Rechercher dans ce blog

Monday, October 31, 2022

เกาหลีใต้ส่งออกลดลง 5.7% ในเดือนต.ค. ทำสถิติลดลงครั้งแรกในรอบ 2 ปี : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีในเดือนต.ค. เนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกซบเซาลงจากภาวะเงินเฟ้อและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังประสบกับการขาดดุลการค้าเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน เนื่องจากราคาพลังงานทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งสร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ

ทั้งนี้ ยอดส่งออกเดือนต.ค.ของเกาหลีใต้ร่วงลง 5.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 5.248 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยยอดส่งออกทำสถิติลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2563

ส่วนยอดนำเข้าเดือนต.ค.ของเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 9.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 5.918 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคาพลังงานในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้เกาหลีใต้ขาดดุลการค้ามูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค.

ทั้งนี้ ยอดการนำเข้าของเกาหลีใต้แซงหน้าการส่งออกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2538 ที่เกาหลีใต้ประสบปัญหาขาดดุลการค้าเป็นเวลา 7 เดือนติดต่อกัน

ทางกระทรวงฯ ระบุว่า เกาหลีใต้พึ่งพาการนำเข้าพลังงานเป็นส่วนใหญ่เพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศ โดยการนำเข้าพลังงานของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 42.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 1.553 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 พ.ย. 65)

Tags: ,

Adblock test (Why?)


เกาหลีใต้ส่งออกลดลง 5.7% ในเดือนต.ค. ทำสถิติลดลงครั้งแรกในรอบ 2 ปี : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

Sunday, October 30, 2022

วิธีทำ CPR 4 นาทีแห่งการต่อชีวิตผู้ป่วยหยุดหายใจฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน - PPTVHD36

ดูแลกาย
เผยแพร่: 15

ทันทีที่ผู้บาดเจ็บหยุดหายใจ ต้องได้รับการช่วยเหลือให้คืนชีพภายใน 4 นาที ไม่เช่นนั้นสมองจะตายและเสียชีวิตได้ แนะวิธีการ CPR ที่ทุกคนต้องรู้ เพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ฝันร้ายและคราวที่เราต้องเป็นผู้ช่วยจะเกิดขึ้นกับเรา

จากโศกนาฏกรรมอิแทวอน เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีคนขาดอากาศหายใจหาย เสียชีวิตจำนวนมาก หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นคนไทย 1 คน ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า การทำ CPR (Cardiopulmonary resuscitation) ซึ่งเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ทุกคนควรรู้เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเพราะไม่รู้เมื่อไหร่ที่เราจะพบผู้ป่วยฉุกเฉินหรือคนใกล้ตัวที่ต้องการความช่วยเหลืออาทิ ผู้ป่วยหัวใจวาย,ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน,ภาวะหยุดหายใจหรือหัวใจกำลังจะหยุดเต้น คนจมน้ำ ถูกไฟดูดสำลักควันไฟหรือก๊าซพิษ รวมทั้งอุบัติเหตุอื่นๆด้วย

วิธีเอาตัวรอด หนีจากฝูงชนแสนแออัด

ถอดบทเรียนโศกนาฏกรรม 'อิแทวอน' กับอาจารย์ ไพบูลย์ ปีตะเสน

 

การทำ CPR ไม่ยาก หากรู้และเข้าใจทำได้ถูกวิธีจะสามารถช่วยต่อชีวิตผู้ที่ถูกช่วยเหลืออย่างแน่นอน ก่อนอื่นผู้ช่วยเหลือต้องมีสติ ที่สำคัญการทำ CPR ต้องทำอย่างถูกต้องภายใน 4 นาที เพราะหากสมองขาดออกซิเจนเกิดกว่านั้น สมองอาจเสียหายและเสียชีวิตในที่สุด

ดังนั้นจึงมีการบัญญัติ "ห่วงโซ่แห่งการรอดชีวิต" (Chain of Survival) เพื่อเป็นหลักการช่วยฟื้นคืนชีพแนวทางเดียวกันทั่วโลก

  • ประเมินผู้ป่วยว่ายังรู้สึกตัวอยู่หรือไม่ หากไม่มีสติ คลำหาชีพจรไม่พบ ควรเรียกขอความช่วยเหลือหรือเรียกบริการการแพทย์ฉุกเฉินจากหน่วยงานต่าง ๆ ทันที เช่น ศูนย์เอราวัณ เฉพาะในพื้นที่ กทม.โทร. 1646, สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โทร. 1669 ทั่วประเทศ
  •  ทำ CPR กดหน้าอกอย่างถูกต้องและทันท่วงที
  • การทำการช็อกไฟฟ้าหัวใจ (AED) ภายใน 3-5 นาที เมื่อมีข้อบ่งชี้
  • การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูงอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การดูแลภายหลังการช่วยฟื้นคืนชีพ
อาการของผู้บาดเจ็บที่ควร CPR อย่างเร่งด่วน
  • หมดสติ ไม่รู้สึกตัว
  • ไม่หายใจ หรือหายใจเฮือก
  • หัวใจหยุดเต้น 
การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (Basic Life Support: BLS) 

แนวทางการปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญ ดับขั้นตอน C-A-B (Chest compression-Airway-Breathing) เนื่องจากการกดหน้าอกก่อนจะทำให้มีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนสำคัญ เช่น หัวใจและสมอง ซึ่งการทำ CPR ต้องทำจนกว่ากู้ชีพจะมาถึง หรือจนกว่าผู้ป่วยจะรู้สึกตัว

  • กดหน้าอก (C) 30 ครั้ง เปิดทางเดินหายใจ (A) ช่วยหายใจ (B) 2 ครั้ง = 30 : 2
วิธีปฏิบัติในแต่ละขั้นตอน
  • C : Chest compression คือการกดหน้าอก ปั๊มหัวใจช่วยให้ผู้บาดเจ็บมีการไหลเวียนของเลือดในร่างกายอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้หลักในการปั๊มหัวใจ คือ ต้องกดให้กระดูกหน้าอก (Sternum) ลงไปชิดกับกระดูกสันหลัง ซึ่งจะทำให้หัวใจที่อยู่ระหว่างกระดูกทั้งสองอันถูกกดไปด้วย โดยเป็นการบีบเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงร่างกาย
    • ให้ผู้บาดเจ็บนอนราบกับพื้นแข็ง ๆ หรือใช้ไม้กระดานรองที่หลังของผู้บาดเจ็บ ผู้ปฐมพยาบาลคุกเข่าลงข้างขวาหรือข้างซ้ายบริเวณหน้าอกผู้บาดเจ็บ คลำหาส่วนล่างสุดของกระดูกอกที่ต่อกับกระดูกซี่โครง โดยใช้นิ้วสัมผัสชายโครงไล่ขึ้นมา (หากคุกเข่าข้างขวาใช้มือขวาคลำเพื่อหากระดูกอก แต่หากคุกเข่าข้างซ้ายให้ใช้มือซ้ายคลำ)
    • วางนิ้วชี้และนิ้วกลางตรงตำแหน่งที่กระดูกซี่โครงต่อกับกระดูกอกส่วนล่างสุด(ระหว่างหัวนมทั้งสองข้าง) วางสันมืออีกข้างบนตำแหน่งถัดจากนิ้วชี้และนิ้วกลางนั้น ซึ่งตำแหน่งของสันมือที่วางอยู่บนกระดูกหน้าอกนี้จะเป็นตำแหน่งที่ถูกต้องในการปั๊มหัวใจต่อไป 
    • วางมือข้างที่ถนัดทับลงบนหลังมือที่วางในตำแหน่งที่ถูกต้อง แล้วเหยียดนิ้วมือตรง จากนั้นเกี่ยวนิ้วมือทั้ง 2 ข้างเข้าด้วยกัน เหยียดแขนตรง โน้มตัวตั้งฉากกับหน้าอกผู้บาดเจ็บ ทิ้งน้ำหนักลงบนแขนขณะกดหน้าอกผู้บาดเจ็บ กดให้ลึกอย่างน้อย 2 นิ้ว (5 เซนติเมตร) สำหรับผู้ใหญ่ ใน เด็กให้กดลงอย่างน้อย 1/3 ของความลึกทรวงอก (ประมาณ 2 นิ้ว หรือ 5 เซนติเมตร) ส่วนในเด็กแรกเกิดหรือเด็กอ่อน การปั๊มหัวใจให้ใช้เพียงนิ้วหัวแม่มือกดกลางกระดูกหน้าอกให้ได้อัตราเร็ว 100–120 ครั้งต่อนาที โดยใช้นิ้วมือโอบรอบทรวงอกสองข้างแล้วใช้หัวแม่มือกดซึ่งต้องให้ ช่วงเวลาการกดแต่ละครั้งคงที่ และจังหวะการสูบฉีดเลือดออกจากหัวใจพอเหมาะกับที่ร่างกายต้องการ ให้ใช้วิธีนับจำนวนครั้งที่กด
      • กดทุกครั้งที่นับตัวเลข และปล่อยตอนคำว่า “และ” สลับกันไป ให้ได้อัตราการกดอย่างน้อย 100 ครั้งต่อนาที (ถ้าน้อยกว่านี้จะไม่ได้ผล) ตัวอย่าง 1 และ2 และ3 และ4 และ5... ทั้งนี้ขณะกดหน้าอกปั๊มหัวใจ ห้ามนำมือออกจากตำแหน่งเดิมและห้ามใช้นิ้วมือกดลงบนกระดูกซี่โครงผู้บาดเจ็บ
    • ควรกดหน้าอก 30 ครั้ง สลับกับการผายปอด 2 ครั้ง และควรมีผู้ช่วยเหลืออย่างน้อย 2 คน เพื่อสลับกันทำเพื่อความต่อเนื่องไปจนกระทั่งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจมาถึง และพร้อมใช้งาน หรือมีบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาดูแลผู้ป่วย
ข้อควรระวัง
  • ระวังกระดูกซี่โครงผู้ป่วยหัก ต้องวางมือให้อยู่ตรงกลางหน้าอก ไม่ต้องค่อนไปทางซ้าย หรือใกล้หัวใ
  • แม้ต้องกดหน้าอกให้เร็วและแรง ด้วยอัตราความเร็วอย่างน้อย 100 ครั้งต่อนาที  แต่อย่ากระแทก
  • หลังการกดแต่ละครั้งต้องปล่อยให้อกคืนตัวจนสุด เพื่อให้หัวใจรับเลือดสำหรับสูบฉีดครั้งต่อไป หากไม่ปล่อยให้หน้าอกคืนตัวจนสุด จะทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายลดลง
  • กดหน้าอกให้ต่อเนื่องให้ได้มากที่สุด โดยสามารถหยุดการกดหน้าอกได้ไม่เกิน 10 วินาที
  • ไม่ควรใช้วิธีช่วยหายใจมากเกินไป
  • บุคคลทั่วไปที่ไม่เคยเข้ารับการอบรมการฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานมาก่อน ควรทำการกดหน้าอกแต่เพียงอย่างเดียว ไม่ต้องช่วยหายใจ เนื่องจากในช่วงแรกที่ผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น ระดับออกซิเจนในกระแสเลือดยังเพียงพออยู่อีกระยะหนึ่ง และในขณะที่มีการกดหน้าอกนั้นการขยายของทรวงอกจะทำให้มีการแลกเปลี่ยนก๊าซได้ โดยเน้นให้กดหน้าอกที่แรงและเร็ว ผู้ปฏิบัติการช่วยเหลือชีวิตควรจะทำการกดหน้าอกแต่เพียงอย่างเดียวต่อไปจนกระทั่งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจมาถึงและพร้อมใช้งาน หรือมีบุคลากรทางการแพทย์มาดูแลผู้ป่วย
โศกนาฏกรรมอิแทวอน พบนักท่องเที่ยวไทย เสียชีวิต 1 คน A “Airway”: เปิดทางเดินหายใจของบุคคลนั้นโดยใช้ท่าเอียงศีรษะและยกคาง วางฝ่ามือบนหน้าผากของบุคคลนั้นแล้วค่อยๆเอียงศีรษะไปด้านหลัง จากนั้นใช้มืออีกข้างค่อยๆยกคางไปข้างหน้าเพื่อเปิดทางเดินหายใจ

