เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 64 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง.ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ราคาน้ำมันในประเทศไทยเป็นไปตามแนวโน้มราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสภาพภูมิอากาศ ความต้องการของผู้บริโภคที่สูงขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสภาพภูมิอากาศที่เป็นปัจจัยลยทำให้การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงได้ จึงทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ รัฐบาลเองก็ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงถือเป็นกำลังสำคัญที่จะดูแลราคาพลังงานก็มีเงินไหลอ่อนเพื่อดูแลช่วยเหลือภาคประชาชนอยู่โดยตลอด เช่น การพยุงราคาน้ำมัน การพยุงราคาแก๊สหุงต้ม สินค้าพลังงานที่ใช้ในครัวเรือน เป็นต้น ล่าสุดราคาน้ำมันที่สูงขึ้นนั้นได้เข้าถึงเป้าหมายที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องเข้าไปดูแล ซึ่งคิดราคาไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยเฉพาะราคาน้ำมัน B7 ขึ้นสูงกว่า 30 บาทต่อลิตร ซึ่งเราต้องเข้าไปดูแลไม่ให้เกินเพดานสูงสุด 30 บาท
ล่าสุด ที่ประชุมฯ มีมติให้ปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของดีเซลบี 7 จาก 1 บาท เหลือ 1 สตางค์ต่อลิตร มีผลให้ราคาดีเซลบี 7 ลดลงทันทีลิตรละ 1 บาท พร้อมให้ปรับลดค่าการตลาดน้ำมันดีเซลบี 10 และบี 7 เหลือ 1.40 บาทต่อลิตร จากเดิมมีค่าเฉลี่ย 1.80 บาทต่อลิตร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.-31 ต.ค. 64
นอกจากนี้ กรมธุรกิจพลังงาน จะออกประกาศกำหนดลักษณะและคุณภาพน้ำมันดีเซล เพื่อลดสัดส่วนการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ หรือไบโอดีเซล หรือ บี100 ในดีเซลทั้ง B10 (ผสมบี100 ในดีเซล 10%) และ B7 (ผสม 7%) เหลือเป็น B6 ในระหว่างวันที่ 11-31 ต.ค. 64 นี้อีกด้วย
กบง.ลดเก็บเงินน้ำมันดีเซล B7 ทำราคาลงทันที 1 บาทต่อลิตร มีผล 5 ต.ค. 64 - ไทยรัฐ
Read More
No comments:
Post a Comment