ไปเช็กจากฐานข้อมูลบนเว็บไซต์แพทยสภา ที่ดูได้ว่ามีประสบการณ์กี่ปี เรียนจบเฉพาะทางด้านใด สำหรับสถานพยาบาลสามารถเช็กจากเว็บไซต์กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. เพื่อความมั่นใจก่อนการตัดสินใจเพื่อทำศัลยกรรมดึงหน้า

7. การทำศัลยกรรมดึงหน้าเป็นผ่าตัดใหญ่ต้องมีทีมที่พร้อม

การผ่าตัดศัลยกรรมใหญ่ เราควรต้องมีทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีวิสัญญีแพทย์ และทีมพยาบาลครบครัน เพราะการมีทีมที่พร้อมจะช่วยทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างปลอดภัยและราบรื่น

8. การพักฟื้น และการดูแลหลังผ่าตัด

การผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าเป็นการทำศัลยกรรมใหญ่ จำเป็นต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล และมีทีมพยาบาลวิชาชีพดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง

9. เลือกสถานพยาบาล

ดูมาตรฐานด้านความปลอดภัยเป็นหลัก นอกจากจะเลือกแพทย์แล้วส่วนสำคัญคือสถานพยาบาล ให้ดูว่ามีวัสดุอุปกรณ์ และสถานที่ที่ได้มาตรฐานสำหรับการผ่าตัด รวมถึงการเตรียมความพร้อมในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน จะทำให้เข้าถึงการช่วยชีวิตที่ง่าย และปลอดภัยมากขึ้น

10. ให้ดูผลงานของหมอ ไม่เน้นดูรีวิวจากดารา หรือคนดัง

ก่อนจะตัดสินเลือกทำศัลยกรรมดึงหน้ากับโรงพยาบาลใด ควรดูผลงานของแพทย์ และโรงพยาบาลนั้นๆ เป็นหลัก โดยเฉพาะรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ร่วมกับวิชาการทางการแพทย์ ไม่ควรดูแค่รีวิวศัลยกรรมที่จ้างดารา หรือ Influencer เป็นหลัก เพราะอาจจะทำให้เกิดความคาดหวังที่เกินจริงได้

“ปัจจุบันเทคนิคทางการแพทย์มีการพัฒนาขึ้นมาก ในอดีตคนที่มาทำศัลยกรรมดึงหน้ามักจะเป็นกลุ่มอายุ 60-70 ปี แต่ในปัจจุบันคนอายุประมาณ 30-40 ปี ก็เริ่มมาทำศัลยกรรมดึงหน้าแล้ว ซึ่งเป็นการดึงหน้าเฉพาะส่วนที่มีความหย่อนคล้อย เช่น คนช่วงวัย 30-40 ปี อาจจะมีหางตา หรือคิ้วที่เริ่มตกไปตามวัย บางคนเริ่มปรากฏรอยตีนกา หากเป็นเมื่อก่อนหมอจะยังไม่แนะนำให้ดึงหน้า แต่ปัจจุบันมีเทคนิคทางการแพทย์ที่ดีขึ้นทำให้เราสามารถดึงหน้าแยกส่วนได้ สามารถฉีดยาชา ทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ใช้เวลาน้อยลง และตอบโจทย์การแก้ปัญหามากขึ้น เช่น คนวัย 30-40 ปี ที่มาดึงเฉพาะส่วน ใช้เวลา 30 นาทีก็เสร็จแล้ว ถือเป็นการผ่าตัดเล็ก และดูแลง่าย”

ขณะเดียวกัน นอกจาก 10 ข้อที่กล่าวไปนี้แล้ว ยังควรให้ความสำคัญเรื่อง “จริยธรรมแพทย์” ด้วย เพราะจรรยาบรรณและความรับผิดชอบที่ศัลยแพทย์ควรมีมากกว่าการมุ่งแต่ผลตอบแทนทางธุรกิจ ด้วยการให้ข้อมูลตามความเป็นจริง อธิบายข้อดี-ข้อเสีย และโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนทั้งหมดอย่างละเอียด ซึ่งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เกิดความปลอดภัย และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง.

Adblock test (Why?)


ศัลยกรรมดึงหน้า กับ 10 ข้อต้องรู้ก่อนตัดสินใจทำ - ไทยรัฐ
Read More

“ทิม พิธา - แอฟ ทักษอร” โผล่ตัดผมร้านเดียวกัน! ทำเอฟซีฟินหนัก - ผู้จัดการออนไลน์



ทำชาวเน็ตมโนอีกรอบ หลังจากที่ปรากฏภาพ “ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไปตัดผมร้านชื่อดังที่คนบันเทิงชอบใช้บริการ โดยเป็นร้านเดียวกับ “แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” ซึ่งเจ้าของร้านตัดผมดังกล่าว ได้เผยภาพคู่กับทิม พิธา พร้อมข้อความว่า “เป็นเกียรตินะครับ” และก่อนหน้านี้ก็ได้โพสต์ภาพคู่ “แอฟ ทักษอร” ระบุว่า “สวยมากครับ” 

โดยชาวเน็ตพุ่งเป้าไปที่เสื้อเจ้าของร้านว่าเป็นตัวเดียวกันเป๊ะ! ทำเอฟซีแห่ถามกันกระจายว่าทั้งคู่มาด้วยกันหรือไม่ งานนี้เอฟซีที่เชียร์ทั้งคู่ให้ลงเอยต่างก็ฟินไปตามๆ กัน 

Adblock test (Why?)


“ทิม พิธา - แอฟ ทักษอร” โผล่ตัดผมร้านเดียวกัน! ทำเอฟซีฟินหนัก - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

เปิดภาพ'รถไฟไทยทำ'ความเจริญที่จับต้องได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมระบบราง - Post Today

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้เป็นการสนับสนุนภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  ไปยังหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ภายใต้การกำกับของสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ที่มีภารกิจในการสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ โดยผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ทำให้งานวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในเชิงพาณิชย์

เปิดภาพ'รถไฟไทยทำ'ความเจริญที่จับต้องได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมระบบราง
 
“โครงการวิจัยและพัฒนารถไฟโดยสารต้นแบบ (รถไฟไทยทำ) โดยสำนักวิจัยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับ กิจการร่วมค้า ไซโนเจน-ปิ่นเพชร จำกัด และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจาก บพข. เพื่อพัฒนาตู้รถไฟโดยสารต้นแบบที่เน้นการวิจัยพัฒนาและรวบรวมเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีอยู่ภายในประเทศเป็นหลัก โดยมีรายงานความคืบหน้าล่าสุดสามารถประกอบตัวรถไฟที่มีชิ้นส่วนภายในประเทศได้เป็นครั้งแรก คิดเป็น 44.1% ของมูลค่าสินค้ากรณีรวมแคร่รถไฟ และหากคิดเฉพาะตู้รถโดยสารพร้อมอุปกรณ์ประกอบไม่รวมแคร่รถไฟจะมีมูลค่า local content ถึง 76%” น.ส. ทิพานัน กล่าว
 
 

เปิดภาพ'รถไฟไทยทำ'ความเจริญที่จับต้องได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมระบบราง

ทั้งนี้ ตัวรถออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินชั้นธุรกิจและชั้นเฟิร์สคลาสในรถไฟความเร็วสูง มีที่นั่งจำนวน 25 ที่นั่ง ประกอบด้วยชั้น Super Luxury 8 ที่นั่ง และชั้น Luxury 17 ที่นั่ง ทุกที่นั่งมีจอภาพส่วนตัวสำหรับให้บริการด้านความบันเทิงและสั่งอาหาร ซึ่งจะมีพนักงานเสิร์ฟหุ่นยนต์นำอาหารมาส่งถึงที่นั่ง  จุดเด่นของรถขบวนชุดนี้ยังเป็นขบวนที่มีความเงียบเนื่องจากไม่มีตัวเครื่องยนต์ปั่นไฟในตัวรถ

นอกจากนี้ยังมีระบบห้องน้ำสุญญากาศและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาตัวรถให้มีน้ำหนักที่เบาลง จากการออกแบบด้วยระบบ Space Frame Modular Concept และแคร่รถไฟที่ทำความเร็วได้ถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอีกด้วย ซึ่งได้มีการจดทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดจากโครงการแล้วจำนวน 7 ผลงาน ขณะนี้อยู่ในขั้นของการทดสอบบนทางรถไฟจริง สำหรับการให้บริการ หากผ่านการทดสอบตรงนี้แล้วก็จะสามารถนำไปใช้จริงได้

เปิดภาพ'รถไฟไทยทำ'ความเจริญที่จับต้องได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมระบบราง
 
“พล.อ.ประยุทธ์ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ผลักดันให้โครงการสำเร็จ ถือเป็นภาคภูมิใจในองค์ความรู้และความสามารถของคนไทยไม่ด้อยไปกว่าชาติใด ซึ่งความสำเร็จของโครงการนี้จะช่วยให้ประเทศประหยัดค่าใช้จ่ายซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 50% เมื่อเทียบกับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ยกระดับการเดินทางที่มีความสะดวกสบาย ทันสมัยและปลอดภัยในระดับสากล รองรับการแข่งขันและการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ จึงถือเป็นผู้นำที่พลิกโฉมยกระดับอุตสาหกรรมระบบรางของไทยในทุกมิติ

Adblock test (Why?)