B “Breathing”: หายใจเพื่อคน

การช่วยหายใจอาจเป็นการหายใจแบบปากต่อปากหรือการผายปอด หากปากได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออ้าปากไม่ได้ คำแนะนำในปัจจุบันแนะนำให้ทำการช่วยหายใจโดยใช้อุปกรณ์ปิดปากถุงที่มีตัวกรองฝุ่นละอองประสิทธิภาพสูง (HEPA)

  • หลังจากเปิดทางเดินหายใจแล้ว (โดยใช้ท่าเอียงศีรษะยกคาง) บีบรูจมูกที่ปิดไว้เพื่อหายใจแบบปากต่อปากและปิดปากของบุคคลนั้นด้วยการปิดผนึก
  • เตรียมช่วยหายใจสองครั้ง หายใจเข้าช่วยครั้งแรก – นานหนึ่งวินาที – และดูว่าหน้าอกเพิ่มขึ้นหรือไม่
  • หากหน้าอกสูงขึ้นให้หายใจครั้งที่สอง
  • ถ้าหน้าอกไม่สูงขึ้นให้ทำซ้ำท่าเอียงศีรษะยกคางแล้วหายใจครั้งที่สอง การกดหน้าอกสามสิบครั้งตามด้วยการช่วยหายใจสองครั้งถือเป็นหนึ่งรอบ ระวังอย่าให้หายใจเข้ามากเกินไปหรือหายใจแรงเกินไป
  • กดหน้าอกต่อเพื่อฟื้นฟูการไหลเวียนของเลือด
  • ทำ CPR ต่อไปจนกว่าจะมีสัญญาณการเคลื่อนไหวหรือบุคลากรทางการแพทย์ฉุกเฉินเข้ามา
ทั้งนี้การทำ CPR หากเป็นไปได้ควรมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ด้วยและเป็นไปด้วยความระมัดระวัง ซึ่งผู้ทำต้องมีสติครบถ้วนไม่ตื่นตกใจเพราะหากช่วยผิดวิธีอาจทำให้ หัวใจช้ำ กระดูกหัก รวมทั้งอวัยวะอื่น ๆ ตกเลือดได้ อย่างไรก็ตามแพทย์ได้เตือนไว้ว่าอย่าลองไปทำ CPR กับคนที่ไม่มีอาการบาดเจ็บหรือหมดสติเพราะอาจทำให้จังหวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้เช่นกัน

ข้อมูลสุขภาพ : กระทรวงสาธารณสุข,กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ,safesiri

แนะจุดสังเกตไฟฟ้ารั่วไหล-วิธีปฐมพยาบาลผู้ป่วยถูกไฟดูดหมดสติ-ไม่หายใจ

แนะวิธีป้องกันไฟดูดช่วงน้ำท่วมและการปฐมพยาบาลอย่างถูกต้อง

ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ

PPSHOP

Adblock test (Why?)


วิธีทำ CPR 4 นาทีแห่งการต่อชีวิตผู้ป่วยหยุดหายใจฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน - PPTVHD36
Read More

พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ เปิดตลาด Young ทำเกษตร พร้อมจัดอบรมวิชาของแผ่นดิน - ไทยรัฐ

พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ จัดงานตลาดเศรษฐกิจพอเพียง "Young ทำเกษตร" ระหว่าง 5-6 พ.ย.นี้ พบกับสุดยอดไอเดีย และนวัตกรรมเกษตรแบบครบวงจร เพื่อเอาใจเกษตรกรรุ่นใหม่ในยุคออนไลน์ กับ IOT เกษตรอัจฉริยะ พร้อมจัดเต็มกับการอบรมวิชาของแผ่นดิน และการอบรมเชิงปฏิบัติการ

เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 65 พล.อ.อ.เสนาะ พรรณพิกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้เป็นการรวบรวมแนวคิดการทำเกษตรในยุคปัจจุบันที่ผนวกกับระบบออนไลน์เข้ามาช่วยในการจัดการแปลงให้ง่าย สะดวก รวดเร็ว พบกับ 3 เกษตรกรรุ่นใหม่ ผู้สืบทอดเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ ที่ตั้งใจสานต่อการเกษตรจากครอบครัว สู่การทำเกษตรที่ไม่ใช่แค่การพึ่งพาตนเองเท่านั้น แต่เป็นการพัฒนาต่อยอด เพื่อเป็นที่พึ่งพิงให้แก่คนในชุมชน

พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ เปิดตลาด Young ทำเกษตร พร้อมจัดอบรมวิชาของแผ่นดิน

ภายในงานมีการจัดนิทรรศการองค์ความรู้ภาคการเกษตร อาทิ การเลี้ยงไส้เดือนในแปลงผักบุฟเฟต์ปุ๋ยสด ลดการจัดการแปลง เรียนรู้ระบบ IOT ตัวช่วยดูแลแปลงผัก และควบคุมอุณหภูมิในโรงเพาะเห็ดและแปลงนิทรรศการโคก หนอง นา โมเดล รูปแบบการทำเกษตรประยุกต์ เพื่อบริหารจัดการพื้นที่ให้เหมาะสมกับภูมิสังคม ด้านกิจกรรมมีส่วนร่วมในเดือนนี้เปิดบูธให้ลงมือปฏิบัติกับหลักสูตรกลิ่นไม่ซ้ำ จำสูตรไม่ได้ ชวนทำยาดมสมุนไพร ตามสไตล์ของตนเอง และหลักสูตรการทำเทียนหอม ส่วนกิจกรรมเพาะ แจก แลก เปลี่ยน ยังสามารถนำวัสดุเหลือใช้ อาทิ แก้วน้ำ ถุงพลาสติก มารับกล้าไม้นานาชนิดกลับไปดูแลต่อที่บ้านได้เช่นเคย

พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ เปิดตลาด Young ทำเกษตร พร้อมจัดอบรมวิชาของแผ่นดิน

เก็บเกี่ยวองค์ความรู้ด้านการเกษตรเศรษฐกิจพอเพียงในรูปแบบของการอบรมวิชาของแผ่นดิน และการอบรมเชิงปฏิบัติการ จัดหนักจัดเต็มตลอด 2 วัน และสามารถรับชมผ่านรูปแบบ Online ได้ทาง YouTube พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ชม ช็อป จุใจ เลือกซื้อสินค้าเกษตรปลอดภัย ผลิตผลเกษตรอินทรีย์มีคุณภาพ ทั้งของกิน ของใช้ ผลิตภัณฑ์ แปรรูป ต้นไม้ โดยเกษตรกรผู้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต นำมาจัดจำหน่ายในราคามิตรภาพ

พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ เปิดตลาด Young ทำเกษตร พร้อมจัดอบรมวิชาของแผ่นดิน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-529-2212-13, 087-359-7171 คลิกดูรายละเอียดได้ที่ www.wisdomking.or.th หรือ Facebook / Instagram / Line ID : @wisdomkingmuseum และ YouTube พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ

Adblock test (Why?)


พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ เปิดตลาด Young ทำเกษตร พร้อมจัดอบรมวิชาของแผ่นดิน - ไทยรัฐ
Read More

Saturday, October 29, 2022

พีที ประจวบ ทำเรื่องอุทธรณ์โทษใบแดงโรซ่า ชี้ไม่มีเจตนาทำร้ายคู่แข่ง - สยามกีฬา

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อพัฒนาประสบการณ์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้กับผู้ใช้ ท่านตกลงใช้คุกกี้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ต่อไป
อ่านนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)

Adblock test (Why?)


พีที ประจวบ ทำเรื่องอุทธรณ์โทษใบแดงโรซ่า ชี้ไม่มีเจตนาทำร้ายคู่แข่ง - สยามกีฬา
Read More

อัสสัมชัญ ศรีราชารับนักเตะสมาธิหลุดทำร่วงรอบตัดเชือก - สยามกีฬา

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อพัฒนาประสบการณ์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้กับผู้ใช้ ท่านตกลงใช้คุกกี้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ต่อไป
อ่านนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)

Adblock test (Why?)


อัสสัมชัญ ศรีราชารับนักเตะสมาธิหลุดทำร่วงรอบตัดเชือก - สยามกีฬา
Read More

ทำอย่างไร?....เมื่อ"เด็กติดหวาน" ส่งผลเสียต่อสุขภาพ - กรุงเทพธุรกิจ

ผลการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชาชนอายุ 6 ปี ขึ้นไป ปี 2564 เกี่ยวกับการดื่มเครื่องดื่มชง   เช่น ชา กาแฟ น้ำหวาน ชานม เป็นต้น ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข  พบแนวโน้มเด็กไทยติดหวาน โดยในเด็กอายุ 6 - 14 ปี ร้อยละ 25   และวัยรุ่นถึงวัยอุดมศึกษา อายุ 15 - 24 ปี ร้อยละ 24.9 ดื่มเครื่องดื่มชง จำนวน 1- 2 วัน ต่อสัปดาห์ ในขณะที่ผู้ใหญ่อายุ 45 - 59 ปี ร้อยละ 30.9 และอายุ 25 - 44 ปี ร้อยละ 27.4 ดื่มเครื่องดื่มชงทุกวัน  

เด็กไทยติดหวาน ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัยและโฆษกกรมอนามัย เปิดเผยว่า การดื่มเครื่องดื่มชงมักจะเติมน้ำตาลปริมาณมากเพื่อชูรสชาติ หากดื่มเป็นประจำจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ และมีพฤติกรรมติดหวาน

ส่วนน้ำตาลเมื่อกินเข้าไปจะเปลี่ยนเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย แต่หากได้รับมากเกินไป จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะไขมันในช่องท้อง ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และเกิดภาวะอ้วนหรือโรคอ้วน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

"ติดหวาน-น้ำหนักเกิน" จุดเสี่ยงภาวะ "PCOS" - "ตั้งครรภ์" ยาก

คนไทย 'ติดหวาน' กินน้ำตาลเฉลี่ยวันละ 25 ช้อนชา

แนะช่วงปิดเทอมพ่อแม่คุมเข้มน้ำตาล ลดพฤติกรรมเด็กติดหวาน

สรุป 4 วิธีลดหวานง่ายๆ ... ไกลโรค ดีสำหรับผู้สูงวัย

อันตรายเด็กไทยติดหวาน

อาการติดหวานของเด็ก ส่วนใหญ่เกิดจากการที่พ่อแม่หรือผู้ใหญ่หยิบยื่นให้ ยิ่งให้ลูกทานของหวานๆ เร็วเท่าใด โอกาสของการติดหวานจะตามมาเร็วเท่านั้น 

