Rechercher dans ce blog

Wednesday, August 31, 2022

EXIM BANK ปลดล็อกให้กู้บุคคลสูงสุด 2 ล้านบาท ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องการส่งออก - กรุงเทพธุรกิจ

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM BANK) เปิดเผยว่า โลกการค้ายุค Next Normal สร้างโอกาสให้บุคคลธรรมดาเข้ามาทำธุรกิจได้ง่ายขึ้นทั้งการค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ และการรับจ้างผลิตวัตถุดิบป้อนอุตสาหกรรมในห่วงโซ่การส่งออก (Supply Chain) ให้กับผู้ประกอบการตั้งแต่ขนาดย่อมไปจนถึงขนาดกลางและขนาดใหญ่ จากสถิติพบว่าใน 3 ปีแรกของ SMEs ที่ส่งออกส่วนใหญ่จะเริ่มต้นอยู่ในห่วงโซ่ Supply Chain เริ่มทำธุรกิจจนคุ้นชินจึงเริ่มสร้างแบรนด์ของตนเอง

เมื่อผันตัวจากผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้แบรนด์อื่น (Original Equipment Manufacturer : OEM) เป็นผู้ผลิตสินค้าในนามแบรนด์ของตัวเอง (Original Brand Manufacturer : OBM) ทำให้มีความต้องการเงินทุนเสริมสภาพคล่องมากขึ้น “สินเชื่อเอ็กซิมสร้างธุรกิจเพื่อบุคคลธรรมดา” จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ EXIM BANK พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยปลดล็อกให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ใน Supply Chain การส่งออกของไทยมากยิ่งขึ้น และกระตุ้นการเติบโตของภาคการส่งออกไทยปี 2565

ปัญหาของผู้ประกอบการรายย่อยในขณะนี้คือ การเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนหรือขาดสภาพคล่องในการเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจยังไม่ได้เริ่มต้นหรือเพิ่งเริ่มต้น จึงเต็มไปด้วยปัจจัยลบที่เป็นความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจและไม่ได้รับการพิจารณาสินเชื่อง่ายนัก

ขณะที่ เศรษฐกิจอยู่ในภาวะดอกเบี้ยเงินกู้ที่เป็นขาขึ้น EXIM BANK จึงได้ “สานพลัง” ความร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้ค้ำประกันสินเชื่อแก่บุคคลธรรมดาที่เป็นผู้กู้สินเชื่อเอ็กซิมสร้างธุรกิจเพื่อบุคคลธรรมดาในสัดส่วน 100%

โดยสามารถใช้บุคคลหรือนิติบุคคลค้ำประกันร่วมด้วยได้ ผู้กู้ต้องเป็นผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายสินค้าหรือบริการให้แก่ผู้ส่งออก หรือผู้ดำเนินธุรกิจในประเทศที่มีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศวงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 7.75% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี เริ่มต้นบวก2% สูงสุดไม่เกินบวก 6%) สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 มิถุนายน 2566

ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของ “เกมเปลี่ยนประเทศไทย” ที่ EXIM BANK ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนผู้ส่งออกไทยมากขึ้น เพื่อกระตุ้นการเติบโตของภาคส่งออก และการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ รวมถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy)

ทั้งนี้ SMEs ไทยในปัจจุบันยังมีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเพียง 34% ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development : OECD) ส่วนใหญ่มีสัดส่วน 50% ขึ้นไป EXIM BANK จึงเดินหน้าสานพลังความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตของ SMEs ในระดับฐานรากให้พร้อมเข้าสู่ Supply Chain การส่งออกของไทย ทั้งในทางตรงและทางอ้อม ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงกับ Supply Chain ของโลกได้ในที่สุด อาทิ การสร้าง EXIM Thailand Pavilion ให้เป็นทางเลือก E-Commerce ของ SMEs ไทยที่สนใจโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใน 1 ปีแรกที่เข้าร่วมโครงการ และการจัดให้มี SMEs Export Studio พัฒนาดีไซน์บรรจุภัณฑ์สินค้าส่งออกของ SMEs ไทย เป็นต้น

นอกจากสินเชื่อเอ็กซิมสร้างธุรกิจเพื่อบุคคลธรรมดาแล้ว EXIM BANK ยังมีสินเชื่อสำหรับนิติบุคคลยื่นขอกู้ได้อีกคือ สินเชื่อผู้ส่งออกป้ายแดง สินเชื่อหมุนเวียนเพื่อการส่งออกและนำเข้า สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการ Start-up และกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่เริ่มต้นส่งออก โดยเน้นกลุ่มลูกค้าสำคัญในกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve และอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม วงเงินกู้สูงสุดสำหรับลูกค้าใหม่ 2 ล้านบาท และลูกค้าปัจจุบัน 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5% ต่อปี และสินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan สินเชื่อเพื่อปรับปรุงโรงงาน เครื่องจักร หรือซอฟต์แวร์ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าส่งออกซึ่งขยายระยะเวลาให้กู้ถึง 30 มิถุนายน 2566 วงเงินกู้สูงสุด 100 ล้านบาทอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 2% ต่อปี ผ่อนชำระนาน 7 ปี

“EXIM BANK ทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อปลดล็อกข้อจำกัดทางธุรกิจ ควบคู่กับสร้างโอกาสใหม่ ๆให้แก่ชุมชนและธุรกิจตั้งแต่ระดับฐานรากไปจนถึงภาคอุตสาหกรรม เพื่อกระตุ้นให้เกิดนักรบเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งในตลาดโลกจำนวนมากขึ้น อันจะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน รับกับเทรนด์การค้าของโลกยุคใหม่ ซึ่งเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและโอกาสของผู้ที่เข้าถึงได้ด้วย ‘ความกล้า’ และ‘ความพร้อม’ เพื่อความเป็นอยู่ของชุมชน สังคม และโลกที่ดีขึ้นในระยะยาว” 

Adblock test (Why?)


EXIM BANK ปลดล็อกให้กู้บุคคลสูงสุด 2 ล้านบาท ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องการส่งออก - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

เบื้องหลัง “วสันต์” รับทำคดี “นิพนธ์” ชี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม มั่นใจชนะแน่ - กรุงเทพธุรกิจ

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2565 ที่โรงแรมสุโกศล นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย พร้อมด้วยนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยชี้ขาดตำแหน่งรัฐมนตรีของนายนิพนธ์ ในวันที่ 14 ก.ย. 2565 รวมถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนายนิพนธ์ เมื่อครั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา และส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดย ป.ป.ช.นัดนำตัวส่งฟ้องในวันที่ 5 ก.ย. 2565 กรณีถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เบิกจ่ายเงินค่าซ่อมรถบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน รวมวงเงิน 50 ล้านบาท

นายวสันต์ กล่าวถึงกรณีการรับเป็นทนายว่าความให้นายนิพนธ์ ว่า อาชีพเดิมของตนคือทนายความในสำนักงานหม่อมราชวงศ์เสนีย์ปราโมชเมื่อปี 2510 และเริ่มว่าความปี 2511 ก่อนเข้ารับราชการเป็นผู้พิพากษาปี 2516 อีกทั้งอาชีพที่ตั้งตัวได้คือทนายความ ก่อนมาเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ คำพูดแบบนี้มองว่าเป็นการดูถูกอาชีพอิสระ เพราะทุกวงการมีทั้งคนดีคนเลวปะปนกัน และหลังลาออกไม่เคยคิดจะไปสู้คดีให้ใคร เพื่อมาสู้กับศาลรัฐธรรมนูญที่เคยเป็นประมุข แต่คงไม่น่าเกลียดเพราะไม่เคยเป็นประธานศาลฎีกา ขณะเดียวกันยังยกตัวอย่างหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ยังเคยไปเป็นทนายความ ทั้งนี้เมื่อเมื่อลาออกจากประธานศาลรัฐธรรมนูญในปี 2556 แล้ว ก็มาทำอาชีพทนายความปี 2558 โดยว่าความคดีแรก ไม่มีใครรู้ว่าเคยเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญมาก่อน ดังนั้นการที่สื่อบางคน (นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์) บอกว่าตนลดตัวมาว่าความ และเวลาไปศาลนั้น คนจะยกมือไหว้ตั้งแต่หัวกะไดศาลไม่เป็นความจริง

นายวสันต์ กล่าวอีกว่า ตนเคยรับคดีว่าความสู้กับ ป.ป.ช. มาแล้ว ที่รับทำเพราะมีคนถูกกลั่นแกล้ง รังแก หากช่วยพรรคพวกได้ก็ควรช่วย และการรับคดีก็ต้องพิจารณาจะมีทางต่อสู้หรือไม่ หากนายนิพนธ์เป็นฝ่ายผิด ตนคงไม่รับทำคดีให้เพราะจะเสียฟอร์ม ยืนยันเป็นทนายเงียบ ๆ ไม่ได้หิวแสงเหมือนคนอื่น สำหรับคดีแรกที่ว่าความคือคดีที่ ป.ป.ช. กล่าวหาคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการกระทรวงการคลัง ที่มีนายสมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลัง เป็นผู้ถูกกล่าวหา จนสุดท้ายชนะคดี 

อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ไม่คุ้นเคยกับนายนิพนธ์ แต่คุ้นเคยกับนายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีต รมว.ยุติธรรม และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นรุ่นพี่ที่ ม.ธรรมศาสตร์ แนะนำให้นายนิพนธ์มาคุยกับตน โดยอยู่ในวงการยุติธรรมมา 50 ปี มองออกว่าใครได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม เมื่อตรวจเอกสารรายละเอียดคดีเห็นว่า นายนิพนธ์ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงรับทำคดีให้

ในส่วนรายละเอียดของคดีนั้น นายวสันต์ กล่าวว่า กรณี อบจ.สงขลา ซื้อรถเอนกประสงค์ 2 คันมูลค่ากว่า 50 ล้าน และมีการประมูลทำสัญญาส่งมอบรถ เมื่อนายนิพนธ์ มาเป็นนายก อบจ.สงขลา มีเรื่องร้องเรียนตรวจสอบเอกสารพบสงสัยมีการฮั้ว จึงทำเรื่องให้ผู้ว่าฯ สงขลา ระงับการจ่ายเงินไว้ก่อน และ อบจ.สงขลา ได้ไปแจ้งความเพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วย ขณะนี้พนักงานอัยการสั่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 และออกหมายจับเอกชนผู้ถูกกล่าวหา รวมถึง ป.ป.ช. ให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความกล่าวโทษเอกชนที่ฮั้วประมูล ป.ป.ช. ต้องเชื่อว่ามีการฮั้ว ขณะเดียวกันเอกชนไปฟ้อง ป.ป.ช. ว่าถูก อบจ.สงขลา กลั่นแกล้ง รวมถึงฟ้องศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้ อบจ.จ่ายเงิน แต่เมื่อมีการยื่นฟ้องคดีอาญาว่าฮั้ว ศาลปกครองสูงสุดจึงให้พิจารณาใหม่ และก็อยู่ระหว่างพิจารณาคดี ดังนั้นคดีนี้ถ้านายก อบจ.สงขลา สั่งจ่ายเงินสัญญาที่โมฆะถือมีความผิด สัญญาที่เป็นโมฆะคู่กรณีจะกลับคืนฐานะเดิม พวกฮั้วประมูลบอกเป็นการกลั่นแกล้ง แต่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายก อบจ. แต่ ป.ป.ช. จะฟ้องเอง ดังนั้นเราพร้อมสู้กับ ป.ป.ช. ไม่ได้เกรงใจ ชื่นชม ป.ป.ช. ชุดนาฬิกายืมเพื่อน ไม่ได้แขวะใคร เพราะเป็นเรื่องจริง

เมื่อถามว่า เปิดหน้าสู้กับ ป.ป.ช. แบบนี้มีปัญหากับ ป.ป.ช. หรือไม่ นายวสันต์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ชุดก่อนหน้านี้ก็รู้จักคุ้นเคยหลายคน เช่น นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ นายวิชา มหาคุณ นายกล้านรงค์ จันทิก ส่วนชุดปัจจุบันไม่คุ้นเคย รู้จักส่วนตัวเป็นบางคน และไม่ทราบว่าเป็นเรื่องการเมืองเพื่อให้นายนิพนธ์พ้นจากตำแหน่งหรือไม่ เพราะตนไม่ใช่นักการเมือง

อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวด้วยว่า มั่นใจว่าจะชนะคดี เพราะหากไม่มั่นใจคงไม่รับทำ เรื่องจริงเป็นอย่างไรไปว่ากันในศาล ตนพร้อมเดินไปศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตามที่ ป.ป.ช.นัดหมายวันที่ 5 ก.ย.นี้ โดยจะเร่งรัดให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนการชี้แจงกับศาลรัฐธรรมนูญ มองคนละเรื่องกัน แต่มูลเหตุเดียวกัน รวมถึงยังตั้งข้อสังเกตเหตุเกิดที่สงขลา แต่มาฟ้องศาลที่ กทม. โดยอ้างว่านายนิพนธ์ มีอิทธิพลในพื้นที่ มองเป็นการสร้างความลำบากให้พยานในการเดินทาง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิพนธ์ไม่ขอแสดงความเห็นในการแถลงข่าวถึงคดีนี้ เพราะชี้แจงไปก่อนหน้านี้หมดแล้ว และเอกสารชี้แจงส่งศาลรัฐธรรมนูญหมดแล้ว

Adblock test (Why?)


เบื้องหลัง “วสันต์” รับทำคดี “นิพนธ์” ชี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม มั่นใจชนะแน่ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ถ้าเสี่ยง…ต้องไม่ทำ ! | วิฑูรย์ สิมะโชคดี - กรุงเทพธุรกิจ

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า “เราจะรู้ได้อย่างไรว่า รอบตัวเรามีอะไรที่เสี่ยงถึงขนาดต้องไม่ทำบ้าง  สถานที่ทำงาน หรือในโรงงานของเรานั้น  คนงานจะรู้ได้อย่างไรว่ามีอะไรเสี่ยงๆ บ้าง มีจุดไหนที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษบ้าง”

ถ้าเราทุกคนรู้ว่า  เรากำลังทำงานที่เสี่ยง หรือ กำลังใช้ชีวิตที่เสี่ยง เราก็พอจะคาดการณ์ได้ว่า จะมีความสูญเสียหรือความบาดเจ็บพิการอะไรเกิดขึ้นได้บ้าง  เราก็ต้องไม่ทำงานนั้นและไม่ใช้ชีวิตที่เสี่ยงๆ แบบนั้นต่อไป

ถ้าไม่ได้ทำงานที่เสี่ยง  คนงานก็จะทำงานได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงอันตราย  ซึ่งอาจจะเป็น  

(1) การจับต้องสิ่งของอันตราย (ที่อาจทำให้ผิวหนังไหม้ เป็นผื่นแสบคัน แสบจมูกหาย ใจลำบาก วิงเวียนศีรษะ มึนงง อาเจียน เป็นต้น)  

(2) การทำงานทั้งที่ไม่รู้วิธีการทำงานอย่างปลอดภัย (การเทผสมสารเคมี การเดินเครื่องจักรกล การเชื่อมต่ออุปกรณ์และสายไฟฟ้า การไม่ใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล การไม่มีคู่มือ หรือ มาตรฐานการทำงาน เป็นต้น)  

(3) การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย (เสียงดัง  ฝุ่นลอยฟุ้งทั่วห้อง  ร้อนหนาวเกินไป เป็นต้น)

“ความเสี่ยง (อันตราย)”  จึงเป็นเรื่องใหญ่และเป็น “จุดกำเนิด” ของความสูญเสียต่างๆ (ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน) ในวันนี้   จึงเป็นเรื่องที่เราควรจะต้องศึกษาเรียนรู้และสังเกตุว่า รอบตัวเรามีอะไรที่เสี่ยงหรือมีจุดอันตรายอะไรบ้าง ทั้งที่พักอาศัยอยู่บ้าน เดินทางท่องเที่ยว ทำงานในสำนักงาน และในโรงงานอุตสาหกรรม  เมื่อรู้ว่าเสี่ยง ก็ต้องหยุดทำ

ถ้าจะพูดอย่างง่ายที่สุด  ก็พอจะประมาณได้ว่า “ความเสี่ยง” ก็คือ สิ่งที่มีโอกาสทำให้เราบาดเจ็บ พิการ หรือ ตายได้ จากการสัมผัสสิ่งนั้นหรือทำงานนั้น

