Rechercher dans ce blog

Tuesday, February 8, 2022

SCGP ทุ่มหมื่นล้าน เล็งทำM&P 2-3 ดีลในปีนี้ ดันรายได้ต่างประเทศโต - กรุงเทพธุรกิจ

 นายดนัยเดช เกตุสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในรูปแบบ Organic Expansion และ Merger and Partnership (M&P) อย่างต่อเนื่องในปีนี้ 2-3 ดีล ซึ่งโดยปกติจะมีเฉลี่ย 2-3 ดีล  แต่ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ดีมีถึง 4 ดีล

โดยแผนการทำ M&P บริษัทยังเน้นโฟกัสในภูมิภาค อาเซียนเป็นหลัก ในธุรกิจปลายน้ำ ที่เชื่อมต่อกับธุรกิจต้นน้ำที่มีอยู่  แต่ก็ยังมองหาโอกาสในภูมิภาคอื่นๆ ที่สามารถนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ประโยชน์หรือขยายตลาดเพิ่มเติมก็จะพิจารณาเช่นกัน    

โดยบริษัทได้เตรียมงบลงทุนสำหรับการทำ M&P  ราว 10,000 ล้านบาท จากงบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ที่ 20,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้งบที่เหลืออีก 5,000 ล้านบาท จะใช้สำหรับบำรุงรักษา(maintenance)  และสำหรับการขยายธุรกิจจากภายใน (Organic)  อีก 5,000 ล้านบาท  

พร้อมกันนี้บริษัทเร่งผลักดันแผนซินเนอร์จี้เพื่อขยายตลาดในส่วนของดีล M&P ที่ทำสำเร็จแล้วในปี 2564 ไม่ว่าจะเป็น  Go-Pak จะเป็นช่องทางนำผลิตภัณฑ์ของเราเข้าไปขยายตลาดในฝั่งตะวันตก ,นำผลิตภัณฑ์  Deltalab มาสร้างโอกาสขยายตลาดในเอเชีย แปซิฟิก เพราะตลาดในอาเซียนและไทย ส่วนใหญ่ยังเป็นตลาดนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์

และส่วนอื่นๆ เช่น  ความร่วมมือกับ Duy Tan ขยายธุรกิจโพลิเมอร์แพคเกจจิ้ง ในเวียดนาม ในกลุ่มกล่องกระดาษให้ลูกค้าเปลี่ยนมาใช้เป็นโซลูชั่นมากขึ้น และเดินหน้าสร้างโรงงานผลิตกระดาษ ในภาคเหนือเวียดนาม คาดว่าจะเริ่มการผลิตในปี 2567 โดยเรายังมุ่งขยายฐานการผลิตยังเน้นที่ในไทยและเวียดนาม

นายดนัยเดช กล่าวว่า  แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้มั่นใจว่าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 60% จากปีก่อนอยู่ที่ 57% เท่านั้น  ที่เหลือเป็นสัดส่วนรายได้ในประเทศจาก 43% มาอยู่ที่ 40% 

ปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้มากกว่า 140,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 อยู่ที่ 124,223 ล้านบาท โดยจะมาจากการรับรู้รายได้เต็มปีจากธุรกิจที่ควบรวมกิจการเข้ามา รวมถึงการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องด้วย ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ 5 ปี เติบโตมากกว่า 2 เท่าจากปีที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรกด้วย

“ปีนี้เรายังเน้นการเติบโตในภูมิภาคอาเซียนและไทย เป็นหลัก มองว่าตลาดปรับตัวดีขึ้น คนออกมาใช้จ่ายมากขึ้น แต่ทิศทางเงินเฟ้อ และต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น อาจกัดกร่อนกำลังซื้อ ยังต้องติดตาม  ทำให้เรามุ่งเข้าใกล้ผู้บริโภคมากขึ้นด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคต้องสร้างการซินเนอร์จี้ เร่งการผลิต สร้างมูลค่าทางธุรกิจเพิ่มขึ้น  บริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ”

อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 บริษัทถือเป็นปีที่น่าติดตาม โดยมี 4 เรื่องที่สำคัญคือ

1.เรื่องของ E-commerce โดยการซื้อของออนไลน์เติบโตสูง การซื้อสินค้าอาหารผ่านออนไลน์มากขึ้น ผู้ผลิตก็ต้องปรับตัวเข้าเทรนด์นี้

2.คนให้ความสำคัญสุขอนามัยมากขึ้น ทั้งความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์ ดังนั้นบริษัทจะต้องร่วมพัฒนากับลูกค้าเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว

3.เรื่องความหลากหลายของสินค้า จำนวน SKU ที่มีมากขึ้น มีความหลากหลายมากขึ้น สินค้ามีทางเลือกมากขึ้นให้กับผู้บริโภค

4.ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สินค้าต้องมีองค์ประกอบ เช่น สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ดังนั้นบริษัทจึงนำจุดนี้ขึ้นมาใช้ในระยะยาว เช่น สินค้าที่มาจากกระดาษ เน้น ความสวยงามมากขึ้น สินค้ากลุ่ม โพลิเมอร์ สินค้าที่ยืดอายุผัก ผลไม้ ถุงรีไซเคิลได้ เป็นต้น

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์

Adblock test (Why?)


SCGP ทุ่มหมื่นล้าน เล็งทำM&P 2-3 ดีลในปีนี้ ดันรายได้ต่างประเทศโต - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

No comments:

Post a Comment

พระครู เชิญวิญญาณ เมียฝรั่ง เผยต้องทำพิธี 3รอบ ตร.เจอเรื่องแปลก - ข่าวสด - ข่าวสด

พระครู ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ เมียฝรั่ง ถูกฆ่าทิ้งไร่ข้าวโพด เผยสิ่งผิดปกติ ต้องทำพิธีถึง 3 รอบ ด้าน พนักงานสอบสวน เล่าเรื่องแปลก ก่อนวันผู้ต้อ...