ว่ากันว่า น้ำตาลจากความหวานให้พลังงานเพียงอย่างเดียว และหากมีมากเกินไปร่างกายจะทำการขับออกอาจทำให้เป็นเบาหวานได้ ยิ่งปัจจุบัน พบผู้ป่วยเป็นเบาหวานตั้งแต่ยังเด็กมีมากขึ้นเรื่อยๆ และเด็กที่ติดหวานเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่มีแนวโน้มจะชอบอาหารที่มีไขมันด้วย

นอกจากความหวานจะทำให้ฟันน้ำนมผุก่อนวัยอันควรและจะผุเร็วมากขึ้น และเชื้อฟันผุที่เกิดจากอาหารหวานจะลามไปเรื่อยๆ จนถึงฟันแท้เนื่องจากเชื้อเหล่านี้สามารถติดต่อกันได้

เมื่อกินหวานมากฟันผุ เด็กก็จะปวดฟัน เหงือกอักเสบ ไม่อยากเคี้ยวของแข็ง อยากกินแต่อาหารนิ่มๆ เช่น แป้ง ไขมัน หรืออาหารเหลว ไม่ยอมกินผักผลไม้ ทำให้ฟันยิ่งผุเข้าไปใหญ่แถมได้อาหารไม่ครบหมู่และส่งผลต่อร่างกายต่างๆ ตามมาได้

โรงเรียนต้องลดพฤติกรรมเด็กไทยติดหวาน

นพ.เอกชัย กล่าวต่อไปว่า เพื่อลดพฤติกรรมการบริโภคน้ำตาลในเด็กไทย จำเป็นต้องอาศัย    ความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งที่บ้านและโรงเรียน  ครูและผู้ปกครองด้วยการจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการลดการบริโภคน้ำตาล

โดยเฉพาะช่วงเปิดเทอมนักเรียนส่วนใหญ่ต้องกินอาหารและเครื่องดื่มจากโรงอาหาร และร้านค้าภายในโรงเรียน ดังนี้

โรงเรียนควรใส่ใจเลือกอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพสำหรับเด็ก

เลือกปรุงเมนูอาหาร ลดหวาน มัน เค็ม มีร้านจำหน่ายผลไม้สดพร้อมกิน

เลือกจำหน่ายเครื่องดื่มแบบที่ไม่เติมน้ำตาลหรือเครื่องดื่มหวานน้อยที่เติมน้ำตาลไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ หากน้ำตาลเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าหวานจัด 

ควรต้องหลีกเลี่ยง โดยอ่านที่ฉลากผลิตภัณฑ์ก่อนนำมาจำหน่าย

​ผู้ปกครอง ร่วมป้องกันพฤติกรรมติดหวาน

ทั้งนี้ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง รวมถึงคุณครู ควรปลูกฝังให้เด็กลดพฤติกรรมติดหวาน กินหวาน โดยให้ความรู้เรื่องการบริโภค และเป็นตัวอย่างพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เพื่อป้องกันการป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ดังนี้ 

ควรส่งเสริมให้เด็ก  กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นกินผักและผลไม้

เลือกเครื่องดื่มชงรสหวานน้อย หรือชนิดน้ำตาลศูนย์เปอร์เซ็นต์ 

เลี่ยงขนมหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม พยายามควบคุมให้เด็กกินน้ำตาลไม่เกิน 4 ช้อนชาต่อวัน

หากเด็กอยากดื่มน้ำหวาน ช่วงเริ่มต้นควรลดขนาดหรือความถี่การดื่มเครื่องชงรสหวานลง หรือเลือกดื่มน้ำผลไม้สดไม่เติมน้ำตาลแทน

น้ำเปล่ายังคงเป็นเครื่องดื่มที่ดีที่สุด โดยควรดื่มน้ำอย่างน้อย 6 - 8 แก้วต่อวัน 

หลีกเลี่ยงนมผงดัดแปลงที่ผสมน้ำตาล ควรให้ดื่มนมรสจืดที่เป็นนมโคแท้ 100 %

ให้เด็กรับประทานอาหารที่รสชาติหลากหลาย ควรให้ลูกทานผลไม้ที่มีรสหวานตามธรรมชาติ

ไม่ควรยัดเยียดอาหารให้ลูก เช่น เห็นลูกกินนมหวานได้ดีก็ให้ลูกกินแต่นมหวานหรือบังคับให้ลูกกินบ่อยๆ

การปรุงรสอาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยว หากไม่จำเป็นไม่ควรใส่น้ำตาลเพราะตามปกติแล้วคนขายอาหารมักจะเติมน้ำตาลลงในน้ำซุปแล้ว นอกจากนี้ควรเน้นให้ลูกดื่มน้ำเปล่า และหลีกเลี่ยงน้ำอัดลม

ควรรักษาความสะอาดฟันให้ดี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างผักผลไม้ เพื่อรักษาฟันน้ำนมไม่ให้หลุดก่อนกำหนด ฟันแท้ที่ตามมาจะขึ้นได้รูปสวยงาม

Adblock test (Why?)


ทำอย่างไร?....เมื่อ"เด็กติดหวาน" ส่งผลเสียต่อสุขภาพ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Thursday, October 27, 2022

JKN ร่วง 4% นักลงทุนขายทำกำไร หลัง 3 วันขึ้นแรง 50% - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ต.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ณ เวลา 10:20 น. อยู่ที่ระดับ 5.40 บาท ลบ 0.20 บาท หรือ 3.57% สูงสุดที่ระดับ 5.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 280.19 ล้านบาท

ทั้งนี้ราคาหุ้น JKN ปรับตัวลดลงในวันนี้ หลังปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วกว่า 50% ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เนื่องจากได้บรรลุข้อตกลงการเข้าถือครองธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาล หรือ Miss Universe Organization (MUO) จาก Endeavor Group Holdings, Inc. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น 100% ของบริษัท IMG Worldwide, LLC ที่เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ Miss Universe

โดยการทำธุรกรรมดังกล่าวจะใช้เงินประมาณไม่เกิน 14 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 550 ล้านบาท และสัญญาซื้อขายลิขสิทธิ์อีก 6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 250 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นจะใช้เงินลงทุนครั้งนี้ไม่เกิน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือไม่เกิน 800 ล้านบาท ซึ่งมาจากการใช้เงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ทั้งนี้ได้มีการชำระเงินตามที่กำหนดไว้ในสัญญาเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 65

Adblock test (Why?)


JKN ร่วง 4% นักลงทุนขายทำกำไร หลัง 3 วันขึ้นแรง 50% - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์
Read More

อุทาหรณ์! หนูน้อยกินขนมไนโตรเจนเหลว ไม่รอระเหย ทำปากพอง - ช่อง 7HD

เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์รูปภาพหนูน้อยกินขนมไนโตรเจนเหลว ทำปากพองเป็นแผล และมีเลือดไหล โดยเจ้าของโพสต์ระบุว่า พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรซื้อให้ลูกกินนะคะ ด้วยความที่เราไม่รู้ว่ามันอันตราย แล้วก่อนหน้านี้ก็เคยซื้อกินแล้วไม่เป็นอะไร

แต่ครั้งนี้ไนโตรเจนเหลวมันเยอะเกิน ตอนกินบอกแม่ว่าเจ็บปาก แล้วปากเริ่มพองเป็นสีขาว วันต่อมาเป็นสีแดงมีเลือดออกเจ็บแผล บอกว่า แม่หนูจะไม่กินอีกแล้วกินอะไรก็เจ็บ ผู้ใหญ่กินยังเจ็บเพดานเลย

ทั้งนี้ทางด้านเพจ Drama-addict ได้แชร์โพสต์เตือนภัยดังกล่าว พร้อมให้ข้อมูลว่า "คุณแม่ของน้องฝากมาเป็นอุทาหรณ์ เป็นขนมที่ทำด้วยไนโตรเจนเหลว การใช้ไนโตรเจนเหลวมาทำขนม ตามหลักถือว่าปลอดภัย คือเอามาเป็นสารสร้างความเย็น ทำให้ขนมมันแข็งตัวเย็นจัดในเวลาอันสั้น แล้วเวลาจะกินเนี่ย เราจะรอให้ไนโตรเจนเหลวมันระเหยไปให้หมดก่อน ถึงค่อยกิน แบบนั้นโอเค ปลอดภัย

แต่ถ้ารอไม่นานพอ แล้วซัดขนมหรืออาหารที่ใช้ไนโตรเจนเหลวลงไป โดยไนโตรเจนเหลวยังระเหยไม่หมด มันจะไปทำให้เกิดความเสียหายกับเนื้อเยื่อ แบบน้ำแข็งกัดอ่ะครับ

ที่ ตปท มีเคสซดขนมที่ทำด้วยไนโตรเจนเหลวลงไปทั้งถ้วย โดยไนโตรเจนเหลวยังระเหยไม่หมด ผลคือกระเพาะทะลุเลย น่ากลัวมาก ของน้องในเคสนี้ก็ประมาณนั้น ดีที่มีแผลแค่ในปากครับ สรุป ขนมที่ทำด้วยไนโตรเจนเหลว สามารถกินได้โดยปลอดภัย แต่รอนิดนึง รอให้ไอขาวๆมันหายไปให้หมดก่อนค่อยกินครับ"

Adblock test (Why?)


อุทาหรณ์! หนูน้อยกินขนมไนโตรเจนเหลว ไม่รอระเหย ทำปากพอง - ช่อง 7HD
Read More

รัสเซียขู่ทำลายดาวเทียมพาณิชย์ชาติตะวันตก ฐานช่วยยูเครนทำสงคราม - ไทยรัฐ

โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียออกโรงขู่จะทำลายดาวเทียมพาณิชย์ของชาติตะวันตก ที่ใช้ช่วยเหลือยูเครนในการทำสงครามกับพวกเขา

สำนักข่าว ฟ็อกซ์นิวส์ รายงานเมื่อ 27 ต.ค. 2565 ว่า นาย คอนสแตนติน โวรอนต์ซอฟ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย ขู่ระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า พวกเขาจะยิงดาวเทียมพาณิชย์ของชาตะวันตก เช่น สตาร์ลิงก์ ของอีลอน มัสก์ หากไม่หยุดช่วยยูเครนในการทำสงคราม

ทั้งนี้ บริษัท สเปซเอ็กซ์ ของนายมัสก์ บริจาคดาวเทียมในโครงการ สตาร์ลิงก์ กว่า 20,000 ดวงให้ยูเครนใช้ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มการรุกรานเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และกลายเป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารของกองทัพยูเครนบนภาคพื้นรวมถึงในพื้นที่แนวหน้า ขณะที่กลายเป็นหนามยอกอกของรัสเซียที่กำลังเพลี่ยงพล้ำ

นายโวรอนต์วอฟไม่ได้ระบุถึงดาวเทียมสตาร์ลิงก์โดยตรง แต่แถลงการณ์เมื่อวันพุธ (26 ต.ค.) ของเขาระบุว่า พวกเขาอยากเน้นย้ำแบบเจาะจงถึงเทรนด์อันตรายอย่างยิ่งของการใช้เทคโนโลยีอวกาศไปไกลเกินกว่าคำว่า ไม่มีพิษภัย ซึ่งส่งผลอย่างชัดเจนในสถานการณ์ล่าสุดในยูเครน

“เรากำลังพูดถึงการเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ขัดแย้ง ของส่วนประกอบของโครงสร้างพื้นฐานเชิงพลเรือนในอวกาศ และพาณิชย์ โดยสหรัฐฯ และพันธมิตร” นายโวรอนต์ซอฟกล่าว “สิ่งที่ดูเหมือนเป็นโครงสร้างพื้นฐานเชิงพลเรือนนี้ อาจตกเป็นเป้าหมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายสำหรับการโจมตีตอบโต้”

นายโวรอนต์ซอฟกล่าวอีกว่า การใช้ดาวเทียมพาณิชย์เอื้อประโยชน์แก่ยูเครนในสงครามนั้น ละเมิดสนธิสัญญาการใช้อวกาศภายนอก (Outer Space Treaty) และเตือนว่าเรื่องนี้อาจทำให้เกิดการแข่งขันสะสมอาวุธนอกอวกาศอย่างเต็มรูปแบบ

อนึ่ง คำพูดของนายโวรอนต์ซอฟเกิดขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อน มีผู้ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า บริษัท สเปซเอ็กซ์ อาจลดงบประมาณสนับสนุนดาวเทียมที่บริจาคให้ยูเครน ซึ่งค่าดำเนินการจะทะลุ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปีนี้ หากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ไม่ยอมตกลงเข้ามาช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย

อย่างไรก็ตาม นายอีลอน มัสก์ ออกมายืนยันในวันจันทร์ว่า เขายืนยันต่อรองนายกรัฐมนตรี มิคไฮโล เฟโดรอฟ แห่งยูเครนไปแล้วว่า สเปซเอ็กซ์ จะไม่ปิดดาวเทียมสตาร์ลิงก์ แม้กระทรวงกลาโหมจะตัดสินใจไม่ช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย

Adblock test (Why?)