ดังนั้น  เราจึงต้องขยันตรวจสอบและหมั่นถามตัวเองว่า รอบตัวเรา หรือ งานที่ทำๆ อยู่นั้น มีอะไรที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ พิการได้บ้าง  ถ้ามี เราก็ต้องหาทางป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุอันตรายเกิดขึ้น  อาทิ การไม่ใช้มือจับโดยตรง  การไม่สูดหายใจเข้าปอดโดยตรง  การปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับ  การทำตามคู่มือและมาตรฐานความอย่างปลอดภัย

ในความเป็นจริงแล้ว “ความเสี่ยงในการทำงาน” ต่างจาก “ความเสี่ยงในการลงทุน” เพราะความเสี่ยงในการลงทุนทางธุรกิจอุตสาหกรรม มีได้มีเสีย  แต่ความเสี่ยงในการทำงานจะไม่มีได้เลย  เพราะมีแต่เสียอย่างเดียว

คือ มีโอกาสบาดเจ็บเล็กน้อย (แผลถลอกปอกเปิด เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ) หรืออาจถึงขั้นพิการก็ได้ (สูญเสียอวัยวะ นิ้วขาด แขนขาด ตาบอด)  หรืออาจเป็นโรคจากการทำงาน (ปอดฝุ่นทราย หอบหืด)  หรืออาจจะร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยก็มี

กรณีตัวอย่างในโรงงาน  จึงต้องเริ่มต้นด้วย “การค้นหา” หรือ “การชี้บ่ง” ว่ามีอันตราย ว่าอยู่ที่ไหนบ้าง และควรจะประเมินความเสี่ยงของงานที่ต้องทำ และสภาพแวดล้อมภายในโรงงานให้ครอบคลุมทั้งงานหรือกิจกรรมที่ทำเป็นประจำและที่ไม่ได้ทำเป็นประจำด้วย  เพื่อจะได้รู้ว่าความเสี่ยงนั้นๆ จะทำให้เกิดการบาดเจ็บพิการได้ รุนแรงมากน้อยเพียงใด และบ่อยครั้งหรือไม่

ปกติแล้ว  เราควรจะมีการค้นหาหรือชี้บ่งจุดอันตรายที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน (ก่อนเรื่องอื่นๆ ด้วยซ้ำไป)  รวมถึงการประเมินขีดความสามารถหรือความพร้อมทำงานของพนักงาน และการตรวจพิจารณาดูว่าท่าทางในการทำงานนั้นๆ ว่าเหมาะสมหรือไม่ด้วย

นอกจากนี้  เราควรจะต้องค้นหาหรือชี้บ่งจุดอันตรายที่เกี่ยวข้องกับบริเวณพื้นที่ทำงาน สถานที่ตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์ และความเพร้อมต่อการใช้งานอย่างปลอดภัยด้วย

การชี้บ่งอันตรายและการประเมินความเสี่ยงนั้น ควรกระทำเป็นประจำ หรือ ตามช่วงเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ และต้องแจ้งผลเพื่อสื่อสารให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้ทราบ  เพื่อจะได้ระวังอันตรายจากความเสี่ยงที่พบ และหาทางแก้ไขป้องกันล่วงหน้า

เรื่องนี้  จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าของกิจการ  ผู้บริหารระดับสูง  ผู้จัดการโรงงาน  ผู้ควบคุมงาน หัวหน้างาน วิศวกรและเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย  จะต้องบอกต้องสอนต้องอธิบายถึง จุดเสี่ยง  จุดอันตราย  วิธีการทำงานที่ปลอดภัย  และวิธีการแก้ไขป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บพิการจากการทำงานนั้นๆ และต้องเป็นการสอนที่หน้างานด้วย (OJT)

ทุกวันนี้  ผู้รับผิดชอบด้านความปลอดภัยในการทำงาน  จึงต้องเรียนรู้ถึงจุดเสี่ยงภัยและจุดอันตรายต่างๆ ในงานที่ทำตลอดกระบวนการผลิต และต้องสั่ง “หยุด” พฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัยหรือพฤติกรรมเสี่ยงทั้งหมด

คือ  ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ “การกระทำที่ไม่ปลอดภัย” หรือ “สภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย” ก็ต้องท่องคาถาว่า “ถ้าเสี่ยง…ต้องไม่ทำ !” ครับผม!

Adblock test (Why?)


ถ้าเสี่ยง…ต้องไม่ทำ ! | วิฑูรย์ สิมะโชคดี - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

"เซ็นทรัล ทำ" ร่วมกับชาวเชียงใหม่ทำ 6 โครงการ สร้างเศรษฐกิจชุมชน - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

"เซ็นทรัล ทำ" ร่วมกับชาวเชียงใหม่ทำ 6 โครงการ สร้างเศรษฐกิจชุมชน  ประชาชาติธุรกิจ
"เซ็นทรัล ทำ" ร่วมกับชาวเชียงใหม่ทำ 6 โครงการ สร้างเศรษฐกิจชุมชน - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

หุ้นไทยปิดลบ 0.52 จุด รับแรงขายทำกำไร-บาทอ่อน กังวลทิศทาง Fund Flow ไหลออก : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

  • ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,638.93 จุด ลดลง 0.52 จุด (-0.03%) มูลค่าการซื้อขาย 99,716.67 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยรีบาวด์ช่วงเช้า แต่ช่วงบ่ายปรับตัวลง โดยทำระดับสูงสุด 1,644.09 จุด และต่ำสุด 1,630.01 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 699 หลักทรัพย์ ลดลง 1,037 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 483 หลักทรัพย์

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายรับแรงขายทำกำไรออกมาค่อนข้างมาก หลังจากช่วงเช้าบวกสวนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดช่วงบ่ายจากราคาน้ำมันปรับลงมาค่อนข้างแรง

และยังต้องติดตามทิศทางเม็ดเงินต่างประเทศ (Fund Flow) จะเป็นอย่างไรต่อไปหลังจากเดือน ส.ค.นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อค่อนข้างมาก ขณะที่ Dollar Index ดีดขึ้นกดให้เงินบาทอ่อนค่า มองเป็นภาพที่น่ากังวล ทำให้นักลงทุนเริ่มระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น เพราะเกรงว่า Fund Flow ชะลอจะกดดันตลาด

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้คาดว่าปรับตัวลง แนะติดตามทิศทาง Fund Flow อาจพลิกมาเป็นขาย และ short ในตลาด Futures ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าใกล้ 36.50 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ Dollar Index จ่อทำนิวไฮอาจกดดันให้เงินบาทมีโอกาสอ่อนลงไปที่ 37 บาท/ดอลลาร์ และในเดือน ก.ย.จะมีการปรับลดขนาดงบดุล (QT) เพิ่มขึ้นยิ่งจะทำให้ตลาดหุ้นไปไหนได้ไม่ไกล ทั้งนี้ มองดัชนีไม่ควรหลุดระดับ 1,620 จุด

ให้แนวต้านที่ 1,640 จุด คาดว่าคงไม่สามารถผ่านไปได้ และให้แนวรับ 1,620 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

  • KBANK มูลค่าการซื้อขาย 12,711.85 ล้านบาท ปิดที่ 153.50 บาท ลดลง 2.00 บาท
  • BANPU มูลค่าการซื้อขาย 4,888.45 ล้านบาท ปิดที่ 14.50 บาท ลดลง 0.40 บาท
  • BH มูลค่าการซื้อขาย 4,108.46 ล้านบาท ปิดที่ 216.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
  • PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,337.67 ล้านบาท ปิดที่ 168.50 บาท ลดลง 3.50 บาท
  • BDMS มูลค่าการซื้อขาย 3,256.01 ล้านบาท ปิดที่ 29.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ส.ค. 65)

Tags: , , , ,

Adblock test (Why?)


หุ้นไทยปิดลบ 0.52 จุด รับแรงขายทำกำไร-บาทอ่อน กังวลทิศทาง Fund Flow ไหลออก : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

วัยรุ่นวุ่นวาย : LGBTQ+ ทำอย่างไร? เมื่อใจไม่ตรงกับเพศ - กรุงเทพธุรกิจ

อดีตหากใครรักใคร่ชอบพอในเพศเดียวกันจะถูกมองว่าเป็นกลุ่มคนที่ผิดปกติ แต่ในปัจจุบันใครที่คิดแบบนั้นอาจจะต้องมองมุมใหม่ เพราะบุคคลในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเพศสภาพ หรือเพศวิถีแบบไหน ก็ต้องได้รับความเคารพและการปฎิบัติอย่างเท่าเทียม มีสิทธิ และโอกาส มีศักยภาพไม่ได้แตกต่างกัน

นพ.ธนภพ บำเพ็ญเกียรติกุล คุณหมอประจำ RSU Gender Health Clinic ได้มาช่วยไขข้อข้องใจ LGBTQ+ ทำอย่างไร? เมื่อใจไม่ตรงกับเพศ ว่าก่อนที่จะไปตอบคำถาม อยากทำความเข้าใจกับทุกคนเกี่ยวกับ เพศที่หลากหลาย ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีเพศที่มากกว่าชาย และหญิง โดย LGBTQ +  นั้น มีดังนี้

L (Lesbian)  หรือเลสเบี้ยน คือ ผู้หญิงที่มีความรักต่อผู้หญิงด้วยกัน

G (Gay) หรือเกย์ คือ ผู้ชายที่มีความรักต่อผู้ชายด้วยกัน  

B (Bisexual) หรือไบเซ็กชวล คือ  ชอบทั้งชายและหญิง

T (Transgender) หรือทรานส์เจนเดอร์  คือ คนข้ามเพศ ข้ามเพศจากหญิงเป็นชาย และชายเป็นหญิง

Q (Queer) หรือเควียร์ คือ บุคคลที่มีความรักโดยไร้กฎเกณฑ์ (ทางเพศ)

I (Intersex) หรืออินเตอร์เซ็กส์ คือ บุคคที่เกิดมามีลักษณะทางกายภาพโดยมีอวัยวะสืบพันธุ์ของทั้งสองเพศA

+  คือ บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศอื่นๆ

“เทรนด์สมัยก่อน จะเปลี่ยนใจให้กลับไปตรงกับเพศ ซึ่งไม่ได้ผลทำให้เกิดความเครียด สุขภาพจิตย่ำแย่ และเกิดการฆ่าตัวตาย  ในปัจจุบัน จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงกายให้ตรงกับใจ และตอนนี้ในสังคม การรู้สึกว่าตัวเองชอบเพศเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เป็นความหลากหลายและเรื่องปกติในสังคมไปแล้ว” นพ.ธนภพ กล่าว

  • เมื่อใจไม่ตรงกับเพศ ต้องทำอย่างไร?

นพ.ธนภพ กล่าวต่อไปว่าเมื่อใจไม่ตรงกับเพศ อยากแนะนำให้ทุกคนทำความเข้าใจตัวเอง ว่าเราอยากเป็นเพศไหน ชอบอะไร และต้องการอะไร ซึ่งการข้ามเพศนั้น หากเรารู้ตัวเร็ว รู้ว่าชอบอะไร อยากเป็นอะไร เห็นภาพตัวเองในอนาคตเป็นอย่างไร อยากเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย ก็จะสามารถใช้ฮอร์โมนยับยั้งความเป็นวัยรุ่น  ถ้าเราเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงหากทานฮอร์โมนยับยั้ง ก็จะมีไม่มีเสียง หรือมีลูกกระเดือก ไหลจะได้ไม่กว้างแบบผู้ชาย

เช่นเดียวกัน หากเป็นหญิงแต่อยากเป็นชาย การทานฮอร์โมนยับยั้งฮอร์โมนเพศหญิง จะทำให้ไม่มีหน้าอก เป็นต้น ดังนั้น เมื่อประเมินตนเองแล้วว่าเป็นอย่างไร และมาปรึกษาทีมแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ จะทำให้เราเป็นชายและหญิงตามที่ใจต้องการได้ ร่างกายก็จะเป็นในแบบที่ต้องการ

  • โรคที่พบบ่อยสำหรับกลุ่ม LGBTQ +   

นพ.ธนภพ  กล่าวอีกว่า สำหรับโรคที่พบบ่อยในกลุ่มนี้  คือ สุขภาพจิต ความซึมเศร้า การใช้สารเสพติด ความเครียด และการคิดสั้นฆ่าตัวตาย เนื่องจากได้รับการกีดกันในสังคม  หรือถูกล้อเลียน  ดังนั้น จะต้องมีการคัดกรองสุขภาพจิตเบื้องต้น เพื่อหาทางออกให้เกิดการปรับตัวได้ง่ายขึ้น

รวมถึงโรคที่เกิดจากไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต  เช่น การมีเพศสัมพันธ์เป็นหมู่ เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือไม่ชอบใส่ถุงยาง ก็อาจจะติดเชื้อหรือโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับบุคคล LGBTQ +    สามารถมาขอคำแนะนำ ปรึกษา หรือเข้าใช้บริการของ  RSU Health Clinic หรือติดตามได้ที่เพจ  RSU Healthcare

  • รู้ไหม? การเทคฮอร์โมน มีทั้งหมด 3 วิธี

สำหรับ การเทคฮอร์โมน ถือเป็นเรื่องต้นๆ ที่กลุ่ม LGBTQI +   หรือกลุ่มข้ามเพศจะนำมาใช้ เพื่อหยุดฮอร์โมนทางเพศตามเพศเดิมของตน นพ.ธนภพ กล่าวต่อว่าหลายคนจะได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่ หรือศึกษาค้นคว้าและเทคฮอร์โมนด้วยตนเอง อย่าง การทานยาคุม ซึ่งไม่แนะนำให้ทำ เพราะการทางยา อาจจะทำให้เกิดการใช้ยาผิดขนาด  และเกิดผลข้างเคียงอื่นๆ ตามมาได้

อยากให้ทุกคนไปพบแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อได้รับยาในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน ซึ่งในส่วนของ RSU Health Clinic มีการบริการ และให้คำปรึกษาในเรื่องนี้โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

วิธีการเทคฮอร์โมน จะมีทั้งหมด 3 วิธี  ดังนี้

รับประทาน ต้องต่อเนื่องทุกวัน ข้อดี คือ สะดวก ไม่เจ็บตัว สามารถเทคได้เอง ไม่จำเป็นต้องมาโรงพยาบาลบ่อยๆ (แต่ถึงแม้จะเลือกวิธีกิน ก็แนะนำให้มาโรงพยาบาลให้หมอจัดยาให้นะครับเพราะถ้าซื้อกินเองอาจจะได้ขนาดยาไม่ถูกต้อง และเกิดความไม่ปลอดภัยได้โดยเฉพาะผลเสียทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน) นอกจากนี้ต้องมีวินัย เพราะถ้าลืมระดับฮอร์โมนจะตกลง

ที่สำคัญ! วิธีนี้มีอาจผลต่อตับและเห็นผลช้ากว่าวิธีอื่น สำหรับทรานสวูแมน (ผู้ที่ข้ามจากชายเป็นหญิง) ที่ต้องการใช้วิธีรับประทาน ควรใช้ปริมาณที่เหมาะสมโดยให้แพทย์เป็นผู้ดูแล เพราะการรับประทานยาคุมกำเนิด พบว่ามีปริมาณฮอร์โมนสูงมากกว่าที่ควรจะเป็นถึง 6 เท่าอาจเกิดผลเสียระยะยาว เช่น ผลต่อตับหรือลิ่มเลือดอุดตันได้ เพราะการใช้ฮอร์โมนต้องใช้ระยะยาว

ฉีด ออกฤทธิ์เร็วกว่าแบบกิน ซึ่งมีด้วยกัน 2 แบบ คือ

แบบระยะสั้น แนะนำให้ฉีดทุก 2-4 สัปดาห์ (ทรานสแมน) เพราะการออกฤทธิ์จะค่อยๆ สูงขึ้นในสัปดาห์แรกแล้วลดลงเมื่อครบ 2 สัปดาห์ เมื่อมารับเข็มต่อไป ระดับฮอร์โมนก็จะสูงขึ้นไปใหม่ แต่ถ้าภายใน 2 สัปดาห์ยังไม่ได้เทคต่อ ในสัปดาห์ที่ 3-4 ระดับฮอร์โมนก็จะลดลงมา ต้องได้รับยาเข็มต่อไปโดยเร็ว ข้อดี คือ สามารถปรับระดับฮอร์โมนสูง-ต่ำได้ เพราะออกฤทธิ์อยู่ในช่วงสั้นๆ แต่ต้องฉีดบ่อยๆ สำหรับทรานวูแมน ก็สามารถฉีดเอสโตรเจน และ/หรือ ร่วมกับโปรเจสเตอโรนได้โดยส่วนใหญ่จะแนะนำฉีดทุก 1 สัปดาห์

