4 พฤษภาคม 2564 | โดย ยุพิน พงษ์ทอง , ณัฐณิชา ดอนสุวรรณ
1,363
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีภาระหนี้สูงถึง 410,141 ล้านบาท ในจำนวนนี้ มีสัดส่วนหุ้นกู้จากกลุ่มสหกรณ์ 84 แห่ง รวม 8.7 หมื่นล้านบาท แม้ไม่ใช่เจ้าหนี้รายใหญ่แต่หากเกิดความผิดพลาดสมาชิกสหกรณ์รวมหลายล้านคนจะต้องได้รับผลกระทบ
บนทางแยกที่ภาครัฐต้องตัดสินใจกำลังมีเงื่อนไขสำคัญจาก“กลุ่มสหกรณ์” เป็นอีกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง
พล.ต.ทวิโรจน์ สัตยสัณห์สกุล ประธานกรรมการ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด ( ชสอ.) เปิดเผยว่าได้ทำหนังสือถึงวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี,สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้พิจารณาการสนับสนุน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ตามที่ชสอ. และสหกรณ์สมาชิกได้นำเงินสมาชิกไปลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัท การบินไทย ในวงเงินประมาณ 41,000 ล้านบาท โดยแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทยนั้น ได้ระบุว่าต้องได้รับการสนับสนุนเงินทุน และหรือวงเงินสินเชื่อใหม่ไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านบาท โดยการสนับสนุนทางการเงินดังกล่าวนั้น ภาคเอกชนน่าจะให้ การสนับสนุนการบินไทยจำนวน 25,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาครัฐกลับยังไม่ปรากฏแนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงินจำนวน 25,000 ล้านบาทให้กับการบินไทยในรูปแบบต่าง ๆ
“หากฝ่ายรัฐไม่ได้ออกแนวนโยบายเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงินให้กับการบินไทยได้ทันก่อนวันที่ 12 พ.ค. 2564 การนี้จะเกิดวิกฤติการขอถอนเงินจากสมาชิกของ ชสอ. และสหกรณ์สมาชิก รวมทั้ง สถาบันการเงิน ซึ่งจะกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินอย่างรุนแรง”
ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เร็วๆนี้ จะประชุมร่วมกับสหกรณ์เจ้าหนี้ การบินไทย เพื่อซักซ้อมความเข้าใจข้อเสนอแนวทางทวงคืนหนี้หุ้นกู้ของ 84 สหกรณ์ วงเงิน 8.7 หมื่นล้านบาท เบื้องต้น เนื่องจากหนี้ดังกล่าวเป็นเงินทุนของสมาชิกสหกรณ์ ที่ไม่อาจสูญหายได้ ดังนั้นหนี้ที่เป็นส่วนของเงินต้น ทางการบินไทยต้องชำระให้หมด แต่จะเป็นระยะเวลาเท่าใดนั้น ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม สำหรับดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนที่ควรจะได้รับมาก-น้อยเพียงใด นั้น จะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของการบินไทยในระยะต่อไป
ทั้งนี้ ทาง 84 สหกรณ์เจ้าหนี้ พร้อมจะให้การสนับสนุนการบินไทยภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการที่รัฐบาลจะเป็นฝ่ายกำหนด เพราะจากการพิจารณาแล้วจะส่งผลให้ 84 สหกรณ์เจ้าหนี้ยังมีโอกาสได้รับการชำระคืนอย่างน้อย 80-90%ของเงินต้น ซึ่งจะดีกว่าเมื่อเทียบกับการปล่อยให้การบินไทยล้มละลายซึ่งจะส่งผลให้ 84 สหกรณ์เจ้าหนี้ได้รับการชำระคืนเพียง12%ของเงินต้นเท่านั้น
“หากรัฐบาลนำเงินมาลงทุนได้ ทางสหกรณ์เจ้าหนี้ก็พร้อมจะลงทุนตาม โดยอาจใช้วิธีแปลงหนี้เป็นหุ้น เพื่อให้การบินไทยได้ไปต่อ ”
แหล่งข่าวสหกรณ์ออมทรัพย์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ระบุว่า กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ 87 แห่ง ที่เป็นผู้ถือหุ้นการบินไทย จะออกมาเป็นมติเอกฉันท์ร่วมกันทั้งหมดว่า “รับ” หรือ “ไม่รับ” โดยเงื่อนไข ขึ้นอยู่กับท่าทีของรัฐบาลเป็นสำคัญว่า รัฐบาลจะใส่งบประมาณเข้าไปในการบินไทยหรือไม่ ซึ่งหากรัฐบาลไม่ใส่งบประมาณเข้าไปเพิ่มก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะโหวตรับแผนฟื้นฟูฯ ขณะเดียวกันหากรัฐบาลมีทิศทางในการใส่งบประมาณต่อก็มีอาจจะโหวตรับแผนฯ
“ถ้ารัฐบาลไม่อุ้มต่อ ก็คงจะมาพิจารณากันต่อว่าไม่โหวตรับแผนฯ ซึ่งวันที่ 12 พ.ค.นี้ หากทางกรมบังคับคดีไม่เลื่อนวันประชุมเจ้าหนี้ของการบินไทย การโหวตรับแผนฯ ก็จะจบลงและรู้ผลทันที”
สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์ กฟผ.นั้นเงินต้นทั้งหมด มูลค่า 7,658 ล้านบาท ยังอยู่ครบ โดยหากผลโหวตออกมาว่า “รับ” ดูตามแผนฯแล้ว ก็จะเลื่อนชำระหนี้เก่าแต่ละรุ่นออกไป 6 ปี แต่หากผลโหวตออกมาว่า “ไม่รับ” การบินไทย ก็จะเข้าสู่แผนล้มละลาย ก็หมายถึงว่าทรัพย์สินที่มีอยู่เอามาแบ่งกัน ก็คงได้รับกลับไปประมาณ12-13%ก็อาจกระทบบ้าง
“สหกรณ์”ลุ้นรัฐอุ้มบินไทย ปิดช่องล้มละลายทำหนี้สูญ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More
No comments:
Post a Comment