รัสเซียขู่ทำลายดาวเทียมพาณิชย์ชาติตะวันตก ฐานช่วยยูเครนทำสงคราม - ไทยรัฐ
Read More

Wednesday, October 26, 2022

รัสเซีย-ยูเครน : รู้จัก Dirty Bomb ทำไม่จึงถูกเรียกว่า "ระเบิดสกปรก" - บีบีซีไทย

ชายสามคนในชุดป้องกันพิษสีขาว

ที่มาของภาพ, Getty Images

กระทรวงกลาโหมรัสเซียออกมากล่าวหาว่ายูเครนอาจใช้ "dirty bomb" หรือระเบิดกัมมันตรังสี ในการทำสงครามกับรัสเซีย แต่รัสเซียไม่ได้นำเสนอหลักฐานใด ๆ มายืนยันตามที่กล่าวอ้าง ขณะที่ยูเครน ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร ต่างปฏิเสธว่าไม่จริง และประธานาธิบดีวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ยังกล่าวหารัสเซียกลับว่าเป็นต้นตอของความสกปรกทั้งหลายทั้งปวงที่จะจินตนาการได้ในสงครามครั้งนี้

ว่าแต่ว่า dirty bomb คืออะไร จะใช่ระเบิดสกปรกรึเปล่า เรามาทำความเข้าใจกัน

เราคงไม่อาจแปลความหมายของคำว่า dirty bomb ตามตัวอักษรภาษาอังกฤษว่าเป็นระเบิดสกปรก และถ้าดูคำแปลตามที่สมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทยใช้เรียก dirty bomb ก็คือคำว่าระเบิดกัมมันตรังสี โดยสมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทยบอกว่าระเบิดกัมมันตรังสีนี้ ในทางเทคนิคไม่ใช่อาวุธที่มีอานุภาพในการทำลายล้าง แต่ความเสี่ยงของผู้ที่อยู่ในระยะใกล้จะมาจากวัตถุระเบิดอื่นที่ใช้มากกว่าจะเป็นการแพร่กระจายของวัสดุกัมมันตรังสี

ยังไงก็ตาม dirty bomb นั้นมีวัสดุกัมมันตรังสี เช่น ยูเรเนียม รวมอยู่ด้วย ซึ่งเมื่อเกิดระเบิดวัสดุกัมมันตรังสีเหล่านั้นก็จะถูกปลดปล่อยออกมาในอากาศ และจริง ๆ แล้ววัสดุกัมมันตรังสีที่อยู่ใน dirty bomb ก็ไม่ใช่วัสดุอย่างที่ใช้ในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แต่แค่วัสดุกัมมันตรังสีที่เป็นส่วนประกอบอยู่ในอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างที่ใช้ในโรงพยาบาล โรงไฟฟ้า หรือห้องแล็บ ก็สามารถนำมาทำ dirty bomb ได้ เพราะฉะนั้น dirty bomb จึงมีราคาถูกและทำขึ้นได้ง่ายกว่าอาวุธนิวเคลียร์แถมยังสามารถขนส่งได้ง่ายกว่า เช่น ใส่ไว้ในรถตู้ก็ได้

แต่แม้จะเป็นอาวุธที่ทำขึ้นได้ไม่ยาก ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่อันตราย ฝุ่นกัมมันตรังสีที่ถูกปลดปล่อยออกมาสามารถทำให้เป็นมะเร็งได้ ดังนั้นผู้คนจึงตื่นตระหนกหากตกเป็นเป้าโจมตีโดย dirty bomb

Russian defence minister Sergei Shoigu has raised fears, without evidence, that Ukraine plans to use a dirty bomb

ที่มาของภาพ, Getty Images

ระเบิดกัมมันตรังสีนั้น เมื่อเกิดระเบิดขึ้นแล้วจะต้องมีการอพยพผู้คนออกจากจุดเกิดหตุ เพื่อไม่ให้ได้รับสารสัมมันตรังสีเหล่านั้น ในบางกรณีผู้คนก็อาจไม่สามารถกลับไปใช้พื้นที่เกิดเหตุได้อีก

สมาคมนักวิทยาศาสตร์อเมริกันเคยคำนวณว่า หากมีการนำระเบิดหนึ่งลูกที่มีส่วนผสมของโคบอลท์-60 อยู่ 9 กรัม และระเบิดทีเอ็นที 5 กก. ไปก่อเหตุที่ปลายด้านหนึ่งของเกาะแมนฮัตตัน ในนครนิวยอร์ก ผลที่เกิดขึ้นก็คือนครนิวยอร์กจะเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้เป็นเวลาหลายสิบปี

อย่างไรก็ดี ประสิทธิภาพในการทำลายของ dirty bomb นั้นอาจเอาแน่เอานอนไม่ได้ ยกตัวอย่างว่าหากต้องการให้กัมมันตรังสีแพร่กระจายทั่วจุดเกิดเหตุ นั่นก็หมายความว่าจะต้องทำให้กัมมันตรังสีอยู่ในสภาพที่เป็นฝุ่นผง แต่ถ้าฝุ่นผงเหล่านี้ละเอียดเกินไป และถ้ามีกระแสลมแรงพัดผ่านเข้ามาในเวลาเดียวกันด้วย ฝุ่นกัมมันตรังสีก็จะแพร่กระจายเป็นวงกว้างมากเกินไป จนไม่ก่อให้เกิดอันตรายได้มากมายนัก

หลายคนอาจสงสัยว่าเคยมีการใช้ระเบิดกัมมันตรังสีหรือ dirty bomb มาก่อนหรือเปล่า ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการโจมตีด้วยด้วยระเบิดประเภทนี้แล้วประสบความสำเร็จที่ไหนในโลก อย่างไรก็ดี เคยมีความพยายามใช้ระเบิดกัมมันตรังสีก่อเหตุ โดยกลุ่มกบฏเชชเนียเคยนำระเบิดที่มีส่วนผสมของไดนาไมท์ และซีเซียม-137 (ไอโซโทปกัมมันตรังสีของธาตุซีเซียม) ไปก่อเหตุที่สวนสาธารณะอิซมัยลอฟ (Izmailovo Park) ในกรุงมอสโก เมื่อปี 1996 โดยซีเซียมที่ใช้ก่อเหตุนั้นถูกนำออกมาจากเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง แต่ว่ามีการตรวจพบระเบิดดังกล่าวและปลดชนวนได้ทันก่อนที่มันจะระเบิด

นอกจากนี้สองปีถัดมา หน่วยข่าวกรองของเชชเนียยังพบระเบิดกัมมันตรังสีอีกลูกหนึ่งที่ถูกนำไปวางไว้บนรางรถไฟสายหนึ่งในเชชเนีย แต่ปลดชนวนได้ทันเช่นกัน

กราฟิก

ถัดจากนั้นก็เป็นกรณีที่พบเมื่อปี 2002 ในสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่จับกุมตัวชาวอเมริกันที่ติดต่อกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลไคดาได้ในชิคาโก ฐานต้องสงสัยว่าจะก่อเหตุโจมตีด้วยระเบิดกัมมันตรังสี ชายคนดังกล่าวซึ่งชื่อว่าโฮเซ่ พาดิลยา ถูกจำคุก 21 ปี

ส่วนในสหราชอาณาจักรเอง ในปี 2004 ตำรวจกุมนายดิเรน บารอต ชาวอังกฤษซึ่งเป็นสมาชิกเครือข่ายก่อการร้ายอัลไคดาได้ในกรุงลอนดอน และจำคุกเขา 30 ปี ฐานวางแผนก่อการร้ายในสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรซึ่งจะใช้ระเบิดกัมมันตรังสีด้วย อย่างไรก็ดี ตอนที่ถูกจับกุม ทั้งนายพาดิลยาและนายบารอต ยังไม่ได้ลงมือประกอบระเบิดกัมมันตรังสี

ถ้าถามว่าทำไมรัสเซียถึงกล่าวหายูเครนว่าจะใช้ dirty bomb เรื่องนี้สถาบันศึกษาเพื่อการสงคราม ระบุว่ารัสเซียต้องการให้ชาติตะวันตกระงับหรือส่งอาวุธให้ยูเครนช้าลง และทำให้พันธมิตรนาโต ขาดความน่าเชื่อถือด้วยการปล่อยข่าวลือที่น่าหวาดกลัวนี้

ในเวลาเดียวกันก็ยังมีการคาดเดากันไปว่ารัสเซียเองก็มีแผนจะใช้ dirty bomb ในยูเครนและจะป้ายสีว่าเป็นฝีมือของทหารยูเครน อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ด้านการทหารหลายคนบอกว่ารัสเซียคงไม่บ้าระห่ำขนาดนั้นเพราะผลเสียของ dirty bomb จะตกอยู่กับทหารของตัวเองและในดินแดนที่รัสเซียยึดครองด้วย ซึ่งสถาบันศึกษาเพื่อการสงครามก็เห็นด้วยว่ารัสเซียคงไม่ทำเช่นนั้นในเร็ว ๆ นี้แน่

Adblock test (Why?)


