ธรรมชาติและหน้าที่ของสื่อทุกรูปแบบ ต้องนำเสนอข่าว และข่าวที่ได้รับความสนใจ ตื่นเต้น ก็ต้องเป็นข่าวร้ายและข่าวลบ เพราะถูกจริตคนเสพ นั่นเป็นหน้าที่ของสื่อ ที่ต้องนำเสนอจะไปโทษสื่อไม่ได้
Part.1.ธรรมชาติของมนุษย์...
ชอบข่าวดี แต่ถ้าได้เสพข่าวร้ายจะชอบมากยิ่งกว่า!
ส่วนธรรมชาติและหน้าที่ของสื่อทุกรูปแบบ ต้องนำเสนอข่าว และข่าวที่ได้รับความสนใจ ตื่นเต้น ก็ต้องเป็นข่าวร้ายและข่าวลบ เพราะถูกจริตคนเสพ นั่นเป็นหน้าที่ของสื่อ ที่ต้องนำเสนอจะไปโทษสื่อไม่ได้ครับ
(ยังจำวิกฤติไวรัส โควิตได้ใช่มั๊ยครับ... ที่ตอนนี้เริ่มซาลง เพราะกลายพันธ์จนกลายเป็นโรคประจำถิ่นมาหลายเดือนแล้วแต่ก็ยังมีบางสื่อหรือบางคนยังพยายามขุด พยายามขายเรื่องนี้อยู่ ใจคอจะขออยู่กับโควิต ตลอดชีวิตไปจนถึงภพชาติหน้าเลยหรือไงก็ไม่เข้าใจจริงๆ!!)
Part.2.วิกฤติของโลกมีตลอดเวลา ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเข้าใจกลไกของการเปลี่ยนแปลง
วิกฤติจากภัยพิบัติที่ธรรมชาติถูกมนุษย์ใช้ทรัพยากรธรรมชาติด้วยความละโมบ ทั้งขุด เจาะ เผา จนธรรมชาติมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงขึ้นทุกปี... มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของธรรมชาติที่ต้องเปลี่ยนไป
วิกฤติจากสงครามรัสเซีย ยูเครนที่ยาวยืดเยื้อส่งผลกระทบกับยุโรปอย่างหนักและปัญหาเรื่องพลังงาน
ที่มีราคาสูง ก็เป็นเรื่องธรรมชาติของความขัดแย้งระหว่างประเทศ
วิกฤติอื่นๆเช่นโรคภัยใหม่ๆ หรือวิกฤติอีกหลายอย่างที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งความขัดแย้งทางการเมือง
ของไทยที่ฝังรากลึกแบ่งฝ่ายมานานกว่ายี่สิบปี ก็เป็นเรื่องธรรมดาของการแย่งชิงอำนาจ
ถ้าเข้าใจความเป็นไปของ “โลกและ ความโลภของมนุษย์” มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว
กับวิกฤติต่างๆที่ทยอยมาให้เห็นเป็นระยะ
Part.3.นักธุรกิจจิตตก !
แต่ก็มีนักธุรกิจและคนจำนวนไม่น้อย ที่ติดตามข่าววิกฤติทุกอย่างทั่วโลกและในประเทศ แบบติดตามข่าวไปจิตตกไป คำถามคือ ติดตามและจิตตกเพื่อ....!?
ไม่ใช่แนะนำให้ไม่รับรู้ข่าวสารความเป็นไป หรือตั้งตนบนความประมาท แต่ถ้าจะติดตามรับรู้ข่าวสาร
ก็เพื่อแค่ร้บรู้อย่างมีสติ แต่ไม่ใช่ให้รับรู้ไปจิตตกไป จนไม่กล้าคิดไม่กล้าทำอะไรแบบยอมรับชะตากรรม!
Part.4.การคาดการณ์ของ "ผู้รู้" ที่เชี่ยวชาญในการมองเห็นแต่เรื่องร้ายๆ !
ในช่วงเกิดวิกฤติไวรัสโควิตจากจุดเริ่มต้นปลายปี 2019 จนโควิตระบาดหนักๆไปทั่วโลกในปี2020
จนทำให้หลายธุรกิจทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็กทยอยล้มหายตายจาก ไปพร้อมๆกับการเสียชีวิตของคนที่ป่วยด้วยโรคนี้ทั่วโลก
เป็นธรรมดาที่ผู้คนทั่วโลกจะตระหนกและแตกตื่น หลายธุรกิจหยุดชะงัก วิถีผู้คนหยุดชะงัก กักตัวเอง
อยู่ในบ้าน เพราะเป็นโรคใหม่ที่แพร่ระบาดเร็วและแรง
ในช่วงนั้น มีบรรดา“ผู้รู้”ที่เป็นGuruทั้งระดับโลกและระดับประเทศ ต่างออกมาคาดการณ์ให้ข่าว
ว่าเศรษฐกิจจะพังระเนระนาดไปยาวนานหลายปี โลกจะเปลี่ยนเป็นNew Normalธุรกิจการบิน
และการท่องเที่ยวจะฟุบไม่ฟื้นไปอีกนานหลายปี (ทุกวันนี้ยังมีใครพูดถึงNew Normalอีกมั๊ย!?)
