แอลจี อิเล็กทรอนิกส์ เผยว่าบริษัทจะปิดกิจการธุรกิจสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นธุรกิจที่ขาดทุนของบริษัท
วันที่ 5 เมษายน 2564 บีบีซี รายงานว่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยักษ์อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติเกาหลีใต้รายนี้เผยว่า บริษัทกำลังมองหาทางเลือกทั้งหมดสำหรับธุรกิจสมาร์ทโฟน หลังจากในช่วงเกือบ 6 ปี ธุรกิจนี้ประสบปัญหาขาดทุนรวม 4,500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 141,000 ล้านบาท)
ที่ผ่านมา แอลจีได้สร้างนวัตกรรมมากมาย ซึ่งรวมถึงกล้องมุมกว้างพิเศษ กระทั่งกลายเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่สุดอันดับ 3 เมื่อปี 2556 ในขณะที่บรรดาผู้บริหารบริษัทมองว่าตลาดโทรศัพท์มือถือมีการแข่งขันสูงอย่างน่าเหลือเชื่อ
ระหว่างที่ซัมซุงกับแอปเปิลกลายเป็นสองผู้เล่นรายใหญ่สุดในตลาดสมาร์ทโฟน แอลจีเผชิญมรสุมจากปัญหาเรื่องฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์ โดยในช่วงที่แอลจีพยายามต่อสู้กับการขาดทุน ทางบริษัทได้มีการเจรจาขายธุรกิจสมาร์ทโฟน แต่การเจรจาก็ล้มเหลว
สมาร์ทโฟนของแอลจียังคงครองตำแหน่งแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 3 ในอเมริกาเหนือ แต่อันดับดังกล่าวก็ลดลงในตลาดอื่น ๆ โดยโทรศัพท์ของแอลจียังคงพบได้ทั่วไปในตลาดเกาหลีใต้
“การตัดสินใจในเชิงกลยุทธ์ของแอลจี ที่จะออกจากการแข่งขันในตลาดมือถือ จะช่วยให้บริษัทสามารถมุ่งเน้นกับทรัพยากรเพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจอื่น ๆ เช่น ส่วนประกอบรถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เชื่อมต่อ, บ้านอัจฉริยะ, หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์” แอลจีระบุในแถลงการณ์
เมื่อปีที่แล้ว แอลจีได้ส่งมอบโทรศัพท์ 28 ล้านเครื่องให้กับลูกค้า ขณะที่ซัมซุงมีการส่งมอบมากถึง 256 ล้านเครื่อง ตามรายงานของบริษัทวิจัยเคาน์เตอร์พอยท์
ธุรกิจสมาร์ทโฟนเป็นธุรกิจที่เล็กที่สุดในบรรดา 5 ธุรกิจของแอลจี โดยมีรายได้คิดเป็นสัดส่วนเพียง 7.4% และปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดโทรศัพท์มือถือทั่วโลกประมาณ 2%
ก่อนหน้านี้แอลจีได้คิดค้นโทรศัพท์เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งรายใหญ่ เช่นเมื่อปีที่แล้วได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนที่หน้าจอหมุนได้คล้ายกับตัว T เพื่อเผยให้เห็นมุมมองที่อยู่ด้านล่าง
รถยนต์ไฟฟ้าและทีวี
แอลจียังคงเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านและโทรทัศน์ ซึ่งโทรทัศน์ของแอลจียังคงเป็นแบรนด์ที่ขายดีที่สุดอันดับ 2 ของโลก รองจากซัมซุง
เมื่อเดือนธันวาคม แอลจีได้ประกาศการร่วมทุนกับ “แมกน่า อินเตอร์เนชั่นแนล” ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ผลิตส่วนประกอบสำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม สินค้าคงคลังในกลุ่มสมาร์ทโฟนของแอลจีจะยังคงวางจำหน่ายต่อไป และแอลจีจะยังคงสนับสนุนด้านบริการและการอัพเดตซอฟต์แวร์สำหรับลูกค้าในปัจจุบัน โดยคาดว่าจะมีการปิดธุรกิจสมาร์ทโฟนในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้
“ก้าวต่อไปข้างหน้า แอลจีจะยังคงใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านมือถือและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับมือถือ เช่น 6G เพื่อช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจอื่น ๆ” โฆษกแอลจีกล่าวเพิ่มเติม
นักวิเคราะห์มองว่า คู่แข่งสัญชาติเดียวกันอย่าง “ซัมซุง” กับคู่แข่งแดนมังกรอย่างออปโป้, วีโว่ และเสี่ยวหมี่ จะได้ประโยชน์สูงสุดจากการยกธงขาวของแอลจีครั้งนี้
ตลาดสมาร์ทโฟนต้องดิ้นรนอย่างหนักในช่วงที่มีโรคระบาด โดยเผชิญยอดขายที่ลดลงประมาณ 10% ในปี 2563 สาเหตุหลักมาจากการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้ร้านค้าต่าง ๆ ต้องปิดให้บริการ
"แอลจี" เลิกทำสมาร์ทโฟน ธุรกิจไหนจะช่วยกอบกู้บริษัท - ประชาชาติธุรกิจ
Read More
No comments:
Post a Comment