แบบระยะยาวสำหรับทรานสแมน ตัวฮอร์โมนจะค่อย ๆ ออกฤทธิ์สูงขึ้นแล้ว ลดลงอย่างช้าๆ โดยออกฤทธิ์ได้นานถึง 3 เดือน แต่ถ้ามารับเข็มต่อไปช้า ระดับฮอร์โมนก็จะตกลงมาเล็กน้อย แนะนำให้ฉีดทุก 3 เดือน ข้อดี คือ ไม่ต้องมาฉีดบ่อย ระดับฮอร์โมนไม่เหวี่ยง ค่อนข้างคงที่ แต่ไม่สามารถปรับระดับฮอร์โมนได้ดีเท่าแบบระยะสั้น สำหรับทรานสวูแมน ยังไม่มีฮอร์โมนแบบฉีดที่ออกฤทธิ์ระยะยาว

ทา จะเป็นเจลทาตามผิวหนังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทุกวัน และต้องทาบริเวณที่ไม่ได้ไปสัมผัส บริเวณที่ไม่มีขนปกคลุมมาก ๆ เช่น หน้าท้อง หัวไหล่ ด้านในต้นขา เป็นต้น เพื่อให้ตัวฮอร์โมนดูดซึมได้ดี ข้อดี คือ สะดวก ไม่เจ็บตัว สามารถทาได้เอง ออกฤทธิ์ระยะสั้นเพียง 24 ชั่วโมง แต่ข้อเสีย คือ ราคาสูง ต้องทาทุกวัน และต้องรอให้แห้งก่อนถึงสวมใส่เสื้อผ้าได้ มีทั้งชนิดเป็นฮอร์โมนเพศชายสำหรับทรานสแมน และเป็นชนิดฮอร์โมนเพศหญิงสำหรับทรานสวูแมน

  • เลี้ยงลูกอย่างไร? เมื่อลูกมีพฤติกรรมบ่งชี้ LGBTQ

พญ.พรนิภา ศรีประเสริฐ กุมารแพทย์ ชำนาญการด้านจิตวิทยาสมอง การเรียนรู้และพัฒนาเด็ก โรงพยาบาลเปาโล เกษตร กล่าวว่า เด็กชาย ชอบเล่นตุ๊กตา หรือเด็กหญิงชอบเล่นฟุตบอลนั้น หากเป็นเด็กเล็ก พฤติกรรมการแสดงออกต่างๆ เกิดขึ้นจากการเรียนรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัว และการเลียนแบบตามสิ่งที่เด็กให้ความสนใจ โดยที่อาจไม่ได้รู้ความหมายแฝงของสิ่งนั้นๆ

ไม่ได้หมายความว่าจะมีความชอบ รสนิยมทางเพศ รวมถึงพฤติกรรมแบบเพศนั้น แต่อาจเป็นเพียงการอยากเล่นกับเพื่อน หรือพี่น้อง เป็นต้น ดังนั้นพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ถือเป็นข้อบ่งชี้ที่จะด่วนสรุปว่าลูกเป็น LGBTQ

คำแนะนำในการเลี้ยงลูก LGBTQ

เรื่องของความชอบถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถบังคับกันได้ รสนิยมทางเพศก็เป็นเรื่องความชอบในด้านหนึ่ง เหมือนกับความชอบสี ชอบรสชาติอาหาร ฯลฯ  และความชอบนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้เรื่อยๆ ไปตามอายุ ประสบการณ์ และบริบททางสังคม

ในทางกลับกันหากเรามองมุมกลับปรับมุมมองในฐานะของพ่อแม่ หรือผู้เลี้ยงดู เราเองก็ไม่สามารถบังคับให้ตัวเองชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่ง รวมถึงสิ่งที่เราเคยชอบในอดีต ปัจจุบันก็เปลี่ยนแปลงไปได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่ควรบังคับให้บุตรหลานชอบอะไร รวมถึงยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้อีกในอนาคตด้วยเช่นกัน

เนื่องจากหากการบังคับนั้นเป็นปัจจัยทำให้เค้าไม่ประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิต อาจกลายเป็นปมด้อย หรือตราบาปในใจติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต สิ่งที่พ่อแม่ควรทำมากกว่าคือ การยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น รวมถึงช่วยให้ลูกเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหา หรือความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ลูกอาจต้องพบเจอ และเมื่อถึงวันที่ลูกได้เป็นตัวของตัวเอง ได้เลือกในสิ่งที่ชอบ ได้ทำในสิ่งที่รัก ก็มีแนวโน้มที่ชีวิตของลูกจะประสบความสำเร็จมากกว่า และนั่นคือการประสบความสำเร็จในหน้าที่ของพ่อแม่ด้วยเช่นกัน

  • หากลูกอยากแปลงเพศ ควรทำไหม? กลัวลูกเลือกทางผิด

ในทางการแพทย์ การแปลงเพศ ไม่ใช่เดินเข้ามาแล้วผ่าตัดได้เลย แต่จะมีกระบวนการเตรียมตัวทางการแพทย์ ซึ่งจะได้รับการดูแลโดยนักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญ ประกอบไปด้วย การทำแบบทดสอบทางด้านจิตวิทยาเพื่อประเมินสภาวะความพร้อมและความมั่นคงทางด้านจิตใจโดยนักจิตวิทยา และการลองใช้เพศสภาพที่ต้องการ เช่น การแต่งตัว การใช้ชีวิตเป็นอีกเพศ

ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด จนมั่นใจว่ามีความพร้อมและมั่นใจในการข้ามเพศ แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการเตรียมตัวผ่าตัดแปลงเพศต่อไป ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงมั่นใจได้ว่า ก่อนผ่าตัดนั้นลูกได้ผ่านการคิด ตัดสินใจ และใช้ชีวิตในแบบที่ลูกต้องการก่อนแล้ว

สุดท้าย ไม่ว่าลูกจะเป็นเพศอะไร มีเพศสภาพแบบไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือ สายสัมพันธ์ในครอบครัว และกำลังใจจากพ่อแม่ ที่จะทำให้ลูกกล้าเผชิญชีวิตต่อไปได้ ดูแลร่างกายแล้วอย่าลืมดูแลจิตใจ

อ้างอิง : รพ.พญาไท

Adblock test (Why?)


วัยรุ่นวุ่นวาย : LGBTQ+ ทำอย่างไร? เมื่อใจไม่ตรงกับเพศ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Tuesday, August 30, 2022

WHA ลุ้น “กำไร” ทำสถิติสูงสุด ปรับเป้ายขายที่ดินเพิ่ม - กรุงเทพธุรกิจ

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ายอดขายที่ดินปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 1,650 ไร่ จากเดิม 1,250 ไร่ แบ่งเป็นยอดขายที่ดินในประเทศไทยจำนวน 1,400 ไร่ และในประเทศเวียดนามจำนวน 250 ไร่ เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกสามารถปิดดีลขายที่ดินไปได้แล้ว 513 ไร่ ขณะที่ในไตรมาส 3 ปี 2565 มีแนวโน้มที่มากขึ้น โดยยังมีการเจรจาดีลขายที่ดินนิคมฯ ที่ได้ทำ MOU กับลูกค้าไว้แล้วจะทยอยปิดดีลอีก 230 ราย และยังมีดีลอื่นๆ ที่จะปิดการขายเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือปีนี้ 

ทั้งนี้คาดว่าปีนี้ผลประกอบการทั้งรายได้ และกำไรมีโอกาสทำออไทม์ไฮได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังต้องรอดูในช่วงไตรมาส 4 ปี 65 ส่วนยอดโอนที่ดินนิคมอุตสาหกรรมปีนี้คาดจะทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,100 ไร่ จากการที่บริษัทสามารถปิดดีลขายที่ดินกับลูกค้าได้มากขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีหลังยังมีมูลค่ายอดขายที่ดินที่รอโอน (Backlog) กว่า 649 ไร่ ที่จะทยอยโอนเข้ามา และคาดว่าในปี 66 จะมี Backlog ที่ทยอยโอนเข้ามาอีกมากกว่า 1,000 ไร่

สำหรับปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในเมืองไทยจำนวนมาก สะท้อนผ่านสัดส่วนนักลงทุนที่เป็นลูกค้าของบริษัทในช่วงปี 2562-ปัจจุบัน พบประเทศจีน มีสัดส่วนสูงสุดถึง 41% , ญี่ปุ่น 7% , ยุโรป 8% และสหรัฐ 6% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มาแรงและโดดเด่นมาคือ กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) โดยนักลงทุนต่างชาติอยากให้ไทยเป็นฮับในอุตสาหกรรมอีวีในรถพวงมาลัยด้านขวา  

WHA ลุ้น “กำไร” ทำสถิติสูงสุด ปรับเป้ายขายที่ดินเพิ่ม “เราเห็นการฟื้นตัวของผู้ประกอบการกลับมาเริ่มทยอยลงทุนกันมากขึ้น หลังจากการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง หลายประเทศรวมถึงไทยกลับมาเปิดเมืองและประเทศ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยกลุ่มลูกค้าที่กลับมาลงทุนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น สหรัฐ และยุโรป กลับเข้ามาเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตอีกครั้ง”

รวมถึงมีกระแสการย้ายฐานการผลิตจากจีนเข้ามาสู่อาเซียน ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายที่ภาคอุตสาหกรรมจะย้ายเข้ามา เช่นเดียวกับ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ทำให้บริษัทได้อานิสงส์เชิงบวกในปัจจัยดังกล่าว 

ขณะเดียวกัน มองว่าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนที่ทวีความร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง ส่งผลบวกต่อกลุ่มประเทศอาเซียนในแง่ของการย้ายฐานการผลิตมาอีกในระยะยาว เพื่อผลิตสินค้าส่วนประกอบต่าง ๆ ป้อนให้กับผู้ผลิตชั้นนำในโลก ทำให้การเติบโตทางด้านความต้องการที่ดินนิคมอุตสาหรรมเพื่อก่อสร้างโรงงานในกลุ่มอาเซียนที่เป็นประเทศเกิดใหม่มีสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้า สินค้าอุปโภคและบริโภค และกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

สำหรับพื้นที่เช่าคลังสินค้าปีนี้ยังสามารถปิดดีลทำสัญญาลูกค้าเช่าพื้นที่คลังสินค้าใหม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ 185,000 ตารางเมตร จากในช่วงครึ่งปีแรกได้เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่คลังสินค้ากับลูกค้าใหม่ไปแล้ว 98,214 ตารางเมตร รวมถึงมั่นใจสามารถทำสัญญาลูกค้าเช่าคลังสินค้าระยะสั้นได้ตามเป้าที่ 100,000 ตารางเมตร จากครึ่งปีแรกทำสัญญาลูกค้าเช่าพื้นที่คลังสินค้าระยะสั้นแล้ว 96,071 ตารางเมตร

Adblock test (Why?)


WHA ลุ้น “กำไร” ทำสถิติสูงสุด ปรับเป้ายขายที่ดินเพิ่ม - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

TCP ผสานมือพันธมิตร ลงมือทำจริง Action Plans 'เปลี่ยนผ่านธุรกิจยั่งยืน' - ฐานเศรษฐกิจ

การเดินหน้าสู่เป้าหมายดังกล่าวได้ ต้องอาศัยความร่วมมือตลอดซัพพลายเชนอย่างที่กล่าวไปแล้ว ซึ่งกลุ่มธุรกิจ TCP จะร่วมพังกับพันธมิตรธุรกิจ ใน 3 แนวทาง คือ

  1. ความร่วมมือมือ ที่จะมีการพูดคุยกันถึงการพัฒนาและการลงทุน การส่งเสริมการวิจัย การติดตั้งโซล่าร์รูฟ รวมถึงการส่งเสริมด้านการศึกษา
  2. การแบ่งปันทรัพยากรและองค์ความรู้ เรื่องความยั่งยืนไม่ควรเป็นความลับขององค์กร
  3. การปรับตัวและกำหนดเป้าหมายที่เป็นไปได้จริง เดินหน้าด้วยแนวคิดที่ร่วมมือกันกันกับทุกภาคส่วน 

TCP ผสานมือพันธมิตร  ลงมือทำจริง Action Plans ‘เปลี่ยนผ่านธุรกิจยั่งยืน’  

“สราวุฒิ” ย้ำว่า การขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืน เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และต้องเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน โดยส่วนของกลุ่มธุรกิจ TCP ได้เริ่มต้นจากภายในองค์กร และปีนี้ ได้นำเรื่องความยั่งยืนมาเป็นหนึ่งในเคพีไอที่พนักงานจะทำให้เป็นปกติในการทำงาน เป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงมือทำจริง เช่นเดียวกับการพูดคุยกับซัพพลายเออร์ และการผนึกกำลังกับภาคี เพื่อเดิหน้าไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนร่วมกัน 


หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,812 วันที่ 25 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2565

Adblock test (Why?)


TCP ผสานมือพันธมิตร ลงมือทำจริง Action Plans 'เปลี่ยนผ่านธุรกิจยั่งยืน' - ฐานเศรษฐกิจ
Read More

แจงทุกอย่าง-ทำดีที่สุดแล้ว! “นิพนธ์” พร้อมรับคำวินิจฉัยศาล รธน. 14 ก.ย. - กรุงเทพธุรกิจ

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 14 ก.ย. เกี่ยวกับคุณสมบัติการดำรงจากตำแหน่งรัฐมนตรี จากกรณีที่กระทรวงมหาดไทย เคยมีคำสั่งย้อนหลังให้พ้นตำแหน่ง นายก อบจ.สงขลา ว่า ได้ชี้แจงครบถ้วนแล้ว ทั้งข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง และคำแถลงปิดคดี 

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ข้อต่อสู้หลัก ๆ มีรายละเอียดจำนวนมาก ทั้งเรื่องคำสั่งของ ป.ป.ช. ที่มีไปถึงกระทรวงมหาดไทยดำเนินการ ช่วงรอยต่อของกฎหมายเก่ากับกฎหมายใหม่ การแสดงให้เห็นว่าการดำเนินการไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด รวมถึงข้อเท็จจริงในคดีที่ได้ย้ำหลายรอบ เกี่ยวกับสาเหตุที่ไม่จ่ายค่าจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ สมัยที่เป็นนายก อบจ.สงขลา มั่นใจว่าทำดีที่สุดแล้ว จึงพร้อมน้อมรับทุกเรื่อง

เมื่อถามว่า หากนายนิพนธ์จะต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ได้เตรียมใครไว้แทนหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ต้องรอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พิจารณา 

เมื่อถามว่าจะเป็นโควตาของกลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ในพรรคหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์จะพิจารณา

เมื่อถามอีกว่า กังวลหรือไม่ว่าเรื่องนี้จะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า นายนิพนธ์ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะการเลือกตั้งคือการเลือกตั้ง 

ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยได้ลงพื้นที่ภาคใต้มากขึ้นนั้น นายนิพนธ์ กล่าวว่า ทุกพรรคมีสิทธิไปทุกที่ พรรคประชาธิปัตย์ก็เช่นกัน ดังนั้นการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น จึงเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะเตรียมความพร้อม

Adblock test (Why?)