รัสเซีย-ยูเครน : รู้จัก Dirty Bomb ทำไม่จึงถูกเรียกว่า "ระเบิดสกปรก" - บีบีซีไทย
Read More

ชมโฆษณาญี่ปุ่น Google Pixel 7 ถ่ายทำในไทย ประธานฟิล์มบอร์ดคุมเอง - ผู้จัดการออนไลน์



ประธานฟิล์มบอร์ดเชิญชมภาพยนตร์โฆษณาญี่ปุ่น Google Pixel ถ่ายทำในประเทศไทย เผยแพร่สถานที่ท่องเที่ยวจำนวนมาก เจ้าตัวระบุเป็นคนอนุมัติเอง และลงไปควบคุมดูแลการถ่ายทำด้วยตัวเอง

วันนี้ (27 ต.ค.) เฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ของนายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาคำขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์และวิดีทัศน์จากต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในไทย หรือฟิล์มบอร์ด โพสต์ลิงก์วิดีโอคลิปโฆษณาสมาร์ทโฟนจากกูเกิลที่ชื่อว่า พิกเซล 7 และพิกเซล 7 โปร ซึ่งถ่ายทำในประเทศไทย พร้อมข้อความระบุว่า "ขอคุยอีกที ผมในฐานะประธาน Film Board ได้อนุมัติการถ่ายทำโฆษณา Google Pixel ชุดนี้ และได้ลงไปควบคุมดูแลการถ่ายทำด้วยตัวเองครับ"

สำหรับโฆษณา Google Pixel 7 & 7 Pro เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นเรื่องราวของสองสาวชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เช่น หน้าวัดสุทัศน์เทพวราราม, ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี, วัดสมานรัตนาราม จ.ฉะเชิงเทรา, ตลาดดอกไม้ปากคลองตลาด, ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา, ชายหาด และค่ายมวยแห่งหนึ่ง พร้อมแนะนำฟังก์ชัน เช่น แปลภาษาด้วยเสียงและกล้อง เชื่อมต่อแผนที่กับนาฬิกาสมาร์ทวอตช์ กล้องถ่ายรูปที่ซูมระยะไกลและระยะใกล้ ลบบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากภาพ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 72 ชั่วโมง เป็นต้น

ชมคลิป คลิกที่นี่

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติหลักการมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อดึงดูดการลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยได้ไม่น้อยกว่า 3,500 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ และนักแสดงที่มีชื่อเสียงไปยังต่างประเทศทั่วโลก โดยยกเว้นให้เงินได้ของนักแสดงภาพยนตร์ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตการสร้าง ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ซึ่งจะบังคับใช้เป็นเวลา 5 ปี


Adblock test (Why?)


ชมโฆษณาญี่ปุ่น Google Pixel 7 ถ่ายทำในไทย ประธานฟิล์มบอร์ดคุมเอง - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

ฝึกภาษาพร้อมหางาน 'ไทยมีงานทำ' อัปเดตฟีเจอร์ใหม่ ทดสอบภาษาอังกฤษ-ออกใบรับรอง - The Bangkok Insight

กระทรวงแรงงาน ร่วมมือ ศธ. เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เว็บไซต์ “ไทยมีงานทำ” ทดสอบระดับภาษาอังกฤษ พร้อมออกใบรับรองได้แล้ว 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้มีการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการส่งเสริมการศึกษา และการมีงานทำให้แก่นักเรียนนักศึกษา และแรงงานทุกระดับ ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับกระทรวงแรงงาน

ไทยมีงานทำ

ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ในการบูรณาการเพื่อส่งเสริมการมีงานทำลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีความรู้ความสามารถ และทักษะฝีมือที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ

ล่าสุด ได้ร่วมกันพัฒนา เว็บไซต์ ไทยมีงานทำ โดยเปิดให้บริการวัดระดับความรู้ความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ ผู้ที่สอบผ่านจะได้รับใบรับรองเพื่อนำไปประกอบการสมัครงานหรือศึกษาต่อได้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีงานทำ

สุชาติ 1

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดี กรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางาน มีการดูแลและพัฒนาเว็บไซต์ ไทยมีงานทำ อย่างต่อเนื่องเพื่อบริการ อำนวยความสะดวกแก่แรงงานทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

สำหรับระบบทดสอบภาษาอังกฤษ ในเว็บไซต์ ไทยมีงานทำ จัดทำโดย ศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ (HCEC) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเปิดให้บริการทดสอบวัดระดับความรู้ ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ และมีใบรับรองให้กับผู้ที่สอบผ่าน เพื่อใช้ประกอบการศึกษาต่อหรือการสมัครงาน

22 3

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ศึกษาคู่มือเตรียมตัวสอบ สาธิตการเตรียมทำข้อสอบ เป็นต้น โดยสามารถจองสนามสอบ เลือกวันสอบเลือกชุดข้อสอบ และจ่ายเงินค่าดำเนินการผ่าน e-payment ด้วยตนเอง ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไปผ่านเว็บไซต์ ไทยมีงานทำ.doe.go.th

ทั้งนี้ คนหางานและประชาชนที่ประสงค์มีงานทำทั่วประเทศ สามารถใช้บริการผ่านระบบออนไลน์ บนแพลตฟอร์ม ไทยมีงานทำ ซึ่งให้บริการทั้ง Web Application และ Mobile Application โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Adblock test (Why?)


ฝึกภาษาพร้อมหางาน 'ไทยมีงานทำ' อัปเดตฟีเจอร์ใหม่ ทดสอบภาษาอังกฤษ-ออกใบรับรอง - The Bangkok Insight
Read More

Tuesday, October 25, 2022

ปิดตำนาน Yeezy! Adidas เตรียมใช้แบรนด์ตัวเองทำตลาดแทนหลังยุติความสัมพันธ์ Kanye West - Brand Inside

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Adidas เตรียมทำตลาดแบรนด์ Yeezy ใหม่โดยติดแบรนด์ Adidas แทน เริ่มอย่างเร็วที่สุดช่วงต้นปี 2023 หลังแบรนด์ยุติความสัมพันธ์กับ Kanye West อย่างเป็นทางการ

Yeezy

Adidas ของกินเต็มไม่แบ่ง Kanye West

Adidas ออกแถลงการณ์ว่า บริษัทได้ยุติความสัมพันธ์กับ Kanye West พร้อมหยุดดำเนินธุรกิจ Adidas Yeezy ทันที ทำให้การผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ Yeezy และการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับ Kanye West จะยุติเช่นกัน พร้อมยืนยันถึงการตัดสินใจครั้งนี้จะสร้างผลกระทบระยะสั้นในมุมรายได้รวมของปี 2022

“Adidas ไม่สามารถทนกับพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติ และ Hate Speech ในรูปแบบต่าง ๆ พฤติกรรมของ Kanye West จึงเป็นเรื่องที่บริษัทรับไม่ได้” คือส่วนหนึ่งจากแถลงการณ์ของ Adidas ทั้งทางแบรนด์ยังยืนยันว่า เป็นเจ้าของสิทธิ์เพียงรายเดียวในเรื่องลิขสิทธิ์การออกแบบสินค้าในปัจจุบัน และสินค้าในอดีตของแบรนด์ Yeezy

อย่างไรก็ตามสำนักข่าว Bloomberg ได้ข้อมูลมาว่า Adidas เตรียมนำสินค้าภายใต้แบรนด์ Yeezy กลับมาทำตลาดใหม่อย่างเร็วที่สุดในช่วงต้นปี 2023 โดยสินค้าทั้งหมดจะถูกตีแบรนด์เป็น Adidas เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ที่ให้ความเห็นไปในทิศทางดังกล่าวเช่นกัน

Adidas ไม่อยากทิ้งผลประโยชน์มหาศาล

Adidas ประกาศเป็นพาร์ตเนอร์กับ Kanye West ในปี 2013 หลังเขาตัดขาดความสัมพันธ์กับ Nike และในปี 2016 ทั้งคู่ได้ตั้งหน่วยธุรกิจ Adidas + Kanye West เพื่อทำตลาดสินค้าภายใต้แบรนด์ Yeezy ที่ประกอบด้วยรองเท้าผ้าใบ, เสื้อผ้า และเครื่องประดับรูปแบบต่าง ๆ

สำนักข่าว Washington Post รายงานว่า Yeezy สร้างรายได้ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี หรือราว 76,000 ล้านบาท ให้กับ Adidas ซึ่งจำนวนดังกล่าวคิดเป็น 10% ของรายได้บริษัท จึงไม่แปลกที่ Adidas ต้องการรักษาผลประโยชน์ของแบรนด์นี้เอาไว้ให้นานที่สุด

จุดเริ่มต้นของการยุติความสัมพันธ์ระหว่าง Adidas กับ Kanye West เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือน ต.ค. 2022 หลังเขาวิจารณ์ทีมงาน Adidas ว่าขโมยไอเดียของเขาไปใช้ออกแบบสินค้า พร้อมพูดเรื่องเหยียดชาวยิว รวมถึงการสวมใส่เสื้อ White Lives Matter ภายในงาน Paris Fashion Week

ไม่ใช่แค่ Adidas ที่แบน Kanye West

การยุติดีลกับ Adidas ทำให้ Kanye West ลดสถานะจากเศรษฐีพันล้าน โดยมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าทรัพย์สินของเขาเหลือราว 400 ล้านดอลลาร์ เพราะมูลค่าแบรนด์ Yeezy คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินของเขาราว 1,500 ล้านดอลลาร์ จากทั้งหมด 2,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนดีลนี้ยุติ

อย่างไรก็ตามไม่ใช่แค่ Adidas ที่ยุติความสัมพันธ์กับ Kanye West และไม่จำหน่ายสินค้าที่ออกแบบร่วมกับเขา เพราะมีหลายแบรนด์ที่ประกาศไปก่อนแล้ว เช่น แบรนด์เครื่องแต่งกาย Gap, แบรนด์สินค้าหรู Balenciaga รวมถึงสถาบันการเงิน JP Morgan และเอเจนซีศิลปิน CAA

นอกจากนี้ Kanye West ยังแบนจากโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Instagram และ Twitter เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และอาจเป็นเหตุผลที่เขาไปซื้อกิจการ Parler แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทางเลือก เพื่อใช้เป็นช่องทางสื่อสารกับผู้ที่ยังชื่นชอบในตัวตนของเขา

สรุป

ถึงตอนนี้ Kanye West ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ถือเป็นการปิดตำนาน Yeezy แบรนด์ที่เกิดขึ้นการความร่วมมือระหว่างอุปกรณ์กีฬา และศิลปินจนประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ถ้า Kanye West สามารถคุมตัวเองได้ดีกว่านี้ ก็คงไม่มีปัญหานี้เกิดขึ้นแน่ ๆ

อ้างอิง // Entrepreneur, Bloomberg, Adidas

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Adblock test (Why?)


ปิดตำนาน Yeezy! Adidas เตรียมใช้แบรนด์ตัวเองทำตลาดแทนหลังยุติความสัมพันธ์ Kanye West - Brand Inside
Read More

ทำไม TOYOTA ไม่รีบทำรถยนต์ไฟฟ้าออกมาขาย? - ไทยรัฐ

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 Toyota Motor Corporation สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบพลังงานไฟฟ้า จำนวน 16 รุ่น จากแบรนด์ Toyota กับ Lexus หนึ่งในนั้นคือ Toyota bZ4X ที่วางจำหน่ายแล้วในสหรัฐอเมริกา และกำลังจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายนนี้ ในขณะที่อีกรุ่นคือ Lexus RZ 450e ยานยนต์ครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้าที่ใช้พื้นฐานคล้ายกับ bZ4X ที่จะตามมาในปลายปีนี้หรือไม่ก็กลางปีหน้า สำหรับ bZ3 ซีดานไฟฟ้า ก็เตรียมตัวขายในจีน แต่หนึ่งในรถยนต์ต้นแบบแนวคิดที่น่าสนใจที่สุดในบรรดารถต้นแบบ EV ที่คาดว่า จะเข้าสู่การผลิตภายในสิ้นทศวรรษนี้ นั่นก็คือ Toyota  Compact Cruiser EV ตัวถังสี่เหลี่ยมทรงแบบกล่องนมที่ทำให้สายออฟโรดรู้สึกอยากได้!

Adblock test (Why?)


