เมื่อวันที่ 23 ก.ค.64 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน 2564 มูลค่าการส่งออกในเดือนมิถุนายน มีมูลค่า 23,699.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทย 738,135.34 ล้านบาท ขยายตัวมากถึง 43.82% ถือเป็นนิวไฮใหม่ ที่สูงสุดในรอบ 11 ปี สินค้าสำคัญที่มีอัตราการขยายตัวสูง
ข่าวแนะนำ
1.ผลไม้ขยายตัว 185.10%
2.อัญมณีและเครื่อง ด้วยมูลค่า ประดับ ขยายตัว 90.48%
3.รถยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ ขยายตัว 78.5%
4.เครื่องจักรกล ขยายตัว 73.13%
5.เคมีภัณฑ์ขยายตัว 59.82%
สำหรับผลไม้ที่ขยายตัวสูงสุดถึง 185.10% เป็นทุเรียนขยายตัวถึง 172% มังคุดขยายตัว 488.26% เป็นต้น
ในหมวดสินค้าต่างๆ นั้นสินค้า ด้านการเกษตรยังมีอัตราการขยายตัวที่สูงมากถึง 59.8% และมีอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 10 ปีสามารถทำรายได้เข้าประเทศถึง 71,473.5 ล้านบาท ถือเป็นการขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งยางพาราขยายตัวถึง 111.9% ผักผลไม้ทั้งสด แช่เย็นแช่แข็งแปรรูป ขยายตัว 110.2% โดยเฉพาะมันสำปะหลังขยายตัวถึง 81.5 %
นอกจากนี้ ในเดือน มิ.ย. ตลาดสำคัญทั้งตลาดหลักตลาดรองมีอัตราการขยายตัวทุกตลาดโดยตลาดหลักขยายตัวถึง 41.2% ประกอบด้วยจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป CLMV อาเซียน เป็นต้น ตลาดรองขยายตัวถึง 49.5% ทั้งเอเชียใต้ อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ ตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาติน ออสเตรเลีย เป็นต้น
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า แผนงานในครึ่งปีหลังกระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าทำตัวเลขให้ได้ดีที่สุดนำตัวเลขเข้าประเทศให้ได้มากที่สุด โดยกระทรวงพาณิชย์จะจับมือกับภาคเอกชนเดินหน้าทำงานร่วมกันแก้ไขปัญหาอุปสรรคในรูป กรอ.พาณิชย์ และใช้ทั้งทีมเซลล์แมนจังหวัดและทีมเซลล์แมนประเทศ เป็นแม่ทัพร่วมกับภาคเอกชนในการเดินหน้าการส่งออกต่อไป ดังนี้
1.ขณะนี้ได้มีการเตรียมกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการส่งออกมากกว่า 130 กิจกรรมในครึ่งปีหลัง ซึ่งมีการทำยอดขายสั่งจองล่วงหน้าแล้วไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท
2.จะเร่งเปิดตลาดใหม่ที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้ปรากฏตัวเลขชัดเจนเพิ่มขึ้นต่อไป เช่น ตลาดซาอุดีอาระเบีย ซึ่งโอกาสที่ประเทศไทยจะสามารถส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งไปยังตลาดซาอุดีอาระเบียมีความเป็นไปได้มาก
ทั้งนี้ ผมได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่รับผิดชอบได้ติดตามรายงานทุกสัปดาห์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมปศุสัตว์ ดำเนินการเจรจารวมทั้งการเตรียมการเอกสารต่างๆ ก็มีการเป็นไปได้จริงโดยเร็วที่สุด
สำหรับตลาดลาตินอเมริกา แม้เส้นทางจะไกลและเราเสียเปรียบคู่แข่งหลายประเทศค่าขนส่งจะแพง แต่เป็นเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์จะจับมือกับภาคเอกชนในการบุกตลาดลาตินอเมริกา สินค้าที่คิดว่ามีโอกาสเกิดได้
เช่น สินค้า New Normal ทั้งอาหารเกี่ยวกับสุขภาพ อาหารรูปแบบใหม่ อาหารกระป๋อง เป็นต้น สินค้าที่จะมีอนาคตในตลาดลาตินอเมริกาคือชิ้นส่วนยานยนต์เพราะที่นั่นมีรถต้องซ่อมแซม หรือใช้แล้วจำนวนมาก เป็นต้น
ทั้งนี้ เราจำเป็นต้องจับมือกับภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหาร่วมกันโดยเฉพาะในเดือน ก.ค. และเดือน ส.ค. ประเด็นที่หนึ่งจะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยในภาคการผลิตเพื่อให้คงตัวเลขส่งออก หรือให้มีสินค้าในการสนองความต้องการตลาดโลกได้ต่อไป ปัญหาภาคการผลิตในช่วงเดือน ก.ค.
