ถือเป็นภาพยนตร์ที่ช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมโรงหนังให้กลับมาคึกคักได้อย่างแท้จริง สำหรับ ‘Doctor Strange In The Multiverse Of Madness’ หรือหนัง #หมอแปลก ภาค 2 ที่เพียงแค่เปิดตัววันเดียวก็ฟันรายได้ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเชียงใหม่ ไปมากถึง 41.28 ล้านบาท (ข้อมูล Box Office จาก ชมรมวิจารณ์บันเทิง)
ในส่วนของรายได้ทั่วโลกนั้น เบื้องต้นประเมินไว้ว่า #หมอแปลก 2 น่าจะกวาดรายได้ถึง 300 ล้านดอลลาร์ (กว่าหมื่นล้านบาท) ซึ่งถ้าทำได้ตามเป้านี้จริง ก็จะกลายเป็นหนังที่ทำรายได้เปิดตัวมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในยุคโควิด รองจาก Spider-Man: No Way Home ที่ทำไปได้ถึง 582 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก
เฉือนเอาชนะ The Batman เวอร์ชั่น “โรเบิร์ต แพททินสัน” ไปได้แบบฉิวเฉียด โดยหนังอัศวินรัตติกาลเวอร์ชั่นกรันจ์นั้นทำรายได้ช่วงเปิดตัวไปที่ 251 ล้านดอลลาร์ ทั่วโลก
จริงๆ แล้ว Doctor Strange 2 ควรจะทำรายได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่เจออุปสรรคขัดขวางหลายอย่าง นอกจากโควิด-19 ที่ทำให้ภาคอุตสาหกรรมโรงหนังในหลายประเทศยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ คนบางส่วนยังไม่กล้าเข้ามาดูหนังในโรงแล้ว สงครามยูเครนที่ทำให้ทางดิสนีย์ตัดสินใจไม่ส่งหนังไปฉายในรัสเซียก็ตัดเม็ดเงินที่ควรจะได้ไปไม่น้อย
เท่านั้นไม่พอ กลุ่มประเทศแถบตะวันออกกลางหลายประเทศยังสั่งห้ามฉาย Doctor Strange 2 เนื่องจากมีตัวละครที่เป็น LGBTQ+ อยู่ในหนัง
ส่วนที่ประเทศจีน ตลาดหนังที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลกนั้น นอกจากสถานการณ์โควิดยังน่าเป็นห่วงแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องตัวละครที่เป็น LGBTQ+ เข้าไปอีกก็ทำให้มีแนวโน้มค่อนข้างมากว่าหนังหมอแปลก 2 น่าจะไม่ได้ไปเข้าโรงฉายที่นั่นเป็นแน่แท้
โดยก่อนหน้านี้มีกระแสดรามาเบาๆ บนโซเชียลมีเดียจากกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งไม่พอใจที่มีฉากหนึ่งในหนัง Doctor Strange In The Multiverse Of Madness ที่กล้องแพนไปเห็นแผงหนังสือ แล้วปรากฎว่ามี The Epoch Times หนังสือพิมพ์ต่อต้านรัฐบาลจีน วางอยู่บนนั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์กลับมองว่าเหตุผลที่ Doctor Strange 2 ถูกห้ามฉายในจีนน่าจะไม่ได้มาจากเรื่องนี้ เพราะเอาเข้าจริงแล้วตลอดปี 2020-2021 ไม่มีหนังมาร์เวลเรื่องไหนได้ฉายในจีนเลย ไม่ว่าจะเป็น Black Widow, Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings, Eternals, Venom: Let There Be Carnage หรือ Spider-Man: No Way Home
โดยหนังมาร์เวลเรื่องสุดท้ายที่ได้ฉายในโรงหนังแดนมังกรคือ Spider-Man: Far From Home ตั้งแต่เมื่อปี 2019 โน่น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะไม่ต้องพึ่งพาตลาดจีน แต่หนังของมาร์เวลก็สามารถโกยรายได้มหาศาล ทุบสถิติโลกกันเป็นว่าเล่นได้อยู่ดี โดยมี No Way Home เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นอยู่กับตา ขณะที่ทางฝ่ายจีนเองนั้นก็เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตลาดหนังท้องถิ่น จึงไม่คิดอาศัยหนังฮอลลีวู้ดมาเป็นตัวดึงคนเข้าโรงมากเหมือนหลายประเทศ
ส่วนสาเหตุที่ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ได้รับความสนใจจากแฟนๆ มากกว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่จากค่ายมาร์เวลหลายเรื่องที่ปล่อยมาก่อนนี้นั้น ก็เป็นเพราะหนังเรื่องนี้พูดถึงสิ่งที่จะกลายมาเป็นตัวเปิดศักราชใหม่ของหนังมาร์เวล เฟส 4 นั่นก็คือ คอนเซปต์เรื่อง “พหุจักรวาล” หรือ “Multiverse”
แถม #หมอแปลก 2 ยังมีเนื้อหาเชื่อมโยงกับหนังและซีรีส์ของมาร์เวลหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Spider-Man: No Way Home ที่ปูเรื่อง Multiverse เอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตามมาด้วยซีรีส์ Loki และ WandaVision
พูดง่ายๆ ว่าดิสนีย์ และมาร์เวลวางกลยุทธ์เอาไว้เป็นอย่างดี ทำให้แฟนหนังของค่ายมีลอยัลตี้สูง ต้องตามดูหนังดูซีรีส์ที่ทางค่ายปล่อยออกมาทุกเรื่อง ไม่งั้น “คุณจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง” นั่นเอง
'Doctor Strange 2" หนัง #หมอแปลก 2 ทำรายได้เปิดตัววันเดียว 41 ล้านบาท - กรุงเทพธุรกิจ
Read More
No comments:
Post a Comment