แจงทุกอย่าง-ทำดีที่สุดแล้ว! “นิพนธ์” พร้อมรับคำวินิจฉัยศาล รธน. 14 ก.ย. - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ภาพรวมยังอาจผันผวนจากแรงทำกำไรสลับ เน้นเลือกเก็งกำไรรายตัว - กรุงเทพธุรกิจ

ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญ ได้แก่ 1) การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 9 ก.ย. ตลาดประเมินมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 0.75% 2) ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ตลาดประเมินมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 0.75% 3) ตลาดจับตาปัญหาสภาพคล่อง (Liquidity) ที่อาจกระทบต่อภาพของสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากเฟดจะเริ่มลดขนาดงบดุลเต็มที่ 9.5 หมื่นล้านเหรียญ/เดือน (จาก 4.75 หมื่นล้านเหรียญ ช่วง มิ.ย.-ส.ค.) ดังนั้นเราประเมินภาพรวมนักลงทุนจะยังอยู่ในลักษณะระมัดระวังจากทิศทางเงินทุนระยะสั้นที่อาจผันผวน โดยประเมินกรอบการแกว่งตัวก.ย.ที่ 1,600-1,650 จุด

กลุ่มพลังงานต้นน้ำ คาดได้แรงหนุนจากการแกว่งของราคาน้ำมันดิบ แม้โดยปกติราคาน้ำมันดิบมักจะสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรก แต่ในปีนี้ ความขาดแคลนพลังงานในยุโรปและอุปทานก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ตึงตัว ทำให้เมื่อเข้าสู่หน้าหนาว อาจเห้นการนำดีเซลไปใช้ช่วยผลิตไฟฟ้า ประกอบกับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของสหรัฐฯ ที่จะมีผลตั้งแต่ 5 ธ.ค. 65 จะทำให้ราคาน้ำมันดิบ มีโอกาสฟื้นตัวเชิงบวกในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกของกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTTEP และ BANPU / สำหรับกลุ่มโรงกลั่นอาจได้จิตวิทยาบวกระยะสั้น แต่ต้องระวังแรงทำกำไรจากงบไตรมาส 3/65 ที่คาดว่าจะออกมาอ่อนแอ / สำหรับหุ้นที่สามารถถือลงทุนได้ ในกลุ่มเราให้หุ้นเด่นเป็น IVL และ OR
 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มได้ประโยชน์จากคนละครึ่งเฟส 5 อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE, TNP, KK, MAKRO 2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 4) มาตรการสนับสนุน EV ได้แก่ EA, GPSC, PIMO  5) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 6) เก็งกำไรทางเทคนิค CPALL, SCGP, TOP, RATCH, CRC, CPF, RS, SC, TH, TLI, BAM

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวลงในกรอบ 1,600-1,650 จุด เน้นเลือกประเด็นบวกรายตัว ภาพใหญ่ทยอยเลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ซื้อ: ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร กองรีทส์/ สะสมค้าปลีก การเงิน) สำหรับ DR หุ้นจีน ทยอยสะสม สำหรับการเก็งกำไร เน้นหุ้นที่ยังปรับขึ้นน้อย   //หุ้นแนะนำ:  PTTEP*, VRANDA*, LHFG*, ASIAN*

แนวรับ: 1,608-1,620 / แนวต้าน : 1,640 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน
 

ดอลลาร์พุ่งนิวไฮ 20 ปี - ดัชนีดอลลาร์ทำสถิติพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 20 ปี พุ่งแตะระดับ 109.48 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.2545 

โกลด์แมนแซคส์แนะนักลงทุนซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ –  คาดการณ์ว่าแนวโน้มที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยนอกยุโรปในช่วง 12 เดือนข้างหน้านั้นค่อนข้างต่ำ มองว่าน้ำมันเป็นการลงทุนระยะยาวที่น่าสนใจ เพราะน้ำมันเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่พึ่งสุดท้ายในยุคที่เกิดภาวะขาดแคลนพลังงานขั้นรุนแรง

ซาอุฯ อาจปรับลดราคาน้ำมันดิบเดือนต.ค.ให้เอเชีย – หลังค่าพรีเมียมในตลาดสปอตปรับตัวลดลง เนื่องจากความต้องการเชื้อเพลิงลดลง ขณะที่การเพิ่มขึ้นของสินค้าเก็งกำไรกดดันราคาน้ำมันในภูมิภาค อาจปรับลดราคาขายน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการสำหรับน้ำมันดิบ Arab Light ลงได้ประมาณ 4.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนต.ค.

จีนสั่งระงับนำเข้าเนื้อสัตว์บางส่วนจาก"ไทสัน ฟู้ดส์" หลังไม่ผ่านการประเมิน- คำสั่งระงับการนำเข้าในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังทางการจีนสั่งระงับการนำเข้าเนื้อสัตว์จากโรงงานอีก 2 แห่งในสหรัฐเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยอ้างว่าพบสารเร่งเนื้อแดง ซึ่งเป็นสารเติมแต่งที่สหรัฐอนุญาตให้ใช้ แต่ไม่ได้รับอนุญาตในจีน

สศค.เผยเศรษฐกิจก.ค.ได้ปัจจัยบวกจากท่องเที่ยวฟื้น-รายได้เกษตรหนุน –เศรษฐกิจไทยในเดือน ก.ค.65 ได้ปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น จากจำนวนที่เพิ่มขึ้นทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ประกอบกับรายได้เกษตรกรขยายตัวต่อเนื่อง ช่วยหนุนการบริโภคภาคเอกชน 

ธุรกิจภัตตาคาร-ร้านอาหารยังมาแรง - อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยการจดทะเบียนธุรกิจประจำก.ค.65 มีผู้ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 5,858 ราย ลดลง -12% MoM แต่เพิ่มขึ้น +3% YoY โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียน 29,111.36 ล้านบาท และประเภทธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่กลับมาติดอันดับ 3 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน

ASIAN กำหนดวัน XB ผถห.รับสิทธิซื้อหุ้น IPO ของ AAI 16 ก.ย. - การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (AAI) ที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Pre-emptive Right)

Opportunity day – 30 ส.ค. – GFPT, NCH, DMT, SA, CRC, AH, SCM / 31 ส.ค. – SMPC, EGCO, AIMIRT, BGRIM, BAFS, SAT, PRINC / 1 ก.ย. – SPCG, MEGA, NDR, SGP, AIT, KISS

ประเด็นติดตาม: 30 ส.ค. – US JOLTs, US CB Consumer Confidence / 31 ส.ค. – EU CPI, Crude Oil Inventories / 1 ก.ย. – US Initial Jobless Claims, US ISM Manufacturing PMI / 2 ก.ย. – US Nonfarm Payrolls, US Unemployment Rate

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
 

Adblock test (Why?)


ภาพรวมยังอาจผันผวนจากแรงทำกำไรสลับ เน้นเลือกเก็งกำไรรายตัว - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Monday, August 29, 2022

'เด็กจบใหม่'หางานทำยากยุคเศรษฐกิจจีนช่วงขาลง - กรุงเทพธุรกิจ

เศรษฐกิจจีนที่ชลอตัวลงทำให้นักศึกษาจบใหม่เจอปัญหาในการหางานทำมากขึ้่นขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจจีนตอกย้ำว่าตลาดแรงงานจีนยังคงเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงยิ่งกว่าเดิมไปอีกอย่างน้อยก็หลายปี

ผลสำรวจของรัฐบาลจีนบ่งชี้ว่าหนุ่มสาวในเมืองมากถึง 1 ใน 5 ไม่มีงานทำ ท่ามกล่างการแข่งขันหางานที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย

เศรษฐกิจจีนที่เติบโตช้าลงกว่าเดิมทำให้คนรุ่นใหม่ อย่างนักศึกษาจบใหม่ต้องเจอกับอนาคตที่ไม่แน่นอน เพราะต้องแข่งขันกันอย่างรุนแรงเพื่อหางานทำ โดยข้อมูลของทางการระบุว่า ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คนหนุ่มสาวที่อยู่ในเมืองมากถึง 1 ใน 5 ไม่มีงานทำ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ เมื่อปี 2018 มากถึง 3 เท่า

การแข่งขันเพื่อหางานทำของคนหนุ่มสาวในจีนจะยังคงรุนแรงขึ้นไปอีก เนื่องจากปีนี้ มีนักศึกษาจบใหม่เข้าสู่ตลาดหางานเพิ่มอีก 11 ล้านคน ขณะที่เศรษฐกิจจีนโตขึ้นแค่ 0.4% ในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้นักศึกษาจบใหม่หางานทำยากคือการที่คนทำงานที่มีประสบการณ์แล้ว ยอมลดเงินเดือนตัวเองลงมาเท่ากับนักศึกษาจบใหม่ จึงทำให้บริษัทต่างๆ หันไปเลือกคนที่มีประสบการณ์ทำงานแล้วมากกว่าที่จะเลือกนักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงาน ขณะที่อัตราเงินเดือนของนักศึกษาจบใหม่ก็ลดลงมาจากปีที่แล้วอีก 12%

นักศึกษาจบใหม่บางส่วนที่ยังหางานทำไม่ได้ ตัดสินใจไปเรียนต่อในระดับปริญญาโท เพื่อเพิ่มโอกาสในการหางานทำ และได้เงินเดือนที่เพิ่มขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาเป็นห่วงว่าอาจจะทำให้เกิด ภาวะวุฒิการศึกษาเฟ้อ ซึ่งหมายถึงการที่คนหางานมีวุฒิการศึกษาสูงเกินความจำเป็นกว่าที่ตลาดต้องการ ท้ายที่สุด คนหางานอาจจะได้งานและเงินเดือนที่ต่ำกว่าคุณสมบัติของตัวเอง

ทั้งนี้ คาดว่าตัวเลขคนหนุ่มสาวที่ว่างงานที่แท้จริงของจีนอาจจะสูงมากกว่านี้ถึง 1 เท่า เนื่องจากการเก็บข้อมูลของรัฐบาลจีนไม่ได้ครอบคลุมเขตเมืองห่างไกลอย่างทั่วถึง และหากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว อาจจะนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่มากกว่านี้ในอนาคต เช่นปัญหาความรุนแรงในครอบครัว หรือการก่ออาชญากรรมที่สูงขึ้น

ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจของจีนนั้น บรรดานักวิเคราะห์ต่างมีมุมมองเชิงลบมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน โดยพร้อมใจกันลดคาดการณ์การเติบโตสำหรับปี 2565 และมองว่า ความเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจจะยืดเยื้อไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากภาวะปั่นป่วนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่สิ้นสุดลง

ผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์รายไตรมาสฉบับล่าสุดของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตเพียง 3.5% ในปีนี้ ลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 3.9% ขณะที่ การคาดการณ์การขยายตัวสำหรับช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีหน้าลดลง 0.1% -0.4% แม้การคาดการณ์เฉลี่ยสำหรับตลอดทั้งปี 2566 ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปที่ 5.2%

การลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนสะท้อนให้เห็นว่า นักเศรษฐศาสตร์ไม่เชื่อว่าการบังคับใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะช่วยยับยั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวได้ โดยเมื่อไม่นานมานี้ จีนเพิ่งอัดฉีดเม็ดเงิน 1 ล้านล้านหยวนในกองทุนเพื่อโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR)

ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและผู้บริโภคจีนชะลอตัวลงอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เมืองใหญ่ต่าง ๆ เช่น เซี่ยงไฮ้ต้องล็อกดาวน์และปิดธุรกิจต่อเนื่องยาวนาน นอกจากนั้น วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในประเทศยังทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในปีนี้

แต่“หยาง หยินข่าย” รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (เอ็นดีอาร์ซี) แสดงความมั่นใจว่าจีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ประมาณ 3% ในปีนี้ได้

หยาง กล่าวว่า ความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการผลิต อุปทาน การจัดเก็บ และการตลาดของสินค้าหลัก ๆ ทำให้จีนยังคงสามารถรักษาเสถียรภาพด้านราคาโดยรวมเอาไว้ได้

หยางกล่าวเสริมว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อหลัก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ค. ซึ่งต่ำกว่าดัชนี CPI ของประเทศเศรษฐกิจใหญ่และประเทศตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่

หยางบอกด้วยว่า เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากการนำเข้า และราคาเนื้อหมูที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ดัชนี CPI อาจปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในช่วงหลายเดือนที่เหลือของปีนี้ รวมถึงในไตรมาสแรกของปีหน้า เมื่อเทียบกับหลายเดือนก่อนหน้านี้

ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (เอ็นบีเอส) เปิดเผยว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนปรับตัวลง 1.1% ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ แตะที่ระดับ 4.89 ล้านล้านหยวน โดยตัวเลขดังกล่าวได้จากการสำรวจบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมที่มีรายได้ต่อปีอย่างน้อย 20 ล้านหยวน หรือประมาณ 2.92 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี รายได้รวมของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น8.8% ในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ แตะ 76.57 ล้านล้านหยวน

"จู ฮง" นักสถิติอาวุโสของเอ็นบีเอส ให้ความเห็นว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์และรถยนต์ เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานและการผลิตเริ่มกลับมาดำเนินการปกติ และจากการที่รัฐบาลออกนโยบายส่งเสริมการบริโภค เช่น การลดภาษีซื้อรถยนต์ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว

Adblock test (Why?)


'เด็กจบใหม่'หางานทำยากยุคเศรษฐกิจจีนช่วงขาลง - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

เตือนด่วน ใครคิดทำศัลยกรรมหน้าเหมือน "ดารา" ชีวิตอาจพังมากกว่าปังแบบนี้ - คมชัดลึก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ล่าสุด หลายคนที่คิดถึงการศัลยกรรม ก็คงมีความฝันอยากทำหน้าให้เหมือนดาราที่ชื่นชอบ แต่รู้หรือไม่? ่ว่าหน้าเหมือนแล้ววาสนาจะเหมือนนะจ๊ะ ซินแสคนดัง อ. ตงฟางซินแซ นางพญาโหงวเฮ้ง  เตือน  อย่าทำ ศัลยกรรมให้หน้าเหมือน ดารา เพราะชีวิตอาจจะยิ่งพัง  มากกว่าปัง ก็เป็นได้ 

ออกมาเตือนกันแต่เช้า และเป็นเรื่องที่อาจจะเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ถ้าใครเชื่อ จากที่ซินแซได้วิเคราะห์โหงวเฮ้งคนจริงมา น่าจะหลายพันคน หรือเกือบหมื่นคน เท่าที่สถิติที่ อ.ตงฟางซินแซ นางพญาโหงวเฮ้ง  เคยพบส่วนใหญ่ คนจะเข้าใจว่า ทำจมูก ทำตา ทำหน้าให้เหมือน หรือ พยายาม ให้เหมือนดารา superstar ดาราไทยหรือ ต่างประเทศ นั้น  

"ส่วนใหญ่ ทำมาแล้ว โดยไม่รู้ดวงชะตาตัวเอง หรือ กระแสธาตุของตัวเอง ตามหลักโหราศาสตร์จีน ปาจื่อโหงวเฮ้ง   ส่วนใหญ่ มักดี ในตอนแรก โดยเฉพาะ ช่วง 1-2 ปีที่ทำ" เลยอยากเตือนให้ชาวคมชัดลึกบันเทิงทุกคน ระวัง 

เตือนด่วน ใครคิดทำศัลยกรรมหน้าเหมือน "ดารา" ชีวิตอาจพังมากกว่าปังแบบนี้   บอกอีกว่า หากทำเหมือนจริงๆ แต่พอไปนานๆสักระยะ ชีวิตมักจะแย่ลงและมี ดราม่าในชีวิตเยอะ  อันนี้พูดไป ก็กลัวทัวร์ลง หรือเป็น ดราม่า เหมือนกัน เพราะ หลายคนก็ถามว่า ดาราเขาก็รวย ก็ประสบความสำเร็จ มีแฟนดี ทำไมทำหน้าแบบเขาไม่ดี  

อันนี้อ.ตงฟาง ต้องตอบแบบเชิงวิชาการพยากรณ์ เลยว่า  "ดาราที่ดัง และ ประสบความสำเร็จ ในชีวิต ทุกคนโหงวเฮ้ง ดีมาก นะคะ แต่ผู้ทำหน้าเหมือนดารา คุณไม่ได้ เกิดวันเดียวปีเดียว เวลาเดียวกับเขา พลังงาน หรือ วาสนามันต่างกัน จึงดีและปัง อย่างเขาไม่ได้  เพราะ ถ้าจะทำศัลยกรรม เพื่อ ปรับโหงวเฮ้งนั้น ต้องทำให้เป็นตัวเอง มากที่สุด ถึงจะดี หรือ โหงวเฮ้ง ดีที่สุด  เช่น คุณเป็นคน ดิถี ธาตุทอง ดวงอ่อน ดวงชะตาต้องการธาตุไฟ  สาระร่าง หรือ เบ้า ของคุณ สามารถทำศัลยกรรมได้ คือ สามารถทำจมูก คือ ธาตุดิน ดินกำเนิดทอง  และ ดวงชะตาต้องการ ธาตุไฟ  ดังนั้น คุณสามาถทำตาและจมูกได้ มีแนวโน้มสมดุลในดวงชะตาโหราศาสตร์จีนหรือปาจื่อ เมื่อดวงชะตาดี ดวงสมดุล มีแนวโน้มชีวิตจะดีนะคะ เท่าที่เห็นมักเป็นเช่นนั้น ที่สำคัญหมอต้องเก่งงาน ประนีตด้วยนะคะจะดี ยิ่งขึ้น แต่ถ้าดวงคุณ ไม่ต้องการธาตุดิน ต่อให้ทำจมูกเหมือนดารา คนดัง ชีวิตก็ อาจมีแนวโน้มพัง หรือไม่สมดุล ในดวงได้"

