Rechercher dans ce blog

Wednesday, June 30, 2021

บาร์ซาทำอะไรอยู่ "เมสซี" หมดสัญญาอย่างเป็นทางการ 2 ยักษ์ใหญ่ลุ้นเซ็นฟรี - ไทยรัฐ

ปีที่แล้ว เมสซี เคยเกือบได้ย้ายทีมโดยอ้างว่ามีเงื่อนไขที่เคยตกลงกับ บาร์ซา ไว้ว่าสามารถย้ายทีมได้โดยไม่มีค่าตัว เมื่อเข้าสู่ปีสุดท้ายของสัญญา แต่ก็ถูก โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสรคนก่อนขัดขวาง ก่อนตัดสินใจอยู่ในถิ่นคัมป์ นู ต่อไป เนื่องจากยอมรับว่าไม่น่ามีสโมสรไหนที่จ่ายค่าฉีกสัญญามหาศาล 700 ล้านยูโร (26,600 ล้านบาท) ของเขาได้

หลายเดือนที่ผ่านมา โจน ลาปอร์ตา ประธานสโมสรคนใหม่หน้าเก่าได้ประกาศตั้งแต่ตอนเข้ารับตำแหน่งว่าเตรียมทำทุกวิถีทาง เพื่อต่อสัญญากับ เมสซี ให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ กระทั่งถึงวันสิ้นสุดสัญญาเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากพ้นเวลาเที่ยงคืนที่แดนกระทิงดุ

แม้ว่าช่วงนี้จะยังมีความเคลื่อนไหวเรื่องความพยายามในการต่อสัญญาอยู่ แต่ ณ เวลานี้ เมสซี วัย 34 ปี ที่ยังติดภารกิจรับใช้ทีมชาติอาร์เจนตินาในศึกโคปา อเมริกา 2021 ที่ประเทศบราซิล ได้กลายเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์ที่สามารถย้ายทีมได้โดยไม่มีค่าตัวแล้ว

ทั้งนี้ บีบีซี สปอร์ต สื่อดังของอังกฤษ รวมถึงสื่ออื่นๆ รายงานว่ามี 2 ทีมที่สนใจเซ็นสัญญาคว้าตัว เมสซี มาร่วมงาน นั่นคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มี เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือที่เคยร่วมงานกันในทีมบาร์เซโลนา และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง รองแชมป์ลีกเอิง ฝรั่งเศส ที่มี เนย์มาร์ อดีตเพื่อนร่วมทีม "เจ้าบุญทุ่ม" รวมถึง เมาริซิโอ โปเชตติโน ผู้จัดการทีมที่เป็นชาวอาร์เจนตินาเหมือนกัน

Adblock test (Why?)


บาร์ซาทำอะไรอยู่ "เมสซี" หมดสัญญาอย่างเป็นทางการ 2 ยักษ์ใหญ่ลุ้นเซ็นฟรี - ไทยรัฐ
Read More

เปิดชีวิต ติ๊ก Playground ศิลปินอินดี้ ทำค่ายเพลง ก่อนจะสูญเสียเพื่อนรัก - ไทยรัฐ

เมื่อย้ายมาแกรมมี่

แม้ในเวลานั้นการเป็นศิลปินค่ายเพลง RIP Studio จะแฮปปี้ดี ทำงานคล่องตัว แต่ในที่สุดติ๊กและเพื่อนๆ สมาชิกวง Playground ก็ตัดสินใจย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมมากอย่าง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ในปี 2550 โดยติ๊กให้เหตุผลว่า “เพราะตอนนั้นค่ายเล็กๆ เขาปิดไป ช่วงนั้นผมเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนๆ ในวง เพราะต้องเล่นคอนเสิร์ตเกือบทุกวัน แล้วในวันที่ค่ายเรากำลังจะปิด ผมก็นั่งเล่นเน็ต เล่น MSN อยู่ดีๆ มีผู้ชายคนนึงออนขึ้นมาแล้วทักมาหาผม

ผู้ชายคนนั้นคือคุณฟองเบียร์ (ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม) ทักขึ้นมาว่าเป็นยังไงบ้าง คือตอนนั้นผมจำได้ว่าผมกับพี่เบียร์น่าจะเคยไปเป็นกรรมการประกวดดนตรี ก็เลยรู้จักกัน พอคุยกันไป อยู่ดีๆ ผมก็บอกว่า เฮ้ย พี่เบียร์ ค่ายผมกำลังจะปิด พี่เบียร์ก็ถามว่า อ้าว มาอยู่แกรมมี่มั้ยล่ะ ผมก็หันไปถามเพื่อนๆ ที่อยู่ในห้อง เพื่อนก็บอกว่า เฮ้ย ไปสิ ผมก็เลยย้ายมาอยู่ที่แกรมมี่เลยครับ

