Rechercher dans ce blog

Thursday, June 30, 2022

เฉลิมพงษ์ โพสต์ถามผู้บริหารโคราช “ทำไมทำกับผมแบบนี้” - Goal.com

เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว กองหลังวัย 35 ปี โพสต์ถามถึงผู้บริหาร นครราชสีมา เอฟซี หลังไม่ได้รับการต่อสัญญา และถูกปล่อยออกจากทีมในฤดูกาล 2022/23

แนวรับมาประสบการณ์ถือเป็นแข้งระดับตำนานของ สวาทแคท หลังอยู่รับใช้สโมสร และสวมปลอกแขนกัปตันทีมมายาวนานเกือบ 10 ปี ก่อนที่ล่าสุดจะถูกปล่อยพ้นทีมหลังไม่ได้รับการต่อสัญญา โดยทางสโสรเพิ่งแถลงแยกทางเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา

อ่านบทความต่อด้านล่าง

ล่าสุด เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ออกมาเคลื่อนไหว โดยโพสต์ถามถึงผู้บริหาร นครราชสีมา เอฟซี ถึงการแยกทางในครั้งนี้ว่า

“ผมเคยทิ้งโอกาส ชื่อเสียงและเงินทองมากมาย เพื่อที่จะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสโมสรแห่งนี้ เพื่อพี่น้องชาวสวาทแคททุกคน ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้สโมสรประสบความสำเร็จ แต่สุดท้ายทำกับผมแบบนี้ ไม่มีแม้แต่คำพูดจาอะไรเลย มีเเค่โพสคำพูดสวยๆแค่นี้???...........”

ทั้งนี้ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ย้ายมาร่วมทัพ นครราชสีมา เอฟซี เมื่อปี 2014 ก่อนช่วยสร้างประวัติศาสตร์พาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดเมื่อปี 2015 และเป็นกำลังสำคัญของทีมมาโดยตลอด ซึ่งลงสนามเกินกว่า 200 แมตช์ โดยล่าสุดเพิ่งมีส่วนพา สวาทแคท จบรองแชมป์ ช้างเอฟเอ คัพ ครั้งแรกในฤดูกาล 2021/22 ที่ผ่านมา

Adblock test (Why?)


เฉลิมพงษ์ โพสต์ถามผู้บริหารโคราช “ทำไมทำกับผมแบบนี้” - Goal.com
Read More

Wednesday, June 29, 2022

หมอเด็ก แฉพิษกัญชา..ทำเจ็บ 6 วัน เด็กไทย 6 ราย คุกกี้ มีจริง!! - MCOT Plc

จากข้อแนะนำ และความห่วงใย ของเหล่าอาจารย์แพทย์ และเหล่าคณาจารย์ต่าง ๆ ที่ได้ออกมาประกาศจุดยืน ในหลายสถาบัน และหลายมหาวิทยาลัย รวมถึง โรงเรียนใน กทม.ทั้งหมด ที่ไม่ทนต่อความเสี่ยงพิษภัยของกัญชา (เสรีทางการแพทย์) และนี่คือ อีกหนึ่งรายงานสะท้อน จากหมอเด็ก ที่เปิดเผยข้อมูล 6 วัน กับเด็กและเยาวชน 6 ราย มีอาการป่วยจากกัญชา ทั้งตั้งใจ และไม่ตั้งใจก็ตามที แต่มาจากการเข้าถึงที่เปิดเสรี.. เกินไปหรือไม่ ?

โดยข้อมูลจากภาพ อ้างอิงศูนย์ข้อมูล ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งรายงานข้อมูล วันที่ 21 - 26 มิถุนายน 2565 มีจำนวนผู้ป่วย 6 ราย

รายที่ 1 เพศชาย อายุ 14 ปี อยู่จังหวัดกรุงเทพฯ - ได้รับกัญชาโดยไม่รู้ตัว จากการสูบบุหรี่ ที่มีกัญชาผสมจากเพื่อน เกิดอาการสับสน กระวนกระวาย พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง

รายที่ 2 เพศชาย อายุ 17 ปี 6 เดือน อยู่จังหวัดพิจิตร - ได้รับกัญชาจากเพื่อน ใช้ส่วนดอกสูบเพื่อนันทนาการ เกิดอาการกระวนกระวาย หูแว่ว ภาพหลอน ทำลายข้าวของ ก้าวร้าว ทำร้ายตนเอง

รายที่ 3 เพศชาย อายุ 17 ปี 10 เดือน อยู่จังหวัดนครศรีธรรมราช - ได้รับกัญชาจากเพื่อน ใช้ส่วนใบสูบเพื่อนันทนาการ อาการง่วงนอน ซึม คิดมาก เบลอ มึนงง

รายที่ 4 เพศชาย อายุ 16 ปี 4 เดือน อยู่จังหวัดกรุงเทพฯ - ได้รับกัญชาจากเพื่อน อาการสับสน กระวนกระวาย ใช้มีดทำร้ายตนเอง

รายที่ 5 เพศหญิง อายุ 3 ปี 3 เดือน อยู่จังหวัดกรุงเทพฯ - ได้รับกัญชาโดยไม่รู้ตัว จากคุกกี้ผสมกัญชาไม่ทราบยี่ห้อ อาการง่วงนอน ซึม

รายที่ 6 เพศชาย อายุ 15 ปี 9 เดือน อยู่จังหวัดกรุงเทพฯ - ทดลองกินช็อกโกแลตผสมกัญชา อาการคลื่นไส้ อาเจียน มีเสียง/ภาพหลอน วิตกกังวล ซึมเศร้า

อ้างอิงการรายงานผู้ป่วยทั้ง 6 รายนี้ โดย คณะอนุกรรมการจัดทำข้อแนะนำ เรื่องผลกระทบของกัญชาต่อเด็ก รายงานผู้ป่วยเด็ก ที่มีอาการป่วยจากกัญชา จากผลของการเปิดกัญชาเสรี ทำให้เด็กและวัยรุ่น เข้าถึงกัญชาได้ทั้งตั้งใจ และไม่ตั้งใจ คณะอนุกรรมการ จัดทำข้อแนะนำ เรื่อง ผลกระทบของกัญชาต่อเด็ก ร่วมกับศูนย์ข้อมูลของ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย จึงขอความร่วมมือ กุมารแพทย์ รายงานเด็กที่มีผลกระทบ / อาการป่วยจากกัญชา เพื่อเป็นข้อมูลในการขับเคลื่อน เพื่อปกป้องเด็กจากกัญชาต่อไป

ทั้งนี้ข้อมูลการรายงานดังกล่าว เพจเฟซบุ๊ก ชมรมแพทย์ชนบท ได้โพสต์เผยแพร่ข้อมูลภาพดังกล่าว วันนี้ (29 มิถุนายน 2565) พร้อมอ้างอิงข้อมูลถึง ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งได้โพสต์ภาพข้อมูล รายงานผู้ป่วยเด็ก ที่มีอาการป่วยจากกัญชา ผ่านเฟซบุ๊ก Opass Putcharoen เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2565 โดยระบุข้อความว่า กัญชาเพื่อการแพทย์จริง ๆ คือ แพทย์ทำงานหนักขึ้น โดยเฉพาะจิตแพทย์ กับแพทย์ระบบประสาท เริ่มเห็นเด็กและวัยรุ่น ได้รับผลจากกัญชาแล้ว และผู้ป่วยรายที่ 4 นี่..ใช้มีดทำร้ายตนเอง นอกจากนี้ ได้อ้างอิงขอบคุณ Credit เพิ่มเติม จากรายงานข้อมูล ผลกระทบกัญชาต่อเด็ก และเยาวชน 21 - 26 มิ.ย. 2565 ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ (ใน infographic) และ Cr เพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

นอกจากนี้ Backbone MCOT มีข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งได้เผยแพร่ข้อมูล เรื่องของปัญหาที่กุมารแพทย์ ควรตระหนัก เสรีกัญชา โดยได้จัดทำเป็นคลิปวิดีโอ การบรรยายทางวิชาการ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านกุมารเวชศาสตร์ หลายท่าน

ดูคลิปเต็ม คลิกที่นี่ >> (เสรีกัญชา ปัญหาที่กุมารแพทย์ ควรตระหนัก)

อ้างอิง และขอบคุณข้อมูล จาก :

เฟซบุ๊ก : ชมรมแพทย์ชนบท
https://www.facebook.com/142436575783508

เฟซบุ๊ก : Opass Putcharoen (ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ)
https://www.facebook.com/opass.putcharoen

เฟซบุ๊ก : ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย
https://www.facebook.com/RCPedT

Adblock test (Why?)


หมอเด็ก แฉพิษกัญชา..ทำเจ็บ 6 วัน เด็กไทย 6 ราย คุกกี้ มีจริง!! - MCOT Plc
Read More

เปิดโอกาสทำธุรกิจใน Metaverse จักรวาลโลกเสมือน ที่ลบข้อจำกัดของอาชีพเดิม - SpringNews

Metaverse เริ่มต้นด้วยเทคโนโลยี แต่สร้างต่อด้วยมนุษยธรรม

มารุต ชุ่มขุนทด CEO และ Founder ของ Class Café เจ้าของ “เวลาเวิร์ส” ระบุว่า โลกเสมือนไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มันเริ่มแทรกซึมไปในชีวิตประจำวันเรามากขึ้นจนเราไม่รู้ตัว เช่น เราแทบจะแยกจากมือถือไม่ได้แล้ว ถ้าออกจากบ้าน ปัจจุบันเทคโนโลยีต่าง ๆ พร้อมแล้วที่จะผสานกันแบบไร้รอยต่อ วันนี้เราอยู่ในโลกเสมือนแล้ว เราทุกคนเชื่อมต่อกันได้ แค่แฮชแท็กบนโลกโซเชียล และคนกำลังก้าวเข้าสู่โลกเสมือนมากขึ้นเรื่อย ๆ

แม้จุดเริ่มต้นจะเริ่มด้วยเทคโนโลยีเหมือนกัน แต่ระหว่างทาง มีเรื่องต่าง ๆ ที่เราไม่รู้มากมาย มันเลยโยงไปสู่เรื่องของปรัชญาชีวิตด้วย เพราะเมื่อคนต้องเข้าไปอยู่บนโลกนานมากขึ้น ทำอย่างไรให้มันเหมาะสมกับทุกคน กลายเป็นว่า เรื่องที่ต้องโฟกัสไม่ใช่เทคโนโลยี แต่กลายเป็นเรื่องของชีวิตมากขึ้น

ขณะที่ในโลกเสมือนไม่มีกฎเกณฑ์ หรือ กฎหมาย แต่กลุ่มคนที่เข้ามาสู่โลกใหม่ คือ กลุ่มนักกฎหมาย ที่ปรับตัวเข้าสู่โลกใหม่ แน่หละว่าในโลกเสมือนไม่มีใครฟ้องใคร ดังนั้นกลุ่มนักกฎหมายเหล่านี้จึงเปลี่ยนโอกาสเป็น การยืนยันตัวตนให้ธุรกิจในโลกเสมือน

คุณมารุต ชุ่มขุนทด CEO และ Founder ของ Class Café เจ้าของ “เวลาเวิร์ส”

พอมันเป็นเรื่องใหม่ เรามีคนเก่ง ๆ ในโลกเทคโนโลยีจำนวนมาก วันนี้เราสามารถเป็นผู้นำของโลกได้ เพราะทุกคนเริ่มจากศูนย์เท่ากัน เราคิดอะไรออก เราทำเลย

โลกใบใหม่ วิธีคิด-เรียนรู้ต้องใหม่ด้วย

ดร.มัลลิกา สังข์สนิท รองอธิการบดีฝ่ายพันธกิจสัมพันธ์ นวัตกรรมและความเป็นผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านความเป็นผู้ประกอบการ ระบุว่า ส่วนตัวมองว่าโลกของเมตาเวิร์ซ เป็นโลกที่เรายังรู้จักน้อยอยู่ ซึ่งในโลกเสมือนเปิดโอกาสให้ทุกคนทำในทุก ๆ เรื่อง แต่ถามว่าเรารู้จักโลกนั้นดีมากพอหรือยัง ต้องทำตัวอย่างไร ต้องปฎิบัติตัวอย่างไร ? และโจทย์สำคัญคือ เราจะใช้ประโยชน์จากโลกเสมือนนี้ได้อย่างไร ? นอกจากนี้เราเองก็ยังไม่รู้ว่าภัยของมันมีมากน้อยแค่ไหน

ดร.มัลลิกา สังข์สนิท รองอธิการบดีฝ่ายพันธกิจสัมพันธ์ นวัตกรรมและความเป็นผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านความเป็นผู้ประกอบการ

ถ้าเรามองว่าโลกเสมือนเป็นโลกใหม่ เราต้องพัฒนาคนของเราให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ อยู่เสมอ เมื่อก่อนเราเน้นเรียนลึก แต่ลึกแล้วใช้ไม่ได้บนโลกเสมือนแล้วจะยังไงต่อ ? ขณะที่ยุคต่อมาก็เปลี่ยนเป็นรู้ลึกแต่รู้กว้าง แต่พอโลกใหม่รู้กว้างแล้วจะรู้อะไร ? ดังนั้นการพัฒนาคนในสมัยใหม่ต้องเรียนแบบตัว H คือ รู้ลึกหนึ่งขา รู้เรื่องเทคโนโลยีหนึ่งขา และมีทักษะในการสื่อสาร , ความคิดสร้างสรรค์ในการเป็นคานเชื่อมระหว่างสองขา การเข้าใจมนุษย์เป็นเรื่องสำคัญในโลกเสมือน

Adblock test (Why?)


