นัยว่าวันที่ 22 มิ.ย.นี้ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง มีการเรียกประชุมสภากรรมการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และมีวาระของการพูดคุยถึงผลงานของ ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ภายใต้การทำทีมของ อากิระ นิชิโนะ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้กลับไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวอยู่ที่ญี่ปุ่น และจะกลับมาไทยในช่วงต้นเดือน ก.ค.
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนว่าจะมีการประชุมพูดคุยเรื่องนี้อย่างชัดๆ รวมถึงการพิจารณาถึงอนาคตการทำทีมของ “นิชิโนะ” ด้วย ว่าจะเอาอย่างไรกันดี
ข่าวแนะนำ
ถึงตรงนี้ฟุตบอลไทยตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก โซนเอเชีย รอบสอง อย่างเป็นทางการมาได้สัปดาห์นึงแล้ว อันดับโลกที่จะประกาศออกมาเร็วๆนี้ จากการคำนวณกันที่คิดไว้จะร่วงเยอะ และตามก้นเวียดนาม แชมป์อาเซียนถึง 30 อันดับทีเดียว
คำวิพากษ์วิจารณ์มีกันทุกหย่อมหญ้า ทั้งจากคนฟุตบอลเอง ไม่ว่าจะเป็นคนข้างๆ หรือคนตรงข้าม รวมถึงแฟนบอลทั่วประเทศ ทั้งยังกระจายไปยังประเทศอื่นซึ่งก็สนใจในความล้มเหลวของทีมชาติไทย
มีใครอายกันบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้!
และล่าสุดทางเอเอฟซี หรือสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ก็มีการประกาศขยับการแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023 รอบคัดเลือก รอบสาม ออกไป จากเดิม พ.ย.ปีนี้ ไปเป็น ก.พ.ปีหน้า
ผลพวงจากการตกรอบในการคัดบอลโลกโซนเอเชีย ซึ่งให้สิทธิ์ 12 ทีมที่เข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายนั้น ได้ผ่านเข้าไปเล่นเอเชียนคัพ 2023 ที่มี 24 ทีม โดยอัตโนมัติ ทำให้ทีมชาติไทยของเราต้องมาคัดกันร่วมกับชาติอื่นๆที่เหลือในเอเชีย รวมแล้วที่ต้องเล่นรอบคัดเลือกกับไทยเรามีรวม 24 ทีม ก็ไปรอจับสลากแบ่ง 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีมกันต่อไป
ซึ่งก็ถือว่าการคัดเอเชียนคัพจึงเป็นภารกิจของทีมชาติไทยชุดใหญ่ที่จะเกิดขึ้นต่อไป
เห็นทางเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พาทิศ ศุภะพงษ์ บอกกล่าวออกมาว่า เตรียมจะเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพในการคัดเอเชียนคัพครั้งนี้ แม้ว่าเอเอฟซีจะแบ่งกลุ่มเตะเหย้าเยือน ก็เป็นการเตรียมการเผื่อไว้ หากปรับเป็นการมีเจ้าภาพกลางเช่นเดียวกับที่ยูเออีได้จัดศึกคัดบอลโลก โซนเอเชีย ที่ผ่านมาอันเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19
เรียกว่าคิดเผื่อ และเป็นของชอบกับเรื่องเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ อีกทั้งชิงความได้เปรียบเพิ่มโอกาสในการเล่นในบ้านว่างั้นเถอะ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ต้องทำกันในเวลานี้ และไม่ควรซื้อเวลา ปล่อยให้เรื่องผ่านๆ เงียบๆกันไป ก็คือ การทบทวน ปรับแนวคิด และวิธีการ เพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่น เรียกศรัทธาของแฟนบอลให้กลับมามีความหวัง และกลับมาให้โอกาสกับทีมชาติไทย และรวมถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลฯโดยเร็วที่สุด
แน่นอน การเรียกความเชื่อมั่น กอบกู้ศรัทธา และสร้างความหวังครั้งใหม่ ต้องใช้เวลาและความอดทน แต่กว่าจะไปถึงตรงนั้น ก็ย่อมต้องหาจุดเปลี่ยน จุดพัก ฉุดรั้งไม่ให้ศรัทธาดำดิ่งจนกู่ไม่กลับ
นั่นคือ ต้องทำอะไร และต้องมีการเปลี่ยนแปลง ลงมือตั้งแต่ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ อย่าปล่อยผ่านให้ความเฉยเป็นการคลี่คลายสถานการณ์ หยุดยั้งอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน!
ก็หวังว่าสภากรรมการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะได้มีการประชุมกันจริงในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ และการประชุมที่จะเกิดขึ้นจะต้องมีเนื้อหาสาระ ที่แสดงให้เห็นความจริงใจและจริงจัง ภายใต้แนวคิดและวิธีการอันจับต้องได้ อย่าเอาความเพ้อฝันมากลบ
ทำอะไรกันนิด ให้เกียรติความรู้สึกแฟน ฟุตบอลและคนไทยกันหน่อย...
“เบี้ยหงาย”
ทำอะไรนิด - ไทยรัฐ
Read More
No comments:
Post a Comment