เปิดภาพ'รถไฟไทยทำ'ความเจริญที่จับต้องได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมระบบราง - Post Today
Read More

สาวป่วยประหลาดเก็บตัวในมุ้งนาน 2 เดือน ร้องไห้ทุกวันพระวันโกน เชื่อผัวเก่าทำของใส่ - Sanook

ครอบครัวทุกข์ใจ สาวป่วยประหลาดเก็บตัวในมุ้งนาน 2 เดือน ร้องไห้ทุกวันพระวันโกน เชื่อผัวเก่าทำของใส่

(29 ก.ค.66) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านโคกยาง ต.ทรัพย์พระยา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ว่ามีหญิงสาวรายหนึ่งในหมู่บ้านมีอาการแปลกประหลาด เก็บตัวอยู่แต่ในมุ้งไม่กินข้าว ไม่ออกจากบ้านไม่พูดคุยสุงสิงกับใครเป็นเวลานานกว่า 2 เดือน วันพระวันโกนจะชอบร้องไห้

จากนั้นผู้สื่อข่าว พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงบุรีรัมย์ จึงได้เดินทางไปยังบ้านของผู้แจ้ง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อไปถึงบ้านหลังหนึ่งตามที่ได้รับแจ้งซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ประตูหน้าต่างปิดมิดชิด จากนั้นญาติจึงพาเดินเข้าไปภายในบ้าน ก็พบ น.ส.สุวรรณณา หรือ แมว อายุ 46 ปี นอนอยู่ในมุ้ง สภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง ภายในบ้านพบข้าวของ จานชามวางกระจัดกระจาย และมีถ้วยข้าวที่มีข้าวและเศษอาหารอยู่

ผู้สื่อข่าวก็สอบถามว่า “พี่แมวเป็นอะไรทำไมถึงอยู่แต่ในมุ้ง" น.ส.แมว ก็ตอบว่าไม่ได้เป็นอะไร พอถามว่ากินข้าวหรือยังก็ตอบว่ากินแล้ว

จากการสอบถาม นางละออง อายุ 89 ปี ยายของ น.ส.สุวรรณณา หรือแมว เล่าว่า หลานสาวอยู่บ้านคนเดียวมาครึ่งปีแล้ว เมื่อก่อนก็ทำงานใช้ชีวิตปกติชอบไปทำบุญ แต่หลังจาก เลิกกับแฟนก็มีอาการซึมเศร้าเก็บตัวอยู่แต่ในมุ้งไม่ออกจากบ้าน ไม่พูดกับใครไม่กินข้าวกินน้ำเป็นแบบนี้มาประมาณ 2 – 3 เดือนแล้ว เวลายายไปจับมุ้งก็ไม่ยอมให้จับหรือเข้าใกล้เลย ก็เป็นห่วงหลานแต่ไม่รู้จะทำยังไงไม่รู้ว่าหลานเป็นอะไร แต่ที่ผ่านมาก็เคยมีหมอธรรมพื้นบ้านที่เขารู้ข่าวก็มาช่วยทำพิธีให้ ซึ่งตอนที่หมอมาทำพิธีให้หลานก็ส่งเสียงกรีดร้องจนบ้านแทบแตก ผูกแขนก็ผูกไม่ได้

ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าหลานเป็นอะไร แต่จากอาการแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับหลาน ก็เชื่อว่าน่าจะเกี่ยวกับผีสางหรือสิ่งลี้ลับ ไปดูหมอเขาก็ทักว่าผีเข้าบ้าง โดนเจ้าที่เล่นงานบ้าง เคยจะพาไปหาหมอที่ รพ.แต่หลานก็ไม่ยอมไปก็หมดหนทางไม่รู้จะทำยังไง จึงอยากวิงวอนให้หมอปลามาช่วยเหลือด้วย เพราะสงสารหลานอยากให้หลานกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติไปทำการทำงานเหมือนเดิม

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปหาหมอธรรมพื้นบ้าน ที่เคยมาช่วยทำพิธีขับไล่สิ่งลี้ลับออกจากตัว น.ส.สุวรรณณา ก็พบกับแม่กิม ศรีพรม หรือชาวบ้านจะเรียกกันว่าปู่ขาว เป็นหมอธรรมพื้นบ้าน บอกว่า ตอนแรกก็มีคนเล่าให้ฟังเรื่องที่ น.ส.สุวรรณณา นอนอยู่แต่ในมุ้งนาน 2 เดือนไม่พูดคุยกับใคร ตนก็ไปลองทำพิธีให้โดยการนั่งทางในดู ก็พบว่าในตัว น.ส.สุวรรณณา มีของอยู่ เพราะสามีเก่าที่เขาเลิกรากันเล่นของอาคม จึงโดนอาถรรพ์ของวัวหมีหรือวัวดำเล่นงาน ทำให้ของเข้าตัวทั้งสามีและภรรยา 

น.ส.สุวรรณณา จากคนที่เคยทำบุญสวดมนต์ต้องมีอาการคล้ายคนบ้า เพราะมีคุณไสยหรือวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรอยู่ในตัว ไม่ได้ถูกผีเข้าแต่เกิดจากคุณไสยมนต์ดำที่สามีรักษาไว้ไม่ได้มากกว่า อาจจะทำของใส่เมียตัวเองเพราะเมียอายุน้อยกว่ากลัวว่าเมียจะไปมีคนอื่น แต่พอของแตกจึงเข้าตัวเอง ซึ่งตอนที่หมอไปทำพิธีให้ก็ช่วยขับคุณไสยมนต์ดำออกจากตัวให้แล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ดูแลรักษาตัวเองเท่านั้น 

Adblock test (Why?)


สาวป่วยประหลาดเก็บตัวในมุ้งนาน 2 เดือน ร้องไห้ทุกวันพระวันโกน เชื่อผัวเก่าทำของใส่ - Sanook
Read More

Friday, July 28, 2023

'ราชกิจจาฯ' ประกาศคนแก่มีค่าทำศพ 3,000 บังคับใช้ทันที เงื่อนไขเช็กที่นี่ - คมชัดลึก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ราชกิจจาฯ ประกาศให้ "ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป" ทายาทได้ 3,000 บาท จาก พม.ไม่ว่าจะเสียชีวิตจากสาเหตุอะไรได้ทุกคนที่เป็นคนไทย ขอรับภายใน 6 เดือนหลังจากเสียชีวิต

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เรื่อง การสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ผู้สูงอายุที่เสียชีวิตจะได้รับ "ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป" ต้องเข้าหลักเกณฑ์ ดังนี้
1. อายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
2. สัญชาติไทย
3. ผู้สูงอายุที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ยังไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือยังไม่ได้ลงทะเบียน ให้ผู้อํานวยการเขต หรือนายอําเภอ หรือกํานัน หรือผู้ใหญ่บ้าน หรือนายกเทศมนตรี หรือนายกองค์การบริหารส่วนตําบล หรือนายกเมืองพัทยา หรือประธานชุมชน เป็นผู้ออกหนังสือรับรอง ตามแบบที่อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด

"ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป" ในประกาศนี้รวมถึงผู้สูงอายุที่อยู่ในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ สถานสงเคราะห์ สถานดูแล สถานคุ้มครอง หรือสถานใด ๆ ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ดําเนินการในลักษณะเดียวกัน ซึ่งจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคมวัด มัสยิด โบสถ์

การยื่นคําขอเพื่อขอ "ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป" ให้ผู้ที่รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณีรายนั้นยื่นคําขอในท้องที่ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหรือภูมิลําเนาในขณะถึงแก่ความตาย ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคําขอที่สํานักงานเขต

ส่วนจังหวัดอื่นให้ยื่นคําขอที่สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือที่ว่าการอําเภอ หรือสํานักงานเทศบาล หรือที่ทําการองค์การบริหารส่วนตําบล หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา แบบคําขอรับการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด

ผู้ยื่นคําขอ "ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป" ต้องยื่นคําขอภายในกําหนด 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ออกใบมรณบัตรพร้อมเอกสาร ดังต่อไปนี้
1. ใบมรณบัตรของผู้สูงอายุ
2. บัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้สูงอายุ หรือหนังสือรับรองตามข้อ 5 (3)
3. บัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายและเลขประจําตัวประชาชนของผู้ยื่นคําขอ กรณีการจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคม วัด มัสยิด โบสถ์ ให้แนบหนังสือแสดงการจดทะเบียน หรืออนุญาตให้สร้าง จัดตั้ง หรือดําเนินงานมูลนิธิ สมาคมวัด มัสยิด โบสถ์ด้วย

4. สมุดบัญชีหรือเลขที่บัญชีธนาคารของผู้ยื่นคําขอ เว้นแต่ประสงค์จะขอรับเงินสดให้ดําเนินการตามระเบียบของทางราชการ
5. หนังสือรับรองเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณี ซึ่งออกโดยบุคคล ตามข้อ 5 (3) หรือหัวหน้าหน่วยงานตามข้อ 5 วรรคสอง สําหรับกรณีผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์ ทั้งนี้ ผู้ยื่นคําขอและผู้รับรองต้องไม่เป็นบุคคลเดียวกัน แบบหนังสือรับรองให้เป็นไปตามที่อธิบดี กรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเดือน ต.ค. 2564 - พ.ค. 2565 มีผู้ขอรับ "ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป" จำนวน 93,127 ราย เป็นเงิน 279.38 ล้านบาท 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

Adblock test (Why?)


'ราชกิจจาฯ' ประกาศคนแก่มีค่าทำศพ 3,000 บังคับใช้ทันที เงื่อนไขเช็กที่นี่ - คมชัดลึก
Read More

ยลโฉม "รถไฟไทยทำ" หรูหราทันสมัย ใช้ชิ้นส่วนในประเทศกว่า 40% - ประชาชาติธุรกิจ

สจล. เผยโฉม “รถไฟไทยทำ” หรูหรา-ทันสมัยสุดในอาเซียน โชว์ใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศกว่า 40% ตามนโยบาย Thai First เตรียมส่งมอบให้ ร.ฟ.ท.ใช้งานเดือน ก.ย.นี้

วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 รายงานข่าวจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยว่า ได้พัฒนารถไฟโดยสารต้นแบบ (รถไฟไทยทำ) ในชื่อรถไฟ “สุดขอบฟ้า (Beyond Horizon)” ที่ออกแบบและผลิตโดยคนไทย ใช้วัสดุ และอุตสาหกรรมภายในประเทศในการประกอบตู้รถไฟชนิด Luxury Class และ Super-Luxury ที่หรูหราและทันสมัยที่สุดในภูมิภาค

โดยการสนับสนุนทุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) รองรับการให้บริการรถไฟระยะกลางในแนวเส้นทางรถไฟรางคู่ระยะ 200-500 กิโลเมตร และรถไฟท่องเที่ยวในแนวเส้นทางของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับสายการบินชั้นประหยัดและรถยนต์ส่วนบุคคล

โครงการวิจัยและพัฒนารถไฟโดยสารต้นแบบ (รถไฟไทยทำ) เป็นฝีมือของนักวิจัยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับกิจการร่วมค้า ไซโนเจน-ปิ่นเพชร จำกัด และ ร.ฟ.ท. ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจาก บพข. เพื่อพัฒนาตู้รถไฟโดยสารต้นแบบที่เน้นการวิจัยพัฒนาและรวบรวมเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีอยู่ภายในประเทศเป็นหลัก รองรับนโยบาย Thai First ของกระทรวงคมนาคม และนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนและส่งเสริมให้ใช้ผลิตภัณฑ์สินค้าที่ผลิตในประเทศ

โดยเฉพาะกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบรางที่ต้องการให้มีตัวรถไฟที่จะมีการซื้อ-ขาย ในอนาคต ต้องมีส่วนประกอบ หรือชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ (Local Content) ไม่น้อยกว่า 40%

และคาดว่าในอีก 20 ปี จะมีความต้องการตู้รถไฟโดยสารไม่น้อยกว่า 2,425 ตู้ จากการเพิ่มขึ้นของทางรถไฟที่ภาครัฐได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คิดเป็นมูลค่ารถไฟต่อตู้ เฉลี่ยตู้ละ 50 ล้านบาท รวมมูลค่าสำหรับตลาดการผลิตตู้รถไฟโดยสารไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท

สำหรับตัวรถไฟ (Rolling Stock) เป็นแก่นของเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ของระบบราง จากการนำเข้าสินค้าประเภทตัวรถไฟ และส่วนประกอบตั้งแต่ปี 2558 ถึง 2561 มีมูลค่าสูงถึง 80% เมื่อเทียบกับมูลค่ารวมของสินค้าทุกประเภทในระบบราง จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะเร่งกระบวนการสร้างผู้ผลิตในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่มีความพร้อมด้านการวิจัยและพัฒนา และการต่อยอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมขนส่งทางรางของไทย

โดย รศ.ดร.สมยศ เกียรติวนิชวิไล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. หัวหน้าโครงการวิจัย เปิดเผยว่า โครงการนี้มุ่งเน้นการวิจัยพัฒนาและรวบรวมเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีอยู่ภายในประเทศเป็นหลัก ร่วมกับการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิตชิ้นส่วนที่อาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง ตั้งเป้าต้องดำเนินการโดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศได้ไม่น้อยกว่า 40% ตามนโยบาย Thai First

“เราสร้างรถไฟโดยสารต้นแบบ พร้อมอุปกรณ์ที่มี local content คิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของมูลค่าสินค้า กรณีรวมแคร่รถไฟ และหากคิดเฉพาะตู้รถโดยสารพร้อมอุปกรณ์ประกอบ ไม่รวมแคร่รถไฟจะมี local content สูงกว่า 70% เราออกแบบตัวรถเอง โดยได้แรงบันดาลใจจากที่นั่งในเครื่องบินชั้นธุรกิจ และชั้นเฟิรสต์คลาสในรถไฟความเร็วสูง”

ที่นั่งมี 25 ที่ ประกอบด้วยชั้น Super Luxury 8 ที่ และชั้น Luxury 17 ที่ ทุกที่นั่งมีจอภาพส่วนตัวสำหรับให้บริการด้านความบันเทิง และสั่งอาหาร จะมีพนักงานเสิร์ฟหุ่นยนต์นำอาหารมาส่งถึงที่นั่ง และมีระบบห้องน้ำสุญญากาศและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งทางขึ้นรถไฟ ที่ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานของผู้พิการ ส่วนราคาค่าโดยสาร คาดว่าจะใกล้เคียงกับตั๋วแบบนอนของ ร.ฟ.ท.

“เราได้รับทุนสนับสนุนจาก บพข. และบริษัทกิจการร่วมค้า ไซโนเจน-ปิ่นเพชร จำกัด ได้ผลงานคุ้มค่ากว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ เรายังพัฒนาตัวรถให้มีน้ำหนักเบาลง ด้วยระบบ Space Frame Modular Concept และแคร่รถไฟที่ทำความเร็วได้ถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีการจดทรัพย์สินทางปัญญา กว่า 7 ผลงาน และมีผู้ประกอบการที่สามารถผลิตและประกอบชิ้นส่วนในประเทศกว่า 10 บริษัทเข้าร่วม จึงช่วยสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมการผลิตรถขนส่งทางรางและสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมระบบรางตลอดห่วงโซ่การผลิต”

ด้าน รศ.ดร.วีระศักดิ์ อุดมกิจเดชา ประธานคณะอนุกรรมการแผนงานกลุ่มระบบคมนาคมแห่งอนาคต บพข. กล่าวถึงบทบาทของ บพข.ว่า “โครงการนี้ บพข.ได้ให้ทุนสนับสนุนโดยที่มีภาคเอกชนร่วมลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาด้วย เป็นการยืนยันว่าภาคเอกชนต้องการทำโครงการนี้อย่างจริงจัง เพราะเป็นโครงการที่มีศักยภาพสูงและคาดหวังให้ประสบความสำเร็จ เพราะคนไทยรอให้ประเทศมีรถไฟที่ทันสมัยแบบนี้มานาน

“ผู้ประกอบการไทยจำนวนมากมักกลัวการทำ R&D เพราะต้องใช้เงินลงทุนและมีความเสี่ยง บพข.จึงต้องเข้ามาช่วยสนับสนุน โดยร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งนักวิจัย อาจารย์มหาวิทยาลัย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะ R&D สำคัญต่อการสร้างองค์ความรู้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการ และประเทศ”

ขณะที่นายเมธัส เลิศเศรษฐการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กิจการร่วมค้า ไซโนเจน-ปิ่นเพชร จำกัด กล่าวว่า เชื่อว่าไม่ใช่แค่ไซโนเจน-ปิ่นเพชรที่ทำได้ ในประเทศมีอีกหลายบริษัท ทั้งที่มีขนาดใหญ่กว่าหรือเล็กกว่าไซโนเจน-ปิ่นเพชร แต่มีศักยภาพ จุดเริ่มต้นที่ทำให้ร่วมโครงการ คือการที่รัฐบาลได้ลงทุนกับระบบรางกว่าแสนล้านบาท ทำให้มีความต้องการรถไฟเพิ่มขึ้น แต่ต้องซื้อตัวรถเข้ามาจากต่างประเทศ เนื่องจากยังไม่สามารถผลิตเองได้ จึงรู้สึกว่าจะเสียโอกาส หากไม่ทำอะไรเลย จึงร่วมมือกันทำโครงการนี้ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจาก ร.ฟ.ท.

นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ร.ฟ.ท.เข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการวิจัยนี้ตั้งแต่ต้น และขณะนี้อยู่ในขั้นของการทดสอบบนทางรถไฟจริง สำหรับให้บริการ หากผ่านก็จะนำไปใช้จริงได้ ในส่วนของแผนการเดินรถในอนาคตอาจต้องทำแผนการจัดจำนวนที่นั่ง และการจัดรูปแบบก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ถือเป็นโครงการต้นแบบซึ่ง ร.ฟ.ท. และทีมวิจัย คาดหวังที่จะลองหลาย ๆ รูปแบบเพื่อให้รู้ว่าวิธีไหนที่จะเหมาะสมกับผู้โดยสาร

เช่น ผู้โดยสารระยะกลาง หรือผู้โดยสารระยะไกล โดยนำไปลองกับผู้โดยสารระยะกลางก่อน สังเกตว่ารถที่ออกแบบมาจะเป็นกึ่งรถนอน มีที่นั่งสบาย ๆ สอดคล้องกับรางคู่ระยะกลางที่มีระยะทางประมาณ 500 กม.

“เราต้องการทำรถไฟแข่งขันกับสายการบิน รวมถึงผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวได้ เพื่อดึงผู้โดยสารกลุ่มนี้ ที่อาจไม่เคยใช้บริการรถไฟมาก่อน ให้หันมาใช้บริการรถไฟ เพื่อสร้างรายได้ให้ ร.ฟ.ท. เมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้นก็นำไปพัฒนารถไฟชั้น 3 หรือตู้โดยสารแบบอื่น ๆ มาให้บริการประชาชนได้มากขึ้น”

Adblock test (Why?)


ยลโฉม "รถไฟไทยทำ" หรูหราทันสมัย ใช้ชิ้นส่วนในประเทศกว่า 40% - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

'ราชกิจจาฯ' ประกาศคนแก่มีค่าทำศพ 3,000 บังคับใช้ทันที เงื่อนไขเช็กที่นี่ - คมชัดลึก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ราชกิจจาฯ ประกาศให้ "ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป" ทายาทได้ 3,000 บาท จาก พม.ไม่ว่าจะเสียชีวิตจากสาเหตุอะไรได้ทุกคนที่เป็นคนไทย ขอรับภายใน 6 เดือนหลังจากเสียชีวิต

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เรื่อง การสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ผู้สูงอายุที่เสียชีวิตจะได้รับ "ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป" ต้องเข้าหลักเกณฑ์ ดังนี้
1. อายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
2. สัญชาติไทย
3. ผู้สูงอายุที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ยังไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือยังไม่ได้ลงทะเบียน ให้ผู้อํานวยการเขต หรือนายอําเภอ หรือกํานัน หรือผู้ใหญ่บ้าน หรือนายกเทศมนตรี หรือนายกองค์การบริหารส่วนตําบล หรือนายกเมืองพัทยา หรือประธานชุมชน เป็นผู้ออกหนังสือรับรอง ตามแบบที่อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด

"ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป" ในประกาศนี้รวมถึงผู้สูงอายุที่อยู่ในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ สถานสงเคราะห์ สถานดูแล สถานคุ้มครอง หรือสถานใด ๆ ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ดําเนินการในลักษณะเดียวกัน ซึ่งจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคมวัด มัสยิด โบสถ์

การยื่นคําขอเพื่อขอ "ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป" ให้ผู้ที่รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณีรายนั้นยื่นคําขอในท้องที่ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหรือภูมิลําเนาในขณะถึงแก่ความตาย ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคําขอที่สํานักงานเขต

ส่วนจังหวัดอื่นให้ยื่นคําขอที่สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือที่ว่าการอําเภอ หรือสํานักงานเทศบาล หรือที่ทําการองค์การบริหารส่วนตําบล หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา แบบคําขอรับการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด

ผู้ยื่นคําขอ "ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป" ต้องยื่นคําขอภายในกําหนด 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ออกใบมรณบัตรพร้อมเอกสาร ดังต่อไปนี้
1. ใบมรณบัตรของผู้สูงอายุ
2. บัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้สูงอายุ หรือหนังสือรับรองตามข้อ 5 (3)
3. บัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายและเลขประจําตัวประชาชนของผู้ยื่นคําขอ กรณีการจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคม วัด มัสยิด โบสถ์ ให้แนบหนังสือแสดงการจดทะเบียน หรืออนุญาตให้สร้าง จัดตั้ง หรือดําเนินงานมูลนิธิ สมาคมวัด มัสยิด โบสถ์ด้วย

4. สมุดบัญชีหรือเลขที่บัญชีธนาคารของผู้ยื่นคําขอ เว้นแต่ประสงค์จะขอรับเงินสดให้ดําเนินการตามระเบียบของทางราชการ
5. หนังสือรับรองเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณี ซึ่งออกโดยบุคคล ตามข้อ 5 (3) หรือหัวหน้าหน่วยงานตามข้อ 5 วรรคสอง สําหรับกรณีผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์ ทั้งนี้ ผู้ยื่นคําขอและผู้รับรองต้องไม่เป็นบุคคลเดียวกัน แบบหนังสือรับรองให้เป็นไปตามที่อธิบดี กรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเดือน ต.ค. 2564 - พ.ค. 2565 มีผู้ขอรับ "ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป" จำนวน 93,127 ราย เป็นเงิน 279.38 ล้านบาท 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

Adblock test (Why?)


'ราชกิจจาฯ' ประกาศคนแก่มีค่าทำศพ 3,000 บังคับใช้ทันที เงื่อนไขเช็กที่นี่ - คมชัดลึก
Read More

ลูกค้าบรีฟงานทำป้าย สะกด "คะ ค่ะ" ผิด ท้วงแล้วยังเถียง พจนานุกรมไทยไม่มีไม้เอก - Sanook

ลูกค้าบรีฟงานทำป้าย โดนทักสะกด "คะ ค่ะ" ผิด เถียงกลับพจนานุกรมไทยไม่มีไม้เอก ชาวเน็ตเผย ภาษาไทยผิด ภาษาอังกฤษก็งง

ผู้ใช้ TikTok @99x2000s ที่ทำงานด้านกราฟิกดีไซน์ โพสต์คลิปแชตสนทนากับลูกค้าหญิงรายหนึ่ง พร้อมระบุแคปชั่นว่า "ชีวิตการทำงานของกราฟิกในแต่ละวัน #คลิปตลก #มนุษย์ป้า #มนุษย์ป้าตัวจริง"

โดยลูกค้ารายดังกล่าวจ้างให้ทำป้ายที่เขียนว่า "กรุณาใช้ประตูนี้" แต่ลูกค้าอยากให้เติมคำว่า "คะ" ต่อท้ายประโยคด้วย จะได้สุภาพ

ด้านเจ้าของคลิปที่เห็นว่าลูกค้าใช้คำผิด จริง ๆ ต้องเป็น "ค่ะ" จึงได้ทักท้วงไป แต่ลูกค้าก็ยืนยันจะใช้คำว่า "กรุณาใช้ประตูนี้คะ" และยังบอกด้วยว่า "พจนานุกรมไทยไม่มีไม่เอกคะ คนชอบใช้ผิด" ซึ่งเจ้าของคลิปก็ยอมใจในความเชื่อมั่นแบบผิด ๆ ของลูกค้า จึงตอบกลับไปว่า "โอเคค่ะ หนูทำรอบเดียว พรินต์เคลือบแล้วไม่แก้นะคะ"

ซึ่งชาวเน็ตหลาย ๆ คนก็เข้ามาคอมเมนต์ว่า ภาษาไทยก็ผิด ภาษาอังกฤษพีกยิ่งกว่า "กรุณาใช้ประตูนี้" แต่เขียนว่า "Please use other door" น่าจะต้องเป็น "Please use this door" มากกว่า ถ้าฝรั่งมาอ่านคงไม่ออกประตูนี้แน่นอน

Adblock test (Why?)