เปิดโอกาสทำธุรกิจใน Metaverse จักรวาลโลกเสมือน ที่ลบข้อจำกัดของอาชีพเดิม - SpringNews
Read More

ซึ้งใจมาก! พนักงานร้านดังทำมา 27 ปี ไม่เคยลา-มาสาย โชว์ถุงของขวัญจากบริษัท - Sanook

ชาวเน็ตถึงกับอึ้ง พนักงานร้านดังรีวิวถุงของขวัญจากบริษัท หลังทำมา 27 ปี ไม่เคยลาหยุดหรือมาสายแม้แต่วันเดียว ล่าสุด คนแห่บริจาคเงินให้ของขวัญกว่า 4.6 ล้านบาท

กลายเป็นคลิปไวรัลในโลกออนไลน์ หลังจากผู้ใช้แอปพลิเคชั่น TikTok นามว่า @therealnovaakan3 ได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะ เควิน ฟอร์ด วัย 60 ปี พนักงานเบอร์เกอร์คิง สาขาสนามบินลาสเวกัส จากรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา รีวิวถุงของขวัญที่ได้รับจากบริษัท หลังจากที่เขาทำงานอย่างขยันขันแข็งมา 27 ปี โดยไม่เคยลาหยุดหรือมาสายแม้แต่วันเดียว

โดยสิ่งที่อยู่ในถุงของขวัญ มีดังนี้ ตั๋วภาพยนตร์ 1 ใบ, ลูกกวาดรสเนยถั่ว 1 ถุง, แก้วน้ำ 1 ใบ, พวงกุญแจ, ปากกา 2 ด้าม และ ลูกอม 2 แท่ง ซึ่งของทั้งหมดทำเอาคนที่ได้ชมคลิปถึงกับอึ้ง เพราะสิ่งที่เขาทุ่มเททำงานมาตลอด 27 ปี กลับได้สิ่งตอบแทนซึ่งดูไม่ได้พิเศษอะไรเลย โดยคลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัล และมีผู้เข้าชมใกล้ทะลุ 2 ล้านวิว

เควิน ฟอร์ด พนักงานเบอร์เกอร์คิง วัย 60 ปี เริ่มทำงานกับบริษัทเมื่อ 27 ปีก่อน ในฐานะพ่อเลี้ยงเดี่ยว เพื่อให้ได้สิทธิ์ในการดูแลลูกสองคนของเขา และยังคงทำงานที่นั่นต่อไปเนื่องจากสวัสดิการเรื่องประกันสุขภาพ

เควิน ให้สัมภาษณ์ว่า เขามีความสุขและรู้สึกซาบซึ้งกับของขวัญที่ได้รับบริษัท และบอกว่าเพื่อนร่วมงานของเขาบางคนทำงานมา 20 หรือ 30 ปี แต่พวกเขาไม่ได้รับอะไรเลย

เควินและลูกสาวเควินและลูกสาว

ต่อมาลูกสาวของเควิน ได้สร้างแคมเปญในแพลตฟอร์ม GoFundMe เพื่อระดมทุนมอบของขวัญที่เธอเชื่อว่าพ่อของเธอควรได้รับ และได้รับเงินบริจาคจากชาวเน็ตใจบุญ รวม 133,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.6 ล้านบาท)

ซึ่งน้ำใจที่ได้รับจากชาวเน็ต ทำให้เควินและครอบครัวซาบซึ้งใจอย่างมาก โดยลูกสาวของเควินบอกว่า พ่อของเธอกำลังจะเกษียณอายุการทำงาน เงินดังกล่าวถือว่าเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเขาเลยทีเดียว และทำให้เขาสามารถไปเยี่ยมหลานๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินหลังการเกษียณ

Adblock test (Why?)


ซึ้งใจมาก! พนักงานร้านดังทำมา 27 ปี ไม่เคยลา-มาสาย โชว์ถุงของขวัญจากบริษัท - Sanook
Read More

ธนาคารโลกห่วงสงครามยูเครนทำปัญหาความยากจนในไทยรุนแรงขึ้น คาด GDP ปีนี้โตแค่ 2.9% – THE STANDARD - thestandard.co

[unable to retrieve full-text content]

ธนาคารโลกห่วงสงครามยูเครนทำปัญหาความยากจนในไทยรุนแรงขึ้น คาด GDP ปีนี้โตแค่ 2.9% – THE STANDARD  thestandard.co
ธนาคารโลกห่วงสงครามยูเครนทำปัญหาความยากจนในไทยรุนแรงขึ้น คาด GDP ปีนี้โตแค่ 2.9% – THE STANDARD - thestandard.co
Read More

นกกระจาบทำรังบนสายไฟนับร้อยรัง ริมทางรถไฟต.บึงพระอ.เมืองพิษณุโลก - Phitsanulok Hotnews

พิษณุโลก แปลกตา นกกระจาบทำรังบนสายไหริมทางรถไฟขาเข้าเมืองพิษณุโลกที่ตำบลบึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก ผิดแผกธรรมชาติที่จะเลือกทำรังบนต้นไม้ใหญ่อย่างต้นตาล ต้นฉำฉา ชาวบ้านบอกเห็นมานานแล้ว คาดหลังจากมีการตัดต้นไม้ใหญ่ริมถนนออก ทำให้นกหันมาทำรังบนสายไฟแทน

29 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานเรื่องแปลกตา  นกกระจาบทำรังนับร้อย ๆ รัง บนสายไฟและเสาไฟ ของการรถไฟฯ ที่ตั้งอยู่ริมทางรถไฟช่วงขาเข้าตัวเมืองพิษณุโลก ตั้งแต่วัดสะพานสี่ จนถึงโรงเรียนสะพาน 3 ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ตลอดแนวสายไฟระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบเห็นรังนกกระจาบเล็กใหญ่ ห้อยอยู่บนสายไฟ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ละแวกนั้นพบเห็นมานานหลายปีแล้ว แต่แปลกตาสำหรับคนที่ที่เพิ่งผ่านไปมา เพราะผิดธรรมชาติของนกกระจาบ ที่จะเลือกทำรังบนต้นไม้ใหญ่และสูง เช่น ต้นตาล ต้นจามจุรี ต้นมะขามเทศ เป็นต้น

รังของนกกระจาบที่ทำอยู่บนสายไฟริมทางรถไฟนั้นจะทำเป็นช่วง ๆ  บางช่วงมีมากน้อยแตกต่างกัน จุดที่พบเห็นมากหน่อยบริเวณหน้าโรงเรียนสะพานสาม มีหลายสิบรัง ทั้งรังขนาดเล็ก รังขนาดใหญ่ และแต่ละรัง มีการสร้างแตกต่างกันไฟตามวัตถุประสงค์และเพศของนก

นายนพดล เสือเทศ  อายุ 48 ปี  ชาวบ้าน  ม.1 ต.บึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก ที่มาเปิดร้านขายลูกชิ้นทอด น้ำดื่มหน้าโรงเรียนสะพาน 3 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เห็นนกกระจาบมาทำรังบนสายไฟฟ้าของการรถไฟฯหลายปีแล้ว มีทั้งรังใหม่ รังเก่า ตนคาดว่าอาจจะมาจากสาเหตุของการตัดต้นไม้ใหญ่ริมถนนออกเมื่อหลายปีก่อน  ซึ่งแต่เดิม ต้นไม้ใหญ่หลายชนิดเป็นแหล่งทำรังดั้งเดิมของนกกระจาบที่อาศัยอยู่บริเวณนี้  เมื่อไม่มีต้นไม้ใหญ่มากพอ นกกระจาบก็เริ่มหันมาทำรังบนสายไฟและเสาไฟแทน  โดยมากทุกปีช่วงต้นเดือนมิถุนายน เหล่านกกระจาบจะเริ่มบินเก็บเศษหญ้าเพื่อไปทำรัง และจากนั้นจะเริ่มวางไข่ในรัง ซึ่งแต่ละรังก็มีความแตกต่างกัน รังตัวเมีย จะทำรังเป็นลักษณะที่มีหางยาวลงมาด้านล่าง บริเวณกลางรังจะเป็นลักษณะทรงรี สำหรับวางไข่ ส่วนรังตัวผู้นั้นจะไม่มีหางยาวลงมาด้านล่าง จะมีเพียงที่เกาะด้านล่างรังให้นกตัวผู้เกาะเท่านั้น  นอกจากนี้ ยังมีบางรังของตัวเมียที่มีลักษณะยาว มีที่วางไข่หลายชั้น เป็นการทำรังซ้ำรังเดิม  ซึ่งรังที่ทำบนสายไฟนี้ พ่อแม่นกน่าจะเลือกและดูแล้วปลอดภัยจากสัตว์ที่จะมาทำร้ายได้ คล้ายกับการเลือกทำรังบนต้นไม้สูงใหญ่

และจากการสำรวจของผู้สื่อข่าวพบว่า ตลอดริมทางรถไฟระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร จากโรงเรียนสะพาน 3 ถึงวัดสะพาน 4 โดยมากแล้วนกกระจาบจะเลือกทำรังบนสายไฟจำนวนมาก มีบ้างที่มีต้นไม้ฉำฉาริมถนนพิษณุโลก-บึงพระ ที่เป็นต้นไม้ใหญ่ มีนกกระจาบมาทำรังประมาณ 10 รัง

…………………………………………………………………….

แสดงความคิดเห็น

Adblock test (Why?)


นกกระจาบทำรังบนสายไฟนับร้อยรัง ริมทางรถไฟต.บึงพระอ.เมืองพิษณุโลก - Phitsanulok Hotnews
Read More

Monday, June 27, 2022

หวั่นศก.ถดถอยทำ “เฟด” หยุดขึ้นดอกเบี้ย l Crypto Focus - กรุงเทพธุรกิจ

หวั่นศก.ถดถอยทำ “เฟด” หยุดขึ้นดอกเบี้ย, 3AC จ่อล้มละลาย, BlockFi เลิกจ้างพนักงาน 20%, Binance เนื้อหอม ร่วมพูดคุยกับคุณพีรเดช ตันเรืองพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด

Adblock test (Why?)


หวั่นศก.ถดถอยทำ “เฟด” หยุดขึ้นดอกเบี้ย l Crypto Focus - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

สลากฯ เรียกผู้สมัครซื้อ-จองล่วงหน้า ทำสัญญาขายสลากดิจิทัล อีก 4 พันราย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

สลากฯ เรียกผู้สมัครซื้อ-จองล่วงหน้า ทำสัญญาขายสลากดิจิทัล อีก 4 พันราย  ประชาชาติธุรกิจ
สลากฯ เรียกผู้สมัครซื้อ-จองล่วงหน้า ทำสัญญาขายสลากดิจิทัล อีก 4 พันราย - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

อยากเลี้ยงสัตว์ทำไงดี 5แอปพลิเคชันช่วยเลี้ยงสัตว์ ให้ทุกอย่างเป็นงานง่าย - SpringNews

บ้านและสวน PETs

เป็น แอปพลิเคชันสำหรับสัตว์เลี้ยง ที่ค่อนข้างครบเครื่อง มีการบันทึกข้อมูล โปรไฟล์ส่วนตัว ข้อมูลสำคัญที่ต้องจดจำ หรือบันทึกค่าจ่าย ชุมชนสัตว์เลี้ยง ที่สามารถติดต่อ สร้างสังคม และกิจกรรมในกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยง โดยการโพสต์รูปภาพ กดติดตาม และแสดงความคิดเห็น หาโรงพยาบาลสัตว์ ศูนย์สุขภาพ เพ็ทช็อป ร้านอาบน้ำตัดขน โรงแรม ที่ใกล้เรา และมีข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพ อาหาร และการออกกำลังกาย เพื่อสัตว์เลี้ยงของเรา

5แอปพลิเคชันช่วยเลี้ยงสัตว์

Puppr – Dog Training & Trick

เป็นแอปพลิเคชัน สำหรับคนรักน้องหมาโดยเฉพาะ โดยมีการรวมเทคนิค ฝึกน้องหมาขั้นพื้นฐาน เช่นการ นั่ง หมอบ และการใช้สายจูง และมีขั้นตอนเป็นวีดีโอให้ได้ทำตาม เพื่อให้หมาของเราฟังคำสั่งมากขึ้นอีกด้วย

5แอปพลิเคชันช่วยเลี้ยงสัตว์

PetBacker: Dog Cat Pet Sitting

แอปพลิเคชัน ช่วยแนะนำบริการด้านต่างๆ ทั้งอาบน้ำ ตัดขน และหาคนช่วยเลี้ยงแทนในวันที่เราไม่อยู่

5แอปพลิเคชันช่วยเลี้ยงสัตว์

แอปพลิเคชันเหล่านี้ จะช่วยให้การเลี้ยงสัตว์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แต่ที่สำคัญที่สุดในการเลี้ยงสัตว์ คือเราต้องเลี้ยงด้วยความรักดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี

Adblock test (Why?)


อยากเลี้ยงสัตว์ทำไงดี 5แอปพลิเคชันช่วยเลี้ยงสัตว์ ให้ทุกอย่างเป็นงานง่าย - SpringNews
Read More

Sunday, June 26, 2022

ซิงเกิลใหม่ "เป้ MVL" เล่าผ่านเพลง ครั้งหนึ่งเคยทำผิดพลาด เกือบเสียรักดีดี - คมชัดลึก

มาถ่ายทอดเป็นเพลงให้ทุกคนได้ฟัง โดย "เป้ MVL" เล่าถึงเรื่องของความสัมพันธ์ในรูปแบบของคู่รักที่เมื่อนานวันไปเราอาจจะละเลยไม่ใส่ใจกันเท่าที่ควรจนบางครั้งพลั้งเผลอทำเธอเสียใจ จนเกือบจะสายเกินไปแต่สิ่งเดียวที่ทำได้คือ สารภาพ ในทุกความผิดและขอโอกาสกลับไปแก้ไข เพราะตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าเธอคือคนที่มีความหมายสำหรับเรามาก ผ่านดนตรีสไตล์ ป็อป-โซล ที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดของซาวน์ดนตรีที่ทุกคนคุ้นเคย

ในส่วนของมิวสิควิดีโอเป็นการเล่าเรื่องขยายจากเนื้อเพลงออกมาเป็นภาพของความสัมพันธ์ของคนคู่หนึ่ง ที่ฝ่ายชายได้ทำความผิดใหญ่หลวงซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย และความผิดในครั้งนั้นกำลังจะทำให้เขาสูญเสียคนรักไปซึ่งในตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าเขาไม่อาจจะปล่อยเธอไปได้ แต่บทสรุปของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต้องไปติดตามชมได้ที่ YouTube: SPICYDISC

ซิงเกิลใหม่ "เป้ MVL" เล่าผ่านเพลง ครั้งหนึ่งเคยทำผิดพลาด เกือบเสียรักดีดี

โดย เป้ ได้เล่าถึงที่มาที่ไปของเพลงนี้ว่า “ สารภาพ เพลงนี้เขียนขึ้นมาจากเรื่องจริงของเป้ก่อนจะแต่งงานกับน้องกร ซึ่งก่อนหน้าที่ผมจะเจอน้องกรทุกคนก็คงได้เห็นข่าวของผมตามสื่อต่างๆ และส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาพแบดบอยเจ้าชู้ พอผมตัดสินใจคบกับน้องกรเราก็เปลี่ยนตัวเองพิสูจน์ตัวเองพร้อมสัญญาว่าจะไม่ทำให้เขาต้องเสียใจ แต่กว่าจะผ่านมาได้ก็ทำให้เราเกือบไม่ได้แต่งงานกันนั่นคือจุดเริ่มต้นของเพลงนี้ โดยความตั้งใจของเป้อยากให้เพลง สารภาพ เป็นหนึ่งเพลงที่ช่วยย้ำให้ทุกคนได้ฟังแล้วตระหนักถึงสิ่งที่ตามมาหลังเพราะมันอาจจะทำให้กลายเป็นการจากลาตลอดกาล และหนทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหาคือการแก้ไขที่ตัวเองและยอมรับในความผิดที่ตัวเองทำ”

ซิงเกิลใหม่ "เป้ MVL" เล่าผ่านเพลง ครั้งหนึ่งเคยทำผิดพลาด เกือบเสียรักดีดี

ใครที่ตกอยู่ในสภาวะนี้อยู่ก็สามารถส่งเพลง สารภาพ  ไปให้เขาได้ฟังพร้อมคำสัญญาที่จะไม่ทำให้เสียใจแบบ “MVL” ก็ได้ไม่ว่ากัน โดยสามารถฟังได้แล้วที่ APPLE MUSIC / iTUNES / JOOX / TrueID Music / SPOTIFY รวมถึงชมมิวสิควิดีโอได้ที่ YouTube channel Spicydisc และเข้าไปทักทายกันได้ที่ www.facebook.com/MildvocalistOfficial  หรือทาง www.facebook.com/Spicydiscrecord

Adblock test (Why?)