เมื่อบรรดา ในภาคสายการบินและการท่องเที่ยว ได้ฟังในตอนนั้น ก็ยุบก็เลิกจ้างเพราะแบกภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว อันนี้เป็นเรื่องน่าเห็นใจเพราะไม่มีรายได้มีแต่รายจ่าย
แต่ที่น่าสนใจคือหลายเดือนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน นักท่องเที่ยวทั่วโลกเต็มสนามบินของหลายๆประเทศ รวมทั้งในประเทศไทย ทั้งเที่ยวบิน บินกันเข้ามาให้ว่อน สนามบินนักท่องเที่ยวเข้ามาจนแน่น และขาดแคลนแรงงานภาคบริการจำนวนมากจนถึงปัจจุบัน
Part.5.เมื่อคนที่ทำธุรกิจ ติดกับดักน้ำลายของ ผู้เชี่ยวชาญในการคาดการณ์แต่เรื่องร้ายๆ!
แต่ยังมีหลายธุรกิจ ที่ยังพอประคับประคองไปได้ แต่เจ้าของธุรกิจจิตตก เพราะไปเชื่อบรรดา ผู้รู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการ คาดการณ์เรื่องร้ายๆ (ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นจริง) แต่เนื่องจากบรรดาผู้รู้เหล่านี้ ทั้งชีวิตก็ใช้ทักษะนี้ในการทำมาหากินมาโดยตลอด สิ่งที่ออกจากสมองและปาก มีแต่เรื่องร้าย ... มีแต่ข่าวร้าย
ลองย้อนกับดูการวิเคราะห์ ของบรรดาผู้ที่ทำมาหากินกับการคาดการณ์วิเคราะห์ข่าวร้ายดูสิครับ
มีกี่เรื่องที่เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ถูกต้อง แม้แต่ใกล้เคียงก็แทบไม่มี!
ที่แปลกก็คือ ยังมีนักธุรกิจและเจ้าของกิจการรวมไปถึงผู้บริหาาจำนวนไม่น้อย ยังคงเชื่อยังคงฟังยังคงติดตามบรรดา ผู้เชี่ยวชาญในการคาดการณ์มองเห็นแต่ข่าวร้าย ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง (แต่ยังทำมาหากินมีรายได้จากการ คาดการณ์ข่าวร้ายมาตลอดชีวิต!)
Part.6.แล้วจะเชื่อใครดี?
ไม่ได้แนะนำให้โลกสวยมองเห็นแต่ด้านดีตลอดเวลา แต่ก็ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะติดตามแต่ข่าวร้ายโดยไม่คิดไม่วิเคราะห์ ควรติดตามข่าวสารความเป็นไปในทุกเรื่องของโลกและในประเทศ“อย่างมีสติ”
ฟัง ดู อ่าน แล้วคิดวิเคราะห์ ทำความเข้าใจกับอดีต ปัจจุบัน ของเรื่องแบบนี้ ก็พอจะคาดการณ์แบบมีสติได้ด้วยตนเองแล้วถึงสิ่งที่กำลังเป็นไปและกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
ต้องเข้าใจธรรมชาติของคนที่ถนัดแต่คาดการณ์วิเคระห์ประโคมข่าวร้ายออกทางสื่อทุกช่องทาง ว่านั่นเป็น“ทางและช่องทาง”ในการทำมาหากินของคนพวกนี้เท่านั้น
ถ้าติดตามข่าวอย่างมีสติ ก็เชื่อในสติของตนเอง ดีกว่าไร้สติไปเชื่อผู้รู้ (ไม่จริง) ที่หากินกับการคาดการณ์ข่าวร้ายเลี้ยงชีพ!
Part.7.ขออนุญาตแนะนำว่า.....
ถ้าท่านเป็นนักบริหาร เป็นเจ้าของกิจการ เจ้าของธุรกิจ และจิตตกง่ายเพราะข่าวร้ายๆที่ได้รับรู้ ทั้งข่าวร้ายที่อาจเกิดขึ้นจริงในบางเรื่อง (เช่นภัยภิบัติ หรืออุบัติเหตุใหญ่ที่ส่งผลกับธุรกิจของท่าน)
และข่าวร้ายของผู้ที่ทำมาหากินในการคาดเดาข่าวร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง ท่านคงจะทำธุรกิจบนโลกใบ
นี้ต่อไปด้วยความยากลำบาก เพราะจิตใจของท่านไม่แกร่งพอ ขาดสติในการคิดวิเคราะห์ อันนี้แนะนำให้ตั้งสติ แค่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่ต้องตกใจหรือจิตตก ถ้ามีสติ ปัญญาจึงจะเกิดขึ้น ท่านก็จะมองเห็นเองถึงสิ่งที่ท่านควรคิดควรทำอะไรในสถานการณ์นั้นๆ
ลองเลิกฟังพวกผู้รู้ (ไม่จริง) พวกนี้สักพัก แล้วท่านจะมองเห็นโอกาสอีกเยอะ อย่างน้อยๆ สุขภาพจิตของท่านจะดีอย่างที่ท่านไม่เคยเป็นมาก่อน ปล่อยให้พวกผู้เชี่ยวชาญในการคาดการณ์ข่าวร้ายทำมาหากินไปวันๆ เพราะพวกนี้ถนัดทำมาหากินแบบนี้เท่านั้น
แล้ววันหนึ่ง คนที่ฉลาดและมีสติ จะทยอยเลิกฟังเลิกดูเลิกอ่านพวกนี้ไปเองครับ.
ทำธุรกิจ “อย่าจิตตก” จนธุรกิจตกต่ำ เพราะติดตามแต่ “ข่าวร้าย เรื่องลบ”! - กรุงเทพธุรกิจ
Read More
No comments:
Post a Comment