จริงๆ ตอนนั้นคุยผ่านพี่เบียร์โดยที่ยังไม่ได้เจอกับผู้ใหญ่ที่แกรมมี่ แล้วก็เข้าไปเซ็นสัญญาเลย ซึ่งที่แกรมมี่เป็นที่ที่น่าสนใจมากในตอนนั้น พอเข้าไปก็ปรับตัวบ้างครับ แต่ด้วยความที่ว่าก่อนหน้านี้เราเล่นคอนเสิร์ตเยอะเหมือนกัน เจอเพื่อนๆ ศิลปินหลังเวทีตลอด แล้วผมว่าวงผมไม่ค่อยมีพิษมีภัย มีพี่ๆ น้องๆ ศิลปินที่รู้จักกันอยู่แล้วบ้าง ตอนมาอยู่แกรมมี่เหมือนไปเจอเพื่อนที่เคยเจอบนเวทีคอนเสิร์ต แต่ตอนนี้มาอยู่ด้วยกันแล้ว ก็ได้รับการต้อนรับจากพี่น้องศิลปินแกรมมี่

เรารู้สึกว่าบางอย่างที่เราปรับตัว เหมือนเปลี่ยนฐานของโลกที่เราเคยอยู่ เราเป็นวงดนตรีอินดี้ ที่ที่เราอยู่จะอยู่ตามหน้ามหาวิทยาลัย หรือตามหัวเมืองต่างๆ แต่พอมาอยู่แกรมมี่ แรกๆ เราเจองานที่เราไม่เคยเจอมาก่อนเลย เช่น เล่นคอนเสิร์ตตามงานกาชาด หลายๆ งานพูดตรงๆ เลยว่าตอนเราเป็นอินดี้ เราไปเฉพาะตรงที่เขาอยากให้เราไป แต่พออยู่แกรมมี่ โลกมันกว้างใหญ่ เราได้ไปเล่นจังหวัดใหม่ๆ วงเราก็เหมือนนับหนึ่งใหม่เหมือนกัน ทำให้เรามีการตั้งรับอะไรหลายอย่าง แต่ว่าเวลาผ่านไป มันเป็นสกิลที่ทำให้เราพัฒนาตัวเอง ทำให้เราไปอยู่ได้ทุกที่ เปิดโลกกว้างมาก”

กับคำถามว่า จากค่ายเล็กมาอยู่ค่ายใหญ่ ขั้นตอนการทำงานที่แตกต่าง ทำให้รู้สึกไม่ใช่สไตล์หรือไม่ ติ๊กตอบว่า “ก็เคยคิด ในช่วงที่อยู่แกรมมี่ 8 ปี ตอนที่เริ่มเข้าไป พี่เบียร์บอกว่า ให้เป็นแบบที่เป็น ดังนั้นเราแค่เป็นตัวเองที่แกรมมี่ ตอนนั้นก็แทบจะเหมือนเดิมเลย แต่อย่างเรื่องเอ็มวีมีการลงทุนมากกว่า แต่ในตัวการทำงานคือเรานำเสนอได้เหมือนเดิม แต่มีช่วงนึงที่เราทำงานผ่านระบบ มีการคัดกรองจากผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ตอนนั้นจะเริ่มงงเหมือนกัน เพราะเราไม่เคยเจอการทำงานแบบนี้ มันทำให้ช่วงนั้นใช้เวลานานอยู่เหมือนกันในการปรับตัวและจูนหาตรงกลาง

มีช่วงนึงรู้สึกท้อเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วทำจนเสร็จและออกมาเป็นอัลบั้มได้ ก็เป็นอัลบั้มที่ผมชอบเหมือนกันครับ หลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงที่เข้าไปอยู่ค่ายสนามหลวงแล้ว ก็แทบจะเหมือนตอนที่อยู่ค่ายอินดี้เลยครับ คือได้ทำทุกอย่างตามที่เราอยากทำ ด้วยความที่แกรมมี่เป็นค่ายใหญ่ กระบวนการทำงานของแต่ละค่ายยังมีวิธีการทำงานที่ต่างกัน แต่จะบอกว่าดีหรือไม่ดีก็พูดแบบเหมารวมไม่ได้ ถ้าแยกส่วนจริงๆ ก็มีข้อดีข้อเสียเช่นกันครับ”