ซิงเกิลใหม่ "เป้ MVL" เล่าผ่านเพลง ครั้งหนึ่งเคยทำผิดพลาด เกือบเสียรักดีดี - คมชัดลึก
Read More

สภา นศ.มหิดล เตรียมทำประชามตินโยบายเสรีเครื่องแบบ-ห้องน้ำเป็นกลางทางเพศ - Prachatai

[unable to retrieve full-text content]

สภา นศ.มหิดล เตรียมทำประชามตินโยบายเสรีเครื่องแบบ-ห้องน้ำเป็นกลางทางเพศ  Prachatai
สภา นศ.มหิดล เตรียมทำประชามตินโยบายเสรีเครื่องแบบ-ห้องน้ำเป็นกลางทางเพศ - Prachatai
Read More

Saturday, June 25, 2022

การทำ “Digital Transformation” ระดับอุดมศึกษา - กรุงเทพธุรกิจ

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมไปจังหวัดสงขลา เพื่อบรรยายหัวข้อ “Digital Transformation ในระดับอุดมศึกษา” ให้กับผู้บริหารมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และเมื่อต้นสัปดาห์ ก็มีมหาวิทยาลัยอีกแห่งทาบทามเชิญเป็นกรรมการคณะทำงาน Digital Transformation โดยช่วงสองปีที่ผ่านมานี้หลายมหาวิทยาลัยต่างก็ตื่นตัวกับ Digital Transformation และต่างกำหนดเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย

ในมุมมองของผมหลายครั้งที่พบว่ามีการใช้คำว่า Digital Transformation มากเกินไป ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนไปจากความหมายที่แท้จริง หลายแห่งมีการตั้งโครงการไอที จัดทำโซลูชัน จัดหาอุปกรณ์ไอที โดยอ้างอิงว่า เป็นโครงการ Digital Transformation หรือแม้แต่คณะทำงานด้าน Digital Transformation ก็นำคนด้านเทคโนโลยีมาเป็นคณะกรรมการเกือบทั้งหมด

ในความเป็นจริง Digital Transformation เป็นเรื่องของกลยุทธ์ไม่ใช่เรื่องที่จะใช้เทคโนโลยีมาเป็นตัวนำ และยังมีความแตกต่างกันระหว่างคำว่า Digitization, Digitalization และ Digital Transformation ที่ควรจะต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน

เมื่อพูดถึงคำว่า Digitization คือ การทำระบบเดิมที่เป็นอนาล็อกให้กลายเป็นดิจิทัล เช่น การทำระบบ ERP การทำแอปต่างๆ การเก็บข้อมูลต่างๆ ในรูปดิจิทัล ซึ่งการทำ Digitization คือ โครงการไอที ที่อาจต้องการคนทางด้านเทคโนโลยีเป็นผู้นำในการทำโครงการ

แต่หากพูดถึงคำว่า Digitalization คำนี้จะหมายถึงการปรับกระบวนการทำงานโดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วย เช่น การทำการอนุมัติงานต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์ การเรียนการสอนออนไลน์ การจัดประชุมออนไลน์ การลงทะเบียนออนไลน์ ซึ่งงานดังกล่าวผู้ที่เกี่ยวข้องในการทำงานของแต่ละฝ่ายจะต้องปรึกษากับคนทางด้านเทคโนโลยี ในการที่จะหาโซลูชันต่างๆ มาตอบโจทย์การทำงานให้เป็นรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น

ส่วนคำว่า Digital Transformation คือ เรื่องของกลยุทธ์ที่เราจะต้องปรับเปลี่ยนองค์กร แล้วนำเทคโนโลยีด้านดิจิทัลเข้ามาช่วย ดังนั้นถ้าเราจะทำเรื่องของ Digital Transformation ในองค์กร ผู้นำในการทำงานไม่ควรจะเป็นนักเทคโนโลยี แต่ควรเป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กร หรืออาจเป็นผู้บริหารสูงสุด ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนในองค์กรมาทำโครงการ และใช้คนด้านเทคโนโลยีเข้ามาเสริม

การทำ Digital Transformation เน้นคำว่า การเปลี่ยนแปลง (Transformation) มากกว่าคำว่าดิจิทัล ทำเพื่อผลิกโฉมขององค์กรให้อยู่รอดและยั่งยืนให้รอดจากการเกิดกระแส Digital Disruption ซึ่งมีตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) การเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพเพื่อจะพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ และอาจก้าวไปถึงการเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจขององค์กร ปรับองค์กรในทิศทางใหม่ก็เป็นได้

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า Digital Transformation เป็นเรื่องใหญ่และมีความสำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับทิศทางขององค์กรทั้งหมด การปรับเปลี่ยนองค์กรใดๆ ก็ตาม องค์กรไม่ควรมอบให้เป็นภารกิจของฝ่านไอทีตามลำพัง แต่จำเป็นต้องให้ผู้บริหารระดับสูงผลักดัน ข้อสำคัญยิ่งคนที่จะมาช่วยกันทำ Digital Transformation จำเป็นต้องเข้าใจแนวโน้ม ความต้องการของลูกค้า และมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมนั้นๆ เป็นอย่างดี

เช่นกันการจะทำ Digital Transformation ในมหาวิทยาลัยจำเป็นจะต้องเริ่มจากผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยที่มีความเข้าใจและมีประสบการณ์ในด้านการศึกษามาเป็นอย่างดี ไม่ใช่เริ่มจากนักเทคโนโลยีหรือการหาโซลูชันดิจิทัลใดๆ มาใช้แล้วบอกว่าเราทำ Digital Transformation

ในด้านของระบบอุดมศึกษาเราสามารถมองการทำ Digital Transformation เพื่อตอบโจทย์สองเรื่องคือ ด้านการบริหารจัดการ และด้านการเรียนการสอน

ด้านการบริหารจัดการ คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเพื่อบริการนักศึกษาและบุคลากรให้สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การลงทะเบียนแบบออนไลน์ที่รวดเร็วขึ้น การใช้ระบบเอไอเข้ามาคัดกรองนักศึกษา การรับสมัครผู้เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา การใช้เทคโนโลยี IoT เข้ามาในมหาวิทยาลัยเพื่อความปลอดภัย หรือการนำข้อมูลขนาดใหญ่มาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาหลักสูตร หรือการกำหนดทิศทางการเรียนการสอนใหม่ๆ ของมหาวิทยาลัย

ด้านการเรียนการสอน หมายถึง การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถเข้าถึงผู้เรียนในวงกว้างยิ่งขึ้น มีการนำเทคโนโลยี AR/VR มาใช้ในการเรียน มีการพัฒนาห้องเรียนอัจฉริยะ หรือการนำเอไอมาใช้เพื่อสร้างระบบการเรียนรู้แบบปรับตัว (Adaptive Learning) หรือมีการสร้างแพลต์ฟอร์มการเรียนออนไลน์ที่สร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้ (Learning Experience Platform) ที่ก้าวผ่านระบบแพลตฟอร์มเดิมที่เป็น LMS (Learning Management Platform) เป็นต้น

ความยากของการทำ Digital Transformation ไม่ได้อยู่ที่เรื่องของเทคโนโลยี แต่สิ่งสำคัญคือความเข้าใจว่าเราต้องทำอะไร ควรปรับเปลี่ยนทางด้านใด และสิ่งที่เป็นอุปสรรคมากที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงบุคลากรในองค์กร

ยิ่งถ้าองค์กรใดมีบุคลากรที่อยู่มานาน มีวัฒนธรรมการทำงานแบบเดิมๆ มานาน บางครั้งแรงต่อต้านการปรับเปลี่ยนก็อาจจะมีมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่จะพบว่าการเปลี่ยนแปลงในสถาบันอุดมศึกษา เป็นเรื่องยาก เพราะใช้ระบบการเรียนการสอนในแบบเดิมๆ มานาน บุคลากรส่วนใหญ่ก็เป็นผู้มีความรู้ความสามารถมีความเชื่อมั่นในสิ่งเดิมๆ ที่เคยทำมา

Digital Transformation เป็นการเดินทางที่ยาวนาน ไม่ใช่ความสำเร็จที่เกิดจากการใช้โซลูชันใด แต่การทำ Digital Transformation ต้องเริ่มจากความเข้าใจและเลือกใช้กลุ่มคนให้ถูก และสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่าคิดว่าเราทำโครงการไอทีใดๆ เสร็จแล้วบอกว่าเราทำ Digital Transformation ขององค์กรเสร็จแล้ว

Adblock test (Why?)


การทำ “Digital Transformation” ระดับอุดมศึกษา - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ส่องปัจจัย ทำ "ค่าเงินวอน" ร่วงลงต่ำสุดในรอบ 13 ปี - กรุงเทพธุรกิจ

นับตั้งแต่การประทุขึ้นของสมรภูมิรัสเซีย-ยูเครน แทบทุกประเทศต้องเจอกับภาวะเงินเฟ้อที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐ ที่มีระดับเงินเฟ้อที่สูงอยู่ก่อนแล้ว การถูกซ้ำเติมด้วยราคาพลังงานที่ดีดตัวขึ้น ส่งผลให้ตัวเลขเงินเฟ้อรายเดือนพุ่งขึ้นทุบสถิติในรอบ 40 ปี และเป็นชนวนสำคัญให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

เมื่อเฟดขยับตัวทางด้านนโยบายการเงิน ส่งผลให้ตลาดเงินและทุนทั่วโลกปั่นป่วน ค่าเงินหลายชาติดิ่งลงหนักสุดในรอบหลายปี เฉกเช่นที่เกิดขึ้นกับ เงินวอนเกาหลีใต้ โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (22 มิ.ย.) เงินวอนอ่อนค่าลงแตะ 1304.79 วอนต่อดอลาร์ ต่ำสุดในรอบ 13 ปี หรือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงวิกฤติซับไพรม์ ในปี 2552 

  ปัจจัยทำค่าเงินวอนอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 13 ปี  

มูลค่าของเงินวอนที่ดิ่งลงอย่างหนัก สามารถอธิบายได้ด้วยกลไกของการเคลื่อนย้ายเงินทุน โดยเมื่อเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ผลตอบแทนจากการลงทุนในสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับมีคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทิศทางของเงินทุนทั่วโลกมุ่งหน้าเข้าสู่สหรัฐ 

สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้เงินทุนบางส่วนไหลออกจากเกาหลีใต้ กดดันให้ค่าเงินวอนร่วงลงอย่างหนัก สะท้อนจากตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (Kospi) ในวันที่ 23 มิ.ย. ที่มีดัชนีปิดตลาดดิ่งลงแตะระดับ 2,314.23 ต่ำสุดในรอบ 19 เดือน

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานยังเป็นอีกปัจจัยให้ค่าเงินวอนอ่อนค่าลง เนื่องจากสินค้าที่มีการนำเข้าสูงสุดของเกาหลีใต้ คือ น้ำมันดิบ โดยคิดเป็น 9.47% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมดในปี 2563 และเมื่อพิจารณาสินค้ากลุ่มพลังงาน พบว่า เกาหลีใต้นำเข้ารวมแล้วคิดเป็นสัดส่วน 25% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด 

ราคาพลังงานที่ดีดตัวขึ้นในปีนี้ ส่งผลให้มูลค่าการนำเข้าสินค้าสูงขึ้น เกาหลีใต้จึงต้องใช้เงินต่างประเทศในการซื้อสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้น จึงเพิ่มระดับอุปสงค์ให้กับเงินสกุลต่างประเทศ ผลักให้ค่าเงินวอนอ่อนค่าลงไปอีก 

อีกประการหนึ่ง ค่าเงินวอนที่ร่วงลงทำสถิติรอบ 13 ปี ยังเป็นผลมาจากอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยเงินวอนได้อ่อนค่าลง 8.6% ทำสถิติเป็นค่าเงินที่อ่อนค่ามากเป็นอันดับที่ 5 ของโลกในปี 2564 ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนในสถานการณ์โควิด-19

  ผลกระทบต่อ "เศรษฐกิจเกาหลีใต้"  

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าค่าเงินจะแข็งค่าหรืออ่อนค่าก็จะมีทั้งผู้ได้รับและเสียประโยชน์เสมอ ในกรณีการอ่อนค่าลงของเงินวอนก็เช่นกัน โดยหน่วยเศรษฐกิจที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด คือ ภาคการส่งออก ขณะเดียวกัน ผู้ที่เสียประโยชน์มากที่สุด คือ ผู้บริโภคที่ต้องจ่ายค่าครองชีพที่สูงขึ้น จากราคาสินค้านำเข้าและต้นทุนการผลิตที่สูง 