ทำไม TOYOTA ไม่รีบทำรถยนต์ไฟฟ้าออกมาขาย? - ไทยรัฐ
Read More

รอไม่ไหว รีบร้อน ทำหลายอย่างพร้อมกัน สัญญาณเตือนภาวะ “ทนรอไม่ได้” - กรุงเทพธุรกิจ

รู้หรือไม่? ภาวะ “ทนรอไม่ได้” หรือ Hurry Sickness เป็นภาวะผิดปกติทางจิตใจและอารมณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในยุคที่มีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต และมักเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ทำงานเป็นเวลานาน (ไม่ใช่โรคทางจิตเวช) โดยอาการของโรคคล้ายกับ “โรคสมาธิสั้น” ทำให้บางคนเข้าใจผิดและมองข้ามภาวะผิดปกติเหล่านี้ไป

สำหรับอาการของภาวะ “ทนรอไม่ได้” นั้น เป็นพฤติกรรมที่บุคคลที่มักจะมีอาการใจร้อน หงุดหงิด และฉุนเฉียวง่าย กับการรออะไรบางอย่าง  ซึ่งเป็นผลกระทบจากการทำงานกับคอมพิวเตอร์นานๆ หรือมักจะเกิดขึ้นสำหรับผู้ที่เสพติดการใช้โซเชียลมีเดีย ดังนั้น ผู้ที่เข้าข่ายอาการข้างต้น ควรสังเกตตนเอง หรือบุคคลรอบข้างว่ามีพฤติกรรมเปลี่ยนไปหรือไม่ และควรหาทางแก้ไขเพราะหากปล่อยให้ภาวะนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ นี้จะทำให้ร่างกาย และจิตใจผิดปกติได้

  • “ทนรอไม่ได้” ไม่ใช่ “โรคสมาธิสั้น” ต้องแยกให้ออก! 

หากพบว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีอาการเข้าข่ายภาวะทนรอไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติมในขั้นตอนต่อมา คือ ต้องแยกให้ได้ก่อนว่าอาการที่กำลังเป็นอยู่นั้นคือ “โรคสมาธิสั้น” หรือภาวะ “ทนรอไม่ได้” โดยอาการและวิธีรักษามีความแตกต่างกันพอสมควร ดังนี้ 

- โรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่ :  ต้องมีพฤติกรรมชัดเจนในเรื่องขาดสมาธิ และใจร้อน รวมถึงอาจจะมีพฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง โดยอาการดังกล่าวอาจเป็นมาตั้งแต่เด็ก หรือเพิ่มจะมามีอาการในวัยผู้ใหญ่ในระยะเวลามากกว่า 6 เดือน

- การรักษาโรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่ สามารถรักษาโดย การรักษาด้วยยาภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยนักจิตวิทยา

- โรคสมาธิสั้นในเด็ก :  เป็นโรคทางจิตเวชระบุชัดใน DSM – V เกิดจากความบกพร่องของสารสื่อประสาทในสมอง ต้องใช้ยาช่วยในการรักษา 

- ภาวะทนรอไม่ได้ :  เป็นอาการทางพฤติกรรมเกิดจากปัจจัยทางสังคม คือ การเลี้ยงดู การใช้สื่อโซเชียล และสิ่งแวดล้อม สำหรับวิธีรักษาต้องใช้พฤติกรรมบำบัด หรือ เทคนิคทางจิตวิทยา CBT (Cognitive behavioral therapy) ในการปรับความคิดและพฤติกรรม

  • สัญญาณบ่งชี้ความเสี่ยงภาวะ “ทนรอไม่ได้”

1. รีบร้อนกับทุกเรื่อง แม้กระทั่งบางเรื่องที่ไม่ควรรีบ เช่น การรับประทานอาหาร หรือ การอาบน้ำ

2. มักทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน มีแผนในหัวหลายเรื่องมาก เมื่อทำทุกอย่างที่คิดพร้อมกันผลงานก็ออกมาไม่ดีเท่าที่ตั้งใจไว้

3. หงุดหงิดกับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามแผน เนื่องจากรีบทำทุกอย่าง และทำหลายเรื่องพร้อมกัน พอทำได้ไม่ดีหรือไม่สำเร็จ จึงทำให้เกิดอาการหงุดหงิด

4. พยายามเร่งตัวเองอยู่ตลอดเวลาในการทำสิ่งต่างๆ ตลอดเวลา และกดดันตัวเองจนเกิดความเครียด

5. มักตัดบท หรือพูดแทรกคู่สนทนาโดยไม่รู้ตัว หรือบางทีคู่สนทนายังพูดไม่จบ ส่งผลให้ความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างแย่ลง

6. บังคับตัวเองให้ทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด ทำเร็วขึ้นไปอีก และทำพร้อมกันหลายๆ อย่างมากขึ้นกว่าเดิม

  • ผลกระทบจากภาวะทนรอไม่ได้ แบ่งเป็น 2 ส่วน 

ผลกระทบต่อสุขภาพ

- หัวใจเต้นเร็ว

- ปวดศีรษะ

- อ่อนเพลีย

- ความดันโลหิตสูง

- ภูมิต้านทานในร่างกายลดต่ำลง

- คลื่นไส้ อาเจียน

ผลกระทบในด้านจิตวิทยา

- ผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้าง

- มีความเสี่ยงก่อให้เกิดภาวะหมดไฟ (Burnout)

- มีปัญหาในด้านการตัดสินใจ จากความไม่ละเอียดรอบคอบ 

  • วิธีแก้ไขและบรรเทาอาการ “ทนรอไม่ได้” เบื้องต้น

1. สูดลมหายใจลึกๆ เรียกสติเมื่อรู้ตัวว่าเกิดอารมณ์ร้อน หงุดหงิด     

2. ปรับทัศนคติให้คิดบวก เช่น ลดความเร่งรีบในการใช้ชีวิต ขอความช่วยเหลือผู้อื่นบ้างหากจำเป็น     

3. หากิจกรรมผ่อนคลายตามที่ตัวเองชอบ เช่น นั่งสมาธิ ฟังเพลง ดูหนัง      

4. ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์   

5. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ 

6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-7 ชั่วโมง

7. หาช่วง Break down ถ้าอาการของโรค หรือพฤติกรรมทำให้ปวดหัว เช่น การงีบหลับ

8. วางแผนชีวิตเพื่อให้รู้ว่าเราต้องทำอะไรบ้าง รวมถึงสามารถจัดลำดับความสำคัญของรายการชีวิตได้เหมาะสมมากขึ้น

แม้ว่าปัจจุบันภาวะ “ทนรอไม่ได้” ไม่ใช่โรคทางจิตเวช แต่ถ้าประสบกับภาวะนี้ และยังไม่ทำการแก้ไข ก็จะส่งผลให้มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นโรคทางประสาทได้ และถ้าแก้ไขด้วยตนเองแล้วแต่ยังรู้สึกว่าไม่สบายใจ หรือยังไม่สามารถปล่อยวางอารมณ์ฉุนเฉียวลงได้ ก็ควรเข้ารับการปรึกษาจากจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา
-----------------------------------------
อ้างอิง : iSTRONG, โรงพยาบาลเพชรเวช และ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

Adblock test (Why?)


รอไม่ไหว รีบร้อน ทำหลายอย่างพร้อมกัน สัญญาณเตือนภาวะ “ทนรอไม่ได้” - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

เสียงสะท้อน "หมอ" กับ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำคนไม่ดูแลสุขภาพ เพิ่มภาระงานแพทย์จริงหรือ... - Hfocus

“แพทย์ พยาบาล” รุ่นใหม่ ให้ข้อคิดเห็นต่อระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำประชาชนไม่ดูแลสุขภาพ หาหมอมากขึ้น กระทบภาระงานแพทย์จริงหรือไม่ ทางออกควรเป็นอย่างไร พร้อมเผย “หมอ” กับคำว่า “เสียสละ” เป็นมายาคติ หรือสิ่งที่ควรมีในวิชาชีพ

หลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ถึงกรณี “โตโน่ ภาคิน” ว่ายน้ำข้ามโขงเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อระดมหาเงินบริจาคช่วยเหลือ รพ.นครพนม และรพ.แขวงคำม่วน ของสปป.ลาว  โดยที่เป็นประเด็นมากในวงการแพทย์และสาธารณสุข คือ กรณี หมอริท หรือนพ. เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช โพสต์ข้อความว่า

"ต่อให้ว่ายน้ำ 10 ได้เงินพันล้าน หมอ-พยาบาลก็เหนื่อยเท่าเดิม" งานนี้ก็แบ่งออกเป็น 2 เสียง ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ หมอริท นั้นได้ออกมาโพสต์ว่า ว่ายน้ำข้ามโขงอีก 10 รอบได้เงินมากกว่าพันล้านบาท หมอ พยาบาลก็เหนื่อยเท่าเดิม พร้อมทั้งยังพูดถึงระบบหลักประกันสุขภาพของไทย 30 บาทรักษาทุกโรคว่า ข้อดีคนจนมีสิทธิ์เข้าถึงการรักษา แต่ข้อเสียทำให้คนไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพ” กระทั่งเกิดกระแสแฮกแทชเรื่องนี้  และลุกลามไปจนถึงว่า “หมอต้องเสียสละ”  นั้น

ผู้สื่อข่าว Hfocus ได้สอบถามไปยังบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า คิดเห็นอย่างไร โดยมี  พญ.ชุตินาถ ชินอุดมพร และนพ.ณัฐ ศิริรัตน์บุญขจร ในฐานะผู้แทนสมาพันธ์แพทย์ผู้ปฏิบัติงาน (สพง.) รวมทั้ง น.ส.สุวิมล นัมคณิสรณ์ พยาบาลวิชาชีพ กลุ่ม Nurses Connect  ร่วมให้ข้อมูลเรื่องนี้ว่า

เรื่องการบริจาคเงิน หรือการบริจาคเครื่องมือแพทย์ต่างๆให้แก่โรงพยาบาลนั้น เป็นเรื่องที่ดี อย่างเครื่องมือแพทย์ดีๆ ก็มีส่วนช่วยในการบริการดูแลประชาชนได้ แต่ปัญหาคือ ต้องมีคนใช้เครื่องมือแพทย์ มีบุคลากรที่ชำนาญในการใช้ เพราะไม่เช่นนั้นได้มาก็จะไม่ก่อประโยชน์แท้จริง อีกทั้ง เครื่องมือแพทย์ยังจำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาต่อเนื่องปีต่อปี หากไม่ต่อเนื่องก็ไม่ก่อประโยชน์เช่นกัน  ยกตัวอย่าง ศูนย์หัวใจที่มีการสวนหัวใจ จำเป็นต้องมีเครื่องมือแพงๆ แต่ก็ต้องมีพนักงานดูแลประจำเครื่องนั้นๆด้วย หรือเครื่องอัลตราซาวน์ก็จำเป็นต้องมีงบในการดูแลเช่นกัน  

“สรุปคือ ทุกอย่างต้องไปด้วยกัน หากบริจาคเงิน บริจาคเครื่องมือ แต่ไม่มีบุคลากรเพียงพอในการมาดำเนินการก็ไม่ก่อประโยชน์อย่างถึงที่สุด  ดังนั้น รัฐบาลก็ต้องเข้ามามีส่วนในการจัดระบบสุขภาพ ระบบสาธารณสุขให้ดี เพราะทุกวันนี้เรายังมีข้อจำกัดเรื่องบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งไม่เพียงพอกับภาระงานที่มากขึ้น กับการกระจายตัวของบุคลากรก็ยังเป็นเรื่องที่แก้ปัญหาไม่ตกทุกปี”

(ข่าวเกี่ยวข้อง : “อนุทิน” ตอบปม “หญิงหน่อย” ชี้ผิดหวังระบบ 30 บาทรักษาทุกโรค หากบริหารดีไม่ต้องรอบริจาค)