ถึงเวลาย้ายค่ายอีกครั้ง

หลังจากอยู่ในสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และสนามหลวงมิวสิก มานาน 8 ปี ในที่สุดก็ถึงเวลาที่วง Playground ต้องย้ายค่ายอีกครั้งในปี 2558 และครั้งนี้พวกเขาเลือกมาอยู่ค่ายเพลง Me Records ส่วนคนที่ชวนมาร่วมงานก็ยังคงเป็นฟองเบียร์เช่นเคย

“ก็ผูกพันกับพี่ฟองเบียร์ครับ เพราะว่าตอนเข้าไปอยู่แกรมมี่ พี่เบียร์ยังไม่เปิดค่าย แล้วเอาจริงๆ ยังไม่เคยอยู่ค่ายเดียวกับพี่เบียร์เลย (หัวเราะ) ตอนที่ไปอยู่ก็ยังงงๆ กัน เราก็ไปอยู่ก้านคอคลับ พอพี่เบียร์เปิดค่าย เราก็ยังทำงานค่ายเดิมไป ตอนมาอยู่สนามหลวงฯ จริงๆ Playground หมดสัญญาแล้ว แต่พอเจอข้อเสนอที่ค่อนข้างโอเคก็เลยอยู่ต่อ แต่ตอนนี้ก็ได้มาอยู่ด้วยกันแล้วครับ

พอพี่เบียร์ชวนมาอยู่ที่นี่ เราก็ทำงานเต็มที่ครับ แฮปปี้มากครับกับการที่อยู่ที่นี่ พอมาร่วมงานกันสนุกมากครับ เพราะสำหรับผม พี่เบียร์เป็นคนที่เหมือนเป็นอาจารย์ รอบรู้ ผมเป็นนักแต่งเพลงเหมือนกัน พอได้อยู่ใกล้นักแต่งเพลงที่เก่งมากๆ ตัวเราเองได้เห็นวิธีการแต่งเพลงของเขา หรือวิธีคิดในแต่ละวัน ผมก็มีความสุขแล้ว ผมรู้สึกว่าได้วิชาอะไรมามากมาย

ซึ่งนอกจากพี่เบียร์เป็นนักแต่งเพลงแล้ว ยังมีความเป็นผู้บริหารด้วย ดังนั้นหลายๆ อย่างที่เป็นความคิดของเขา ผมเหมือนได้อยู่กับสารานุกรมของวงการดนตรีไทย (หัวเราะ) เรื่องการทำงานพี่เบียร์ค่อนข้างให้พื้นที่ในสิ่งที่เราอยากจะทำอย่างชัดเจน คอยมอนิเตอร์ในสิ่งที่เขาเห็นว่าน่าจะโอเค แต่โดยรวมเรายังสามารถนำความคิดที่เราตั้งใจเอาไว้มาอยู่ในพื้นที่ตรงนี้ได้ด้วย ผมเลยรู้สึกว่าลงตัวกับตัวผมและเพื่อนๆ ในวงด้วย ผมไม่ไปไหนแล้วครับ”

Home Run

จากนั้นติ๊กเล่าถึงที่มาที่ไปของการทำค่ายเพลง Home Run Music ภายใต้สังกัด Muzik Move ไว้ว่า แรกเริ่มเดิมทีไม่เคยคิดจะทำค่ายเพลงเลย เพราะรู้สึกค่อนข้างไกลตัว แต่เพราะพี่ฟองเบียร์ชักชวน ก็เลยคิดว่าเป็นอีกโอกาสหนึ่ง และถ้าจะทำค่ายเพลงสักค่าย อยากจะวางคาแรกเตอร์ของค่ายให้มีเอกลักษณ์ มีบุคลิกลักษณะที่แตกต่างเพื่อเป็นการจดจำ

“ชื่อ Home Run ก็มาจากชื่อของการตีโฮมรันแบบเบสบอลนี่แหละครับ คือเป็นการทำให้สำเร็จ เราก็เลยใช้คำง่ายๆ คือ Home กับ Run มาผสมกัน ซึ่งมีความหมายอีกอย่างนึงด้วย นอกจากการทำบางสิ่งให้สำเร็จแล้ว คือการวิ่งจากบ้านไปทำความฝันให้เป็นจริง นี่คือคอนเซปต์ของค่ายครับ เป็นค่ายที่เน้นการทำความฝันของน้องๆ ศิลปินให้เป็นจริง”