ภาคการส่งออกเกาหลีได้รับอนิสงส์จากการอ่อนค่าของเงินวอนเป็นอย่างมาก สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกในเดือนพ.ค. 65 ที่ดีดตัวขึ้นด้วยตัวเลข 21.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 19.3% 

จากสถานการณ์ข้างต้น ทำให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้ได้รับประโยชน์จากอ่อนค่าของเงินวอนอยู่ระดับหนึ่ง ถึงอย่างนั้น ผลเสียที่เกิดขึ้นจากการอ่อนค่ากลับมีมูลค่าสูงกว่า โดยเมื่อพิจารณาในเดือนพ.ค. 65 มูลค่าการนำเข้าของเกาหลีใต้สูงขึ้น 32% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เมื่อตัวเลขมูลค่าการส่งออกโตไม่เท่ากับการนำเข้า เกาหลีใต้จึงขาดดุลทางการค้าราว 1.7 พันล้านดอลลาร์ 

นอกจากนั้น ผลเสียจากราคาสินค้านำเข้าที่แพงขึ้น ยังทำให้ดัชนีราคาผู้ผลิตหรือเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิตในเกาหลีใต้อยู่ในระดับสูงราว 9.7% ทุบสถิติในรอบเกือบ 14 ปี สอดคล้องกับระดับเงินเฟ้อทั่วไปของเกาหลีใต้ที่พุ่งขึ้นแตะ 5.4% สูงสุดในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2551

ทั้งนี้นักวิเคราะห์เกาหลีใต้ได้ชี้ว่า ค่าเงินวอนอาจร่วงลงแตะระดับ 1,350 วอนต่อดอลลาร์ สอดคล้องกับการคาดการณ์ว่า หากระดับเงินเฟ้อยังคงไม่ลดลง เฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในเดือนก.ค. ที่จะถึงนี้ 

อีกทั้งยังมีการประเมินว่า ระดับ 1,300 วอนต่อดอลลาร์ คือ ระดับอัตราแลกเปลี่ยนที่มีผลทางจิตวิทยา เพราะอาจส่งผลให้นักลงทุนขายเงินวอนอย่างฉับพลัน ค่าเงินวอนจึงมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงไปอีกหลังจากนี้ และทำให้เกาหลีใต้ต้องประสบกับภาวะขาดดุลทางการค้าต่อไป

แม้ว่าจะมีทั้งผู้ที่ได้และเสียประโยชน์ แต่จากกรณีของเงินวอน มูลค่าของผลเสียมีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก โดยสำนักข่าวของรอยเตอร์ได้มีรายงานถึงประเด็นนี้ว่า

นับตั้งแต่เดือนม.ค. ถึง พ.ค. ของปีนี้ เกาหลีใต้ขาดดุลการค้าสะสมรวมแล้ว 7,830 ล้านดอลลาร์ หากเกาหลีใต้ยังคงขาดดุลการค้าต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือของปี คาดว่า ปีนี้จะเป็นปีแรกที่เกาหลีใต้ ประเทศเศรษฐกิจอันดับ 4 ของเอเชีย ต้องบันทึกผลการขาดดุลประจำปีครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2551

--------------------------------------------

อ้างอิง

Post Today 

The Observatory of Economic Complexity (OEC)

Trading Economics

Yi Whan-woo (1)

Yi Whan-woo (2)

Adblock test (Why?)


ส่องปัจจัย ทำ "ค่าเงินวอน" ร่วงลงต่ำสุดในรอบ 13 ปี - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

โซเชียลแห่ "เอ็นดูแม่" ทำ "ทรงผม" สุดปังให้ลูกสาวไม่ซ้ำแบบ ปังจนครูต้องชม - คมชัดลึก

กลายเป็นไวรัลที่ฮือฮามาแรง เมื่อคุณแม่ท่านหนึ่ง ทำ "ทรงผม" สุดปังให้กับลูกสาวไปโรงเรียน แต่ละวันไม่ซ้ำแบบเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละทรงนั้นเรียกได้ว่าแหวกแนว ไม่เหมือนใครเลย และทำยาก ใช้เวลาทำนานมาก ชาวเน็ตถึงกับ "เอ็นดูแม่" และชมความพยายามที่จะดีไซน์ผมลูกสาวไม่ซ้ำวันเลย

โดยผู้ใช้ TikTok ชื่อบัญชี pintopeeyavadee ได้โพสต์การครีเอททรงผมให้ น้องปิ่นโต ไปโรงเรียน ในแต่ละวัน เรียกได้ว่าทำยากและใช้เวลานานมากเลย แต่ทรงผมที่ออกมาคุ้มค่ามากเพราะมีแต่คนชม รวมทั้งคูณครูที่โรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นทรงผมลูกกวาง ทรงหุ่นไร่ ทรงสะพานพระราม 8

น้องปิ่นโตกับทรงผมลูกกวาง

ติดตามกระแสโซเชี่ยลเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/komchadluek/

ซึ่งภายหลังที่คุณแม่ได้ลงคลิป น้องปิ่นโต กับทรงผมสุดปัง ได้มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเม้นต์เอ็นดูทั้งคุณแม่และลูกสาว "ยอมใจนาง ส่วนแม่ก็สุดยอด" "ชอบไอเดียร์ทรงผมน้องมากเลยค่ะแม่" "ทรงผมแต่ละวันของน้อน555 เอ็นดูวววว" "ทรงผมและการแต่งตัวของน้องปลุกใจเรามากค่ะ อยากได้ลูกสาว" "นอกจากทรงผม หน้าตาก้อสวยจิ้มลิ้ม"

น้องปิ่นโตกับืรงผมหุ่นไร่

น้องปิ่นโตกับทรงผมพระราม8

น้องปิ่นโต

ที่มา TikTok ชื่อบัญชี pintopeeyavadee

ติดตามอ่านข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ที่ www.komchadluek.net

Adblock test (Why?)


โซเชียลแห่ "เอ็นดูแม่" ทำ "ทรงผม" สุดปังให้ลูกสาวไม่ซ้ำแบบ ปังจนครูต้องชม - คมชัดลึก
Read More

มท.สั่ง “ผู้ว่าฯ” ทุกจังหวัดประสาน อปท.ทำตามประกาศเลื่อนเก็บภาษีที่ดิน - กรุงเทพธุรกิจ

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2565 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายกำหนดเวลาดำเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ประจำปี พ.ศ. 2565 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2565 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความเห็นชอบขยายกำหนดเวลาดำเนินการของผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกำหนดเวลาในพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 เฉพาะการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประจำปี พ.ศ. 2565 เป็นการทั่วไป ออกไปอีก 3 เดือน 

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า เพื่อให้การดำเนินการด้านการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปตามประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ ดังกล่าว จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ดำเนินการตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความเห็นชอบขยายกำหนดเวลาการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประจำปี พ.ศ. 2565 ได้แก่ 

นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า การขยายระยะเวลาดำเนินการการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามกฎหมายว่าด้วยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในครั้งนี้ เพื่อช่วยบรรเทาภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้กับพี่น้องประชาชนรวมถึงผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ทั่วประเทศ ทำให้ผู้เสียภาษีมีระยะเวลาเตรียมการชำระภาษีและผ่อนชำระภาษีประจำปี 2565 เพิ่มมากขึ้น โดยไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม หากได้ไปชำระภาษีภายในกำหนดระยะเวลาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเห็นชอบขยายออกไป และในกรณีผู้เสียภาษีบางรายที่เคยเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามกฎหมายอันเนื่องมาจากไม่ชำระภาษีภายในเดือนเมษายน 2565 หรือภายในระยะเวลาที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งได้ขยายระยะเวลาการชำระภาษีออกไปในห้วงก่อนเดือนกรกฎาคม 2565 นั้น ก็จะมีสิทธิได้รับ คืนเงินเบี้ยปรับและเงินเพิ่มจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีกด้วย

Adblock test (Why?)


มท.สั่ง “ผู้ว่าฯ” ทุกจังหวัดประสาน อปท.ทำตามประกาศเลื่อนเก็บภาษีที่ดิน - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

UrboyTJ เผยจุดเริ่มต้นทำป่วยโรคซึมเศร้า เก็บตัวคิดสั้นทำร้ายตัวเอง - SpringNews

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

UrboyTJ เผยขอพักรักษาตัว หลังป่วยซึมเศร้า-ไบโพลาร์หนัก ทำสิ่งที่ไม่ควรทำ

ซึ่งหลายคนเป็นห่วงเป็นอย่างมาก แถมหลังโพสต์ข้อความก็พบว่าแรปเปอร์ชื่อดังได้หายตัวไปพร้อมรถยนต์ส่วนตัว แต่ล่าสุดมีรายงานว่าพบตัวแล้ว อย่างไรก็ตาม UrboyTJ ได้เคยเปิดใจพูดถึงเรื่องอาการป่วยโรคซึมเศร้าของตัวเองในรายการ เปอร์สเปกทิฟ เมื่อวันที่ 13  ธันวาคม 2563

"โรคซึมเศร้าคือมันเกิดมาตั้งแต่เด็ก ๆ พ่อแม่แยกทางกัน เราเห็นพ่อทำร้ายแม่ จากนั้นเราก็ย้ายไปอยู่กับแม่แต่ก็ไม่ได้อยู่กับแม่จริง ๆ เพราะว่าแม่ต้องไปอยู่เมืองนอก เราก็ต้องไปอยู่กับยาย เริ่มสะสมมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลยเป็นเด็กเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร และมันออกอาการให้เห็นมากสุดตอนที่จบโปรเจคทรีทรูวัน หมดสัญญา และไม่มีใครเซ็นต่อ"

UrboyTJ ยังเผยอีกว่า "จนคนรอบข้างเริ่มเห็นว่าผมดาร์กขึ้น และมีวันหนึ่ง เขื่อน เคโอติก ทักมาว่าอยากคุยด้วย มาคุยเรื่องผมว่าผมเป็นแบบนี้ใช่ไหม รู้สึกว่าไม่มีค่าใช่ไหม ผมก็ รู้ได้ไง เขื่อนเลยบอกว่าเขื่อนเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน เลยแนะนำให้ผมไปหาหมอ"

"ผมก็ไม่เชื่อ จนวันหนึ่งรู้สึกว่าอยากฆ่าตัวตาย ผมเลยตัดสินใจว่า งั้นลองไปหาหมอดีกว่า ก่อนที่จะแย่ไปมากกว่านี้ จากนั้นหมอก็วินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า ให้ยามากิน สองอาทิตย์แรกชีวิตเริ่มเปลี่ยน เริ่มออกนอกบ้านได้ เริ่มมีปฎิสัมพันธ์กับผู้คน เริ่มมูฟออนความคิดของตัวเองได้"

UrboyTJ เผยจุดเริ่มต้นทำป่วยโรคซึมเศร้า เก็บตัวคิดสั้นทำร้ายตัวเอง

Adblock test (Why?)


UrboyTJ เผยจุดเริ่มต้นทำป่วยโรคซึมเศร้า เก็บตัวคิดสั้นทำร้ายตัวเอง - SpringNews
Read More

Friday, June 24, 2022

"UrboyTJ" โพสต์ล่าสุด เมื่อคืนตัดสินใจทำสิ่งไม่ควรทำ เเต่โชคดีทำไม่สำเร็จ - Tnews - ทีนิวส์

โดย ยัวร์บอยทีเจ โพสต์ล่าสุดผ่านเพจ UrboyTJ ใจความว่า สวัสดีครับ ผมชื่อ เต๋า ทีเจ จิรายุทธ ผโลประการ ผมมีเรื่องจะมาบอกครับ

"UrboyTJ" โพสต์ล่าสุด เมื่อคืนตัดสินใจทำสิ่งไม่ควรทำ เเต่โชคดีทำไม่สำเร็จ
เพราะผมคิดว่ามันถึงวิกฤตแล้ว ผมเป็น depression ซึมเศร้า , bipolar ผมรู้สึกหมดไฟในการใช้ชีวิตมาหลายเดือนมากแล้วแต่ไม่มีใครฟังผมเลย ในสิ่งที่ผมพูด ในสิ่งที่ผมแสดงออกไป

"UrboyTJ" โพสต์ล่าสุด เมื่อคืนตัดสินใจทำสิ่งไม่ควรทำ เเต่โชคดีทำไม่สำเร็จ

เมื่อคืนผมตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่โชคดีที่ทำไม่สำเร็จและผมคิดว่าผมคงไม่สามารถทำงาน entertain คนดูได้ถ้าชีวิตผมยังมืดดำอยู่แบบนี้

Adblock test (Why?)


