เช้านี้ ORI ดีดทำนิวไฮรอบ 3 ปี หลังประกาศรับเงินดิจิทัลซื้ออสังหาฯในเครือ คาดช่วยดึงลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้น ขณะที่ โบรกฯ ประเมินจุดสูงสุดปีนี้ รออยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง จากการเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 14 แห่ง – ตั้งแต่ Q3/64 ทยอยรับรู้ยอดโอนมากขึ้น หนุนกำไรทั้งปีพลิกโต YoY อีกครั้ง
*** นิวไฮ 3 ปี หลังประกาศรับเงินดิจิทัลซื้ออสังหาฯในเครือ
ราคาหุ้น บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ช่วงเช้าวันนี้ (7 มิ.ย.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 10.40 บาท ทำนิวไฮรอบ 3 ปี ก่อนปิดซื้อขายช่วงเช้าไปด้วยราคา 10 บาท เพิ่มขึ้น 0.9 บาท หรือ 9.89% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 922.25% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
โดยสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น ORI ช่วงเช้าวันนี้ ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮในรอบ 3 ปี เนื่องจาก ราคาหุ้นกำลังได้รับปัจจัยหนุน หลังประกาศความร่วมมือกับ "Bitkub" รองรับการใช้สกุลเงินดิจิทัล ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ในเครือ ORI ทุกโครงการ ครอบคลุมทั้งในเขตกรุงเทพฯ และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ทั้งนี้ ในระยะแรก ORI จะรองรับการซื้อ - ขายอสังหาฯในเครือ ผ่านเหรียญ 3 สกุลที่ได้รับความนิยม ประกอบด้วย อีเธอเรียม (Ethereum - ETH) เทเทอร์ (Tether USD - USDT) และ บิทคอยน์ (Bitcoin - BTC) โดยผู้ซื้อสามารถชำระเงินผ่าน Wallet จากบัญชี Bitkub ได้เลย ซึ่งทาง ORI เริ่มให้บริการซื้อ – ขายด้วยสกุลเงินดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา
*** คาดเงินดิจิทัล หนุนลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้น
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI มองว่า หลังจากที่บริษัท ปรับกลยุทธ์ รองรับสกุลเงินดิจิทัลในการซื้ออสังหาฯในเครือ ORI จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าต่างประเทศ สามารถซื้อคอนโดมิเนียมในเครือ ORI ได้สะดวกขึ้น เนื่องจากการโอนเงินด้วยคริปโทเคอร์เรนซี มีขั้นตอนที่สะดวก และใช้เวลารวดเร็วกว่าการโอนเงินในสกุลปกติ ช่วยส่งเสริมให้เกิดการทำธุรกรรมแบบไร้พรมแดนมากขึ้น
นอกจากนี้ สถาบันทางการเงินหลายแห่ง เริ่มให้ความสนใจพัฒนาเทคโนโลยีธุรกรรมการเงินแบบกระจายศูนย์กลาง หรือ Decentralized Finance มากขึ้น ซึ่งจะยิ่งทำให้คริปโทเคอร์เรนซี มีบทบาทมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ อีกด้วย
*** แม้มีโควิด แต่กำไร Q2/64 ยังทรงตัวระดับสูง
ก่อนหน้านี้ ORI รายงานงบการเงินไตรมาส 1/64 โดยมีกำไรสุทธิ 825 ล้านบาท เติบโตขึ้น 38.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดย บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี เอสที ประเมินว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ของ ORI ยังทรงตัวในระดับสูงเหมือนไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุหลัก จากการมีคอนโดมิเนียมใหม่ เริ่มโอน 2 โครงการ
สอดคล้องกับ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ที่มองว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ของ ORI ยังทรงตัวในระดับสูงเหมือนไตรมาสก่อน แม้จะมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสามเป็นปัจจัยกดดัน แต่ยอดขายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ทำได้ทะลุ 2 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 18% จากปีก่อน ซึ่งคาดว่า 70% ของยอดขายในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นผลจากการเน้นขายสต็อกคอนโดมิเนียม ตามพฤติกรรมผู้บริโภค ที่หันมาซื้อโครงการพร้อมอยู่มากขึ้น ประกอบกับ โครงการแนวราบได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้ามากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีคอนโดมีเนียม 2 โครงการใหม่ อาทิ The Origin Ratchada-Ladprao และโครงการร่วมทุน (JV) อย่าง Knights Bridge Sukhumvit Thepharak ช่วยกระตุ้นผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/64 อีกด้วย
*** 5 เดือนแรก ยอดพรีเซลล์ทะลุ 1 หมื่นลบ.
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ยอดพรีเซลล์ของ ORI ตั้งแต่ต้นปี ถึงสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ทำได้แล้วมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดพรีเซลล์ ณ ปัจจุบัน ที่ทำได้ 1 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 37% ของเป้าหมายของ ORI ที่ตั้งไว้ 2.9 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ มองว่า ยอดพรีเซลล์ของ ORI จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลัง ตามแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น
*** จุดสูงสุด รออยู่ครึ่งปีหลัง
บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของ ORI จะเติบโตได้โดดเด่นกว่าช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งในช่วงดังกล่าว ORI จะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 14 โครงการ มูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านบาท รวมทั้ง ORI ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาที่มีมูลค่าคงเหลือขาย 3.5 หมื่นล้านบาท (เป็นคอนโดมิเนียม พร้อมโอน 1 หมื่นล้านบาท)
เช่นเดียวกับ บล.เคทีบี เอสที ที่มองว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของ ORI จะเติบโตแข็งแกร่งกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจาก ORI จะมีคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่เริ่มโอน ได้แก่ โครงการ Park Origin Phayathai มูลค่าโครงการ 4.6 พันล้านบาท โดยทำยอดขายได้แล้วไม่ต่ำกว่า 60% เริ่มโอนในไตรมาส 3/64 ขณะที่ ยอดโอนแนวราบจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากการเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้น
ทั้งนี้ ประเมินว่า ปัจจุบัน ORI มี backlog ที่จะรับรู้ เป็นรายได้ในปี 64 แล้ว สูงไม่ต่ำกว่า 80% ทำให้มีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่ารายได้ในปี 64 ของ ORI จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย
*** โบรกฯ ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่ากำไรสุทธิปีนี้ของ ORI จะสามารถกลับมาเติบโตขึ้นจากปีก่อนได้ หลังปี 63 กำไรสุทธิหดตัวจากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19
โดย ในปี 64 การแพร่ระบาดดังกล่าว ไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงเหมือนปีก่อน สะท้อนจากยอดขาย 5 เดือนแรกของปีนี้ ที่กลับมาเติบโตถึง 37% ขณะที่ ผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ตามการเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้น
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
เคทีบีฯ |
ซื้อ |
13.00 |
ฟินันเซียฯ |
ซื้อ |
10.00 |
เอเชีย พลัส |
ซื้อ |
9.55 |
ราคาเฉลี่ย |
10.85 |
แม้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ จะมองว่าผลการดำเนินงานของ ORI มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงถึง 9.89% ในช่วงเช้าวันนี้ ส่งผลให้ราคาหุ้นที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน เหลืออัพไซด์เพียง 0.74% เท่านั้น เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ ซึ่งอาจกดดันการเข้าลงทุนในระยะสั้น ให้มีความน่าสนใจลดลง...
No comments:
Post a Comment