เตือนด่วน ใครคิดทำศัลยกรรมหน้าเหมือน "ดารา" ชีวิตอาจพังมากกว่าปังแบบนี้
  มาถึง คำถามที่ว่า ทำศัลยกรรม แบบใดโหงวเฮ้ง ดวงจะดีที่สุด ขอตอบเลยคะว่า ไม่ควรทำศัลยกรรมตามใคร ควรทำศัลยกรรมที่เป็นตัวเอง ของตัวเองดีที่สุด ทำกับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดีที่สุดคะ และ ตัวอย่างในการทำ ก็สามารถ เอาดารา ที่ เบ้าหน้าโครงหน้า ใกล้เคียงคุณ มาเป็นแบบได้ อันนี้จะง่าย ในทำศัลยกรรม อย่าเลือกดาราที่อยากเหมือนอยากเป็นเกินไป ให้เลือกดารา คนดังที่ใบหน้าเราใกล้เคียง หรือเติมเต็มตัวเราได้ จะสวย และปังที่สุด เท่าที่หมอจะทำให้ได้นะคะ ที่สำคัญ ต้องรู้ดวงชะตาตัวเอง ก่อน นะคะว่า ปาจื่อ โหราศาสตร์จีน  คือ ต้องวิเคราะห์ แบบจีนใช้ปาจื่อ ฮวงจุ้ย หรือฉีเหมินตุ้นเจี่ย เท่านั้นนะคะ ในการวิเคราะห์ เพราะโหงวเฮ้ง คือ ศาสตร์พยากรณ์จีน ต้องใช้วิชาทางจีนโบราณ น่าจะตอบโจทย์ ที่สุดนะคะ จากประสบการณ์ คนที่ทำศัลยกรรม รู้จักหลักดวงชะตา ทำแล้วดวงชะตาสมดุล สวยในแบบตัวเอง มีแนวโน้มชีวิตดี มากกว่า เหมือนดาราคนดังนะคะ และเป็นคนธรรมดา ที่มีความสุขในชีวิต อย่างเติมเต็ม  ที่เป็นเช่นนั้น จากที่เก็บตัวอย่างของคนมาปรึกษา สะท้อนให้เห็นระหว่างโหราศาสตร์จีน ปาจื่อ โหงวเฮ้ง ฮวงจุ้ย ส่งผล เชื่อมถึงกันคือ  เทียน เหริน ตี่ เหอ  อี่ 天人地合一 ฟ้าคนดินรวมกันเป็นหนึ่ง  เมื่อฟ้าคนดินรวมกันเป็นหนึ่ง คือ คนของฟ้า ก็ไม่จำเป็นต้องหน้าเหมือนใคร สวยและปังที่สุดในแบบของตัวเอง  และ ที่สำคัญ โหงวเฮ้งดารา คนดัง กับคุณ วาสนา ต่างกัน ดังนั้น ถ้าเอาคล้ายพอได้ แต่จะสวย เหมือนกันนั้นไม่ได้ เพราะ วาสนา โอกาสต่างกัน ไม่แน่ว่า สวยแบบที่เป็นตัวคุณนี่แหละ อาจเป็นคนธรรมดาที่ ดารา อาจอิจฉาก็เป็นได้นะคะ ขอบคุณคะ 
                            
อย่างไรก็ตาม ทุกคำทำนาย ทำนายตามหลักโหราศาสตร์จีน ปาจื่อ   โหงวเฮ้ง ฮวงจุ้ย อี้จิง ฉีเหมินตุ่นเจี่ย ที่สำคัญจงเชื่ออย่างมีสติ พิจารณามหาพิจารณา เพราะคำว่า โหราศาตร์ คือเรื่องการ พิจารณาเรื่องกาลเวลา จงใช้ วิจารณานในการอ่าน และ ไม่ดราม่านะจ๊ะทุกคน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

Adblock test (Why?)


เตือนด่วน ใครคิดทำศัลยกรรมหน้าเหมือน "ดารา" ชีวิตอาจพังมากกว่าปังแบบนี้ - คมชัดลึก
Read More

เหมือนทำสงคราม!คอนเต้ ยกนิ้ว สเปอร์ส ฮึดคว่ำ ฟอเรสต์ - สยามกีฬา

[unable to retrieve full-text content]

เหมือนทำสงคราม!คอนเต้ ยกนิ้ว สเปอร์ส ฮึดคว่ำ ฟอเรสต์  สยามกีฬา
เหมือนทำสงคราม!คอนเต้ ยกนิ้ว สเปอร์ส ฮึดคว่ำ ฟอเรสต์ - สยามกีฬา
Read More

Sunday, August 28, 2022

กต.เตือนภัยแก๊งหลอกหางานทำ 3 ประเทศยอดนิยม - กรุงเทพธุรกิจ

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยวันนี้ (28 ส.ค.) ว่า ​ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมการกงสุล และสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศหลายแห่ง อาทิ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา ได้รับแจ้งการขอรับความช่วยเหลือกรณี คนไทยถูกหลอกไปทำงานในต่างประเทศ

ส่วนใหญ่เป็นกรณีตำแหน่งหน้าที่ รายได้ สวัสดิการที่ไม่ตรงกับที่ประกาศหรือโฆษณาไว้ก่อนเดินทาง รวมทั้งมีการถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย และบีบบังคับให้ทำงานโดยมิได้สมัครใจ และมีหลายรายถูกนายจ้างหรือผู้ชักชวนเรียกเงินจำนวนมากเพื่อแลกกับการปล่อยตัว

กระทรวงการต่างประเทศจึงแจ้งเตือนผู้ที่ประสงค์ไปทำงานในต่างประเทศ ที่กำลังหางานผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะเฟซบุ๊คและไลน์กลุ่ม ให้พึงระวังและอย่าหลงเชื่อขบวนการหลอกลวงคนไทยไปทำงานในต่างประเทศ ดังนี้

1.การไปทำงานในเมียนมา

​ขอให้ระวังและอย่าหลงเชื่อประกาศรับสมัครคนไทย เพศหญิง บุคลิกดี ทำงานตำแหน่งพนักงานต้อนรับในสถานบันเทิง โรงแรม หรือคาสิโน มีเงินเดือนสูง พร้อมที่พัก อาหารและสวัสดิการต่าง ๆ โดยนายหน้าคนไทยมักจะนัดแนะให้เหยื่อเดินทางข้ามแม่น้ำสายที่ อ. แม่สาย จ. เชียงราย ซึ่งถือเป็นการหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย

เมื่อเดินทางถึงเมียนมา จะถูกส่งตัวไปในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออกของเมียนมาติดกับชายแดนประเทศจีน (เมืองลา เมืองป๊อก เมืองเล้าไก่ เขตปาซาง และเขตมูเซ) และถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศ หากไม่ยินยอมจะถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย หรือส่งขายต่อให้นายจ้างรายอื่น หากต้องการกลับไทยต้องนำเงินมาไถ่ตัว ขอเรียนว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอิทธิพลของกองกำลังทหารชนกลุ่มน้อย ซึ่งยากต่อการติดต่อและเข้าถึงพื้นที่ และมีความอ่อนไหวทางการเมืองสูง การให้ความช่วยเหลือจึงต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังและรอบคอบ จึงไม่สามารถดำเนินการได้ทันทีหรือในเวลาอันรวดเร็ว จะสามารถเดินทางกลับไทยได้ก็ต่อเมื่อชำระค่าปรับหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเมียนมาแล้ว และเมื่อเดินทางกลับเข้าไทยอาจต้องชำระค่าปรับหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของไทยอีกด้วย

2.การไปทำงานในกัมพูชา

ขอให้ระวังและอย่าหลงเชื่อประกาศรับสมัครงานตำแหน่งแอดมินออนไลน์ หรือเจ้าหน้าที่การตลาด ที่ไม่ต้องมีประสบการณ์การทำงาน รายได้ดี มีที่พัก อาหารและสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อไปทำงานใน จ. พระสีหนุ (สีหนุวิลล์) กรุงพนมเปญ เมืองปอยเปต และ จ. สเวเรียง

นายหน้าคนไทยจะนัดแนะให้เหยื่อเดินทางไป จ. สระแก้ว เพื่อเดินเท้าเข้ากัมพูชาตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในเวลากลางคืน โดยไม่ใช้หนังสือเดินทางและไม่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นการหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายและสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายจากการเหยียบกับระเบิด

เมื่อเดินทางถึงกัมพูชา นายจ้างจะบังคับให้ทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงคนไทย หรือชักชวนให้เล่นพนันออนไลน์ หากทำงานไม่ได้ตามเป้าหมาย หรือไม่ยินยอมทำงาน จะถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย ส่งขายต่อให้นายจ้างรายอื่น หรือถูกบังคับให้ต้องนำเงินมาไถ่ตัว

3.การไปทำงานในฟิลิปปินส์

ขอให้ระวังและอย่าหลงเชื่อประกาศรับสมัครงานตำแหน่งต่างๆ อาทิ แอดมินออนไลน์ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่การตลาด โดยไม่ต้องมีประสบการณ์ทำงาน รายได้ดีตั้งแต่ 25,000-50,000 บาท/เดือน พร้อมค่าล่วงเวลา โดยนายจ้างจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง พร้อมที่พัก อาหาร สวัสดิการต่าง ๆ และจะดำเนินการเรื่องวีซ่าให้เมื่อเดินทางถึงฟิลิปปินส์

แต่เมื่อเหยื่อเดินทางถึงฟิลิปปินส์ จะถูกบังคับให้เซ็นสัญญาทำงานที่ไม่เป็นธรรม ถูกยึดหนังสือเดินทาง ให้ทำงานหนัก ไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่ตกลงไว้ และถูกบังคับให้หาลูกค้ามาเล่นพนันออนไลน์ หรือหลอกให้ลงทุน รวมทั้งชักชวนคนที่รู้จักมาร่วมทำงานเป็นเครือข่าย

หากทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายหรือไม่ยินยอมทำงาน จะถูกกักขัง ขู่ทำร้าย หรือส่งขายต่อให้นายจ้างรายอื่น รวมทั้งถูกบังคับให้ต้องนำเงินจำนวนหลักแสนบาทมาไถ่ตัวเป็นค่าผิดสัญญาการทำงานหรือค่าใช้จ่ายในการพาเหยื่อเดินทางมาฟิลิปปินส์

ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือกลับไทยไม่สามารถดำเนินการได้ในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากจะต้องเป็นไปตามกระบวนการของทางการฟิลิปปินส์ เมื่อได้รับการช่วยเหลือแล้ว เหยื่อจะยังไม่สามารถกลับไทยได้เนื่องจากตำรวจต้องการสอบสวนในฐานะเหยื่อหรือพยานคดีการค้ามนุษย์ และอาจต้องเข้ากระบวนการศาลของฟิลิปปินส์

ข้อแนะนำ-การติดต่อขอความช่วยเหลือ

สำหรับผู้ที่สนใจไปทำงานในต่างประเทศ ควรพิจารณาสมัครงานจากประกาศรับสมัครงานของหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนที่มีความน่าเชื่อถือ มีการประกาศรับสมัครงานอย่างเป็นทางการ โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้สมัคร ตำแหน่งงาน หน้าที่ความรับผิดชอบ รายได้ สวัสดิการ ช่องทางการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ชัดเจน

หากต้องการขอรับข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงานในต่างประเทศ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ที่หมายเลข 02-2479423 และ 02-2484743 หรือสายด่วน 1506 กด 2 และ 1694 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกแห่ง

หากประสบปัญหาในต่างประเทศ สามารถติดต่อ Call Center กรมการกงสุล หมายเลข 02-5728442 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
 

Adblock test (Why?)


กต.เตือนภัยแก๊งหลอกหางานทำ 3 ประเทศยอดนิยม - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ธุรกิจเพลงโลกเข้าสู่ยุคโตระลอก 2 'จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่' ลุยดิจิทัล ทำเงินต่อ - กรุงเทพธุรกิจ

“ดิจิทัล” เคยเป็นภัยคุกคาม(Treaths) ธุรกิจเพลง ปัจจุบันกลายเป็นช่องทางทำเงินมหาศาลให้ค่ายเพลง และโลกของอุตสาหกรรมเพลงกำลังเติบโตระลอก 2 มองเกมยักษ์ใหญ่ "จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่" สานต่อการโต "ดิจิทัล มิวสิค"

นับตั้งแต่พายุดิจิทัล(Digital disruptio) ถาโถมธุรกิจเดิม(Traditional) ในอดีตที่เคยเติบโตเป็นกอบเป็นกำ กลับต้องระส่ำระสายไปพักใหญ่ หลายองค์กร เดินหน้าผ่าตัดปรับโครงสร้าง เปลี่ยนผ่านองค์กร(Transform) ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง เพื่อยืดหยัดต่อ

ธุรกิจ “เพลง” เป็นอีกหมวดที่ได้รับผลกระทบจากดิสรัปชั่น ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในอดีตที่เคยทำรายได้จากเพลง บริการจัดการศิลปิน กลับมารายได้ลดลง

หลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่ทำให้ธุรกิจเพลงเปลี่ยน ไม่ได้มีแค่ดิจิทัล แต่เริ่มจาก “แผ่นผีซีดีเถื่อน” การดาวน์โหลดฟังโดยไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ นั่นล้วนเป็นภาพจริงที่เกิดขึ้น กระทั่งมาถึง “ดิจิทัล” ที่พลิกพฤติกรรมผู้บริโภคในการฟังเพลงให้เปลี่ยนนอย่างสิ้นเชิง จากเทป ซีดี MP3 ดาวน์โหลด มาเป็น “ออนไลน์” ทั้งฟังสดผ่านสตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม ทั้งJoox Spotify ฟังย้อนหลัง ซ้ำวนไปผ่าน Youtube หรือกระจายไปอยู่บน TikTok เป็นต้น

ในการพบนักลงทุนครั้งล่าสุดของ ค่ายเพลงเบอร์ 1 ของเมืองไทยอย่าง “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” มีเรื่องราวน่าสนใจอย่างมาก เกี่ยวกับธุรกิจเพลง ซึ่ง ธนากร มนูญผล รองกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด(มหาชน) ทำหน้าที่ฉายภาพสถานการณ์ของตลาดเพลงในไทยและทั่วโลก

เริ่มจากตลาดโลก “ธนากร” เล่าว่า ย้อนอดีตการเติบโตของธุรกิจเพลงที่ทะยานไปสู่ขั้นสุด เกิดขึ้ในปี 1999 หรือ 2544 ด้วยมูลค่าตลาด 2.41 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งยังเป็นยุคของ Physical และนั่นเป็นธุรกิจเพลงระลอกแรกที่เติบโตทำเงินมหาศาล จากนั้นตลาดค่อยๆเข้าสู่ภาวะ “ขาลง” ในปี 2546 และยังถดถอยอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปี 2557 มูลค่าตกต่ำที่ 1.42 แสนล้านดอลลาร์

จากนั้นปี 2558 ตลาดเริ่มฟื้นตัวกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยมีดาวน์โหลด ดิจิทัล สตรีมมิ่ง ดิจิทัลมิวสิค เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น

ทว่า ปี 2564 ธุรกิจเพลงกลับมาเติบโตโกยเงินมหาศาล สร้างมูลค่าตลาดสูงถึง 2.59 แสนล้านดอลลาร์ จึงถือเป็นการเติบโต “ระลอก 2” ของอุตสาหกรรมหรือวงการเพลงนั่นเอง

“ดิจิทัล” ที่เคยเป็นภัยคุกคาม(Treaths) ของธุรกิจเพลง ปัจจุบันกลับกัน เพราะกลายเป็นช่องทางทำเงิน สามารถกอบโกยการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย เฉพาะ “สตรีมมิ่ง” ครองสัดส่วนถึง 65% ของตลาด ส่วนการเติบโตในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 24.83% แซงภาพรวมตลาดเพลงทั้งโลกที่เติบโต 18.5%

ธุรกิจเพลงโลกเข้าสู่ยุคโตระลอก 2 ‘จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่’ ลุยดิจิทัล ทำเงินต่อ แล้วตลาดเพลงในโลก..ใครใหญ่? คำตอบหนีไม่พ้น “สหรัฐฯ” ชาติมหาอำนาจในทุกด้านของโลก และมีการเติบโต 22% โดยประเทศที่ติด Top 10 ของตลาดตามด้วยญี่ปุ่น อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส จีน เกาหลีใต้ เป็นตลาดเกิดใหม่ แคนาดา ออสเตรเลีย และอิตาลี