"UrboyTJ" โพสต์ล่าสุด เมื่อคืนตัดสินใจทำสิ่งไม่ควรทำ เเต่โชคดีทำไม่สำเร็จ - Tnews - ทีนิวส์
Read More

รู้ใจ ทำยอดทะลุ 1 พันล้าน ตั้งเป้าขยายตลาดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ - กรุงเทพธุรกิจ

นายนิโคลัส ฟาเกต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง รู้ใจ ผู้ให้บริการประกันภัยออนไลน์ กล่าวว่า ในปี2565 เรายังได้เห็นการร่วมทุนครั้งแรกของรู้ใจในตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันภัยสองรายการในอินโดนีเซีย โดยความร่วมมือกับสมโปะ อินโดนีเซีย บริษัทประกันภัยชั้นนำของเอเชีย ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวประกันภัยรถยนต์ในประเทศอินโดนีเซียภายในสิ้นปี 2565

สำหรับประเทศไทย ภายในปี 2565 รู้ใจตั้งเป้าที่จะเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยการเปิดตัว แอปพลิเคชัน
เทเลเมติกส์และประกันสำหรับรถยนต์ที่มีเลขไมล์ต่ำ ประกันโรคร้ายแรง แผนประกันชดเชยรายได้ขณะเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และแผนประกันสุขภาพส่วนบุคคลเต็มรูปแบบ ซึ่งคาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของรู้ใจจะเริ่มออกสู่ตลาดครึ่งแรกของปี 2566

อย่างไรก็ตาม บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง กวาดรายได้จากเบี้ยประกันภัยในปีงบประมาณ (เม.ย.64 -มี.ค.64) จำนวน  1.1 พันล้านบาท เติบโต25% จากช่วงเดียวกันปีก่อน  ในขณะที่จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปี 2564

หัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรู้ใจในปี 2564 คือ การเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลาย การมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าสำหรับลูกค้า และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ในปีที่ผ่านมารู้ใจได้เข้าสู่ตลาดความคุ้มครองด้วยการเปิดตัวประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันโรคมะเร็ง และประกันความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด19 ส่งผลให้การรับรู้แบรนด์ของรู้ใจเพิ่มขึ้นใน ชาวไทย 25% ทำให้บริษัทประกันภัยน้องใหม่ที่ก่อตั้งมา 6 ปีอย่าง รู้ใจ กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ประกันภัยที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในประเทศ

 “เรามุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ไม่ซับซ้อน ราคาดีและเชื่อถือได้ ซึ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า เราจึงสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยากลำบากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการมุ่งเน้นการพัฒนาด้านเทคโนโลยี ใส่ใจต่อความพึงพอใจของลูกค้า และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยอย่างเหมาะสม เป็นกลยุทธ์ที่เรามาถูกทาง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างแพลตฟอร์มที่ยั่งยืน และจะช่วยสานต่อความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง”

นอกจากนี้ ในช่วงปีงบประมาณที่ผ่านมา รู้ใจสามารถจัดการการเคลมได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะเดียวกันยังพัฒนาการให้บริการและปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้า โดยมีผลความพึงพอใจในการเคลมอยู่ที่ 9.1 จาก 10

“ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลเรื่องสุขภาพและเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่รู้ใจยังคงรักษาผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งไว้ได้ เรารู้สึกยินดีที่คนไทยให้ความสำคัญกับประสบการณ์การซื้อประกันที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาของรู้ใจ ตลอดจนให้ความไว้วางใจให้เราช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ยากลำบาก นับตั้งแต่วันที่เราเปิดตัวในปี 2559 เราได้มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดยั้ง และเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอย่างต่อเนื่องในปีต่อ ๆ ไป” 

Adblock test (Why?)


รู้ใจ ทำยอดทะลุ 1 พันล้าน ตั้งเป้าขยายตลาดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

เช็ก มาตรการโควิด "ถอดแมสก์ได้" ทำอะไรได้อีกบ้าง - กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดท "มาตรการโควิด-19" หลัง ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ "ถอดแมสก์" สวมหน้ากากอนามัย โดยความสมัครใจ ยกเลิกกำหนดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว พร้อมกับผ่อนคลายมาตรการอื่นๆ มีผลทันที

หลังจากที่ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 46 ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2565 ใจความว่า เนื่องจากสถานการณ์ "โควิด-19" ในปัจจุบันได้คลี่คลาย และมีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น จํานวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวลดลงเป็นลําดับ จนสามารถผ่อนปรนมาตรการและข้อจํากัดต่าง ๆ ให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถดํารงชีวิตและดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจแล สังคมได้ใกล้เคียงกับปกติ

รวมไปถึงการผ่อนคลายข้อจํากัดเรื่องการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางระหว่างประเทศจากเดิมที่เคยกําหนดเป็นมาตรการสกัดกั้นเชื้อโรคอย่างเร่งด่วน โดยปรับให้สอดคล้องกับนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล เพื่อรับผู้เดินทางจากทั่วโลก การดําเนินการตามแผนและมาตรการจัดการด้านสาธารณสุขทั้งหลายนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมการเปลี่ยนผ่านสู่ระยะ Post-Pandemic ที่จะประกาศให้เป็นโรคติดต่อทั่วไป 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ "ถอดแมสก์" สวมหน้ากากอนามัย โดยสมัครใจ มีผลทันที

"ถอดแมสก์" โดยสมัครใจ มีผลทันที 

ทั้งนี้ หนึ่งในมาตรการ คือ การประกาศ "ถอดแมสก์" สวมหน้ากากอนามัย โดยสมัครใจ มีผลทันที โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

  • สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เป็นไปตามความสมัครใจ
  • แนะนำสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสถานที่หรือในพื้นที่แออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ไม่สามารถเว้นระยะห่างได้หรืออากาศระบายถ่ายเทไม่ดี
  • กลุ่ม 608 หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่อต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น
  • ผู้ติดเชื้อโควิด - 19 หรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่นเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่โรค

ยกเลิกพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว

  • ปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และยกเลิกการกําหนดพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและเป็นไปตามแผนการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟู เศรษฐกิจของรัฐบาล 
     

ขยายเวลาบังคับใช้มาตรการ

  • ขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรค สําหรับสถานบริการ หรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค รวมถึง หลักเกณฑ์ หรือแนวปฏิบัติ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบกําหนดขึ้นภายใต้ข้อกําหนดดังกล่าว ยังคงมีผลใช้บังคับ เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกําหนดนี้

ผ่อนคลายเคลื่อนย้าย "แรงงานต่างด้าว"

  • ให้การเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเพื่อการทำงานข้ามเขตจังหวัด และทำงานภายในเขตจังหวัด ภายใต้กฎหมาย กฎ  หรือระเบียบที่กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการดำเนินการได้ตามปกติ


 

การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และวีดิทัศน์

  • ให้สำนักงาน กสทช. ปรับปรุงแนวปฏิบัติการถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ เพื่อรองรับกับมาตรการผ่อนคลายต่างๆ ให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ ศบค.ได้พิจารณาเห็นชอบแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เช็ค มาตรการ ศบค. 1 ก.ค. นี้ เดินหน้าสู่ "ความปกติใหม่"

ร้านอาหาร ผับบาร์ คาราโอเกะ

  • ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม  สามารถเปิดให้บริการจำหน่าย บริโภคสุรา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ 
  • สถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะหรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน สามารถเปิดให้บริการได้โดยต้องดำเนินการภายใต้กฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการดำเนินการไว้ และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค เงื่อนไขการจัดระเบียบ และระบบต่าง ๆ และคำแนะนำของทางราชการ


 

การจัดกิจกรรมรวมกลุ่ม 

  • การจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลจำนวนมาก ทำได้ตามความเหมาะสม โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด
  • กรณีการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันมากกว่า 2,000 คน ให้ผู้รับผิดชอบแจ้งการจัดกิจกรรมต่อคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี ไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อการระบาดแบบเป็นกลุ่มก้อน (Cluster)

เช็ก มาตรการโควิด "ถอดแมสก์ได้" ทำอะไรได้อีกบ้าง

เช็ก มาตรการโควิด "ถอดแมสก์ได้" ทำอะไรได้อีกบ้าง

เช็ก มาตรการโควิด "ถอดแมสก์ได้" ทำอะไรได้อีกบ้าง

เช็ก มาตรการโควิด "ถอดแมสก์ได้" ทำอะไรได้อีกบ้าง

Adblock test (Why?)


เช็ก มาตรการโควิด "ถอดแมสก์ได้" ทำอะไรได้อีกบ้าง - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Thursday, June 23, 2022

เริ่มแล้ว! ผู้ว่ากทม "ชัชชาติ" เดินหน้าทำโรงเรียนปลอดกัญชา - Hfocus

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กำชับทุกฝ่ายร่วมปกป้องเด็ก ทำรอบรั้วโรงเรียนให้ปลอดกัญชา กัญชง และใบกระท่อม

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 23 มิ.ย.2565  นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมโรงเรียนต้นแบบปลอดกัญชา กัญชง และใบกระท่อม ณ โรงเรียนวิชูทิศ เขตดินแดง โดยเปิดเผยว่า โรงเรียนวิชูทิศเป็นหนึ่งใน 437 โรงเรียนที่ดำเนินโครงการโรงเรียนต้นแบบปลอดกัญชา กัญชง และใบกระท่อม สืบเนื่องจากมีการปล่อยเสรีมากขึ้นจึงเกรงว่าสิ่งเหล่านี้จะเข้ามามีผลกระทบกับนักเรียนในโรงเรียน หากเดินไปดูบริเวณถนนประชาสงเคราะห์จะพบมีใบกระท่อมจำหน่ายตลอดเส้น  

จึงขอให้โรงเรียนมีการทำแผ่นพับ ข้อมูลความรู้แจ้งให้กับเด็กนักเรียนทราบ ภายในโรงเรียนไม่น่าเป็นห่วงมากเนื่องจากสามารถควบคุมได้ แต่สำคัญที่ภายนอกโรงเรียน ทั้งร้านค้า ร้านขายของที่อยู่นอกโรงเรียน จึงขอความร่วมมือติดป้ายเพื่อให้ความรู้ และให้ครู ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่เทศกิจช่วยตรวจตราบริเวณโดยรอบโรงเรียน รวมทั้งแจ้งเหตุหากพบมีการขายของเหล่านี้ให้แก่เด็กนักเรียนหรือบุคลากร   ทั้งนี้ จากการตรวจเยี่ยมวันนี้ได้ผลที่ดี นักเรียนมีความเข้าใจดีถึงโทษอันตรายของยาเสพติด ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ 

“ต้องขอบคุณร้านค้าบริเวณโดยรอบโรงเรียนที่ให้ความร่วมมือ จริงๆแล้ว ลูกค้าก็คือเด็กนักเรียน ถ้าหากนักเรียนเกิดอันตราย ก็มีผลกระทบต่อการทำการค้า ดังนั้นความร่วมมือเป็นเรื่องสำคัญ อย่าดูแค่ผลประโยชน์ระยะสั้น ขอให้ดูผลประโยชน์ของชุมชนระยะยาวด้วย กัญชาอาจจะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อาจสำหรับคนบางกลุ่มเท่านั้น สำหรับนักเรียนอย่าเอาเข้ามาข้องเกี่ยวเลย เนื่องจากเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องมีการพัฒนาการอีกมาก บางเรื่องอาจจะยังไม่มีวิจารณญาณที่จะเลือก ส่วนใบกระท่อมขณะนี้มีจำหน่ายทั่วไปและใกล้เคียงโรงเรียนมากขึ้นจนดูเป็นเรื่องปกติ ต้องให้ความรู้กับเด็กว่าเป็นสิ่งเสพติด ฝากครูและอาจารย์ให้ความรู้และอธิบายว่า พิษภัยของกระท่อมไม่ต่างจากกัญชามีพิษที่รุนแรง ขอขอบคุณผู้อำนวยการโรงเรียนรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่าหยุดแค่ช่วงนี้ขอให้ทำอย่างต่อเนื่อง หากมีปัญหาอุปสรรคอะไรให้รายงานมา จะได้ช่วยแก้ปัญหา”  ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวย้ำ

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า วันนี้ถือเป็นก้าวแรก จะเห็นได้ว่าความปลอดภัยของเด็กนักเรียนมีหลายเรื่องไม่ใช่แค่เรื่องยาเสพติด ตั้งแต่เรื่องทางม้าลาย การเดินทางของเด็กที่มาเรียน ข้อหนึ่งที่สำคัญคือเด็กส่วนใหญ่ 70% มาโรงเรียนด้วยรถมอเตอร์ไซต์ ซึ่งเด็กไม่มีหมวกกันน็อกเนื่องจากเด็กศรีษะเล็ก ต้องใช้หมวกกันน็อกขนาดเล็ก ซึ่งจากการสำรวจเด็กนักเรียน 270,000 คนในสังกัดกรุงเทพมหานคร พบว่ามีความต้องการหมวกกันน็อกขนาดเล็ก 120,000 ใบ ขณะนี้อยู่ระหว่างหาผู้สนับสนุน

เบื้องต้นทราบว่าบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด จะสนับสนุนทั้งหมด โดยจะบริหารจัดการให้เป็นของใช้ส่วนกลางของโรงเรียน ให้เด็กยืมไปใช้ในแต่ละเทอม จะได้ไม่ต้องหาใหม่ทุกเทอม เมื่อเด็กโตขึ้นก็อาจใช้หมวกกันน็อกปกติได้ เมื่อเอามาคืนก็ล้างทำความสะอาดและให้รุ่นต่อไปยืมไปใช้ต่อ  นอกจากนี้ วันนี้ได้นำตัวอย่างเทคโนโลยีมาใช้เกี่ยวกับการดูแลเด็กเข้าออกโรงเรียน ใช้ระบบตรวจจับใบหน้า ดูเวลาเข้า-ออก รวมถึงการตรวจวัดค่าฝุ่นภายในโรงเรียน ซึ่งเป็นตามนโยบายที่ประกาศว่า ต่อไปจะดูแลเรื่องฝุ่นให้เข้มข้น โรงเรียนต้องมีประกาศว่าแต่ละวันมีค่าฝุ่นเท่าไร อาจจะต้องมีห้องฟอกอากาศ มีหน้ากากอนามัยให้นักเรียนใช้เพียงพอ อย่างน้อยช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่น ซึ่งเป็นโครงการที่จะดำเนินการต่อไปในอนาคต

“เรื่องความปลอดภัยของนักเรียนเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องดูแลทุกมิติ เนื่องจากเด็กคือทรัพยากรที่สำคัญสุดของเมือง ต่อไปจะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยดูแลเมืองของเรา เราก็ต้องดูแลเค้าให้ดีด้วย” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

Adblock test (Why?)