ลูกค้าบรีฟงานทำป้าย สะกด "คะ ค่ะ" ผิด ท้วงแล้วยังเถียง พจนานุกรมไทยไม่มีไม้เอก - Sanook
Read More

Thursday, July 27, 2023

"แพทตี้" เปิดมุมโปรดบ้านสวย! แต่ทำชาวเน็ตคิดหนัก โฟกัสตรงไหนก่อนดี? - Sanook

ถึงแม้สเตตัสหัวใจจะมีคุณสามี แดน-วรเวช ดานุวงศ์ จับจองเป็นเจ้าของแล้ว แต่ แพทตี้ อังศุมาลิน นางเอกสาวลุคแบ๊ว วัย 32 ปี ก็ยังทำให้บรรดาแฟนคลับใจเต้นใจสั่นได้ตลอด...ตลอด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโพสต์ภาพถ่ายล่าสุด!! ที่เจ้าตัวนำมาแชร์ผ่านอินสตาแกรม @pattieung พร้อมแคปชั่นรีวิวเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน "กว่าจะเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้ออกมาสวยใช้เวลาอยู่นานเลยทีเดียว"

ทั้งนี้ก็เพราะนอกจากโพสต์ดังกล่าวจะเผยให้เห็นมุมสวยมุมโปรดที่ แพทตี้ อังศุมาลิน ตั้งใจตกแต่งเป็นอย่างดีแล้ว แต่ทว่าในส่วนของลีลาท่าโพสถ่ายรูปของเจ้าตัวกับชุดคอสตูมตัวจิ๋วก็ดูจะโดดเด่นสะดุดตาไม่แพ้กันเลยด้วย

ถึงขนาดที่ทุกคนในช่องคอมเมนต์ต่างชมเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า ณ จุดนี้ ทั้งคน ทั้งบ้าน สวยละมุนจนเลือกโฟกัสไม่ถูกกันเลย อิอิ

Adblock test (Why?)


"แพทตี้" เปิดมุมโปรดบ้านสวย! แต่ทำชาวเน็ตคิดหนัก โฟกัสตรงไหนก่อนดี? - Sanook
Read More

สุดจะทน “เทน ฮาก” จวกตัวแปรหลัก ทำแพ้ “เรอัล มาดริด”-ชม 1 แข้งเป็นพิเศษ - ไทยรัฐ

เอริก เทน ฮาก กุนซือ “ปิศาจแดง” จวก 1 แข้งใหม่ หลังแพ้ เรอัล มาดริด อุ่นเครื่องพรีซีซั่น 2023

วันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ความเคลื่อนไหวจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ เรอัล มาดริด 0-2 โดย "ราชันชุดขาว" ได้ 2 ประตู จาก จูด เบลลิงแฮม นาทีที่ 7 และ โฆเซลู นาที 88 นับเป็นความพ่ายแพ้ 2 นัดติดต่อกัน

หลังเกม เอริก เทน ฮาก กุนซือ "ปิศาจแดง" ให้สัมภาษณ์ถึงหลากหลายประเด็น แต่หนึ่งในนั้นคือ การจวก อ็องเดร โอนานา นายทวารคนใหม่ของทีมที่เพิ่งเข้ามาในช่วงซัมเมอร์นี้

"เรามีโอกาสเยอะ แต่ทำไม่ได้ มันทำให้เห็นแล้วว่าทำไมเราอยากได้กองหน้าในตำแหน่งหมายเลข 9"

"เมื่อมีโอกาสเล่นกับ เรอัล มาดริด คุณจะโดนเขาโจมตีได้เสมอเพราะพวกเขาเก่งมาก แต่โดยรวมแล้ว อ็องเดร โอนานา เล่นได้ค่อนข้างดีจริงๆ และผมคิดว่าทุกคนเห็นว่าเขาเปิดตัวได้ดี"

นัดต่อไป ในเกมอุ่นเครื่องพรีซีซั่น 2023 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะฟาดแข้งกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ วันที่ 31 กรกฎาคมนี้ เวลา 08.00 น.

Adblock test (Why?)


สุดจะทน “เทน ฮาก” จวกตัวแปรหลัก ทำแพ้ “เรอัล มาดริด”-ชม 1 แข้งเป็นพิเศษ - ไทยรัฐ
Read More

“ทำดี มีรางวัล” - ไทยรัฐ

ภาพความประทับใจ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มอบเกียรติบัตรโครงการ “ทำดี มีรางวัล” ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้าน 1 นาย และนักเรียนที่เป็นพลเมืองดีอีก 1 คน

จาก 2 เหตุการณ์

เหตุการณ์แรก “ช่วยเหลือหญิงพยายามกระโดดสะพาน” ผู้ที่ทำความดีคือ ร.ต.ท.ธีรธัช บัวเผื่อน รอง สว.ฝอ.3 บก.อก.บช.ภ.1 เหตุเกิดวันที่ 18 ก.ค. เวลา 22.00 น. ขณะ ร.ต.ท.ธีรธัชขับรถยนต์ส่วนตัวกลับที่พัก ได้พบหญิงวัยกลางคนเดินอยู่ตามลำพัง มีลักษณะคล้ายจะกระโดดสะพานภูมิพล 1

ร.ต.ท.ธีรธัช รีบลงจากรถเพื่อเข้ามาเจรจาให้ความช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัย

ก่อนหน้านี้ช่วงกลางปี 2555 ร.ต.ท.ธีรธัชเคยให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน จนประชาชนผู้พบเหตุได้บันทึกรูปภาพและเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ ได้รับความชื่นชมอย่างมาก

เหตุการณ์ที่ 2 “นักเรียนพลเมืองดี ช่วย CPR ผู้ป่วยหมดสติ” ผู้ที่ทำความดี คือ น.ส.ประติภา ดีหามแห หรือ “น้องนุ่น” นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ (รัชดา) เหตุเกิดวันที่ 13 มิ.ย. เวลา 18.30 น. ขณะที่ น.ส.ประติภาเดินทางกลับบ้านซอยเจริญกรุง 24 แขวงตลาดน้อย

พบชายกำลังช่วยเหลือผู้ป่วยนอนหมดสติอยู่เพียงลำพัง น.ส.ประติภา รีบเข้าทำการช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการ CPR เพื่อฟื้นคืนชีพให้ผู้ที่หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น

ทำให้กลับมามีชีพจร

ก่อนทีมแพทย์และทีมกู้ชีพเดินทางมาถึง และนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทำการรักษาต่อ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า “ขอชื่นชมในความกล้าหาญ ที่ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ตนจึงได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” และเงินรางวัลคนละ 5,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม”

โครงการ “ทำดี มีรางวัล” มอบรางวัลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น

เป็นแนวคิดของ ผบ.ตร. คิดขึ้นมาเพื่อให้ตำรวจทำงานเชิงรุกเพื่อความสงบสุขของประชาชน ประกอบคุณงามความดีช่วยเหลือประชาชนหรือทางราชการ ประพฤติตนดี เป็นที่ยอมรับของสังคม ทำให้ประชาชนมีความเป็น “จิตอาสา” ช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่ง ผบ.ตร. จะมอบรางวัลด้วยตัวเอง ให้เกิดแรงบันดาลใจมาทำความดี

เกิดสิ่งสร้างสรรค์ให้สังคมไทยกับการแบ่งปัน และช่วยเหลือของคนไทยเป็น “จิตอาสา”

คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยด้วยกัน

เติมเต็มความสวยงามให้สังคมไทย.

Adblock test (Why?)