แกรมมี่ฯ อยู่ตรงไหนในธุรกิจเพลง? หากมองภาพรวมของวงการ แกรมมี่ฯ อาจเป็นเพียง “รายเดียว” ที่ยังให้น้ำหนักกับธุรกิจหลักด้าน “เพลง” ยาวนานเกือบ 4 ทศวรรษ ซึ่งปัจจุบันยังทำรายได้สัดส่วนถึง 51.6% ที่เหลือเป็นทีวีโฮมช้อปปิ้ง ผ่าน “โอ ช้อปปิ้ง” ธุรกิจภาพยนตร์โดยค่าย “จีดีเอช” และทีวีดาวเทียม “จีเอ็มเอ็ม แซด”

ไส้ในของธุรกิจเพลง “ดิจิทัล มิวสิค” ยังทำเงินสูงสุด 51% ตามด้วยการบริหารจัดการศิลปิน ทั้งงานโชว์ งานแสดง พรีเซ็นเตอร์ ฯ 33% การบริหารจัดการลิขสิทธิ์ 7% Physical เช่น ไวนิล MP3 ราว 7% และโชว์บิส หรือคอนเสิร์ตต่างๆ 2%

แกรมมี่ฯ มีคลังเพลงกว่า 20,000 เพลง ซึ่งสั่งสมไว้ตลอด 38 ปี การเสิร์ฟคอนเทนท์สู่แพลตฟอร์มดิจิทัล จึงช่วยทำ “กำไร” ได้อย่างดี เนื่องจากสินค้าสำเร็จรูป มีต้นทุนเดิม

ธุรกิจเพลงโลกเข้าสู่ยุคโตระลอก 2 ‘จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่’ ลุยดิจิทัล ทำเงินต่อ ด้านเพลงยังครอบคลุมทั้งเพลงป๊อป ร็อค ลูกทุ่ง และล่าสุดคือแนวเพลงไทยบ้าน มีค่าย “ไทดอล มิวสิค” มาบุกตลาด

เพลงจำนวนมากที่โกยยอดวิวบนออนไลน์ เช่น ลูกทุ่ง มี “มนต์แคน แก่นคูณ” ทำยอดวิวสูงสุดตลอดกาลบนยูทูป แนวเพลงอื่นๆล้วนติดชาร์มความนิยมแทบทั้งสิ้น

“ฐานแฟนเพลง” ของแกรมมี่ฯ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ยังมีมหาศาล ซึ่ง “ธนากร” เชื่อว่าจำนวนสูงสุดในวงการค่ายเพลงแล้ว ด้านการเติบโตของฐานแฟน ยังมีต่อเนื่อง เช่น เพจเฟซบุ๊ค จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มีแฟนติดตาม(Follower) 9.5 ล้าน ยูทูปกว่า 20 ล้าน จีนี่ เรคคอร์ดกว่า 1.7 ล้าน ยูทุปกว่า 13.6 ล้าน แกรมมี่ โกลด์ ค่ายเพลงลูกทุ่งใหญ่สุด ผู้ติดตามบนเฟซบุ๊กกว่า 5.1 ล้าน ยูทูปกว่า 15.7 ล้าน ซึ่งการเติบโตทรงพลังในอัตรา 2 หลัก

ธุรกิจเพลงโลกเข้าสู่ยุคโตระลอก 2 ‘จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่’ ลุยดิจิทัล ทำเงินต่อ การผลักดันรายได้ในครึ่งปีหลังให้กับธุรกิจ “เพลง” มีทั้งลุยดิจิทัล มิวสิค บนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ การกลับมารุกงานโชว์ งานแสดง การเป็นพรีเซ็นเตอร์ สปอนเซอร์ชิปของศิลปินที่แต่ละปีมีมากกว่า 6,000-7,000 งาน แต่ช่วงโควิดโดนกวาดเรียบเพราะมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐเพื่อสกัดโรคระบาด

งานคอนเสิร์ต เป็นอีกไฮไลท์ ที่จะกลับมาจัดมากขึ้น ทั้งปีมี 17 งาน โดย 12 งานจะอัดแน่นช่วงโค้งสุดท้ายของปี ทำให้การรับรู้รายได้จะเกิดขึ้นช่วงไตรมาส 4 ค่อนข้างมาก

แกรมมี่ฯ มีศิลปินเพลงนับ “ร้อยชีวิต” แต่ยังไม่เพียงพอ แต่ละปี บริษัทจะเงินลงทุนจำนวนมาก เพื่อปั้นศิลปินหน้าใหม่ หนึ่งในโปรเจคใหญ่ต้องจับตาดูยาวๆ คือการร่วมทุนกับ “วายจีฯ” ยักษ์ใหญ่ความบันเทิงของเกาหลี ที่มาร่วมทุนตั้ง YG”MM เพื่อปั้นศิลปินไอดอล ที่ผ่านมาเปิดออดิชั่นไป มีคนสมัครล้นหลาม และยังคงเดินสายออนทัวร์ เปิดออดิชั่นต่อทั้งเกาหลีใต้ และไทย ไปยังหลายพื้นที่ เช่น ขอนแก่น เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต ฯ

ธุรกิจเพลงโลกเข้าสู่ยุคโตระลอก 2 ‘จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่’ ลุยดิจิทัล ทำเงินต่อ ภาพรวมครึ่งปีแรก “ธุรกิจเพลง” สามารถทำเงิน 1,115 ล้านบาท เติบโต 23.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการฟื้นตัวเห็นอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ คาดการณ์เกิดขึ้นปีหน้า

Adblock test (Why?)


ธุรกิจเพลงโลกเข้าสู่ยุคโตระลอก 2 'จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่' ลุยดิจิทัล ทำเงินต่อ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ตามรอยศึกชิงบัลลังก์เหล็ก 4 สถานที่ถ่ายทำซีรีส์มหากาพย์ที่แฟนมังกรรอคอย - กรุงเทพธุรกิจ

เป็นเวลาเกือบทศวรรษ ที่แฟนซีรีส์ทั่วโลกต่างอินไปกับเรื่องราวสุดแฟนตาซีของเหล่า ตระกูลสูงศักดิ์ ที่ต่อสู้กันเพื่อแย่ง ชิงบัลลังก์เหล็ก อันแลกมาด้วยเลือด ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดใน 8 ซีซันได้ปิดฉากลงในปี 2562

และในเดือนสิงหาคม 2565 ก็ถึงเวลาที่เหล่าแฟนๆ จะได้จดจ่อไปกับจุดเริ่มต้นสุดดุเดือดของ ซีรีส์มหากาพย์ ชื่อดังเรื่องนี้ทางหน้าจอโทรทัศน์ และสตรีมมิงออนไลน์

จากผลสำรวจของ Booking.com* พบว่า ผู้เดินทางชาวไทยมากกว่าครึ่ง (67%) ต้องการที่จะไปเยือนจุดหมายปลายทางที่ปรากฏในซีรีส์หรือภาพยนตร์

เพื่อตอบสนองความต้องการของแฟนซีรีส์ Booking.com จึงรวบรวมจุดหมายปลายทางที่ได้รับการใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ภาคใหม่นี้ ให้ผู้เดินทางได้ดื่มด่ำและอินไปกับการเป็นหนึ่งในตระกูลแห่งตำนาน ด้วยฉากหลังที่ทำให้เรื่องราวการห้ำหั่นต่อสู้ในสงครามชิงบัลลังก์สุดยิ่งใหญ่นี้กลับมาโลดแล่นได้อีกครั้ง

ตามรอยศึกชิงบัลลังก์เหล็ก 4 สถานที่ถ่ายทำซีรีส์มหากาพย์ที่แฟนมังกรรอคอย เขตนอร์ธ เดวอน

ฮาร์ตแลนด์ เขตนอร์ธ เดวอน สหราชอาณาจักร

คาบสมุทรฮาร์ตแลนด์ (The Hartland Peninsula) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเทศมณฑลเดวอน ประเทศสหราชอาณาจักร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น ชายฝั่งมรดกโลก ที่ได้รับการยกย่องเรื่องความงามตามธรรมชาติอันโดดเด่น

ที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ การเดินป่าและการถ่ายภาพ เป็นอย่างมาก ด้วยทั้งทางเดินบนหน้าผาที่มาพร้อมวิวชายฝั่งกว้างสุดสายตา อีกทั้งยังมีดอกไม้และสัตว์ป่าหลากชนิดใช้ชีวิตและเติบโตท่ามกลางแนวหินและเนินเขาเขียวขจี

ทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำซีรีส์มหากาพย์ที่ผู้เดินทางสามารถสำรวจเส้นทางที่เต็มไปด้วยร่มเงาและพื้นที่ป่าไม้ที่เหล่านักแสดงเคยมาเยือน

อีกทั้งยังสามารถชื่นชมชายหาดและน้ำตกต่างๆ ระหว่างเดินบนคาบสมุทรฮาร์ตแลนด์ (The Hartland Peninsula) หรือจะเลือกชมทิวทัศน์แนวชายฝั่งจากมุมสูงโดยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่แพ้กัน 

ตามรอยศึกชิงบัลลังก์เหล็ก 4 สถานที่ถ่ายทำซีรีส์มหากาพย์ที่แฟนมังกรรอคอย บ้านพักตากอากาศ Downes Cottages

ที่พักแนะนำ: Downes Cottages ตั้งอยู่บนคาบสมุทรฮาร์ตแลนด์ (Hartland Peninsula) เป็นบ้านพักตากอากาศที่ตั้งอยู่บนทุ่งหญ้าธรรมชาติและพื้นที่เพาะปลูกราบสูงซึ่งลาดลงไปยังชายฝั่งอย่างกลมกลืน และเพียงไม่กี่ก้าวจากที่พักผู้เดินทางจะได้พบกับทิวทัศน์ริมทะเลอันสวยงามของหาดในเดวอน

* * *

ตามรอยศึกชิงบัลลังก์เหล็ก 4 สถานที่ถ่ายทำซีรีส์มหากาพย์ที่แฟนมังกรรอคอย เมืองกาเซเรส มองจากที่พัก

กาเซเรส แคว้นเอกซ์เตรมาดูรา สเปน

เมือง กาเซเรส (Caseres) ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดทางตะวันตกของสเปน ซึ่งเป็นสถานที่อันทรงคุณค่าที่ถูกเลือกเป็นฉากหลังในการถ่ายทำซีรีส์ภาคหลัก อีกทั้งยังถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำของเมืองแห่งหนึ่งในซีรีส์ภาคใหม่นี้อีกด้วย

เมืองกาเซเรสได้รับการประกาศให้เป็น แหล่งมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามอันเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบโกธิคกับเรอเนซองซ์

การมาเยือนเมืองกาเซเรสจะทำให้ผู้เดินทางรู้สึกเหมือนตนเองหลุดไปอยู่ที่เมืองลึกลับในยุคกลางเลยทีเดียว

ตามรอยศึกชิงบัลลังก์เหล็ก 4 สถานที่ถ่ายทำซีรีส์มหากาพย์ที่แฟนมังกรรอคอย ลักษณะห้องพักของ Apartamentos Plaza Mayor 35

ที่พักแนะนำ: Apartamentos Plaza Mayor 35 ที่พักนี้ตั้งอยู่ในจัตุรัสเก่าแก่ที่ได้รับการบูรณะอย่างไร้ที่ติโดยคงคุณลักษณ์การออกแบบอย่างโอ่อ่าดั้งเดิมของคฤหาสน์ไว้ ซึ่งรวมถึงเพดานโค้ง พื้นกระเบืองแบบดั้งเดิมด้วยเช่นกัน 
 

* * * ตามรอยศึกชิงบัลลังก์เหล็ก 4 สถานที่ถ่ายทำซีรีส์มหากาพย์ที่แฟนมังกรรอคอย ปราสาทบนเกาะเซนต์ไมเคิล

มาราไซออน เทศมณฑลคอร์นวอลล์ สหราชอาณาจักร 

หากนึกถึงการชมวิวชายฝั่งทะเลอันสวยงาม คงไม่มีจุดหมายไหนน่าสนใจไปกว่า คอร์นวอลล์ อีกแล้ว ที่ ‘มาราไซออน’ ตำบลเล็กๆ ตั้งอยู่ในมุมฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ เป็นเมืองตลาดโบราณที่มีทั้งหาดทรายนุ่มละเอียด ทะเลสีฟ้าใส และกระท่อมหินชาวประมงที่มีอายุกว่า 300 ปี

ห่างออกไปเพียงครึ่งไมล์จากชายฝั่งของที่นี่ เป็นที่ตั้งของ ปราสาทบนเกาะเซนต์ไมเคิล (St. Michael’s Mount) ที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ภาคใหม่นี้

ขับรถออกไปจาก "มาราไซออน" ไม่ไกลนัก ผู้เดินทางจะพบกับ ชายหาดโฮลีเวลล์ (Holywell Beach) ที่นอกจากจะเป็นจุดยอดนิยมสำหรับเล่นเซิร์ฟแล้ว ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากการต่อสู้หลายฉากในซีรีส์มหากาพย์เรื่องนี้อีกด้วย

ตามรอยศึกชิงบัลลังก์เหล็ก 4 สถานที่ถ่ายทำซีรีส์มหากาพย์ที่แฟนมังกรรอคอย บรรยากาศห้องพักโรงแรมมาราไซออน

ที่พักแนะนำ: Marazion Hotel ตั้งอยู่ในโรงเตี๊ยมเก่าในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 17 และอยู่ไม่ไกลจากชายหาดพร้อมวิวทะเลที่มองออกไปเห็นป้อมปราการบนเกาะเซนต์ไมเคิล (St. Michael’s Mount) 

* * *

ตามรอยศึกชิงบัลลังก์เหล็ก 4 สถานที่ถ่ายทำซีรีส์มหากาพย์ที่แฟนมังกรรอคอย บ้านผนังก้อนหินใน มอนซานโต

มอนซานโต แคว้นเซนโตร โปรตุเกส

ก้อนหินแกรนิตขนาดยักษ์ที่ฝังตัวอยู่บนทางลาดและกระจายอยู่ตามไหล่เขานั้นกลายมาเป็นผนังของบ้านเรือนใน มอนซานโต (Monsanto) หมู่บ้านซึ่งแสดงความเป็นโปรตุเกสได้ดีที่สุดและตั้งอยู่บนภูเขาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้ตั้งอยู่ในเขต Castelo Branco ทางตะวันออกของโปรตุเกส

สถานที่สุดพิเศษนี้ยังมีปราสาทอันงดงามในสไตล์ยุคกลางตั้งอยู่ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม "มอนซานโต" จึงได้รับเลือกเป็นฉากถ่ายทำซีรีส์มหากาพย์เรื่องนี้  

ป้อมปราการของ ปราสาทมอนซานโต (Monsanto Castle) แห่งนี้มีลานล้อมด้วยกำแพงและประตูโค้งสุดประณีต ซึ่งในปัจจุบันป้อมปราการนี้กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง ผู้มาเยือนสามารถปีนไหล่เขาขึ้นไปทางประตูทางเข้าซึ่งเป็นจุดที่ใช้ถ่ายทำซีรีส์ชิงบัลลังก์เรื่องนี้ เพื่อชื่นชมวิวทิวทัศน์สุดอลังการรอบปราสาทได้จากมุมสูง

ตามรอยศึกชิงบัลลังก์เหล็ก 4 สถานที่ถ่ายทำซีรีส์มหากาพย์ที่แฟนมังกรรอคอย การตกแต่งภายใน Old House

ที่พักแนะนำ: Old House เป็นเกสต์เฮาส์หินแกรนิตโบราณจากคริสต์ศตวรรษที่ 15 ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของมอนซานโต ผู้เข้าพักสามารถชื่นชมวิวภูเขาสุดตระการตาจากระเบียงห้อง อีกทั้งยังมีเส้นทางเดินเขาใกล้ ๆ ที่พักอีกด้วย

* การสำรวจดำเนินการโดย Booking.com โดยได้สอบถามกลุ่มตัวอย่างที่วางแผนที่จะเดินทางทริปธุรกิจหรือทริปพักผ่อนในช่วง 12-24 เดือนข้างหน้า ผู้เข้าร่วมการสำรวจมีจำนวนทั้งหมด 24,055 คน ใน 31 ประเทศและดินแดน (โดยมาจากอาร์เจนตินา 501 คน ออสเตรเลีย 1,003 คน เบลเยียม 500 คน บราซิล 1,001 คน แคนาดา 500 คน จีน 1,000 คน โคลอมเบีย 1,007 คน โครเอเชีย 1,001 คน เดนมาร์ก 508 คน ฝรั่งเศส 1,002 คน เยอรมนี 1,000 คน ฮ่องกง 1,005 คน อินเดีย 1,000 คน อิสราเอล 502 คน อิตาลี 1,003 คน ญี่ปุ่น 1,002 คน เม็กซิโก 500 คน เนเธอร์แลนด์ 501 คน นิวซีแลนด์ 501 คน เปรู 500 คน รัสเซีย 1,000 คน สิงคโปร์ 1,005 คน เกาหลีใต้ 1,002 คน สเปน 1,002 คน สวีเดน 501 คน สวิตเซอร์แลนด์ 501 คน ไต้หวัน 504 คน ไทย 500 คน สหราชอาณาจักร 1,000 คน สหรัฐอเมริกา 1,002 คน และเวียดนาม 501 คน) ผู้เข้าร่วมได้ทำแบบสอบถามทางออนไลน์ในเดือนสิงหาคม 2564

Adblock test (Why?)


