ก่อนจะถูกสั่งให้ออกจากราชการและถูกออกหมายจับในข้อหาฉกรรจ์ที่มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ชื่อของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" เป็นข่าวประปรายในข่าวอาชญากรรมและข่าวบันเทิง
ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรองผู้กำกับการ (สอบสวน) สภ. เมืองพิษณุโลก เขาเป็นหนึ่งในชุดสอบสวนคดีที่นายช่างไฟฟ้าประจำสถานีวิทยุกระจายเสียงจังหวัดพิษณุโลกก่อเหตุยิงเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 3 ศพ เหตุเกิดเมื่อเดือน พ.ค. 2563 ซึ่งเป็นคดีสะเทือนขวัญที่สังคมให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง
หลังเกิดเหตุ สถานีโทรทัศน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เผยแพร่คลิปบันทึกภาพขณะที่ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ซักถามชายวัย 58 ปี ผู้ก่อเหตุระหว่างคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในช่วงหนึ่ง พ.ต.อ. ธิติสรรค์ได้เตือนสติผู้ต้องหาว่า "หลังจากนี้จะทำอะไรต้องใจเย็น ๆ ทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลัง...ทำอะไรให้คิดถึงลูก คิดถึงพ่อถึงแม่"
ปลายปี 2563 เขาได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ จ. นครสวรรค์ ด้วยวัยเพียง 41 ปี
เฟซบุ๊กเพจของ สภ. เมืองนครสวรรค์ ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการประชาสัมพันธ์การทำงานของผู้กำกับคนใหม่เผยแพร่ผลงานของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ทั้งด้านปราบปราม งานสืบสวนสอบสวนและงานจราจร โพสต์หนึ่งระบุว่าหลังรับตำแหน่ง พ.ต.อ. ธิติสรรค์เรียกประชุมรองผู้กำกับสืบสวนทันทีและสั่งการให้เร่งติดตามคดีค้างเก่าทุกคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ สภ. เมืองนครสวรรค์ ถ้ามีข้อมูลเบาะแสของผู้ต้องหาก็ให้ติดตามทุกที่ทั่วประเทศ
ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา เพจ สภ. เมืองนครสวรรค์เผยแพร่คลิป พ.ต.อ. ธิติสรรค์ยืนยันว่าจะดูแลประชาชนและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรอย่างเต็มที่
"ผม...ผู้กำกับ สภ. เมืองนครสวรรค์ครับ ตอนนี้ได้มาสั่งการจราจรให้ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ช่วงสงกรานต์ ทั้งความปลอดภัย ชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ต้องห่วงครับ...เราจะอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด...เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนของ สภ. เมืองนครสวรรค์ยินดีรับใช้ครับ"
ถ้าไม่นับการได้เลื่อนยศและตำแหน่งอย่างรวดเร็วกว่าเพื่อนร่วมรุ่นและข้ามชั้นอาวุโส รวมถึงข่าวคราวเกี่ยวกับความร่ำรวยผิดวิสัยข้าราชการวัย 40 ต้น ๆ แล้ว พ.ต.อ. ธิติสรรค์ก็อาจจะดูเหมือนตำรวจธรรมดาคนหนึ่ง
จนกระทั่งเขาถูกกล่าวหาว่าเรียกรับเงิน 2 ล้านบาทและฆาตกรรมผู้ต้องหายาเสพติดด้วยการทรมานให้ขาดอากาศหายใจ โดยมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอบันทึกนาทีก่อเหตุสะเทือนขวัญตามมา
ขณะที่สังคมยังรอติดตามว่าเขาจะถูกจับหรือไม่ จะติดต่อขอมอบตัว หรือว่าหนีออกนอกประเทศไปแล้ว บีบีซีไทยรวบรวมข้อมูลเท่าที่ปรากฏในสาธารณะเกี่ยวกับ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ ซึ่งขณะนี้ได้เปลี่ยนสถานะจาก "ผู้กำกับ" เป็น "ผู้ต้องหาตามหมายจับ" กับพวกรวม 7 คน ใน 3 ข้อหา คือ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้ผู้อื่นเสียหาย ร่วมกันข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย
ล่าสุด พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยวันนี้ (26 ส.ค.) ว่าตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 5 คน อีก 2 คนยังอยู่ระหว่างหลบหนี
เกิดกรุงเทพฯ เรียนเตรียมทหาร-นายร้อยตำรวจ