ผู้แทน สพง. และตัวแทนของ กลุ่ม Nurses Connect ต่างให้ข้อมูลว่า จริงๆ เราไม่ได้ต่อต้านหรือไม่เห็นด้วยกับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาทรักษาทุกโรคแต่อย่างใด เพราะมาถึงขนาดนี้ เกินจุดที่จะมาคิดว่าควรมีหรือไม่ควรมี แต่ต้องคิดว่า จะปรับปรุงพัฒนาอย่างไร ให้ระบบสุขภาพไปในทิศทางที่เหมาะสม ทั้งเงิน คน ของ ทุกอย่างต้องควบคู่กัน

“ 30 บาทรักษาทุกโรคย่อมดีในแง่ทำให้คนเข้าถึงบริการสุขภาพ ซึ่งเป็นเรื่องดี เพราะระบบสุขภาพต้องดูแลคนตั้งแต่เกิด จนถึงเสียชีวิต แต่ในอีกมุมก็ต้องปฏิรูประบบสาธารณสุขในแง่ของบุคลากรให้สอดคล้องกับความเป็นจริงด้วย คนไข้เยอะ แต่หมอไม่เพียงพอ ตรวจได้ไม่ถึง 5 นาทีต่อคนก็ยังเป็นปัญหาตลอด ดังนั้น รัฐบาลต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้ต้องปฏิรูประบบสาธารณสุข ให้เป็นวาระสำคัญเสียที”

อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องแพทย์ไม่พอมีการถกเถียงมาตลอด อย่างองค์การอนามัยโลก ระบุสัดส่วนแพทย์ต่อประชากรว่า แพทย์ 1 คนต่อประชากร 1,000 คน แต่ของไทยมีแพทย์ 1 คนต่อประชากร 1,600 คน แต่จริงๆ มากกว่านั้น เพราะภาระงานมาก และข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขที่ผ่านมาก็พบว่า มีการผลิตแพทย์ประมาณ 3,000 คนต่อปี แต่ทำงานในระบบจริง 1,800 คนต่อปี มีลาออกอีก แพทย์ก็น้อยลง แต่คนไข้ก็มากขึ้น ภาระงานก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  โดยเฉพาะแพทย์เพิ่มพูนทักษะปีแรก หรือแพทย์อินเทิร์นปี 1 ที่มีภาระงานมากกว่า 100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ควงเวรติดต่อกันไม่น้อยกว่า 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนล้า สุดท้ายกระทบบริการประชาชน กลายเป็นวงจรที่ไม่ได้รับการแก้ไข

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณี 30 บาทรักษาทุกโรคทำให้คนไข้ไม่ดูแลสุขภาพและมาหาหมอมากขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งหนึ่งในสามแพทย์และพยาบาลผู้ปฏิบัติงาน ตอบว่า มีส่วน แม้ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข จะมีนโยบายให้ประชาชนส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยโรคไม่หนักสามารถหาได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) แต่ปัญหาคือ รพ.สต.ก็ขาดแคลนบุคลากรอยู่ ซึ่งนโยบายนี้ดี เพียงแต่ก็ต้องขับเคลื่อนมากขึ้น เพราะปัจจุบันคนเป็นหวัดยังมาหาหมอ รพ.ใหญ่ๆก็ยังมี แต่ส่วนตัวก็มองว่า ระบบ 30 บาทมีย่อมดี ทำให้คนเข้าถึงบริการ แต่ต้องพัฒนาในจุดต่างๆให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

“สิ่งสำคัญต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด มีระบบหลักประกันสุขภาพเป็นสิ่งที่ดี แต่ปัญหาเรื่องกำลังคน หมอ พยาบาล ก็ต้องผลิตและกระจายให้เพียงพอด้วย”

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ที่สังคมยังมองว่า แพทย์ คือ อาชีพต้องเสียสละ  โดยแพทย์ และพยาบาลทั้งสาม ให้ข้อมูลว่า การพูดเช่นนี้ เหมือน “มายาคติ” เพราะจริงๆ แพทย์ก็เป็นอาชีพหนึ่ง และแพทย์ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง  หากเราทำงานเสียสละ จนส่งผลต่อสุขภาพ สุดท้ายก็ส่งผลต่อประชาชนอยู่ดี

“ต้องถามก่อนว่าจะให้เสียสละส่วนไหน และการเสียสละสมเหตุสมผลหรือไม่  ต้องถามกลับว่า ระบบสุขภาพมีปัญหาตรงไหนก็ควรไปแก้ไขตรงนั้นใม่ใช่หรืออย่างไร  เพราะโรคภัยเกิดขึ้นได้ตลอด ความเสียสละต้องจำเป็นจริงๆ และการเสียสละภายใต้ร่างกายอ่อนแอ จะดีจริงหรือ สุดท้ายคนที่ได้ผลกระทบก็ประชาชน ดังนั้น ระบบบริการสุขภาพ ไม่ได้ต้องการการเสียสละ แต่ต้องการระบบที่ดี”

สรุปได้ว่า จริงๆ ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นระบบที่ดี แต่เป็นระบบที่ต้องพัฒนาให้มากขึ้น รวมทั้งเรื่องระบบบุคลากรในการดูแลสุขภาพประชาชน ควรต้องมีการแก้ปัญหาภาระงาน มีการผลิตและกระจายตัวอย่างเหมาะสม ไม่ใช่งานโหลดจนไม่ได้มีเวลาพักผ่อน ส่งผลต่อร่างกาย และสุดท้ายก็กระทบต่อบริการประชาชนอยู่ดี  

(ข่าวเกี่ยวข้อง : สธ.แก้ปัญหาชั่วโมงการทำงาน “หมอ-พยาบาล” เผยโรดแมปแผน 3 ระยะ เบื้องต้นมอบผู้ตรวจราชการฯดำเนินการ )

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org

 

   

Adblock test (Why?)


เสียงสะท้อน "หมอ" กับ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำคนไม่ดูแลสุขภาพ เพิ่มภาระงานแพทย์จริงหรือ... - Hfocus
Read More

"สุดารัตน์" รับดีล "เสรีรวมไทย" ล่ม ยืนยันทำพรรคไทยสร้างไทยต่อ สู้ทุกกติกา - กรุงเทพธุรกิจ

         คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ยอมรับถึงการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่น รวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย  ทั้งนี้ในฐานะคนที่รู้จักและมีอุดมการณ์เดียวกัน ซึ่งตนยอมรับว่าสิ่งที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้สัมภาษณ์นั้นเป็นความจริง แต่ไม่ได้คุยเรื่องควบรวม เพราะเพิ่งเจอกัน อย่างไรก็ดีตนยืนยันว่าจะเดินหน้าทำพรรคไทยสร้างไทยต่อไป เพราะต้องการทำพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองให้ประชาชน อีกทั้งการทำพรรคของตน หรือของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์นั้น ไม่ใช่ทำการเมืองเพื่อตัวเอง แต่ต้องการเปลี่ยนแปลง ตนจำได้ว่าการเข้าสู่การเมืองในปี2535 ได้ต่อสู้เผด็จการและต่อสู้กับการเขียนรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แต่ตลอด 31 ปีที่ผ่านมาประเทศยังอยู่ที่เดิม ดังนั้นก่อนจบชีวิตทางกาารเมืองอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง

         “ขอยืนยันเดินหน้าทำพรรคต่อไปทุกกฎเกณฑ์และกติกา ที่ผ่านมาลงพืนที่อย่างหนัก ทำงานต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมลงเลือกตั้ง นำเสนอนโยบาย โดยวางเป้าหมายคือการเปลี่ยนแปลง ปลดล็อคเปลี่ยนแปลงประเทศให้ประเด็นเดินหน้าได้ต่อไป ส่วนพรรคจะสอบได้เท่าไรขึ้นอยู่กับประชาชน หากเห็นว่าพรรคเป็นทางออกของประเทศ ทั้งนี้ไม่ว่ากติกาแบบไหน พร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

         เมื่อถามถึงมุมมองหากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ยังลงเล่นการเมืองต่อจะร่วมงานกันได้หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า "ถามประชาชน ว่าจะยอมให้เขาทำต่อหรือไม่ เพราะตนไม่มีอำนาจลงคะแนนได้เป็นล้านคะแนนขึ้นอยู่กับประชาชน"

Adblock test (Why?)


"สุดารัตน์" รับดีล "เสรีรวมไทย" ล่ม ยืนยันทำพรรคไทยสร้างไทยต่อ สู้ทุกกติกา - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Monday, October 24, 2022

เพจดัง แฉ อาจารย์คนดัง หลอกลงทุนทำโรงสกัดสาร "กัญชา" - คมชัดลึก

กำลังเป็นกระแสใน Twitter เมื่อเพจ Red Skull โพสต์เรื่องราวของอาจารย์คนดังมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง หลอกลงทุนทำโรงงานสกัดสาร CBD มีผู้เสียหายหลายราย โดยระบุว่า

ได้ข่าวว่าอาจารย์คนดังในโซเชี่ยลที่อ้างว่ากลุ่มตัวเองมีเทคโนโลยีเกี่ยวกับ"กัญชา กัญชง" แบบครบวงจรที่สามารถทำเป็นอุตสากรรมได้ ไปหลอกนักลงทุนจนโดนฟ้องเป็นร้อยล้านเลย และน่าจะมีนักลงทุนอีกหลายคนโดนแบบเดียวกัน โดยชวนลงทุนทำโรงงานสกัดสาร CBD บริสุทธิ์จากกัญชา โดยคิดค่าปรึกษาห้าหมื่น/เดือน

ไม่รวมการลงทุนสร้างโรงปลูกกัญชา โรงงานสกัดและอุปกรณ์อีกร่วม 100ล้าน นักลงทุนเลยโอนไปให้ก่อน 50 ล้านจากนั้นก็เกิดการบิดงานไม่ทำตามสัญญาขึ้น อาศัยความน่าเชื่อถือความมีชื่อเสียงหลอกคนให้หลงเชื่อ อันนี้แม่ง...จริง

จำเลยคดีนี้มีทั้งหมด 5 ราย โดยจำเลยที่ 1 เป็นอาจารย์คนดัง ส่วนจำเลยที่ 2-5 เป็นนิติบุคคลซึ่ง 1-5 เกี่ยวพันในเรื่องการชักชวนผู้เสียหายมาลงทุนทั้งหมด เพจดังแฉ

เพจดังแฉ

ล่าสุดอาจารย์คนที่ถูกพาดพิง ออกมาโพสต์ข้อความ เตรียมแถลงข่าวในวันที่ 27 ต.ค.นี้ พร้อมระบุอีกว่า  "แต่ละปีอาจารย์อ๊อดต้องสู้กับโจรต่างรูปแบบ ทั้งคดีใหญ่คดีเล็ก ส่งโจรติดคุกมามากมาย รอบนี้กลุ่มโจรมาในรูปแบบของผู้มีอิทธิพลตัวจริง ร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลทางสื่อและโซเชียล มาลองดูกันสักตั้งครับ เอาให้สุดแล้วหยุดอยู่ที่คุก จัดไป

อาจารย์โพสต์เฟซบุ๊ก

ติดตามคมชัดลึกได้ที่

Line:https://lin.ee/qw9UHd2-

YouTube:https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w

Adblock test (Why?)