ตามรอยศึกชิงบัลลังก์เหล็ก 4 สถานที่ถ่ายทำซีรีส์มหากาพย์ที่แฟนมังกรรอคอย - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Saturday, August 27, 2022

รัฐบาลเตือนหางานทำตปท.ผ่านออนไลน์ต้องระวังพบลวงทำงานถูกกักขังทำร้ายร่างกาย : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับแจ้งการขอรับความช่วยเหลือกรณีคนไทยถูกหลอกไปทำงานในต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นกรณีตำแหน่งหน้าที่ รายได้ สวัสดิการที่ไม่ตรงกับที่ประกาศหรือโฆษณาไว้ก่อนเดินทาง รวมทั้งมีการถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย และบีบบังคับให้ทำงานโดยมิได้สมัครใจ และมีหลายรายถูกนายจ้างหรือผู้ชักชวนเรียกเงินจำนวนมากเพื่อแลกกับการปล่อยตัว

กระทรวงการต่างประเทศจึงแจ้งเตือนผู้ที่กำลังหางานผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะเฟซบุ๊คและไลน์กลุ่ม ให้พึงระวังและอย่าหลงเชื่อขบวนการหลอกลวงคนไทยไปทำงานในต่างประเทศ ดังนี้

1.การไปทำงานในเมียนมา

ขอให้ระวังและอย่าหลงเชื่อประกาศรับสมัครคนไทย เพศหญิง บุคลิกดี ทำงานตำแหน่งพนักงานต้อนรับในสถานบันเทิง โรงแรม หรือคาสิโน มีเงินเดือนสูง พร้อมที่พัก อาหารและสวัสดิการต่าง ๆ โดยนายหน้าคนไทยมักจะนัดแนะให้เหยื่อเดินทางข้ามแม่น้ำสายที่ อ. แม่สาย จ. เชียงราย ซึ่งถือเป็นการหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เมื่อเดินทางถึงเมียนมา จะถูกส่งตัวไปในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออกของเมียนมาติดกับชายแดนประเทศจีน (เมืองลา เมืองป๊อก เมืองเล้าไก่ เขตปาซาง และเขตมูเซ) และถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศ

หากไม่ยินยอมจะถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย หรือส่งขายต่อให้นายจ้างรายอื่น หากต้องการกลับไทยต้องนำเงินมาไถ่ตัว ขอเรียนว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอิทธิพลของกองกำลังทหารชนกลุ่มน้อย ซึ่งยากต่อการติดต่อและเข้าถึงพื้นที่ และมีความอ่อนไหวทางการเมืองสูง การให้ความช่วยเหลือจึงต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังและรอบคอบ จึงไม่สามารถดำเนินการได้ทันทีหรือในเวลาอันรวดเร็ว จะสามารถเดินทางกลับไทยได้ก็ต่อเมื่อชำระค่าปรับหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเมียนมาแล้ว และเมื่อเดินทางกลับเข้าไทยอาจต้องชำระค่าปรับหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของไทยอีกด้วย

2.การไปทำงานในกัมพูชา

ขอให้ระวังและอย่าหลงเชื่อประกาศรับสมัครงานตำแหน่งแอดมินออนไลน์ หรือเจ้าหน้าที่การตลาด ที่ไม่ต้องมีประสบการณ์การทำงาน รายได้ดี มีที่พัก อาหารและสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อไปทำงานใน จ. พระสีหนุ (สีหนุวิลล์) กรุงพนมเปญ เมืองปอยเปต และ จ. สเวเรียง โดยนายหน้าคนไทยจะนัดแนะให้เหยื่อเดินทางไป จ. สระแก้ว เพื่อเดินเท้าเข้ากัมพูชาตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาในเวลากลางคืน โดยไม่ใช้หนังสือเดินทางและไม่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นการหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายและสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายจากการเหยียบกับระเบิด เมื่อเดินทางถึงกัมพูชา นายจ้างจะบังคับให้ทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงคนไทย หรือชักชวนให้เล่นพนันออนไลน์ หากทำงานไม่ได้ตามเป้าหมาย หรือไม่ยินยอมทำงาน จะถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย ส่งขายต่อให้นายจ้างรายอื่น หรือถูกบังคับให้ต้องนำเงินมาไถ่ตัว

ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือกลับไทยไม่สามารถดำเนินการได้ทันทีหรือในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากเจ้าหน้าที่กัมพูชามีจำนวนจำกัด และจะต้องเป็นไปตามกระบวนการของทางการกัมพูชา เมื่อได้รับการช่วยเหลือแล้ว เหยื่อจะต้องพักรอในสถานกักกันเพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและรอการเนรเทศ อาจต้องชำระค่าปรับหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายกัมพูชา และเมื่อเดินทางกลับเข้าไทยอาจต้องชำระค่าปรับหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของไทยด้วย

3.การไปทำงานในฟิลิปปินส์

ขอให้ระวังและอย่าหลงเชื่อประกาศรับสมัครงานตำแหน่งต่างๆ อาทิ แอดมินออนไลน์ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่การตลาด โดยไม่ต้องมีประสบการณ์ทำงาน รายได้ดีตั้งแต่ 25,000-50,000 บาท/เดือน พร้อมค่าล่วงเวลา โดยนายจ้างจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง พร้อมที่พัก อาหาร สวัสดิการต่าง ๆ และจะดำเนินการเรื่องวีซ่าให้เมื่อเดินทางถึงฟิลิปปินส์ เมื่อเหยื่อเดินทางถึงฟิลิปปินส์แล้ว จะถูกบังคับให้เซ็นสัญญาทำงานที่ไม่เป็นธรรม ถูกยึดหนังสือเดินทาง ให้ทำงานหนัก ไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่ตกลงไว้ และถูกบังคับให้หาลูกค้ามาเล่นพนันออนไลน์ หรือหลอกให้ลงทุน รวมทั้งชักชวนคนที่รู้จักมาร่วมทำงานเป็นเครือข่าย หากทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายหรือไม่ยินยอมทำงาน จะถูกกักขัง ขู่ทำร้าย หรือส่งขายต่อให้นายจ้างรายอื่น รวมทั้งถูกบังคับให้ต้องนำเงินจำนวนหลักแสนบาทมาไถ่ตัวเป็นค่าผิดสัญญาการทำงานหรือค่าใช้จ่ายในการพาเหยื่อเดินทางมาฟิลิปปินส์

ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือกลับไทยไม่สามารถดำเนินการได้ในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากจะต้องเป็นไปตามกระบวนการของทางการฟิลิปปินส์ เมื่อได้รับการช่วยเหลือแล้ว เหยื่อจะยังไม่สามารถกลับไทยได้เนื่องจากตำรวจต้องการสอบสวนในฐานะเหยื่อหรือพยานคดีการค้ามนุษย์ และอาจต้องเข้ากระบวนการศาลของฟิลิปปินส์

นางสาวรัชดา กล่าวต่อว่า รัฐบาลบูรณาการทุกภาคส่วนรวมถึงการประสานงานกับทางการต่างประเทศเพื่อให้การช่วยเหลือคนไทยที่เดือดร้อนให้ได้กลับประเทศโดยเร็วที่สุดภายใต้กรอบกฎหมายของแต่ละประเทศ ดังนั้น การดูแลตนเองค้นหาข้อมูลนายจ้างเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งผู้ที่สนใจไปทำงานในต่างประเทศ ควรพิจารณาสมัครงานจากประกาศรับสมัครงานของหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนที่มีความน่าเชื่อถือ โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้สมัคร ตำแหน่งงาน หน้าที่ความรับผิดชอบ รายได้ สวัสดิการ ช่องทางการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ชัดเจน ทั้งนี้ หากต้องการขอรับข้อมูลเพื่มเติมเกี่ยวกับตำแหน่งงาน สามารถสอบถามได้ที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ที่หมายเลข 02247 9423 หรือ สายด่วน 1560 กด 2 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกแห่ง และหากประสบปัญหาในต่างประเทศ สามารถติดต่อ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศนั้นๆ หรือ Call Center กรมการกงสุล หมายเลข 02 572 8442 ได้ตลอด 24 ชม.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ส.ค. 65)

Tags: , ,

Adblock test (Why?)


รัฐบาลเตือนหางานทำตปท.ผ่านออนไลน์ต้องระวังพบลวงทำงานถูกกักขังทำร้ายร่างกาย : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

เตือน! หางานทำต่างประเทศ ผ่านออนไลน์ ต้องระวัง พบลวงไปทำงานไม่ตรงปก - PPTVHD36

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับแจ้งการขอรับความช่วยเหลือกรณีคนไทยถูกหลอกไปทำงานในต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นกรณีตำแหน่งหน้าที่ รายได้ สวัสดิการที่ไม่ตรงกับที่ประกาศหรือโฆษณาไว้ก่อนเดินทาง รวมทั้งมีการถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย และบีบบังคับให้ทำงานโดยมิได้สมัครใจ และมีหลายรายถูกนายจ้างหรือผู้ชักชวนเรียกเงินจำนวนมากเพื่อแลกกับการปล่อยตัว

รัฐบาล แจงขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่ถึง 425 บาท ตามที่หาเสียงไว้ เพราะโควิด-19

สภาพอากาศวันนี้! มรสุมอ่อนกำลังลง เตือน 27 จังหวัดยังเจอฝนตกหนัก

เตือน! หางานทำต่างประเทศ ผ่านออนไลน์ ต้องระวัง พบลวงไปทำงานไม่ตรงปก
กระทรวงการต่างประเทศจึงแจ้งเตือนผู้ที่กำลังหางานผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะเฟซบุ๊คและไลน์กลุ่ม ให้พึงระวังและอย่าหลงเชื่อขบวนการหลอกลวงคนไทยไปทำงานในต่างประเทศ ดังนี้

1.การไปทำงานในเมียนมา

​ขอให้ระวังและอย่าหลงเชื่อประกาศรับสมัครคนไทย เพศหญิง บุคลิกดี ทำงานตำแหน่งพนักงานต้อนรับในสถานบันเทิง โรงแรม หรือคาสิโน มีเงินเดือนสูง พร้อมที่พัก อาหารและสวัสดิการต่าง ๆ โดยนายหน้าคนไทยมักจะนัดแนะให้เหยื่อเดินทางข้ามแม่น้ำสายที่ อ. แม่สาย จ. เชียงราย ซึ่งถือเป็นการหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เมื่อเดินทางถึงเมียนมา จะถูกส่งตัวไปในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออกของเมียนมาติดกับชายแดนประเทศจีน (เมืองลา เมืองป๊อก เมืองเล้าไก่ เขตปาซาง และเขตมูเซ) และถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศ หากไม่ยินยอมจะถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย หรือส่งขายต่อให้นายจ้างรายอื่น หากต้องการกลับไทยต้องนำเงินมาไถ่ตัว ขอเรียนว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอิทธิพลของกองกำลังทหารชนกลุ่มน้อย ซึ่งยากต่อการติดต่อและเข้าถึงพื้นที่ และมีความอ่อนไหวทางการเมืองสูง การให้ความช่วยเหลือจึงต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังและรอบคอบ จึงไม่สามารถดำเนินการได้ทันทีหรือในเวลาอันรวดเร็ว จะสามารถเดินทางกลับไทยได้ก็ต่อเมื่อชำระค่าปรับหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเมียนมาแล้ว และเมื่อเดินทางกลับเข้าไทยอาจต้องชำระค่าปรับหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของไทยอีกด้วย

2.การไปทำงานในกัมพูชา

ขอให้ระวังและอย่าหลงเชื่อประกาศรับสมัครงานตำแหน่งแอดมินออนไลน์ หรือเจ้าหน้าที่การตลาด ที่ไม่ต้องมีประสบการณ์การทำงาน รายได้ดี มีที่พัก อาหารและสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อไปทำงานใน จ. พระสีหนุ (สีหนุวิลล์) กรุงพนมเปญ เมืองปอยเปต และ จ. สเวเรียง โดยนายหน้าคนไทยจะนัดแนะให้เหยื่อเดินทางไป จ. สระแก้ว เพื่อเดินเท้าเข้ากัมพูชาตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาในเวลากลางคืน โดยไม่ใช้หนังสือเดินทางและไม่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นการหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายและสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายจากการเหยียบกับระเบิด เมื่อเดินทางถึงกัมพูชา นายจ้างจะบังคับให้ทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงคนไทย หรือชักชวนให้เล่นพนันออนไลน์ หากทำงานไม่ได้ตามเป้าหมาย หรือไม่ยินยอมทำงาน จะถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย ส่งขายต่อให้นายจ้างรายอื่น หรือถูกบังคับให้ต้องนำเงินมาไถ่ตัว ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือกลับไทยไม่สามารถดำเนินการได้ทันทีหรือในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากเจ้าหน้าที่กัมพูชามีจำนวนจำกัด และจะต้องเป็นไปตามกระบวนการของทางการกัมพูชา เมื่อได้รับการช่วยเหลือแล้ว เหยื่อจะต้องพักรอในสถานกักกันเพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและรอการเนรเทศ อาจต้องชำระค่าปรับหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายกัมพูชา และเมื่อเดินทางกลับเข้าไทยอาจต้องชำระค่าปรับหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของไทยด้วย

3.การไปทำงานในฟิลิปปินส์

ขอให้ระวังและอย่าหลงเชื่อประกาศรับสมัครงานตำแหน่งต่างๆ อาทิ แอดมินออนไลน์ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่การตลาด โดยไม่ต้องมีประสบการณ์ทำงาน รายได้ดีตั้งแต่ 25,000-50,000 บาท/เดือน พร้อมค่าล่วงเวลา โดยนายจ้างจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง พร้อมที่พัก อาหาร สวัสดิการต่าง ๆ และจะดำเนินการเรื่องวีซ่าให้เมื่อเดินทางถึงฟิลิปปินส์ เมื่อเหยื่อเดินทางถึงฟิลิปปินส์แล้ว จะถูกบังคับให้เซ็นสัญญาทำงานที่ไม่เป็นธรรม ถูกยึดหนังสือเดินทาง ให้ทำงานหนัก ไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่ตกลงไว้ และถูกบังคับให้หาลูกค้ามาเล่นพนันออนไลน์ หรือหลอกให้ลงทุน รวมทั้งชักชวนคนที่รู้จักมาร่วมทำงานเป็นเครือข่าย หากทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายหรือไม่ยินยอมทำงาน จะถูกกักขัง ขู่ทำร้าย หรือส่งขายต่อให้นายจ้างรายอื่น รวมทั้งถูกบังคับให้ต้องนำเงินจำนวนหลักแสนบาทมาไถ่ตัวเป็นค่าผิดสัญญาการทำงานหรือค่าใช้จ่ายในการพาเหยื่อเดินทางมาฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือกลับไทยไม่สามารถดำเนินการได้ในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากจะต้องเป็นไปตามกระบวนการของทางการฟิลิปปินส์ เมื่อได้รับการช่วยเหลือแล้ว เหยื่อจะยังไม่สามารถกลับไทยได้เนื่องจากตำรวจต้องการสอบสวนในฐานะเหยื่อหรือพยานคดีการค้ามนุษย์ และอาจต้องเข้ากระบวนการศาลของฟิลิปปินส์

นางสาวรัชดา กล่าวต่อว่า รัฐบาลบูรณาการทุกภาคส่วนรวมถึงการประสานงานกับทางการต่างประเทศเพื่อให้การช่วยเหลือคนไทยที่เดือดร้อนให้ได้กลับประเทศโดยเร็วที่สุดภายใต้กรอบกฎหมายของแต่ละประเทศ ดังนั้น การดูแลตนเองค้นหาข้อมูลนายจ้างเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งผู้ที่สนใจไปทำงานในต่างประเทศ ควรพิจารณาสมัครงานจากประกาศรับสมัครงานของหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนที่มีความน่าเชื่อถือ โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้สมัคร ตำแหน่งงาน หน้าที่ความรับผิดชอบ รายได้ สวัสดิการ ช่องทางการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ชัดเจน ทั้งนี้ หากต้องการขอรับข้อมูลเพื่มเติมเกี่ยวกับตำแหน่งงาน สามารถสอบถามได้ที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ที่หมายเลข 02247 9423 หรือ สายด่วน 1560 กด 2 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกแห่ง และหากประสบปัญหาในต่างประเทศ สามารถติดต่อ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศนั้นๆ หรือ Call Center กรมการกงสุล หมายเลข 02 572 8442 ได้ตลอด 24 ชม.