เริ่มแล้ว! ผู้ว่ากทม "ชัชชาติ" เดินหน้าทำโรงเรียนปลอดกัญชา - Hfocus
Read More

ยื่นขอ "เงินทำศพผู้สูงอายุ" 3000 บาท ต้องมีฐานะยากจน ตาม "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" - กรุงเทพธุรกิจ

วันนี้ (23 มิถุนายน 2565) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการแชร์ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เนื้อหาเกี่ยวประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 เรื่อง การสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือในการจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณี ที่มีฐานะยากจน "เงินทำศพผู้สูงอายุ" รายละ 3,000 บาท แต่ด้วยเนื้อหาที่ส่งต่อกันระบุสาระหลักไม่ครบถ้วน ทำให้ประชาชนจำนวนมากเข้าใจว่า การจ่ายเงินสงเคราะห์ดังกล่าวจ่ายให้แก่ผู้สูงอายุทุกราย 

ดังนั้น จึงขอชี้แจงว่า การขอรับ "เงินสงเคราะห์ค่าทำศพ" ตามประเพณี ผู้สูงอายุที่เสียชีวิตจะต้องเข้าหลักเกณฑ์ดังนี้

  1. ผู้เสียชีวิตอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
  2. สัญชาติไทย
  3. ผู้สูงอายุที่มี "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ"
  4. ผู้สูงอายุซึ่งอยู่ในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ สถานสงเคราะห์ สถานดูแล สถานคุ้มครอง หรือสถานใดๆ ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำเนินการจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคม วัด มัสยิด โบสถ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

โดยผู้ยื่นคำขอ "เงินทำศพผู้สูงอายุ" รายละ 3,000 บาท (ครอบครัวผู้เสียชีวิต ญาติผู้รับผิดชอบจัดการศพ) จะต้องยื่นคำขอในท้องที่ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออกใบมรณบัตร พร้อมกับเอกสารสำคัญ เช่น

  • ใบมรณบัตรของผู้สูงอายุ
  • บัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้สูงอายุหรือหนังสือรับรอง
  • บัตรประจำตัวประชาชน
  • สมุดบัญชีหรือเลขที่บัญชีธนาคารของผู้ยื่นคำขอ (เพื่อโอนเงิน)

กรณีอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคำขอที่สำนักงานเขต ส่วนจังหวัดอื่นๆ ให้ยื่นคำขอในท้องที่ เช่น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเทศบาล ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นต้น
 

นางสาวรัชดาฯ กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่อง การสนับสุนนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี  ขอย้ำว่า การสนับสุนนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี มีฐานะยากจนตามคุณสมบัติบัตรสวัสดิแห่งรัฐ เท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือ

Adblock test (Why?)


ยื่นขอ "เงินทำศพผู้สูงอายุ" 3000 บาท ต้องมีฐานะยากจน ตาม "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

บทเรียนธุรกิจจาก "ดารุมะ" อยากทำ "บุฟเฟ่ต์" บริหารอย่างไรให้ไม่เจ๊ง ? - กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวใหญ่ในแวดวงธุรกิจร้านอาหาร หลัง "ดารุมะ" หรือ "ดารุมะ ซูชิ" เปิดขายโปรโมชั่น "บุฟเฟ่ต์" ผ่านเวาเชอร์ราคาถูก 199 บาทต่อหัว ขั้นต่ำจำนวน 6 ใบขึ้นไป ก่อนปิดให้บริการโดยไม่แจ้งล่วงหน้า จนทำให้ผู้ซื้อเวาเชอร์หลายแสนใบได้รับความเสียหาย รวมถึงพนักงานในร้าน และผู้ซื้อแฟรนไชส์สาขาต่างๆ รวมหลายพันราย มีมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท 

ล่าสุด "เจ้าของดารุมะ" หรือ "บอลนี่ เมธา ชลิงสุข" ถูกจับกุมแล้ว เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 65 ที่สนามบินสุวรรณภูมิขณะเดินทางกลับไทย หลังจากหลบหนีออกนอกประเทศไปตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.65 ซึ่งเป็นช่วงที่ข่าวการปิดตัวของร้านกำลังร้อนระอุ

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า ทำธุรกิจแแล้วเกิดปัญหาสภาพคล่อง จึงทำการขายคูปองออนไลน์ในราคา 199 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าความเป็นจริง เพื่อให้มีเงินเข้ามาในระบบ มีเงินเข้าบัญชีวันละล้านบาท และนำเงินส่วนนั้นเข้าสู่ระบบไปหมุนต่อ

โดยใช้วิธีการขายคูปองออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2563 แต่ลดราคาลงมาต่ำสุดเมื่อมกราคม 2565 มีการอ้างว่าธุรกิจขาดสภาพคล่องในช่วงโควิด-19 มีหนี้สินจำนวนมาก จึงตัดสินใจหลบหนี

จะเห็นได้ว่าการบริหาร "สภาพคล่อง" เป็นอีกหนึ่งจุดในการทำธุรกิจบุฟเฟ่ต์ที่ไม่อาจมองข้าม ซึ่งผู้ที่อยากทำธุรกิจในลักษณะเดียวกันน่าจะใช้กรณีศึกษาในการบริหารธุรกิจของตัวเองได้ นอกจากนี้ "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" ยังได้รวบรวม 5 เรื่องสำคัญในการบริหาร "ธุรกิจบุฟเฟ่ต์" ให้ทำกำไร หรือลดโอกาสเจ๊งมาฝากกัน 

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า กำไรของธุรกิจร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ ที่รับประทานได้ไม่อั้น คือ การบริหารจัดการต้นทุนจากองค์ประกอบต่างๆ ของร้านแบบถัวเฉลี่ย อย่างต้นทุนค่าวัตถุดิบ ค่าเช่าร้าน ค่าแรงพนักงาน ฯลฯ ซึ่งการตั้งราคาค่าบริการของลูกค้าหนึ่งรายจะสามารถหักลบกับต้นทุนทั้งหมดได้ และมีส่วนต่างที่เหลือเป็นกำไร 

ฉะนั้น ร้านบุฟเฟ่ต์มักจะต้องเปิดเป็นร้านขนาดใหญ่ที่รองรับลูกค้าจำนวนมากได้ เพื่อให้ไปถึงจุดคุ้มทุน เพื่อให้รายได้ต่อการขายครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด และแน่นอนว่าหากมีราคาค่าบุฟเฟ่ต์ต่อหัวที่ต่ำเกินไปย่อมเสี่ยงต่อการขาดทุน หรือมีโอกาสขาดทุนในระยะยาว

  •  5 เทคนิคที่ให้บุฟเฟ่ต์ ประสบความสำเร็จ 

 1. ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่า 

คนที่เดินเข้าร้านบุฟเฟ่ต์ ย่อมมีความคาดหวังกับการได้รับประทานอาหารที่หลากหลาย เลือกได้ตามใจชอบ กินได้เท่าที่ใจต้องการ ในราคาที่ไม่บานปลาย โดยความคุ้มค่าในร้านบุฟเฟ่ต์สร้างได้จากการบริหารจัดการที่ดีของร้าน โดยเฉพาะในส่วนของ “อาหาร” ที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ อาทิ การจัดหาวัตถุดิบ​จาก Supplier ที่ราคาไม่สูง และคุณภาพดี การจัดเก็บที่เหมาะสม รวมถึงการประยุกต์ใช้วัตถุเพื่อให้มีเมนูที่ใหม่ในต้นทุนที่เท่าเดิม เช่นใช้หัวปลาแซลมอนที่เหลือจากการแล่ มาต้มซีอิ๊วเพิ่มเมนูทางเลือกให้ลูกค้า เป็นต้น

2. รู้จักสังเกต

สังเกตพฤติกรรมลูกค้าว่าชอบหรือไม่ชอบกินอะไร เพราะสิ่งที่เหลือถึงแม้เล็กๆ น้อยๆ นั้นคือต้นทุนทั้งสิ้น เช่น ถ้าเมนูไม่ค่อยมีคนรับประทานก็ควรปรับปรุงหรือตัดออกจากไลน์อาหาร หรือถ้าลูกค้าบอกว่าปริมาณต่อเสิร์ฟเยอะเกินไป ก็ให้ลดปริมาณการจัดเสิร์ฟลง เพื่อให้เหลือทิ้งน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

อีกหนึ่งเทคนิคคือ การจัดวาง สำหรับบุฟเฟ่ต์แบบให้ลูกค้าตักอาหารเองคือ การวางวัตถุดิบใดก็ตามที่มีราคาแพงไว้ด้านในสุดของร้าน เพราะกว่าที่ลูกค้าจะเดินไปถึงก็ต้องมีการตักอาหารอื่นๆ ใส่ไปในจานก่อนแล้ว เมื่อถึงตัววัตถุดิบที่ราคาแพงจานก็ค่อนข้างเต็ม ทำให้ใส่ของได้อีกไม่มาก หรือหยิบยากกว่า ซึ่งช่วยลดต้นทุนราคาค่าวัตถุดิบไปได้ส่วนหนึ่ง

3.  มีเอกลักษณ์ และเน้นคุณภาพของสินค้า

คุณภาพ ณ ที่นี้หมายความรวมทั้งคุณภาพอาหาร ความสดใหม่ มาตรฐานที่คงเส้นคงวา ส่วนเอกลักษณ์อาจเป็นได้ทั้งเอกลักษณ์ของรสชาติ เช่น น้ำจิ้มเด็ด มีรสให้เลือกหลากหลาย หรือแม้แต่เอกลักษณ์ในการจัดแต่งร้าน ลูกเล่นที่ทำให้การกินสนุก และมีเสน่ห์กว่าร้านอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ กลับมากินซ้ำ และที่สำคัญคือ แนะนำให้คนอื่นมากินด้วย และนั่นคือ ทางรอดที่ยั่งยืนที่สุด ไม่ใช่แค่ "ถูก"  แล้วจะดึงลูกค้าได้เสมอไป

4. คิดอย่างรอบคอบ ก่อนจัดโปรโมชั่นลดราคา

โปรโมชั่น หรือกิจกรรมกระตุ้นการขายนับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น แต่การจัดโปรโมชั่นเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นหลังจากการคำนวณต้นทุน และพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่า ราคาโปรโมชั่นยังจะสามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้ หรือยังมีกำไร และที่สำคัญคือ จะต้องไม่ส่งผลเสียในระยะยาว เช่น การจัดโปรโมชั่นถี่จนลูกค้าเฝ้ารอการลดราคาจนไม่ยอมจ่ายราคาเต็มอีกเลย เป็นต้น

5. มีการสื่อสารที่ดี 

การพยายามสื่อสาร หรือสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าที่ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใกล้ชิด เป็นกันเอง และไขข้อสงสัยได้จริงๆ หากการสื่อสารดี ผนวกเข้ากับอาหารมีคุณภาพ ราคาเหมาะสม ยิ่งมีส่วนทำให้เกิดความประทับใจ นำไปสู่การใช้บริการซ้ำนั่นเอง

-------------------------------------------------

อ้างอิง: thaismescenterสาระย่อยง่าย, amarinacademyเพื่อนแท้ร้านอาหาร

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์

Adblock test (Why?)


บทเรียนธุรกิจจาก "ดารุมะ" อยากทำ "บุฟเฟ่ต์" บริหารอย่างไรให้ไม่เจ๊ง ? - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Wednesday, June 22, 2022

'เผาถ่าน'​ ขายมาแรง 'แก๊สแพง'​ ทำออเดอร์พุ่ง - กรุงเทพธุรกิจ

อาชีพเผาถ่านขายออเดอร์พุ่งทำไม่ทัน ขณะที่ราคาไม้ ขี้เลื่อย มีการปรับราคาขึ้น ทำให้ราคาถ่านต้องปรับตาม โดยออเดอร์ล้นทำไม่ทันส่งเข้ากรุงเทพฯไปยังยุ้งใหญ่เท่านั้น

โดยที่บ้านควนห้วยนาง หมู่ 1 ต.หนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ของนางสาวสมปอง ศรีตะเขต อายุ 55 ปี ชาวจ.ร้อยเอ็ด ที่มาเช่าพื้นที่สำหรับการทำธุรกิจเผาถ่านขาย ซึ่งมีเตาเผาถ่านอยู่ 2 ประเภท คือ การเผาลาน ราคาค่าเช่าเดือนละ 5,000 บาท โดยใช้ปีกไม้ยางพาราแปรรูป และขี้เลื่อยเป็นวัตถุดิบหลักในการเผาถ่าน และเผาด้วยเตาอบ ค่าเช่าเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งใช้ไม้เบญจพรรณท่อนขนาดใหญ่เป็นวัตถุดิบในการเผา โดยพบว่าคนงานเร่งมืออย่างเต็มที่ในการเผาถ่านรอบใหม่ เพื่อส่งให้ทันตามออเดอร์ของลูกค้าที่สั่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนทำไม่ทัน

ทางด้านนางสาวสมปอง ศรีตะเขต เจ้าของเตาเผาถ่าน กล่าวว่า ตนเองเป็นคนจ.ร้อยเอ็ด แต่ทำงานเป็นลูกจ้างเตาเผาถ่านมาก่อนเป็นเวลาประมาณ 40 ปี และลาออกมาทำธุรกิจของตนเองมาได้ประมาณ 7 เดือนเท่านั้น

แต่ตลาดดีมากหลังจากราคาแก๊งสูงขึ้นโดยยุ้งใหญ่ในกรุงเทพฯโทรศัพท์เข้ามาสั่งถ่านเป็นจำนวนมากรับโทรศัพท์ไม่ทัน แต่ตนเองรับออเดอร์ไม่ได้ ผลิตไม่ทัน โดยแต่ละเดือนละสามารถผลิตได้เต็มที่เพียงประมาณ 3 คันรถบรรทุกสิบล้อเท่านั้น โดยบรรทุกได้คันละ 389 กระสอบ เพราะพื้นที่และเตามีจำกัด ไม่มีเงินทุนจะเพิ่มจำนวนเตา ขณะที่ราคาไม้จากโรงงาน รวมทั้งขี้เลื่อยมีการปรับราคาขึ้นทั้งหมด โดยปีกไม้ ราคาเดิมกก.ละ 50 – 75 สตางค์ หรือตันละ 500 – 750 บาท แต่ขณะนี้ปรับขึ้นเป็นกก.ละ 1 บาทหรือตันละ 1,000 บาท ส่วนไม้ท่อน ราคาเดิมกก.ละ 75 สตางค์ หรือตันละ 750 บาท ขณะนี้ปรับราคาขึ้นมาเป็นกก.ละ 1.20 – 1.40 สตางค์ หรือตันละ 1,200 – 1,400 บาท และถ้าช่วงฝนตกก็จะมีการปรับราคาไม้ขึ้นอีก เพราะเข้าตัดไม้ในแปลงไม่ได้ ส่วนขี้เลื่อยก็ปรับราคาขึ้นเช่นกันเป็นตันละ 1,000 บาท โดยเจ้าของลานเท และโรงงานบอกจำเป็นต้องปรับราคาเพราะน้ำมันขนส่งแพง โดยทางเตาถ่านก็ยังมีค่าน้ำมันดีเซลที่นำมาใช้เลื่อยไม้ด้วย รวมทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ทำให้มีการปรับราคาขายถ่านด้วย โดยถ่านก้อนเล็กจากไม้ยางพารา จากกระสอบละ 320 บาท ปรับขึ้นเป็นกระสอบละ 400 บาท ส่วนถ่านก้อนใหญ่จากไม้ท่อนขนาดใหญ่ จากเดิมกระสอบละ 400 บาท ปรับเป็นกระสอบละ 440 บาท ซึ่งทั้งนี้ แต่ละวันมีเจ้าของยุ้งจากกรุงเทพฯ โทรเข้ามาต้องการถ่านไม่ขาดสาย รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ แต่ทางเตาผลิตได้จำกัด และไม่สามารถขายปลีกได้ ต้องส่งยุ้งประจำที่กรุงเทพฯเท่านั้น โดยที่ทางยุ้งจะส่งรถบรรทุกมารับด้วยตนเอง ทั้งนี้ หลังจากที่ปัญหาราคาแก๊สเพิ่มสูงขึ้นนั้นทำให้ถ่านเป็นที่ต้องการอย่างมากในท้องตลาด จนทำไม่ทัน เพราะตนเองผลิตได้เต็มที่เพียงเดือนละ 3 คัน รถบรรทุก 10 ล้อ โดยบรรทุกได้คันละ 389 กระสอบ แต่ถ้าความต้องการที่โทรศัพท์เข้ามาสั่งซื้อคิดว่าเดือนละ 10 – 20 คันรถบรรทุก หรือมีเท่าไรตลาดก็เอาทั้งหมด ไม่อั้น ประเภทเต็มออกๆ เพราะกรุงเทพฯต้องการถ่านจำนวนมาก