จากข้อมูลที่ปรากฏในหมายจับ พ.ต.ท. ธิติสรรค์ เกิดที่กรุงเทพฯ ที่อยู่ตามบัตรประชาชนอยู่ที่เขตตลิ่งชัน ซึ่งเป็นคนละที่กับบ้านพักที่ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นเมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) ซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งในเขตคลองสามวา
เขาเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 41 และนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นตร.) รุ่นที่ 57 ซึ่งเป็นรุ่นที่สำเร็จการศึกษาในปี 2546 นตร. รุ่นนี้เข้ารับพระราชทานกระบี่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ณ วังไกลกังวล เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2547
เฟซบุ๊ก "Pran 57" ของกลุ่มศิษย์เก่าโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 57 ได้นำพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานแก่นักเรียนนายร้อยตำรวจในวันนั้นมาเผยแพร่ ความตอนหนึ่งว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีรากฐานอยู่ที่ความสุจริตยุติธรรม เมื่อตั้งตน ตั้งใจให้หนักแน่นมั่นคงแล้ว ก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างได้ด้วยความกล้าหาญ เที่ยงตรงและเป็นธรรม...กฎหมายก็จะคงความศักดิ์สิทธิ์ บ้านเมืองจะมีแต่ความผาสุกเป็นระเบียบ และประชาชนก็จะชื่นชมยินดีว่าตำรวจนั้นเป็นคนที่ไว้วางใจได้ เป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง"
ในเครื่องแบบตำรวจ
เราไม่พบข้อมูลที่ชัดเจนของเขาในช่วงแรก ๆ ของการรับราชการตำรวจ แต่ชื่อของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ เริ่มปรากฏในข่าวจับกุมผู้ต้องหายาเสพติดและคดีอาชญากรรมทั่วไปตั้งแต่เป็นสารวัตรสังกัดกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 (สว.กก. 2 บก. ปส.1) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และสืบสวนสอบสวนคดีอาญาเกี่ยวกับยาเสพติดและคดีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
จากสารวัตรในกองกำกับการ เขาขยับขึ้นเป็นรองผู้กำกับ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 (รอง ผกก.กก.1 บก.ปส.4) ซึ่ง กก.1 ปส.4 รับผิดชอบการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ที่ครอบคลุม 8 จังหวัดภาคกลาง เช่น กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี นครปฐม เป็นต้น
ในช่วงที่อยู่ บก.ปส.4 นี้เองที่ พ.ต.อ. ธิติสรรค์เข้ารับการอบรมหลักสูตรจิตอาสาพระราชทาน 904 ซึ่งเว็บไซต์ประชาไทยสืบค้นข้อมูลพบว่า เขาสำเร็จการอบรมใน "หลักสูตรประจำ เป็นเบ้าเป็นแม่พิมพ์" รุ่นที่ 2/61 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับนายตำรวจใหญ่หลายคน รวมทั้ง พล.ต.ต. จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม
หลังจากนั้น พ.ต.อ. ธิติสรรค์ย้ายมาเป็นรองผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวน สภ. เมืองพิษณุโลก แล้วจึงขึ้นมาเป็นผู้กำกับ สภ. เมืองนครสวรรค์ เมื่อปลายปี 2563
ในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ ออกจากราชการไว้ก่อนระหว่างการสอบสวนข้อหากระทำผิดวินัยร้ายแรงและคดีอาญา ระบุว่า พ.ต.อ. ธิติสรรค์ได้รับอัตราเงินเดือน 43,330 บาท ในปัจจุบัน
"ผกก. นักพัฒนา"
หลังจากที่ พ.ต.อ. ธิติสรรค์เข้ามารับตำแหน่งผู้กำกับ เพจเฟซบุ๊กของ สภ. เมืองนครสวรรค์ โพสต์ข้อความและรูปถ่ายประชาสัมพันธ์ภารกิจของผู้กำกับโจ้อย่างต่อเนื่อง ทั้งการจับกุมผู้กระทำความผิด การกวดขันวินัยจราจร การต้อนรับและรับนโยบายผู้บังคับบัญชา ไปจนถึงการปรับปรุงพัฒนาสถานีตำรวจ
เดือน มี.ค. ที่ผ่านมาเพจ สภ. เมืองนครสวรรค์เผยแพร่ภาพห้องน้ำของโรงพักที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ราวกับเป็นห้องน้ำในห้างสรรพสินค้า พร้อมเขียนข้อความว่า "ผกก. โจ้ ปรับปรุงปูกระเบื้อง เปลี่ยนสุขภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด 4 ชั้น ไว้รองรับเพื่อใช้บริการประชาชนที่มาติดต่อราชการและข้าราชการตำรวจยุคโควิด-19"