“ทำดี มีรางวัล” - ไทยรัฐ
Read More

“พิม พิมประภา” ทำโฟกัสจุดเดียวกับลุคน่ารัก เร้าใจกับท่อนบนขาวๆ - ผู้จัดการออนไลน์



เรียกว่าออกมาเปิดโหมดเซ็กซี่แบบรัวๆ อย่างต่อเนื่อง ทำเอาแฟนๆหวั่นไหวใจปลิวกันเพียบ สำหรับนางเอกสาวผิวขาว “พิม พิมประภา ตั้งประภาพร” ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาอวดลุคสบายๆ แต่แซ่บหลายกับท่อนบนที่สวมบราสีดำตัดผิวออร่า มองเห็นร่องเต้าขาวๆสะท้อนออกมาแบบจะจะ งานนี้แม้จะสวมกางเกงยีนเอี๊ยมทับไว้แบบหลวมๆก็เถอะ มิอาจต้านความเผ็ด แม้จะมาแบบเบาๆก็เถอะ บอกเลยเร้าใจสุดๆ

Adblock test (Why?)


“พิม พิมประภา” ทำโฟกัสจุดเดียวกับลุคน่ารัก เร้าใจกับท่อนบนขาวๆ - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

12 สิ่งสำคัญ ที่ผู้ชายควรทำก่อนอายุ 40 - TrueID Sport

     บางครั้งเราก็เคยได้ยินวลีที่ว่า ‘ชีวิตเริ่มต้นที่ 40’  ผู้ชายอายุ 40 ปี เป็นก้าวสำคัญในชีวิต และเป็นเวลาที่ดีในการทบทวนความสำเร็จที่ผ่านมาและวางแผนสำหรับอนาคต สิ่งสำคัญ 12 ประการที่คุณควรพิจารณาทำก่อนอายุ 40

 12 สิ่งสำคัญ ที่ผู้ชายควรทำก่อนอายุ 40

ก่อนอายุ 40 ปี สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาทำมีดังนี้

  1. ท่องเที่ยวและสำรวจ : ใช้เวลาในการเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆ สัมผัสวัฒนธรรมที่แตกต่าง และเปิดโลกทัศน์ของคุณให้กว้างขึ้น การเดินทางสามารถเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับโลกและตัวคุณ
  2. สร้างกองทุนฉุกเฉิน : ตั้งเป้าหมายที่จะมีกองทุนเงินออมฉุกเฉินที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถครอบคลุมค่าครองชีพอย่างน้อยสามถึงหกเดือน บัฟเฟอร์ทางการเงินนี้สามารถช่วยคุณรับมือกับความท้าทายที่ไม่คาดคิดโดยไม่ต้องเครียดเกินควร
  3. ชำระหนี้ : จัดลำดับความสำคัญของการชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง เช่น ยอดบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล การลดหนี้จะช่วยเพิ่มความเป็นอยู่ทางการเงินของคุณและให้ความยืดหยุ่นมากขึ้นในอนาคต
  4. สร้างวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ : มุ่งเน้นไปที่การรักษาอาหารที่สมดุล ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และนอนหลับให้เพียงพอ การสร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพแต่เนิ่นๆ อาจส่งผลดีในระยะยาวต่อความผาสุกทางร่างกายและจิตใจของคุณ
  5. ลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ : เริ่มบริจาคให้กับบัญชีเกษียณอายุ หรือบัญชีเพื่อการเกษียณอายุส่วนบุคคล ยิ่งคุณเริ่มต้นเร็วเท่าไหร่ การลงทุนของคุณก็ต้องเติบโตมากขึ้นเท่านั้น
  6. ประเมินเป้าหมายอาชีพใหม่ : ทบทวนเส้นทางอาชีพของคุณและพิจารณาว่าสอดคล้องกับความสนใจและวัตถุประสงค์ระยะยาวของคุณหรือไม่ หากจำเป็น ให้สำรวจโอกาสในการเติบโต การศึกษาเพิ่มเติม หรือการเปลี่ยนอาชีพ
  7. ปลูกฝังความสัมพันธ์ที่มีความหมาย : รักษาความสัมพันธ์ของคุณกับครอบครัวและเพื่อนฝูง ล้อมรอบตัวคุณด้วยบุคคลที่คิดบวกและให้การสนับสนุนซึ่งจะทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น
  8. รับความเสี่ยงที่คำนวณได้ : อย่ากลัวที่จะก้าวออกจากเขตความสะดวกสบายและไล่ตามความฝันของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นกิจการใหม่หรือทำโครงการที่ท้าทาย ความเสี่ยงที่คำนวณได้สามารถนำไปสู่การเติบโตส่วนบุคคลและในสายอาชีพ
  9. เรียนรู้ทักษะใหม่ : เปิดรับการเรียนรู้ตลอดชีวิตและรับทักษะหรืองานอดิเรกใหม่ที่คุณสนใจ อาจเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่การเรียนรู้เครื่องดนตรีไปจนถึงการเลือกภาษาใหม่
  10. ฝึกฝนการดูแลตนเอง : จัดลำดับความสำคัญของการดูแลตนเองและสุขภาพจิต ทำกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ
  11. อาสาหรือตอบแทน : ค้นหาวิธีมีส่วนร่วมกับชุมชนของคุณหรือสนับสนุนโครงการที่โดนใจคุณ การให้คืนสามารถเติมเต็มและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก
  12. Forgive and let go : ปลดปล่อยตัวเองจากภาระความแค้นหรือจมอยู่กับความผิดพลาดในอดีต เรียนรู้ที่จะให้อภัยและปล่อยวาง ปล่อยให้ตัวเองก้าวต่อไปด้วยใจที่เบาขึ้น

     จำไว้ว่าการเดินทางของทุกคนนั้นไม่เหมือนใคร และไม่มีแนวทางใดที่เหมาะกับทุกชีวิต กุญแจสำคัญคือการมีสติ ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และเลือกสิ่งที่สอดคล้องกับค่านิยมและแรงบันดาลใจของคุณเมื่อคุณเข้าใกล้ช่วงใหม่ของชีวิตนี้

รับฟรี ฟรีเน็ต 2GB ดูครบทุกความบันเทิงแอปทรูไอดี 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Adblock test (Why?)


12 สิ่งสำคัญ ที่ผู้ชายควรทำก่อนอายุ 40 - TrueID Sport
Read More

Wednesday, July 26, 2023

"รัสเซีย" เตรียมเสริมกำลังพลทำสงคราม หลังเพิ่มเพดานอายุเกณฑ์ทหาร - PPTVHD36

เมื่อวานนี้ สภาผู้แทนราษฎรรัสเซียหรือสภาดูมาได้ลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายปรับเพิ่มอายุสูงสุดสำหรับการเกณฑ์ทหารเป็น 30 ปี จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ที่ 27 ปี โดยมีมติเห็นชอบ 335 เสียง ไม่เห็นชอบ 13 เสียง และงดออกเสียง 28 เสียง อันเดร คราสนอฟ รองประธานคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงของสภาดูมาระบุว่า การเพิ่มเพดานอายุการเกณฑ์ทหารจะช่วยเสริมความมั่นคงให้กับประชาชนและแผ่นดินรัสเซีย

"อดิศร" ยินดี "ทักษิณ" กลับบ้าน เชื่อกลับมาเลี้ยงหลาน  

“พิธา” ให้สัมภาษณ์ CNN ไม่เสียใจชูจุดยืนแก้ ม.112  

หลังจากได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรรัสเซียแล้ว ร่างกฎหมายฉบับนี้จะถูกส่งต่อไปให้สมาชิกวุฒิสภารัสเซียพิจารณา ก่อนจะถูกส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินลงนาม เพื่อเป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้  หลายฝ่ายระบุว่า ร่างกฎหมายจะผ่านความเห็นชอบสมาชิกวุฒิสภาในเร็วๆ นี้ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม ปี 2024 หรือปีหน้า โดยชายรัสเซียที่มีอายุ 18-30 ปีจะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร

นอกจากนี้ ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังได้กำหนดข้อห้ามสำคัญเพิ่มเติม คือ ห้ามชายชาวรัสเซียที่ได้รับหมายเรียกเกณฑ์ทหารเดินทางออกนอกประเทศ  ทั้งนี้ตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียได้ปรับโครงสร้างการส่งเอกสารหมายเรียกใหม่ ที่ช่วยให้การส่งหมายเกณฑ์ทหารไปยังประชาชนง่ายขึ้น ด้วยการส่งหมายเรียกผ่านระบบออนไลน์ได้  สำหรับผู้ที่ได้รับหมายเรียกแต่ไม่มารายงานตัวตามนัดจะถูกปรับเป็นเงิน 30,000 รูเบิลหรือราว 11,400 บาท

การประกาศเพิ่มเพดานอายุสำหรับการเกณฑ์ทหารที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ มีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียได้ขยายอายุกำลังพลสำรองสำหรับเข้าประจำการในกองทัพเป็น 55 ปี และขยายอายุเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงสำหรับประจำการเป็น 70 ปี 