นางสาวสมปอง กล่าวอีกว่า แต่ทั้งนี้ ปัญหาที่ประสบคือ ไม่มีเงินทุนหมุนเวียน เพราะต้องใช้เงินสดทั้งหมดในการซื้อไม้ ขี้เลื่อย ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก แรกเริ่มตนลงทุนเพียง 300,000 บาท เท่านั้น ทำเตาลาน และเตาอบ และเป็นเงินทุนซื้อไม้ แต่ขณะนี้ถ้ามีเงินทุนหมุนเวียนมากพอ สามารถผลิตได้มาก และมีเงินจ่ายคืนได้แน่นอน เพราะซื้อขายด้วยเงินสด วอนรัฐหากมีแหล่งเงินกู้ขอให้ช่วยธุรกิจประเภทนี้ เพราะช่วยชาวบ้านที่ทำธุรกิจนี้ และช่วยประชาชนประหยัดพลังงานด้วย ซึ่งหากมีแหล่งเงินกู้ก็พร้อมจะกู้มาลงทุนเพิ่ม ซึ่งขณะนี้การทำธุรกิจเผาถ่านไม่มีทางขาดทุนและมีความต้องการเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้ามีทุนจำนวนมากก็สามารถขยายเตาและผลิตได้เป็นจำนวนมาก เพราะตลาดต้องการจำนวนมาก และพบว่าขณะนี้เตาหลายเตาต้องหยุดกิจการ เพราะขาดเงินทุนหมุนเวียน

Adblock test (Why?)


'เผาถ่าน'​ ขายมาแรง 'แก๊สแพง'​ ทำออเดอร์พุ่ง - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

“วราวุธ” ลุย สวิตเซอร์แลนด์ ทำข้อตกลงซื้อ-ขาย "คาร์บอนเครดิต" คู่แรกของโลก - กรุงเทพธุรกิจ

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย พร้อมคณะเดินทางไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และโปรตุเกส เพื่อลงนาม MOU ต่อเนื่อง ซื้อ-ขาย "คาร์บอนเครดิต" ระหว่างประเทศ และเข้าร่วมประชุมนานาชาติการดูแลรักษามหาสมุทร ระหว่างวันที่ 22 มิ.ย. - 1 ก.ค. 65

นายวราวุธ เปิดเผยว่า เราจะไปกรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก่อนเพื่อพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นการลงนาม MOU ต่อเนื่องจากช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2564 เกี่ยวกับการพัฒนาเรื่อง climate change ระหว่างไทยกับสวิตเซอร์แลนด์ ในครั้งนี้เราจะทำการตกลงซื้อขายระหว่างประเทศต่อประเทศ ภายใต้ข้อตกลง Paris Agreement Aticle 6.2 เป็นคู่แรกของโลกที่เซ็นสัญญาระหว่างประเทศ การทำเช่นนี้จะเอื้อให้เอกชนระหว่างไทย-สวิตเซอร์แลนด์มีการแลกเปลี่ยน อาทิ เรื่องเทคโนโลยี เรื่องเงินทุน ในทางกลับกันประเทศไทยจะมีการแลก "คาร์บอนเครดิต" กับทางสวิตเซอร์แลนด์

“วราวุธ” ลุย สวิตเซอร์แลนด์ ทำข้อตกลงซื้อ-ขาย "คาร์บอนเครดิต" คู่แรกของโลก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ทั้งนี้ เงื่อนไขสำคัญในการแลกเปลี่ยน "คาร์บอนเครดิต" ภายใต้ข้อตกลงปารีสคือ เมื่อแลกคาร์บอนเครดิตแล้ว สิ่งที่ได้กลับมาเป็นเทคโนโลยี หรือเงินลงทุน ซึ่งมากกว่าปริมาณคาร์บอนที่เราปลดปล่อย จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้เกิดข้อตกลงขึ้น ดังนั้นประชาชนไม่ต้องเป็นกังวลว่าหากเราขายคาร์บอนเครดิตไปแล้วจะขาดทุน เพราะสิ่งที่ได้กลับมานั้นเพิ่มมากกว่า

ขณะที่ในช่วงครึ่งหลัง จะเดินทางไปที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เพื่อเข้าร่วมการประชุมนานาชาติเรื่องการดูแลรักษามหาสมุทร ภายใต้ UN องค์การสหประชาชาติ ซึ่งการประชุมมีการเลื่อนมาแล้ว 2 ครั้ง อันเนื่องจากสถานการณ์โควิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเข้าร่วมในครั้งนี้เพื่อแสดงเจตจำนง การอัปเดตเพื่อให้ทั่วโลกรู้ว่าที่ผ่านมาประเทศไทยได้ดำเนินการเรื่องมหาสมุทรอย่างไร

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ตนเข้ารับตำแหน่งประเทศไทยถูกตั้งอันดับเป็นประเทศที่ทิ้งขยะพลาสติกลงในทะเลมากเป็นอันดับที่ 6 ของโลก แต่ได้ความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนและทุกหน่วยงาน วันนี้ประเทศไทยถูกลดลำดับลงมาเป็นอันดับที่ 10 แสดงให้เห็นว่าการทำงานของประเทศไทยมีความตั้ใจจริง และมีผลงานไปแสดงให้นานาประเทศได้เห็นว่า เราเป็นหนึ่งในผู้นำอาเซียนที่ต่อสู้กับขยะในทะเล

อย่างไรก็ตาม การไปเยือนทั้ง 2 ประเทศในครั้งน้ี จะเป็นเครื่องยืนยันความตั้งใจจริงของรัฐบาลไทย ที่จะแก้ไขปัญหาเรื่อง climate change และดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้ เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับนานาอารยประเทศ

Adblock test (Why?)


“วราวุธ” ลุย สวิตเซอร์แลนด์ ทำข้อตกลงซื้อ-ขาย "คาร์บอนเครดิต" คู่แรกของโลก - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Tuesday, June 21, 2022

Thai soft power เช็กยกเว้นภาษี กรณีกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ - กรุงเทพธุรกิจ

การสนับสนุน Thai soft power จากรัฐบาล มีความคืบหน้าล่าสุด ครม. อนุมัติมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย

ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 มีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการยกเว้นภาษีนักแสดงชาวต่างชาติ  เป็นระยะเวลา 5 ปี ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอ
                   
สรุปสาระสำคัญ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงาน ช่วงปี 2554 – 2558 รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการยกเว้นภาษีนักแสดงชาวต่างชาติ ส่งผลให้มีรายได้จากธุรกิจการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2558 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการใช้มาตรการยกเว้นภาษีนักแสดงชาวต่างชาติ ประเทศไทยมีรายได้จากธุรกิจดังกล่าว 3,164.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 คิดเป็นร้อยละ 158.01 และหลังจากเริ่มดำเนินมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประทศในประเทศไทยในปี 2560 รายได้จากธุรกิจการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 ธุรกิจดังกล่าวได้สร้างรายได้เข้าประเทศ 5,007 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560 - 2564) มีค่าเฉลี่ยรายได้จากการลงทุนของกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยเฉลี่ยประมาณ 3,500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งได้กระจายไปยังภาคส่วนต่าง ๆ ในระบบเศรษฐกิจ 

เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศของประเทศไทยในปัจจุบันที่ดำเนินการในรูปแบบการคืนเงิน (Cash Rebate) สูงสุดร้อยละ 15 - 20 ของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และจำกัดเพดานการคืนเงินไม่เกิน 75 ล้านบาทแล้ว ถือว่าน้อยกว่าประเทศอื่นมาก

ปัจจุบันอุตสาหกรรมภาพยนตร์โลกมีการแข่งขันสูงมาก ประกอบกับเทคโนโลยีที่ใช้ในการถ่ายทำที่ทันสมัย ทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์มีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้นรวมทั้งหลายประเทศมีมาตรการทางการเงินและมาตรการทางภาษีเพื่อดึงดูดให้เกิดการลงทุนสร้างภาพยนตร์ในประเทศตน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้หารือร่วมกันเกี่ยวกับประเด็นปัญหาและอุปสรรคที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย 

โดยเห็นว่า การกำหนดให้นักแสดงชาวต่างชาติที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย อาจส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย เนื่องจากนักแสดงชาวต่างชาติได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับประเทศต้นทางที่เป็นแหล่งรายได้อยู่แล้ว ประกอบกับภาครัฐสามารถจัดเก็บเงินภาษีนักแสดงชาวต่างชาติได้น้อยมาก

โดยในช่วงระหว่าง ปี 2562 - 2563 นักแสดงชาวต่างชาติจากภาพยนตร์ต่างประเทศ จำนวน 4 เรื่อง ได้ยื่นเสียภาษีนักแสดงชาวต่างชาติเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 6.765 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.90 ของวงเงินลงทุนถ่ายทำรวมเท่านั้น จึงให้มีการทบทวนการดำเนินมาตรการยกเว้นภาษีนักแสดงชาวต่างชาติให้มีผลบังคับใช้อีกครั้ง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาด้านกฎระเบียบบางประการที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจและไม่เอื้อต่อการอำนวยความสะดวกแก่คณะถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ 

คบศ. ในคราวประชุมครั้งที่ 5/2564 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ได้มีมติเห็นชอบในหลักการของมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย รวมทั้งคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน มีมติเห็นชอบในหลักการเรื่อง มาตรการยกเว้นภาษีนักแสดงชาวต่างชาติ โดยให้กำหนดระยะเวลา 5 ปี และมอบหมายให้ กก. (กรมการท่องเที่ยว) นำเสนอเรื่อง การยกเว้นภาษีนักแสดงชาวต่างชาติต่อคณะรัฐมนตรีด้วยแล้ว

การดำเนินมาตรการยกเว้นภาษีนักแสดงชาวต่างชาติ
เป็นการช่วยสนับสนุนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเปิดโอกาสที่จะได้รับประโยชน์ ดังนี้
                             
1. สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ เกิดการจ้างงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และภาคการท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่ธุรกิจและบริการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงชุมชนท้องถิ่นที่เป็นสถานที่ถ่ายทำ
                             
2. ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศผ่านภาพยนตร์ต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักกว้างขวางยิ่งขึ้นและได้รับการยอมรับในการเป็นจุดหมายปลายทางของคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศจากทั่วโลก สร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดผู้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศรายเดิม และสร้างแรงจูงใจแก่ผู้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศรายใหม่

3. พัฒนาศักยภาพบุคลากรในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย นักแสดงชาวไทย มีโอกาสร่วมแสดงในภาพยนตร์ต่างประเทศ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์ของบุคลากรชาวไทยจากการร่วมงานกับคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การจัดทำรายละเอียดข้อมูลตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วยแล้ว โดยหากสามารถรักษาฐานรายได้จากการลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยเท่ากับค่าเฉลี่ยรายได้ดังกล่าวย้อนหลัง 5 ปี (ปี 2560 - 2564) ประมาณ 3,500 ล้านบาทต่อปี ประเทศไทยจะมีรายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ประมาณ 17,500 ล้านบาท ในช่วง 5 ปี และสูญเสียรายได้ประมาณ 71.75 ล้านบาท
                            
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงว่า มาตรการยกเว้นภาษีนักแสดงชาวต่างชาติตามข้อเสนอนั้น หมายถึง การขอยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดาสำหรับนักแสดงสาธารณะที่เป็นนักแสดงภาพยนตร์ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศที่แสดงภาพยนตร์ต่างประเทศซึ่งดำเนินการสร้างโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและได้รับอนุญาตการสร้างตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์ เหมือนกรณีกฎกระทรวง ฉบับที่ 289 (พ.ศ. 2555) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 120/2545 เรื่อง การเก็บภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าว ผู้เขียนมองว่า ถือเป็นก้าวแรกบนภารกิจ Thai soft power เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของประเทศ แต่ทุกอย่างต้องยืดหยุ่นตามสถานการณ์เช่นกัน ซึ่งหวังจะส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประทศในประเทศไทย คนในวงการภาพยนตร์มีโอกาสมากขึ้น

Adblock test (Why?)