เพจดัง แฉ อาจารย์คนดัง หลอกลงทุนทำโรงสกัดสาร "กัญชา" - คมชัดลึก
Read More

"ไทยสร้างไทย"ทำกระหึ่มอีสาน ลั่นลุงไหนก็ไม่เอาขอ"คุณหญิงหน่อย"เป็นนายกฯ - NationTV

"ไทยสร้างไทย"ทำกระหึ่มอีสาน ลั่นลุงไหนก็ไม่เอาขอ"คุณหญิงหน่อย"เป็นนายกฯ

"หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย" ระบุเพิ่มเติมว่า สิ่งที่อยู่ในหัวใจของ"สุดารัตน์" ในฐานะลูกอิสาน คือพี่น้องชาวอีสานยังยากจน ขาดโอกาสแม้จะทำงานหนัก สุดารัตน์ และทีมไทยสร้างไทยจะขอคืนโอกาสให้พี่น้องชาวอิสานทุกคนมีรายได้อย่างยั่งยืนภายในสามปี ถ้าทำไม่ได้สัญญาว่าจะไม่กลับมาขอคะแนนอีก ดังนั้นจึงขอเวลาแค่สามปีพิสูจน์ตัวเอง 

นอกจากนี้"พรรคไทยสร้างไทย" จะเดินหน้าโครงการสามสิบบาทสุขภาพดีถ้วนหน้า สามารถเลือกโรงพยาบาลเองได้ นัดหมายผ่านทางโทรศัพท์ ไม่ต้องรอคิว และส่งยาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายถึงบ้าน

"ไทยสร้างไทย"ทำกระหึ่มอีสาน ลั่นลุงไหนก็ไม่เอาขอ"คุณหญิงหน่อย"เป็นนายกฯ

"พรรคไทยสร้างไทย"จะลงทุนกับการสร้างคน ด้วยนโยบาย เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี อย่างมีคุณภาพ ใช้เทคโนโลยีเพื่อทำให้เด็กได้เรียนกับคนเก่งๆ ลดเวลาเรียนสามปี ทำงานได้เร็วขึ้น และเปลี่ยนงบเรียนฟรีที่จ่ายเงินผ่านกระทราวงฯ มาเป็นคูปองการศึกษา เพื่อให้อำนาจพ่อแม่และนักเรียนเลือกโรงเรียนเองได้

ปัญหาที่สำคัญสำหรับเยาวชนคือยาบ้า ที่ต้องปราบปรามยาเสพให้สิ้นซาก คนมีสี ถ้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจะต้องถูกลากคอมาเข้าคุก โดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ เร่งคืนลูกหลานสู่อ้อมอกพ่อแม่ นำลูกหลานไปบำบัด เหมือนเมื่อครั้งที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

"ไทยสร้างไทย"ทำกระหึ่มอีสาน ลั่นลุงไหนก็ไม่เอาขอ"คุณหญิงหน่อย"เป็นนายกฯ

ที่สำคัญ "พรรคไทยสร้างไทย"ไม่สามารถปล่อยให้ประเทศมีแต่คนแก่ที่ยากจน จึงมีนโยบายบำนาญประชาชน เดือนละ3,000บาท เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมสูงวัย ให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ มีสุขภาพที่แข็งแรง กลับไปทำงานได้ และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล รวมทั้งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้เศรษฐกิจฐานราก รวมถึงนโยบายหวยเพื่อการออม หรือหวยบำเหน็จ เป็นการจูงใจให้คนออมเงิน ครบอายุ 60 รับเงินคืน โดยสามารถได้ลุ้นรับรางวัลทุกเดือน 

Adblock test (Why?)


"ไทยสร้างไทย"ทำกระหึ่มอีสาน ลั่นลุงไหนก็ไม่เอาขอ"คุณหญิงหน่อย"เป็นนายกฯ - NationTV
Read More

6 เรื่องควรรู้ก่อนทำป้ายหน้าร้าน ทำผิดโดนปรับสูงสุด 50,000 บาท - อีจัน Ejan

อัตราในการคำนวณภาษีป้าย

การคำนวณภาษีป้าย คิดจากพื้นที่ของป้ายออกเป็นตารางเซนติเมตร โดยป้ายที่มีขอบเขตป้ายชัดเจนให้ใช้ด้านกว้างสุด x ด้านยาวสุด ส่วนป้ายที่กำหนดขอบเขตไม่ชัดเจน ให้นับจากขอบเขตของตัวอักษรที่อยู่ริมสุด คำนวณขนาดพื้นที่ป้ายได้ดังนี้

กว้าง x ยาว / พื้นที่ 500 ตร.ซม. = พื้นที่ที่ต้องเสียภาษี

ต่อมาเราจะมาคำนวณภาษีป้ายที่ต้องจ่ายสามารถคำนวณได้จาก

พื้นที่ที่ต้องเสียภาษี x อัตราภาษี = ภาษีป้ายที่ต้องจ่าย

ซึ่งอัตราภาษีป้ายจะแบ่งออกตามลักษณะของสิ่งที่ปรากฏบนแผ่นป้ายเป็น 3 แบบด้วยกัน

1.ป้ายที่มีเฉพาะตัวอักษรภาษาไทยเท่านั้น

o คิดอัตรา 5 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร

o ป้ายที่มีข้อความเคลื่อนที่ได้ หรือเปลี่ยนเป็นข้อความอื่นได้ ให้คิดอัตรา 10 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร

2.ป้ายที่มีอักษรภาษาไทยปนกับภาษาต่างประเทศ หรือเครื่องหมายและภาพ และอักษรไทยทั้งหมดต้องอยู่เหนือส่วนอื่น

o คิดอัตรา 26 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร

o ป้ายที่มีข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพที่เคลื่อนที่ได้ หรือเปลี่ยนเป็นข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพอื่นได้ ให้คิดอัตรา 52 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร

3.ป้ายที่ไม่มีภาษาไทย ไม่ว่าจะมีภาพหรือเครื่องหมายอื่น ๆ หรือไม่ และป้ายที่มีภาษาไทยบางส่วน หรืออักษรไทยทั้งหมดอยู่ต่ำกว่าอักษรภาษาต่างประเทศ

o คิดอัตรา 50 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร

o ป้ายที่มีข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพที่เคลื่อนที่ได้ หรือเปลี่ยนเป็นข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพอื่นได้ ให้คิดอัตรา 52 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร

Adblock test (Why?)


6 เรื่องควรรู้ก่อนทำป้ายหน้าร้าน ทำผิดโดนปรับสูงสุด 50,000 บาท - อีจัน Ejan
Read More

ชื่นชม แท็กซี่ทำดี เก็บเงินได้ 6 หมื่นบาท คืนเจ้าของ - ไทยโพสต์

24 ต.ค.2565 - ที่สถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.FM 91 กองตำรวจสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ดร.ไจตนย์ ศรีวังพล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สวพ.FM91 ร่วมเป็นสักขีพยาน ส่งมอบเงิน จำนวน 6 หมื่นบาท คืนเจ้าของ หลังผู้โดยสารลืมไว้บนรถ

นายกาย จุมศักดิ์ อายุ 46 ปี แท็กซี่ เหลือง ทส-8711 กทม. เดินทางมาที่ สถานีวิทยุ สวพ.FM91 หลังจากที่ก่อนหน้านี้โทรเข้ามาแจ้งว่า พบกระเป๋าสะพายสีดำ ภายในมีกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาล มีเงินสด 60,006 บาท (แบงค์พัน กองละ 20 ใบ รวม 60ใบ และเงินเหรียญ 6 บาท) บัตรเครดิต 1 ใบ (ไม่มีระบุชื่อ) ต่างหู 1 ข้างและของใช้ส่วนตัว คาดว่าเป็นของผู้โดยสารที่รับมาจากตั้งฮั่วเส็ง บางลำพู ลงที่ ท่ารถตู้ สายใต้ ถ.บรมราชชนนี เวลา 11.30 น.วันนี้ จึงรีบประสานสวพ.91 ตามหาเจ้าของ

ต่อมาทีมงานประชาสัมพันธ์ตามหาเจ้าของ พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูลการแจ้งลืมของ พบว่าหลังจากนั้นไม่นาน มี “คุณพัชรี ธันวรักษ์กิจ” แจ้งลืมของเข้ามาตรงกัน จึงประสานส่งคืน ที่ สถานีวิทยุสวพ.FM91

นายกาย โชเฟอร์แท็กซี่ เปิดเผยว่า หลังจากไปส่งผู้โดยสารที่สายใต้ใหม่ ก็รีบเข้าห้องน้ำก่อน จากนั้นขับรถออกมาสัก 2 กม. ก็หันไปเห็นกระเป๋า ตรงพื้นที่พักเท้าผู้โดยสารตอนหลังของรถ จึงจอดรถ แล้วเปิดดูว่ามีเอกสารติดต่อเจ้าของได้หรือไม่ จะได้ส่งคืน แต่ไม่มีเอกสารระบุชื่อ พบว่ามีเงินสด ของใช้ส่วนตัว นับดูมีถึง 6 หมื่นบาท ตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคยเจอเงินเยอะขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรก เคยเก็บได้ก่อนหน้านี้ ประมาณ 6 พัน เอาไปคืนที่สน.บางเสาธง จึงรีบโทรมาแจ้ง สวพ.91 และรีบขับรถนำกระเป๋าเข้ามาฝากคืนไว้ทันที เพราะไม่เคยคิดจะเก็บไว้เป็นของตัวเอง คิดว่าเจ้าของเงินก็คงเดือดร้อนเหมือนกัน ถึงแม้เราจะเดือดร้อน เคยติดโควิด สุขภาพไม่ดี ขับแท็กซี่มา 15-16 ปีแล้ว ตั้งใจไว้อยู่แล้วว่า ของที่ไม่ใช่ของเรา เก็บได้ก็ต้องส่งคืน”

ด้านคุณพัชรี ธันวรักษ์กิจ” เจ้าของกระเป๋า กล่าวว่า “จะรีบกลับบ้านที่ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ นำกระเป๋ามา 2 ใบ พอลงจากรถแท็กซี่ กำลังซื้อตั๋วรถ แล้วเพิ่งนึกได้ว่ากระเป๋าอีกใบ ลืมไว้บนรถแท็กซี่ และมีเงินติดตัวไม่มาก เพราะใส่ไว้ในกระเป๋าอีกใบที่ลืมไว้ จึงรีบไปแจ้งความที่ สน.ตลิ่งชัน ตอนแรกไม่ทราบว่าจะโทรไปแจ้งที่ไหน เพื่อนแนะนำให้โทรมาแจ้งที่ สวพ.91 จึง รีบโทรมา จากนั้นไม่ถึงชั่วโมง มีทีมงาน สวพ.91 ติดต่อกลับมาว่ามีแท็กซี่เก็บได้ พร้อมส่งคืน ตอนนั้นร้องไห้ ดีใจมากที่ได้คืน เพราะเป็นเงินเก็บของเราไม่คิดว่าจะได้คืนเร็วขนาดนี้ ขอบคุณแท็กซี่และสวพ.91 มากๆ ”

Adblock test (Why?)


ชื่นชม แท็กซี่ทำดี เก็บเงินได้ 6 หมื่นบาท คืนเจ้าของ - ไทยโพสต์
Read More

พระครู เชิญวิญญาณ เมียฝรั่ง เผยต้องทำพิธี 3รอบ ตร.เจอเรื่องแปลก - ข่าวสด - ข่าวสด

พระครู ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ เมียฝรั่ง ถูกฆ่าทิ้งไร่ข้าวโพด เผยสิ่งผิดปกติ ต้องทำพิธีถึง 3 รอบ ด้าน พนักงานสอบสวน เล่าเรื่องแปลก ก่อนวันผู้ต้อ...