เปิดคลัสเตอร์โรงงานทำขนม บางขุนเทียนติดแล้ว 17 ราย พบคนเข้าออกตลอดเวลา โรงงานหละหลวมมาตรการป้องกันโรค และบ้านพักอาศัยรวมกันกว่า 70 คน
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
วันที่ 24 มี.ค. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) กล่าวว่า กรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 เป็นกลุ่มก้อนในโรงงานทำขนม เขตบางขุนเทียน กทม. ข้อมูลเมื่อวันที่ 23 มี.ค. พบผู้ติดเชื้อแล้ว 17 ราย เป็นชาย 3 ราย หญิง 14 ราย ชาวไทย 3 ราย พม่า 14 ราย กรมควบคุมโรคลงไปสอบสวนโรคและกักกันผู้ติดเชื้อจนถึงวันที่ 2 เม.ย. ตามมาตรฐานการป้องกันโรค ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นผู้ที่เข้ารับการตรวจสุขภาพเพื่อขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวตามมาตรการของกระทรวงแรงงาน หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายแรก ทีมสอบสวนโรคจึงลงพื้นที่ไปคัดกรองผู้ติดเชื้อเชิงรุกในที่ทำงานและที่พัก จึงพบผู้ติดเชื้อในโรงงาน
“สิ่งที่น่าสนใจที่ต้องเรียนรู้ พบว่า ลักษณะโรงงานขนม ส่วนแรกเป็นหน้าร้าน ซึ่งมีคนเข้าออกตลอดเวลา ส่วนที่ 2 เป็นโรงงานที่แบ่งเป็นแผนก ดำเนินมาตรการป้องกันโรคตามมาตรฐานแต่ไม่ครบถ้วน คือ ทำบ้าง แต่อาจมีการหละหลวม และส่วนที่ 3 บ้านพักคนงานที่อาศัยรวมกันในอาคารพาณิชย์แห่งนี้กว่า 70 ราย และมีการแบ่งเป็นห้องเช่า โดยไม่มีมาตรการป้องกันโรค ดังนั้น หากมีผู้ติดเชื้อก็สามารถแพร่ไปหาคนอื่นได้ง่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเน้นย้ำเสมอและขอให้ผู้ประกอบการได้ทบทวนสถานประกอบการของตัวเอง” พญ.อภิสมัยกล่าว
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ส่วนการกระจายวัคซีนโควิด 19 จำนวน 8 แสนโดส กระจายไปใน 22 จังหวัด โดยกระจายตามเป้าหมายเพื่อควบคุมการระบาดของโรคใน 6 จังหวัด จำนวน 3 แสนโดส ได้แก่ สมุทรสาคร 1 แสนโดส กทม. 5 หมื่นโดส อ.แม่สอด จ.ตาก 7.5 หมื่นโดส ปทุมธานี สมุทรปราการ และนนทบุรี จังหวัดละ 2.5 หมื่นโดส ส่วนเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 8 จังหวัดท่องเที่ยว 2.4 แสนโดส ได้แก่ พัทยา จ.ชลบุรี ระยอง และเชียงใหม่ จังหวัด 2 หมื่นโดส ขอนแก่น กระบี่ พังงา จังหวัดละ 1 หมื่นโดส อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 5 หมื่นโดส และภูเก็ต 1 แสนโดส สำหรับเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจชายแดน 8 จังหวัด จำนวน 5 หมื่นโดส ได้แก่ สงขลา 1 หมื่นโดส สระแก้ว 1 หมื่นโดส และเชียงราย มุกดาหาร นราธิวาส ระนอง หนองคาย จันทบุรี จังหวัดละ 5,000 โดส
เมื่อถามว่าหากได้รับวัคซีนโควิด 19 แล้วจะสามารถผ่อนคลายมาตรการป้องกันตัวเองได้หรือไม่ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกฉีดวัคซีนป้องกันโควิดมากกว่า 300 ล้านโดส บางประเทศมีประชากรได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว แต่จะพบว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลกไม่ได้ลดลงเท่าไร ซึ่งกรมควบคุมโรคตั้งข้อสันนิษฐานว่า ต่างประเทศผ่อนคลายมาตรการเร็วเกินไป ในบางประเทศไม่จำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ เมื่อเกิดการติดเชื้อมากขึ้นจึงเริ่มกำหนดมาตรการ เช่น รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และสิ่งสำคัญคือ ประชาชนในบางประเทศเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุข หรือระบบที่มีอยู่ไม่พร้อมรองรับการระบาดใหญ่ที่แพร่กระจายทั่วโลก
“บ้านเรามีระบบสาธารณสุขสำคัญ เช่น อสม. ที่เดินถึงบ้าน กรมควบคุมโรคทำงานเหน็ดเหนื่อย ดังนั้นหากเราเรียนรู้จากประเทศต่างๆ ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ก็ต้องกลับมาตอบคำถามด้วยตัวท่านเองว่า การฉีดแล้วเราจะดำเนินชีวิตแบบนิวนอร์มอล สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง ไม่สัมผัสผู้มีความเสี่ยง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเน้นย้ำมาเสมอ และต้องฝากไปยังสถานประกอบการ นายจ้าง แพทย์ บุคลากรสาธารณสุข หมอฟัน เภสัชกร เนื่องจากมีการรายงานชัดเจนว่า การที่บุคลากรเหล่านี้ให้ความสำคัญ เตือนประชาชนเรื่องการป้องกันตัว ก็จะทำให้ประชาชน เกิดความตระหนัก และการย้ำเตือนบ่อยๆ ก็จะไม่เผลอ ไม่ลืม การเรียนรู้จากต่างประเทศ เราก็จะไม่ซ้ำรอยของเขา” พญ.อภิสมัย กล่าว
เมื่อถามถึงเหตุผลการต่อ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อีก 2 เดือน พญ.อภิสมัย กล่าวว่า หลายครั้ง สบค. ย้ำเสมอว่า เราอยากเห็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ แต่สิ่งสำคัญคือ หลักฐานวิทยาศาสตร์ ข้อมูลที่มีการนำมาประชุมร่วมกัน เมื่อมีการระบาดในกลุ่มก้อน มีสะเก็ดไฟแพร่กระจาย ทำให้ศบค. มีความเป็นห่วงประชาชน และบุคลากรด้านหน้า โดย พรก.ฉุกเฉิน เพื่อประโยชน์เพียงอย่างเดียวคือ ทำให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
“ตัวอย่างของสมุทรสาคร ที่ต้องตรวจหาเชื้อในโรงงาน พื้นที่ชุมชน หากเราไม่มีการบังคับใช้มาตรการ อาจไม่เกิดความร่วมมือจากประชาชนมากขนาดนี้ ดังนั้น ต้องเรียนว่า ศบค. ไม่ได้ออกมาตรการจากศบค. เอง แต่เกิดจากการนำเสนอจากบุคลากรผู้ทำงานในพื้นที่แต่ละจังหวัด ว่า ขอให้คงมาตรการ ยังมีพรก.ฉุกเฉิน เพื่อการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ” พญ.อภิสมัย กล่าว
เปิดคลัสเตอร์โรงงานทำขนม บางขุนเทียนติดแล้ว 17 ราย พบคนเข้าออกตลอดเวลา - ข่าวสด
Read More
No comments:
Post a Comment