เช่น บางจังหวัดสั่งปิดโรงงานแบบเหมารวม จะต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบส่วนไหนที่มีปัญหาก็ปิดโซนนั้น โซนไหนที่ไม่มีปัญหาควรให้เปิดดำเนินการต่อไปได้ หรือถ้ามีการปิดทั้งโรงงานส่วนไหนที่แก้ไขปัญหาจบแล้วก็ควรจะเปิดให้ดำเนินการผลิตต่อไป เพื่อไม่ให้ภาคการผลิตหยุดชะงักและกระทบกับการส่งออก ซึ่งผมจะเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าต่อไป
ส่วนเรื่องแรงงานภาคเอกชนเรียกร้องให้มีแรงงานเข้าสู่ระบบมากขึ้นในช่วงที่เรากำลังทำตัวเลขส่งออกซึ่งเราได้รับความร่วมมือจากกระทรวงแรงงานในการเร่งรัดขึ้นทะเบียนแรงงานที่หมดอายุโดยตนขอให้กระทรวงแรงงานจัดศูนย์ One Stop Service เพื่อรับขึ้นทะเบียนแรงงานหมดอายุในจุดต่างๆเพื่อความรวดเร็วจะได้นำมาใช้ในภาคการผลิตต่อไป
นอกจากนี้ เราจะเร่งกระจายวัคซีนเข้าสู่ภาคการผลิตโดยเฉพาะโรงงานที่ผลิตเพื่อการส่งออกตนได้เรียนในคณะรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาท่านนายกฯตอบรับและสั่งการให้พิจารณาเรื่องนี้ต่อไปเพื่อไม่ให้กระทบภาคการผลิตที่จะส่งผลต่อตัวเลขการส่งออกในเดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคม
นายภูษิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกรายสินค้านอกจากสินค้าเกษตรที่ขยายตัวถึง 59.8% สูงสุดในรอบ 10 ปี กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรก็ขยายตัว 13.5% และสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 44.7%
ในส่วนของสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่ขยายตัวต่อเนื่อง 22 เดือน คือ หมวดอาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัว 27.7% น้ำตาลทรายกลับมาขยายตัวในรอบ 15 เดือนที่ 18.8% แสดงให้เห็นว่าสินค้าในทุกกลุ่มทั้งสินค้าเกษตรสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวทุกตลาดทั้งตลาดหลัก ตลาดรอง ตลาดส่งออก 50 อันดับแรกซึ่งมีสัดส่วน 97% ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทยขยายตัวทุกตลาด
อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวนี้เป็นผลจากการดำเนินงานส่งเสริมการส่งออกที่ทำอย่างต่อเนื่องรวมทั้งได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของภาคการผลิตสะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตโลกอยู่เหนือระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12
โดยผลผลิตคำสั่งซื้อสินค้าใหม่และการจ้างงานในหลายประเทศล้วนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป และปัจจัยเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องก็ช่วยส่งเสริมภาคการส่งออกของไทยด้วย
สินค้าส่งออกที่ขยายตัวที่น่าสนใจคือ สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะผักและผลไม้ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำมันปาล์ม น้ำตาลทราย ไก่สดแช่เย็น แช่แข็งและแปรรูป เครื่องดื่ม อาหารสัตว์เลี้ยง สิ่งปรุงรส เป็นต้น
จุรินทร์ ดัน "ส่งออก" ให้มากกว่าเดิม หลังทำนิวไฮ +43.82% ในรอบ 11 ปี - ไทยรัฐ
Read More
No comments:
Post a Comment