นอกจากนี้ในวันที่ 3 พ.ค. เพจ สภ. เมืองนครสวรรค์ยังเขียนถึง พ.ต.อ. ธิติสรรค์ว่าเป็น "ผกก. นักพัฒนา" โดยระบุว่า "หลังจากปรับปรุงห้องน้ำใหม่ทั้งหมดบนโรงพัก ต่อด้วยปรับปรุงอาคารชั้น 4 เป็นห้องอาหารเพื่อไว้รองรับโครงการอาหารกลางวันของข้าราชการตำรวจ วันนี้ได้ลงมือปรับปรุงสถานที่ราชการภายนอกอาคาร โดยจัดสวนด้านหลัง สภ. เมืองฯ มีต้นไม้ให้ความร่มเย็น มีเก้าอี้ไว้นั่ง เพื่อให้ประชาชนที่มาติดต่อราชการใช้นั่งรอพักผ่อนหย่อนใจ เป็นการลดความแออัดบนสถานี"
"โจ้ เฟอร์รารี"
นอกจากจะเป็นที่รู้จักในวงการตำรวจว่า "ผู้กำกับโจ้" แล้ว พ.ต.อ. ธิติสรรค์มีอีกฉายาหนึ่งคือ "โจ้ เฟอร์รารี" ซึ่งสื่อถึงความนิยมชมชอบในการครอบครองรถหรูของเขาที่ไม่ได้มีเพียงเฟอร์รารี แต่ยังมีลัมโบร์กินีและอื่น ๆ
วันที่ 25 ธ.ค. 2556 เว็บไซต์ HiclassSociety สื่อออนไลน์ที่นำเสนอเรื่องราวรสนิยมการใช้ชีวิตของบุคคลชั้นนำในสังคม รายงานบรรยากาศงานครบรอบ 50 ปีรถหรูลัมโบร์กินิที่ลานริมน้ำเอเชียทีค รายงานชิ้นนี้ระบุว่า "พลพรรคพันธุ์กระทิงดุได้นำรถ Lamborghini กว่า 40 คัน มาจัดขบวนรถเป็นสัญญลักษณ์การครบรอบ 50 ปี ของรถยนต์ Lamborghini เพื่อบันทึกเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของรถซุปเปอร์คาร์ Lamborghini"
ไฮคลาสฯ ระบุว่าหนึ่งใน "พลพรรคพันธุ์กระทิงดุ" ที่นำรถลัมโบร์กินีมาแสดงนั้นคือ "คุณโจ้ ธิติสรรค์ อุทธนผล นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเจ้าของรถหรู Lamborghini Aventador LP720-4 Coupe 50th Anniversario คันแรกในประเทศไทยและในทวีปเอเชีย"
แฟนดารา
สมัยที่ยังเป็น "สารวัตรโจ้" พ.ต.อ. ธิติสรรค์ เคยเป็นที่รู้จักในฐานะอดีตแฟนหนุ่มของนักแสดงสาว เมย์-พิชญ์นาฏ สาขากร จนถึงขั้นขอแต่งงาน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองจบลงแบบไม่สวยนัก สื่อบันเทิงหลายสำนักรายงานว่าเหตุผลหนึ่งมาจากการที่นักแสดงสาวสืบทราบว่าเขามีภรรยาและลูกอยู่แล้ว
นอกจากนี้ เมย์-พิชญ์นาฏ ยังเคยออกมาให้สัมภาษณ์สื่อว่าถูกสารวัตรโจ้ส่งลูกน้องมาสะกดรอยตาม และบอกว่า "เธอเลือกรักคนผิดจริง ๆ"
ปัจจุบัน พ.ต.อ. ธิติสรรค์กำลังคบหากับ ใบเตย-พรพจี ศิริสิทธิ์ พิธีกรรายการ "วันบันเทิง" ทางช่องวัน 31 ซึ่งเป็นลูกสาวของ พล.ต.ท. อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ซึ่งเป็นผู้ลงนามในหนังสือสั่งการให้ผู้กำกับโจ้ขาดจากตำแหน่งเดิม ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. หลังถูกร้องเรียนเรื่องการรีดไถและทรมานผู้ต้องหาจนเสียชีวิต
เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊กเวดดิงสตูดิโอชื่อดังแห่งหนึ่งได้โพสต์อัลบั้นภาพ "คุณพรพจี ศิริสิทธิ์ และ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล" พร้อมคำบรรยายว่าทั้งสองคนได้เข้ากราบขอพรและรับประทานน้ำพระพุทธมนต์ จากสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อความเป็นสิริมงคลในการดำเนินชีวิตคู่ ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
ไทยรัฐออนไลน์เผยแพร่บทสัมภาษณ์ใบเตย-พรพจี เมื่อวันที่ 17 มี.ค. โดยเธอพูดถึง พ.ต.อ. ธิติสรรค์ว่า "ก็คบกันได้ 6 เดือน คุณพ่อเตยเป็นตำรวจอยู่แล้ว พูดตรง ๆ เค้าก็เป็นลูกน้องคุณพ่อ ติดตามคุณพ่อเลยค่ะ รู้จักกันมาเป็นปีแต่ตอนนั้นเราทั้งคู่มีแฟนเลยไม่เคยคุยกัน ช่วงนั้นเราสร้างบ้าน เค้ามีความรู้ชอบทำบ้านเข้ามาช่วย พอเค้าโสดเลิกกับแฟน เราก็ได้คุยกันมากขึ้น"
เธอยังบอกอีกด้วยว่า "จากที่เรารู้จักเค้าคือเป็นคนตรงกันข้ามกับที่ข่าวพูดถึง เตยว่าเค้าเป็นคนซื่อมาก เอาจริง ๆ ซื่อจนมองว่าอยู่บนโลกนี้ได้ยังไง ไม่มีอะไรซับซ้อน แสดงออกชัด"
ผู้กำกับโจ้: เรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล ตำรวจที่กลายเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ - บีบีซีไทย
Read More
No comments:
Post a Comment