กต.เตือนคนไทย! ไปต่างประเทศ ศึกษาข้อมูลก่อน หลังพบทำผิด-ส่งตัวกลับ

รองโฆษกรัฐบาลติดโควิด กินฟ้าทะลายโจรรักษาตัวที่เบอร์ลิน

อัปเดตข่าวเศรษฐกิจ และการลงทุน ได้ที่ @PPTVOnline

Adblock test (Why?)


เตือน! หางานทำต่างประเทศ ผ่านออนไลน์ ต้องระวัง พบลวงไปทำงานไม่ตรงปก - PPTVHD36
Read More

"ระบบสแกนใบหน้า" ทำ พนักออฟฟิศ ดูแย่ยิ้มยังไงก็ไม่ได้สุดท้ายต้องทำแบบนี้ - คมชัดลึก

ทุกวันนี้การเข้า-ออกงานในแต่ละวันบริษัท ก็มักจะนำเอา เทคโนโลยี ใหม่ ๆ เอาใช้กันมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นระบบสแกนนิ้ว ระบบสแกนม่านตา รวมไปถึง "ระบบสแกนใบหน้า" ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ทำเอา พนักงานออฟฟิศ หลายคนปวดหัวกับการเข้างาน-ออกงานในแต่ละวันไม่น้อย เพราะกว่าจะทำหน้าให้ตรงกับภาพแรกที่เคยถ่ายไว้ เล่นเอาเหงื่อตก 

อย่างเช่นผู้ใช้ TikTok บัญชี accessories_fernpatt เธอได้โพสต์คลิปการใช้ "ระบบสแกนใบหน้า" ก่อนเข้าทำงาน  พร้อมระบุข้อความว่า "ฉันเมื่อยหน้ามากนะ #สแกนหน้าเป็นเหตุ" โดยในคลิปเธอต้อง ต้อง สแกนใบหน้า ทุกเช้า-เย็น ก่อนและหลังเลิกงาน แต่สแกนเท่าไหร่ก็ไม่ติดเพราะทำหน้าผิดตั้งแต่แรก โดยเรื่องราวเกิดขึ้นจาก เจ้าของคลิปได้ลงทะเบียนใบหน้าตัวเองด้วยการทำหน้าทะเล้น ปากจู๋ กะทำหน้าท่าฮา ๆ แบบไม่เหมือนกัน แต่ลืมนึกไปนิดนึงว่าจะต้องทำหน้าให้เหมือนกันทุกวัน เพราะทำหน้าปกติไป ระบบก็ขึ้นว่าใบหน้าไม่ได้ลงทะเบียน

สแกนใบหน้า

"ระบบสแกนใบหน้า" ทำพนักงานออฟฟิศ ยิ้มยังไงก็ไม่ได้ สุดท้ายต้องทำแบบนี้

หลังจากที่คลิป "ระบบสแกนใบหน้า" ของ พนักงานออฟฟิศ ถูกแชร์ออกไปทำให้ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์จำนวนมาก หลายคนทั้งขำ ทั้งสงสาร เจ้าของคลิปสุด ๆ นอกจากนี้ พนักงานออฟฟิศ เจ้าของคลิป ยังได้มีการเข้ามาคอมเมนต์เพิ่มเติมด้วยว่า "คือตอนที่เปลี่ยนสแกนหน้าแล้วตอน HR ให้ไปบันทึกหน้าเราก็เห่อของใหม่ไงอยากเล่น คิดว่าจะทำแบบฮาๆไม่ซ้ำใคร ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้" "แต่จริงๆแล้วมีสแกนฝ่ามือด้วยแต่เราลืมค่ะเพิ่งเริ่มใช้แบบสแกนหน้าได้ 1 วันค่ะ มัวแต่เห่ออยากสแกนหน้า" 

TikTok บัญชี accessories_fernpatt

ชมคลิปเต็มคลิกที่นี่ 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : accessories_fernpatt

เพื่อไม่พลาด ข่าวสารต่างๆ คมชัดลึก ไปที่
Youtube - https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w
LineToday - https://today.line.me/th/v2/publisher/100057

เช็กรายชื่อศิลปินเข้าชิง "คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565" ใครคือ 6 Candidate กับ 8  สาขา Popular Vote https://www.komchadluek.net/entertainment/524524

Adblock test (Why?)


"ระบบสแกนใบหน้า" ทำ พนักออฟฟิศ ดูแย่ยิ้มยังไงก็ไม่ได้สุดท้ายต้องทำแบบนี้ - คมชัดลึก
Read More

แรปเปอร์หนุ่ม ตั้งใจทำเพลงใหม่ สมหวังดึง "พลอยชมพู" ร่วม MV ได้ยังไง? ต้องฟัง - คมชัดลึก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลังจากที่ "โจล่ง เกรียงไกร" แรปเปอร์และดีเจหนุ่ม ได้ออกมาเปิดใจแบบหมดเปลือกปมข่าวลือข่าวฉาวต่างๆ ไม่เป็นความจริง พร้อมกับวอนให้คนใส่ร้ายหยุดเถอะ ล่าสุดมีเพลงใหม่ที่ตั้งใจทำมากๆ แบบไม่หวั่นว่าจะไม่เข้าถึงใคร โดยได้นางเอก MV เป็น "พลอยชมพู"

ถึงแม้ว่าเรื่องราวในอดีตจะมีมากมาย แต่งานนี้อยากให้เปิดใจ ให้กับ แรปเปอร์และดีเจหนุ่ม อย่าง "โจล่ง เกรียงไกร" ที่มีโอกาสให้ ผู้สื่อข่าว คมชัดลึกบันเทิง ได้เข้ากองไปดูบรรยากาศการทำ MV และเผยตัวนางเอก MV เพลงใหม่ที่จะได้ฟังกันคือ นักร้องสาวเสียงดี อย่าง "พลอยชมพู"  

ซึ่งพลอยชมพู เผยว่า การทำงานครั้งนี้ "รู้สึกว่าฟังเพลง ทำให้รู้สึกชอบอยู่แล้ว  ได้ทำงานที่หลากหลาย นอกจากร้องเพลงตัวเอง ได้อจมเอ็มวีของคนอื่นด้วย บรรยากาศวันนี้ก็ถ่ายกันชิวๆ ก็ดีใจ และเป็นเกียรติมากๆ ไม่คิดไม่นาน เราได้ฟังเพลง เห็นว่าใครร้องก็น่าสนใจดี ส่วนโปรดักชั่นก็น่าทำ ก็อยู่ในช่วงที่แฮปปี้มีความสุขที่จะทำงาน พอทำหลากหลายขึ้น ก็ท้าทายไปแต่ละวัน"

พลอยชมพูบอกอีกว่าตอนเริ่มต้นเข้าวงการมาก็เริ่มต้นจากการเป็นนางเอก MV เหมือนได้กลับมาทำงานที่คุ้นเคยอีกครั้ง ได้กลับมาทำอะไรที่เคยทำเลยสนุกมาก ซึ่งลุคก็เข้ากับเพลงนี้ เพราะภายนอกดูเป็นผู้หญิงใจกล้า 

ก่อนที่ที่เจ้าของเพลงอย่าง  "โจล่ง เกรียงไกร"  กล่าวเสริมว่า พลอยชมพูทั้งสวยและเก่ง เป็นคนสู้ชีวิต ทำให้นับถือ ซึ่งไม่เคยรู้จักกันเป้นการส่วนตัวมาก่อน แต่นางเอกต้องเป็นพลอยชมพูเท่านั้น เหมาะสมที่สุดแล้ว ถึงแม้จะมีหลายคนอยากเล่นก็ตาม

แรปเปอร์หนุ่ม ตั้งใจทำเพลงใหม่ สมหวังดึง "พลอยชมพู" ร่วม MV ได้ยังไง? ต้องฟัง

ด้านเจ้าของเพลง อย่าง  "โจล่ง เกรียงไกร" บอกกับผู้สื่อข่าวว่า "ดีใจที่วันนี้มีอินฟลูเอนเซอร์หลายคนมาช่วย เราเป็นศิลปินที่ยังไม่ดัง แต่เราตั้งใจ เรามีฝัน พลอยชมพู เหมาะกับเพลงนี้ เหมาะที่จะเป็นนางเอก เขาเข้ากับเพลง เขาเปรี้ยว พร้อมทำร้ายผู้ชาย พร้อมที่จะทำให้ผู้ชายเจ็บ เพราะเพลงนี้ คือผู้หญิงที่ทำให้เสียใจ เพลงนี้มาจากชีวิตจริง เราก็ผ่านอะไรมาเยอะ มีร้อนหนาวเรื่องความรัก แต่ใจของผู้ชายพูดไม่ได้ เราเป็นฝ่ายเงียบ ไม่พูด เพลงนี้แต่งขึ้นมา อารมณ์ผู้ชายเจอผู้หญิงสวยทิ้ง และเจ็บ เขาทำให้เราชอบและจากไป เราไม่อยากเป็นของเล่นใคร อยากรู้จักกับเธอต่อ เพลงนี้ก็จัดเต็ม มีดีเจระดับโลกมาทำให้ และมืออาชีพหลายคนมาช่วยทำ"

แรปเปอร์หนุ่ม ตั้งใจทำเพลงใหม่ สมหวังดึง "พลอยชมพู" ร่วม MV ได้ยังไง? ต้องฟัง

ส่วนด้านมูเตลู ก็คงต้องพึ่งสักหน่อย เพราะเป็นศิลปินหน้าใหม่ ก็ขอยิดเหนี่ยวจิตใจหน่อยแล้วกัน 

งานนี้บอกเลยว่า เจ้าตัวมูหนักมาก อยู่กับ มดดำ คชาภา และ ไหว้เหมือนแม่ และเชื่อศรัทธา ว่า "เทวดามีจริง เริ่มเปลี่ยนชีวิต ช่วงมูกับพี่มด ไปเป็นคณะ ตอนนั้นไม่อะไร จนไปเจอพี่คนหนึ่ง เขาถามผมทำอะไร 2 ปีที่แล้วจะไปมูไอ้ไข่ ขอล้านวิว แต่เขาไม่ได้ให้ กลับไปอาทิตย์เดียว แต่ได้แต่งเพลง รายการมู และได้ใบเบิกทาง สำเร็จ มีคนรู้จัก ทุกอย่างเบิกทาง จากนั้นก็ได้เพลงแฉแต่เช้า ก็เป็นเสียงเรา แจ็ค แฟนฉัน ติดต่อมา ให้แต่งให้ หลังจากนั้นก็มาเรื่อยๆ เชื่อว่าเทวดามีจริง ส่วนท่านยม ที่ร้องในงานบวชหมอปลาย ได้พญายมไว้ที่บ้าน มีคนเดินผ่านที่บ้าน ตอนรดน้ำต้นไม้ เขาบอกไม่ได้เห็นเป็นตัวเรา เห้นพญายม เราสวดทุกวัน เรารู้บ้านเราเจ้าที่เป็นยังไง เคยเจอแต่ไม่กลัว แต่ดีที่เขาอยู่ เราให้พลังเขา เขาดูแลเรา อย่าลืมทำความดี กตัญญูและบุญจะช่วยเรา หมอปลายไม่เคยดูดวงลึก แต่เคยทัก ว่าเพลงที่จะปล่อยจะดี บางเพลงก็จะบอกกลางๆ เขาสอนวิธีไหว้เจ้า เราเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านเมตตาเรา เราทำให้ท่านเห็น ไม่ต้องขอ วันหนึ่งท่านก็ให้ กับหมอปลายไม่สนิท แต่ศรัทธา วันนั้นไปแร็ปเปิดให้ ทั้งบอกว่า ตนเจอพระ ท่านอ่านจิตออก เชื่อว่ามีจริงๆ ไม่เจอกับตัวไม่รู้ ท่านอยู่นครสวรรค์ วัดศรีอุทุมพร เป็นเกจิ ชื่ออาจารย์สมศักดิ์ ไม่เจอกับตัวไม่รู้ ใครอยากทดลองไปหา ไปทำบุญไปเจอท่าน ใครคิดไรพูดไรมีจริง ท่านอ่านจิตได้ สุดจริงๆ ส่วนข่าวคนมองหมอปลาย ทำนายสร้างกระแส อยากให้ทุกคนเปิดใจ มีสติ ไม่อยากให้คิดอะไรแบบนั้น คนมี 2 ด้าน ดีไม่ดี อยากให้ปรับความคิด อย่าจับผิดคนอื่น ส่วนตัวเราไม่เคยขอพรท่านยม เราสวดมนต์ให้ทุกองค์ เชื่อว่าชีวิตเราดีขึ้น เพราะทำสิ่งพวกนี้"

แรปเปอร์หนุ่ม ตั้งใจทำเพลงใหม่ สมหวังดึง "พลอยชมพู" ร่วม MV ได้ยังไง? ต้องฟัง

ทั้งนี้  โจล่ง เกรียงไกร เกียรติเสวีกุล ศิลปินแร็ปเปอร์หน้าใหม่ที่น่าจับตามองของวงการเพลง Hip-Hopเมืองไทยและด้วยประสบการณ์การทำงานเป็นMCให้กับดีเจที่มีชื่อเสียงแนวหน้าในเมืองไทยยาวนานกว่าห้าปี ตอนนี้ รวมเป็น DOPEHEREHERE โดยในวง Sunzone เป็นตัวพ่อวงการดีเจ และ Joelong Mc แนวหน้าเมืองไทย จึงทำให้โจล่งเหมือนได้ฝึกฝนตัวเองมาโดยตลอดจากการทำงานที่เปรียบเสมือนสนามรบจริงจึงสามารถการันตีได้ว่าโจล่งคือบุคคลที่มีความเป็นมืออาชีพส่งผลให้เป็นที่ยอมรับจากบุคคลที่ร่วมงานด้วยเสมอจนวันนี้โจล่งได้ค้นพบตัวเองในสไตล์การแรฟที่มีเสน่ห์น่าฟังด้วยเนื้อเสียงที่มีเอกลักษณ์และไม่เหมือนใครถูกถ่ายทอดจากอารมณ์ผ่านเสียงเพลงออกมาเป็นสไตล์ของการแรปที่ใครได้ฟังก็เป็นต้องหลงเสน่ห์จึงทำให้มีสาวๆมากมายชื่นชอบและคอยตามไปเชียร์และสนับสนุนเสมอ และจะมี ผลงาน เพลง ให้ติดตามกันอีก อย่างแน่นนอน

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างต้องดูฤกษ์ยามแบบสุดๆ จะได้ฟังกันในอีกสองเดือน คงจะได้ชมได้ฟังกัน และวางแผนโปรโมทด้วย ฝากเพลงของโจล่งในปีนี้ด้วย 

ติดตาม คมชัดลึก ได้ที่ 

Line: https://lin.ee/qw9UHd2
YouTube: https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w

เช็กรายชื่อศิลปินเข้าชิง "คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565" ใครคือ 6 Candidate กับ 8  สาขา Popular Vote ได้ที่นี่    (https://awards.komchadluek.net/#)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

Adblock test (Why?)


แรปเปอร์หนุ่ม ตั้งใจทำเพลงใหม่ สมหวังดึง "พลอยชมพู" ร่วม MV ได้ยังไง? ต้องฟัง - คมชัดลึก
Read More

พระครู เชิญวิญญาณ เมียฝรั่ง เผยต้องทำพิธี 3รอบ ตร.เจอเรื่องแปลก - ข่าวสด - ข่าวสด

พระครู ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ เมียฝรั่ง ถูกฆ่าทิ้งไร่ข้าวโพด เผยสิ่งผิดปกติ ต้องทำพิธีถึง 3 รอบ ด้าน พนักงานสอบสวน เล่าเรื่องแปลก ก่อนวันผู้ต้อ...