หลายฝ่ายมองว่าการใช้กฎหมายขยายกรอบอายุการเกณฑ์ทหารเป็นความพยายามของรัฐบาลรัสเซียเพื่อเพิ่มกำลังพลทำสงครามและปกป้องพื้นที่ทั้ง 4 แคว้นที่ยึดมาจากยูเครน รวมถึงอาจเป็นการหากำลังทหารเพิ่มเติมเพื่อทดแทนทหารที่เสียชีวิตในสมรภูมิต่างๆ บนแผ่นดินยูเครนด้วย  ที่ผ่านมา ทางการรัสเซียเคยออกมายอมรับว่าสูญเสียทหารไปกว่า 6,000 นายจากสงครามที่ยืดเยื้อมากกว่า 17 เดือน

ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวอาจไม่ใช่ตัวเลขความสูญเสียที่แท้จริง เพราะตามปกติทางการของทั้งรัสเซียและยูเครน จะไม่เปิดเผยจำนวนของทหารที่เสียชีวิตทั้งหมดท่ามกลางภาวะสงครามที่ยังดำเนินอยู่ เนื่องจากเป็นการบั่นทอนขวัญกำลังใจของทหารและอาจเสริมกำลังใจให้ศัตรู 

อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สื่ออิสระของรัสเซียอย่างเมดูซาและมีเดียโซนา ได้เผยแพร่ผลงานวิจัยภายใต้ความร่วมมือกับดมิทรี โคบัค นักสถิติชาวเยอรมันจากมหาวิทยาลัยทูบิงเก็น เกี่ยวกับจำนวนทหารรัสเซียที่เสียชีวิตในสงคราม

งานวิจัยชิ้นนี้เปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี 2022 ถึงวันที่ 27 พฤษภาคม ปี 2023 รัสเซียสูญเสียทหารในสนามรบไปแล้วราว 40,000-55,000 นาย  และจำนวนทหารรัสเซียที่เสียชีวิตทั้งหมดอาจเพิ่มขึ้นไปถึง 125,000 นาย 
ถ้านำจำนวนทหารที่บาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถกลับมารบได้เข้ามาคิดในสมการด้วย

ตัวเลขจากการประเมินของสำนักข่าวอิสระรัสเซียอสอดคล้องกับข้อมูลของหน่วยข่าวกรองสหราชอาณาจักรที่ประเมินเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า รัสเซียเสียทหารไปแล้วกว่า 40,000 นาย  สอดคล้องกับเอกสารลับของสหรัฐฯ ที่รั่วไหลออกมาในช่วงเวลาเดียวกัน ที่ระบุว่ารัสเซียเสียทหารไปราว 35,000-43,000 นาย
 
หลายฝ่ายมองว่าการขยายเพดานอายุการเกณฑ์ทหารของรัฐบาลรัสเซียคือ สัญญาณว่ารัสเซียจะไม่ยอมแพ้ในสงคราม และจะไม่ถอนกำลังออกจากแผ่นดินยูเครนจนกว่าจะบรรลุสิ่งที่รัฐบาลเรียกว่า “ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร”

อย่างไรก็ดี ในวันเดียวกันกับที่รัสเซียเตรียมเพิ่มกำลังพล พันธมิตรหลักของยูเครนอย่างสหรัฐฯ ได้ประกาศความช่วยเหลือชุดใหม่ให้แก่ยูเครนเช่นเดียวกัน

เมื่อวานนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศมอบความช่วยเหลือด้านความมั่นคงให้แก่ยูเครน คิดเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 14,000 ล้านบาท  ความช่วยเหลือชุดนี้จะประกอบไปด้วยจรวดของระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออต และนาซาม รวมถึงจรวดขีปนาวุธของระบบไฮมาร์ส ตลอดจนอาวุธหนักอื่นๆ 

นอกจากอาวุธหนักแล้ว ในความช่วยเหลือชุดนี้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังได้ส่งแบล็ก ออเน็ต (Black Hornet) โดรนสอดแนมขนาดเล็กจากบริษัทเทเลไดน์ เทคโนโลจีส์ให้แก่ยูเครนเป็นครั้งแรกอีกด้วย แบล็ก ออเน็ตเป็นโดรนสอดแนมขนาดจิ๋ว มีขนาดเล็กเพียง 16 เซนติเมตร น้ำหนักเพียง 33 กรัม ซึ่งมีขนาดเล็กกว่านกกระจอก บริเวณส่วนหัวของโดรนมีกล้อง 3 ตัวสามารถบังคับทิศทางได้ มีเซนเซอร์ตรวจจับความร้อน ทำให้ได้ภาพครอบคลุม ชัดเจน และเปิดผ่านมือถือแบบเรียลไทม์ได้ รวมถึงกันน้ำ กันไฟ และทำงานได้ในทุกสภาพอากาศ 

ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ ทำให้โดรนแบล็ก ออเน็ตยากต่อการมองเห็น และสามารถสอดแนมฝ่ายรัสเซียได้ดีในสนามรบ จะช่วยให้ทหารยูเครนรู้พิกัดของทหารและอาวุธของรัสเซีย ตลอดจนเปิดฉากโจมตีหรือตั้งรับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หลังจากสหรัฐฯ ประกาศมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธ เมื่อวานนี้ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้ออกมาแถลงขอบคุณสหรัฐฯ ที่ส่งมอบความช่วยเหลือชุดนี้ให้แก่ยูเครน  

ขณะเดียวกัน ผู้นำยูเครนระบุว่าวันนี้จะมีการประชุมครั้งแรกของสภายูเครน-นาโต ซึ่งประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายหารือร่วมกันอยู่ในตอนนี้คือ ความมั่นคงในทะเลดำ หลังจากรัสเซียระงับข้อตกลงด้วยการไม่ต่ออายุเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา การออกจากข้อตกลงของรัสเซีย ทำให้ยูเครนต้องหาเส้นทางในการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรและธัญพืชระหว่างที่พื้นที่ทะเลดำถูกปิดตาย ไม่สามารถเดินเรือได้  และล่าสุดสหภาพยุโรปเตรียมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือยูเครนเพื่อให้ขนส่งธัญพืชไปยังตลาดโลกได้

เมื่อคืนที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของชาติอียู ได้ประชุมร่วมกันเพื่อหาทางออกประเด็นการส่งออกธัญพืชของยูเครน หลังรัสเซียระงับข้อตกลงทะเลดำและโจมตีคลังเก็บธัญพืชหลายแห่งที่แคว้นโอเดสซาในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

ยานุสซ์ วอยเชียคอฟสกี กรรมาธิการด้านการเกษตรประจำสหภาพยุโรป ระบุว่า อียูพร้อมที่จะส่งออกผลิตผลทางการเกษตรเกือบทั้งหมดของยูเครนผ่านช่องทางที่เรียกว่า “solidarity lanes” และจะช่วยอุดหนุนเงินค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นด้วย 

“solidarity lanes” เป็นการเชื่อมต่อการขนส่งทางรถไฟและทางถนนผ่านประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่มีพรมแดนติดกับยูเครน เช่น โปแลนด์และฮังการี รวมถึงโรมาเนีย เพื่อส่งออกไปยังพื้นที่ทางทะเล  ตอนนี้บางประเทศสมาชิกอียู เช่น ลิทัวเนีย ได้ส่งหนังสือเสนอสหภาพยุโรปให้ใช้ทะเลบอลติกเป็นเส้นทางขนส่งธัญพืชของยูเครน 

หากใช้เส้นทางนี้ ยูเครนจะต้องขนส่งธัญพืชของตนเองออกไปทางตะวันตกของประเทศผ่านโปแลนด์เพื่อไปยังท่าเรือทะเลบอลติก 4 แห่ง  โดย 3 แห่งอยู่ในชายฝั่งโปแลนด์ คือ ท่าเรือชวินออุชเซีย ท่าเรือกดิเนีย และท่าเรือกดานสค์ 
ส่วนอีกแห่งคือ ท่าเรือไคลเปดา อยู่ในประเทศลิทัวเนีย นอกจากนี้ ยูเครนยังสามารถส่งธัญพืชไปยังประเทศโรมาเนียเพื่อส่งออกจากท่าเรือคอนสตันซาไปยังพื้นที่ทะเลดำได้ด้วย

อย่างไรก็ดี การส่งธัญพืชจากยูเครนไปยังประเทศปลายทางเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย 
เพราะรางรถไฟยูเครนมีขนาดความกว้างของรางต่างจากประเทศอื่นๆ ในยุโรป โดยรางรถไฟของยูเครนขนาดความกว้าง 1.520 เมตร ขณะที่ชาติยุโรปอื่นๆ มีขนาดความกว้างรางรถไฟของอยู่ที่ 1.435 เมตรเท่านั้น