Thai soft power เช็กยกเว้นภาษี กรณีกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

รับมือวิกฤติพลังงาน - อาหาร ลากยาว 'ประยุทธ์' สั่ง สมช.ประชุมด่วน ทำแผนรับมือ - กรุงเทพธุรกิจ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (21 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมได้มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เตรียมการหารือเรื่องความมั่นคงด้านพลังงาน และวิกฤติด้านอาหาร ซึ่งเป็นการเตรียมแผนเผชิญเหตุ เนื่องจากจะเป็นประเด็นสำคัญของไทยและโลกหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เรื่องนี้จึงจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องรีบเตรียมมาตรการรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น   

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าการประชุม สมช.เพื่อพิจารณาสถานการณ์เรื่องวิกฤติพลังงาน และอาหาร รวมทั้งหาแนวทางรับมือจะมีขึ้นในวันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยจะมีหน่ยงานทั้งด้านความมั่นคง หน่วยงานทางด้านต่างประเทศ และหน่วยงานด้านเศรษฐกิจจะเข้าประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องในทุกๆด้าน เพื่อประเมินสถานการณ์และแนวทางมาตรการรับมือที่เหมาะสม โดยในการประชุมครั้งนี้จะเป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ก่อนจะเสนอที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานต่อไป 

วานนี้ (21 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวภายหลังการประชุม ครม.ว่าสถานการณ์วิกฤติพลังงานมีแนวโน้มยืดเยื้ออยู่ในขณะนี้จากสถานการณ์ความขัดแย้งในยุโรปเราคาดว่าจะส่งผลกระทบหนักหน่วงในหลายมิติ ขณะเดียวกันราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และบางประเทศงดการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ที่จำเป็น

ทำให้ห่วงโซ่อุปทานของบริโภคขาดแคลน รวมทั้งปัญหาเงินเฟ้อสูงทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยุโรป สูงกว่า 8% สูงที่สุดในรอบหลายสิบปี ทำให้ปัญหาค่าครองชีพของประชาชนปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น สินค้าราคาแพง ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจชะงัก ซึ่งรัฐบาลได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ได้สั่งการให้มีการประชุมร่วมกันเพื่อหารือในเรื่องการเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ตามสมมติฐานต่างๆที่จะเกิดขึ้นว่าหากสถานการณ์ยืดเยื้อไปเป็นระยะเวลาต่างๆ ควรจะทำอะไรได้บ้าง ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาใหม่ไปเรื่อยๆในเรื่องการดูแลและการอุดหนุน และจะมีปัญหาด้านงบประมาณการเงินการคลังต่อไปในอนาคต  

“เราต้องเตรียมแผนความพร้อมไปเรื่อยๆ ทั้งมิติด้านพลังงาน อาหาร ซึ่งล้วนแต่มีผลกระทบทั้งสิ้น เราต้องวางแผนระยะยาว ผมได้แนะแนวทางนี้มาตลอดอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยืนยันว่าจะพยายามหาทางช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบการบนพื้นฐานของวินัยการเงินการคลังที่มีความสมดุล และจะต้องไม่ก่อภาระในอนาคตจนมากเกินไป จึงขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วย หลายอย่างเราก็ลดภาษีลงทำให้รายได้เราลดลง ฉะนั้นจำเป็นต้องใช้อย่างคุ้มค่าและประหยัดด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 

Adblock test (Why?)


รับมือวิกฤติพลังงาน - อาหาร ลากยาว 'ประยุทธ์' สั่ง สมช.ประชุมด่วน ทำแผนรับมือ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ทำไม่ทัน! อาชีพเผาถ่านขายออเดอร์พุ่ง "ไม้-ขี้เลื่อย" ปรับราคาขึ้น - กรุงเทพธุรกิจ

อาชีพเผาถ่านขายออเดอร์พุ่งทำไม่ทัน ขณะที่ราคาไม้ ขี้เลื่อย มีการปรับราคาขึ้น ทำให้ราคาถ่านต้องปรับตาม

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 65 สถานการณ์ราคาพลังงานราคาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะแก๊สหุงต้ม ส่งผลให้ประชาชนทั่วไป รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าและธุรกิจที่ต้องใช้แก๊สหุงต้มเป็นเชื้อเพลิงต่างปรับตัวหันไปใช้พลังงานจากแหล่งอื่นกันมากขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และต้นทุนการผลิต ทำให้ธุรกิจเผาถ่านขายกลับมาคึกคักอย่างมาก ทำไม่ทันออเดอร์ที่สั่งเข้ามาจำนวนมาก ที่สำคัญพบว่าบางแห่งเจ้าของเตาถ่าน กลับสู้ต้นทุนการผลิตไม่ได้ เพราะทั้ง ไม้ ขี้เลื่อย และน้ำมันสำหรับเลื่อยไม้มีราคาสูงขึ้น ทำให้ไม่มีเงินทุนมากพอที่จะนำมาหมุนเวียน สำหรับการซื้อวัตถุดิบที่จะนำมาเผาถ่าน ทั้งไม้ และขี้เลื่อยจากโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา และลานเทมีการปรับราคาสูงขึ้น แต่ราคาถ่านก็มีการปรับราคาขึ้นเช่นเดียวกัน ทั้งถ่านก้อนเล็ก จากกระสอบละ 380 บาท ปรับขึ้นเป็นกระสอบละ 400 บาท ส่วนถ่านก้อนใหญ่ จากกระสอบละ 400 บาท ปรับเป็นกระสอบละ 440 บาท

โดยที่บ้านควนห้วยนาง หมู่ 1 ต.หนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ของนางสาวสมปอง ศรีตะเขต อายุ 55 ปี ชาวจ.ร้อยเอ็ด ที่มาเช่าพื้นที่สำหรับการทำธุรกิจเผาถ่านขาย ซึ่งมีเตาเผาถ่านอยู่ 2 ประเภท คือ การเผาลาน ราคาค่าเช่าเดือนละ 5,000 บาท โดยใช้ปีกไม้ยางพาราแปรรูป และขี้เลื่อยเป็นวัตถุดิบหลักในการเผาถ่าน และเผาด้วยเตาอบ ค่าเช่าเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งใช้ไม้เบญจพรรณท่อนขนาดใหญ่เป็นวัตถุดิบในการเผา โดยพบว่าคนงานเร่งมืออย่างเต็มที่ในการเผาถ่านรอบใหม่ เพื่อส่งให้ทันตามออเดอร์ของลูกค้าที่สั่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนทำไม่ทัน

ทางด้านนางสาวสมปอง ศรีตะเขต เจ้าของเตาเผาถ่าน กล่าวว่า ตนเองเป็นคนจ.ร้อยเอ็ด แต่ทำงานเป็นลูกจ้างเตาเผาถ่านมาก่อนเป็นเวลาประมาณ 40 ปี และลาออกมาทำธุรกิจของตนเองมาได้ประมาณ 7 เดือนเท่านั้น แต่ตลาดดีมากหลังจากราคาแก๊งสูงขึ้นโดยยุ้งใหญ่ในกรุงเทพฯโทรศัพท์เข้ามาสั่งถ่านเป็นจำนวนมากรับโทรศัพท์ไม่ทัน แต่ตนเองรับออเดอร์ไม่ได้ ผลิตไม่ทัน โดยแต่ละเดือนละสามารถผลิตได้เต็มที่เพียงประมาณ 3 คันรถบรรทุกสิบล้อเท่านั้น โดยบรรทุกได้คันละ 389 กระสอบ เพราะพื้นที่และเตามีจำกัด ไม่มีเงินทุนจะเพิ่มจำนวนเตา ขณะที่ราคาไม้จากโรงงาน รวมทั้งขี้เลื่อยมีการปรับราคาขึ้นทั้งหมด โดยปีกไม้ ราคาเดิมกก.ละ 50 – 75 สตางค์ หรือตันละ 500 – 750 บาท แต่ขณะนี้ปรับขึ้นเป็นกก.ละ 1 บาทหรือตันละ 1,000 บาท ส่วนไม้ท่อน ราคาเดิมกก.ละ 75 สตางค์ หรือตันละ 750 บาท ขณะนี้ปรับราคาขึ้นมาเป็นกก.ละ 1.20 – 1.40 สตางค์ หรือตันละ 1,200 – 1,400 บาท และถ้าช่วงฝนตกก็จะมีการปรับราคาไม้ขึ้นอีก เพราะเข้าตัดไม้ในแปลงไม่ได้ ส่วนขี้เลื่อยก็ปรับราคาขึ้นเช่นกันเป็นตันละ 1,000 บาท 
 

โดยเจ้าของลานเท และโรงงานบอกจำเป็นต้องปรับราคาเพราะน้ำมันขนส่งแพง โดยทางเตาถ่านก็ยังมีค่าน้ำมันดีเซลที่นำมาใช้เลื่อยไม้ด้วย รวมทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ทำให้มีการปรับราคาขายถ่านด้วย โดยถ่านก้อนเล็กจากไม้ยางพารา จากกระสอบละ 320 บาท ปรับขึ้นเป็นกระสอบละ 400 บาท ส่วนถ่านก้อนใหญ่จากไม้ท่อนขนาดใหญ่ จากเดิมกระสอบละ 400 บาท ปรับเป็นกระสอบละ 440 บาท ซึ่งทั้งนี้ แต่ละวันมีเจ้าของยุ้งจากกรุงเทพฯ โทรเข้ามาต้องการถ่านไม่ขาดสาย รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ แต่ทางเตาผลิตได้จำกัด และไม่สามารถขายปลีกได้ ต้องส่งยุ้งประจำที่กรุงเทพฯเท่านั้น โดยที่ทางยุ้งจะส่งรถบรรทุกมารับด้วยตนเอง ทั้งนี้ หลังจากที่ปัญหาราคาแก๊สเพิ่มสูงขึ้นนั้นทำให้ถ่านเป็นที่ต้องการอย่างมากในท้องตลาด จนทำไม่ทัน เพราะตนเองผลิตได้เต็มที่เพียงเดือนละ 3 คัน รถบรรทุก 10 ล้อ โดยบรรทุกได้คันละ 389 กระสอบ แต่ถ้าความต้องการที่โทรศัพท์เข้ามาสั่งซื้อคิดว่าเดือนละ 10 – 20 คันรถบรรทุก หรือมีเท่าไรตลาดก็เอาทั้งหมด ไม่อั้น ประเภทเต็มออกๆ เพราะกรุงเทพฯต้องการถ่านจำนวนมาก

นางสาวสมปอง กล่าวอีกว่า แต่ทั้งนี้ ปัญหาที่ประสบคือ ไม่มีเงินทุนหมุนเวียน เพราะต้องใช้เงินสดทั้งหมดในการซื้อไม้ ขี้เลื่อย ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก แรกเริ่มตนลงทุนเพียง 300,000 บาท เท่านั้น ทำเตาลาน และเตาอบ และเป็นเงินทุนซื้อไม้ แต่ขณะนี้ถ้ามีเงินทุนหมุนเวียนมากพอ สามารถผลิตได้มาก และมีเงินจ่ายคืนได้แน่นอน เพราะซื้อขายด้วยเงินสด วอนรัฐหากมีแหล่งเงินกู้ขอให้ช่วยธุรกิจประเภทนี้ เพราะช่วยชาวบ้านที่ทำธุรกิจนี้ และช่วยประชาชนประหยัดพลังงานด้วย ซึ่งหากมีแหล่งเงินกู้ก็พร้อมจะกู้มาลงทุนเพิ่ม ซึ่งขณะนี้การทำธุรกิจเผาถ่านไม่มีทางขาดทุนและมีความต้องการเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้ามีทุนจำนวนมากก็สามารถขยายเตาและผลิตได้เป็นจำนวนมาก เพราะตลาดต้องการจำนวนมาก และพบว่าขณะนี้เตาหลายเตาต้องหยุดกิจการ เพราะขาดเงินทุนหมุนเวียน
 

Adblock test (Why?)


ทำไม่ทัน! อาชีพเผาถ่านขายออเดอร์พุ่ง "ไม้-ขี้เลื่อย" ปรับราคาขึ้น - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Monday, June 20, 2022

คนแรกของโลก ไทยพบ "แมวจามใส่หน้า" ทำติดเชื้อโควิด-19 - ฐานเศรษฐกิจ

ต่อมา ในวันที่ 13 ส.ค. หรือ 5 วันหลังจากนั้น สัตวแพทย์หญิงเริ่มมีอาการของการติดเชื้อโควิด-19 เช่น ไอและเป็นไข้ แต่ยังไม่ได้ไปพบแพทย์ จนกระทั่งวันที่ 15 ส.ค. ได้ตรวจพบผลเชื้อไวรัสเป็นบวก

เมื่อวิเคราะห์การศึกษาลำดับจีโนม  ประกอบกับระยะเวลาการติดเชื้อที่ใกล้เคียงกัน พบว่า การติดเชื้อของทั้งสัตวแพทย์หญิง แมว และเจ้าของอีก 2 คน มีความเกี่ยวข้องกันในทางระบาดวิทยา และเชื้อที่พบนั้นยังไม่มีการระบาดในพื้นที่ของ จ.สงขลา และเนื่องจากสัตวแพทย์หญิงไม่เคยพบกับเจ้าของแมวมาก่อน ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานในครั้งนี้คือ สัตวแพทย์น่าจะติดโควิด-19 มาจากการที่แมวจามใส่หน้า

ทีมนักวิจัยสรุปทิ้งท้ายว่า การศึกษาครั้งนี้ถือเป็นหลักฐานที่ชี้ถึงการแพร่ระบาดจากแมวสู่คน อย่างไรก็ดี อัตราการเกิดของการแพร่ระบาดแบบนี้ก็ถือว่าพบได้ไม่บ่อย เพราะแมวมีระยะเวลาการขับเชื้อ (viral shedding) ที่สั้นโดยเฉลี่ย คือ 5 วัน

อย่างไรก็ตาม  นิวยอร์ค ไทมส์ ได้ย้ำความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเอาไว้ว่า การติดเชื้อที่มนุษย์จะได้รับจากแมว ยังถือว่ามีความเสี่ยงโดยรวมต่ำอยู่

Adblock test (Why?)


คนแรกของโลก ไทยพบ "แมวจามใส่หน้า" ทำติดเชื้อโควิด-19 - ฐานเศรษฐกิจ
Read More

พระครู เชิญวิญญาณ เมียฝรั่ง เผยต้องทำพิธี 3รอบ ตร.เจอเรื่องแปลก - ข่าวสด - ข่าวสด

พระครู ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ เมียฝรั่ง ถูกฆ่าทิ้งไร่ข้าวโพด เผยสิ่งผิดปกติ ต้องทำพิธีถึง 3 รอบ ด้าน พนักงานสอบสวน เล่าเรื่องแปลก ก่อนวันผู้ต้อ...