ทำให้ยูเครนต้องขนถ่ายธัญพืชทุกขบวนจากตู้บรรทุกชุดหนึ่งไปยังอีกชุดหนึ่งที่ชายแดน ซึ่งจะเพิ่มราคาต้นทุนของธัญพืช 
นี่จึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้สหภาพยุโรปเล็งออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการขนส่งธัญพืชเมื่อคืนที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ บาร์บารา วูดเวิร์ด เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติได้ออกมาเตือนว่า ข้อมูลของสหราชจักรชี้ให้เห็นความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะโจมตีคลังธัญพืชของยูเครนมากขึ้น รวมถึงอาจโจมตีเรือขนส่งของพลเรือนในทะเลดำด้วย

นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับเหตุระเบิดคลังเก็บธัญพืชบริเวณท่าเรือเรนิและท่าเรืออิซมาอิลที่แคว้นโอเดสซาของยูเครนเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ซึ่งท่าเรือดังกล่าวอยู่ติดแม่น้ำดานูบ ไม่ไกลนักจากชายแดนของประเทศโรมาเนีย ที่เป็นหนึ่งในชาติสมาชิกนาโต

เมื่อวานนี้ กระทรวงการต่างประเทศโรมาเนียได้ออกแถลงการณ์ว่า มีเรือของพลเรือนโรมาเนียหนึ่งลำได้รับความเสียหายจากเหตุโจมตีท่าเรือเมืองโอเดสซาเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยตัวเรือได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย สามารถแล่นต่อไปได้ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด 

Soccer2023_27B Soccer2023_27B

เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

Adblock test (Why?)


"รัสเซีย" เตรียมเสริมกำลังพลทำสงคราม หลังเพิ่มเพดานอายุเกณฑ์ทหาร - PPTVHD36
Read More

กราฟิกปวดหัว ป้าสั่งทำป้าย ผิดหลักภาษา แต่ยังคงมั่น จนปล่อยเลยตามเลย - Sanook

เรียกว่าเป็นโพสต์สุดปวดหัวที่เห็นแล้วแทบจะเอามือกุมขมับกันเลยทีเดียว สำหรับการรีวิวรับบรีฟลูกค้าสุดมึนที่ทางกราฟิกท้วงลูกค้าเรื่องการใช้คำผิดหลักไวยากรณ์แล้ว แต่ลูกค้ายังคงสู้ยังจะใช้คำเดิมอยู่

เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์โดยผู้ใช้งาน TikTok บัญชี 99x2000s โดยเขาได้ออกมาเล่าเรื่องราวความฮาของการทำงานที่นอกจากเป็นกราฟิกแล้วยังต้องรับบทตรวจคำผิดวิชาภาษาไทยด้วย

ทำป้ายทำป้าย

โดยได้บรรยายเพิ่มเติมในคลิปว่า "ชีวิตการทำงานของกราฟิกในแต่ละวัน" ซึ่งจะเห็นได้ว่าทางลูกค้าให้ช่วยออกแบบป้ายห้ามใช้ประตู และขอให้เติมหางเสียงลงไปในป้ายเพื่อความสุภาพ โดยทางกราฟิกก็ได้ออกแบบออกมาเป็น "กรุณาใช้ประตูนี้ค่ะ" แต่ทางลูกค้าท้วงว่า "ให้ใช้คำว่า คะ" ซึ่งทางกราฟิกก็บอกว่า "กรุณาใช้ประตูนี้คะ" มันจะแปลกๆ แต่ทางลูกค้าก็ได้ตอบว่า "ไม่แปลก ดูสุภาพ พจนานุกรมไทยไม่มีไม้เอก "คะ" คนชอบใช้ผิด" ทางกราฟิกเลยตอบสรุปสั้นไปว่า "โอเคค่ะ หนูทำรอบเดียวปริ้นเคลือบแล้วไม่แก้ นะคะ"

ทำป้ายทำป้าย

หลังจากที่คลิปของเธอได้ถูกแชร์ออกไปก็เรียกได้ว่ากลายเป็นคลิปไวรัลที่มียอดผู้เข้าชมมากกว่า 181,900 ครั้ง และยังมีคอมเมนต์ที่เข้ามาขำไปกับความดื้อของลูกค้ากันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "กรุณาใช้ประตูนี้แต่ use other door เอ๋!", "ภัยความมั่น" รวมไปถึง " ตอนแรกขำ คะ พออ่านภาษาอังกฤษคือ 555555"

Adblock test (Why?)


กราฟิกปวดหัว ป้าสั่งทำป้าย ผิดหลักภาษา แต่ยังคงมั่น จนปล่อยเลยตามเลย - Sanook
Read More

“วัน” สวนกลับ ยันไม่ทำอะไรโง่ๆ หลัง “ไอซ์” แฉแชตขู่ แนะแจ้งตำรวจอย่ากล่าวหาแบบเหมารวม - ผู้จัดการออนไลน์



“วัน อยู่บำรุง” ฟ้องประชาชนบ้าง ยันไม่ทำอะไรโง่ๆ บ้าๆ หลัง “ไอซ์ รักชนก” แฉแชตขู่ บอกแจ้งตำรวจเลย อย่ากล่าวหาคนอื่นแบบเหมารวม ให้เข้าใจผิด เดี๋ยวคนจะมองว่าหมิ่นประมาท

จากกรณีที่ “ไอซ์ รักชนก” ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล แท็กถาม “วัน อยู่บำรุง” อดีตผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ว่า ทำไมลูกน้องพี่ชอบมีปัญหากับไอซ์จัง จากนั้น ไอซ์ รักชนก เข้ามาคอมเมนต์เพิ่มเติมว่า “ล่าสุด คือ มีทักมาขู่ทำร้ายร่างกายและเอาชีวิตแล้วค่ะ ถ้าไอซ์และทีมงานเป็นอะไรไป ก็ขอฟ้องประชาชนไว้ตรงนี้เลยนะคะ ใครๆ ก็บอกว่าพี่วัน เป็นคนดี เป็นคนน่ารัก เป็นที่พึ่งของประชาชนเสมอมา แต่ถ้าคนรอบตัวยังเป็นแบบนี้อยู่ แล้วไม่ห้ามไม่ตักเตือนกันเลย ไอซ์ว่าน่าเป็นห่วงมากๆ ว่าพี่จะถูกเข้าใจผิดนะคะ”

สำหรับข้อความที่ทักแชต ไอซ์ รักชนก เขียนว่า “ลบโพสต์ด้วยครับ อย่าหาว่าผมไม่เตือน แล้วจะเดือดร้อนนะครับ เวลาผมทำผมทำเจ็บนะครับ คุณยังรักตัวกลัวตาย ก็ทำตามที่บอก ลบโพสต์ด่วนๆ” ต่อมาพบว่าแชตดังกล่าวนั้นถูกลบออกไปทันที

ล่าสุด “วัน อยุ่บำรุง” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว วัน อยู่บำรุง ระบุว่า... ผมก็ขอฟ้องประชาชนเหมือนกันว่าผมไม่ทำอะไร โง่ๆ บ้าๆ บอๆ ไร้สาระแบบนี้หรอกครับ! คนที่โพสต์เรื่องท่านั่งกับคนที่แชตไปขู่ คนละคนกันนะ

“ถ้าใครทำผิดก็ว่าไปตามผิดครับ แจ้งตำรวจเลย อย่าเที่ยวกล่าวหาคนอื่นแบบเหมารวมแบบนี้เพื่อให้คนอื่นเข้าใจผิดในตัวผม ผมเป็นห่วงกลัวคนจะมองคุณรัชนกผิดว่าหมิ่นประมาทครับ”


Adblock test (Why?)


“วัน” สวนกลับ ยันไม่ทำอะไรโง่ๆ หลัง “ไอซ์” แฉแชตขู่ แนะแจ้งตำรวจอย่ากล่าวหาแบบเหมารวม - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

พระครู เชิญวิญญาณ เมียฝรั่ง เผยต้องทำพิธี 3รอบ ตร.เจอเรื่องแปลก - ข่าวสด - ข่าวสด

พระครู ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ เมียฝรั่ง ถูกฆ่าทิ้งไร่ข้าวโพด เผยสิ่งผิดปกติ ต้องทำพิธีถึง 3 รอบ ด้าน พนักงานสอบสวน เล่าเรื่องแปลก ก่อนวันผู้ต้อ...