แม้การแข่งขันในวงการเพลงสูง แต่ติ๊กยังมุ่งมั่นทำค่ายเพลงต่อไป เพราะตอนที่คุยกับพี่ฟองเบียร์ ช่วงก่อนหน้านี้ 2-3 ปี ไปดูคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นหลายครั้งกับเพื่อน คือแสตมป์ อภิวัชร์ และเห็นโมเดลธุรกิจของวงการดนตรีที่ญี่ปุ่นและรู้สึกว่ามีอีกหลายอย่างที่เป็นโมเดลธุรกิจที่เมืองไทยยังไม่ค่อยมี และรู้สึกว่าถ้าทำสิ่งนี้จะทำให้เกิดโมเดลธุรกิจแบบใหม่ๆ ขึ้นมาได้ และเพื่อเป็นการจดจำว่าถ้าใครต้องการศิลปินหญิงที่มีความฝัน บุคลิกลักษณะแบบนี้ ถ้ามาหาที่ค่าย Home Run จะเจอ

“ศิลปินของค่ายตอนนี้มี 3 คน คือ ปุยเมฆ (Puimek), รูบี้แทน (RubyTan), ซินซิน ไอรดา (CinCin Irada หรือซินซิน อดีตสมาชิก BNK48) อย่างปุยเมฆ ในมุมแพชชั่นที่เขาทำกับ Home Run ลึกๆ เขาชอบเล่นดนตรี ปกติน้องเป็นนักศึกษาแพทย์ ต้องรักษาคน แต่ดนตรีเป็นสิ่งที่รักษาแพทย์อีกทีนึง เราก็เอามาเล่าการทำงานในค่ายเพลง พี่รู้สึกว่ามันค่อนข้างแตกต่างจากปกติที่จะทำเป็นเพลงๆ แล้วจบตรงนั้น

เราอยากให้คนฟังหรือผู้ติดตามศิลปินสนุกกับการติดตามชีวิตของเขาไปด้วย ว่าเขาได้เข้าใกล้สิ่งที่เขาฝันเอาไว้ขนาดไหน ผ่านการทำเพลง ทำกิจกรรมต่างๆ ที่ค่ายปูทางเอาไว้ เพื่อให้เขาทำความฝันได้สำเร็จครับ”

ในส่วนกระแสตอบรับหลังจากเปิดค่ายเพลงมา 4 เดือน ถือว่าไปในทิศทางที่ดี ยังมีอีกหลายอย่างที่กำลังปรับปรุง เพราะด้วยความเป็นค่ายใหม่ และเป็นครั้งแรกที่มาทำค่ายเพลง มีหลายอย่างที่รู้สึกว่าไม่เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ คืออยากให้มีชิ้นงานมากกว่านี้ มีกิจกรรมที่คิดเอาไว้แล้ว แต่ยังทำไม่ได้เพราะติดเรื่องโควิด ซึ่งกิจกรรมตรงนี้เป็นรอยต่อให้คนได้เสพงานของน้องๆ ได้อินขึ้น น้องๆ น่าจะมีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น แต่ในส่วนที่น้องๆ ปล่อยเพลงไปแล้วก็ถือว่าแฮปปี้ เพราะเขามีความสุขกับการทำสิ่งที่ฝัน เราในฐานะที่ดูแลความฝันเขาก็แฮปปี้ไปด้วย

กับการเรียนรู้ใหม่ในฐานะผู้บริหารค่ายเพลง ติ๊กบอกว่า รู้สึกสนุกกับการเรียนรู้ มีช่วงชีวิตหนึ่งไปเจอจุดพลิกของชีวิตในเรื่องการออกจากเซฟโซน หาพื้นที่ในการใช้ชีวิตที่ไม่ถนัดเรื่อยๆ ทำให้เปิดความน่าจะเป็นของชีวิตมากยิ่งขึ้น เวลาที่เจอปัญหาจะไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา “ตอนที่ทำค่ายมีคนทำไม่กี่คน ต้องเรียนรู้ใหม่เกือบทั้งหมด แต่ผมรู้สึกว่าสนุกดี แม้บางครั้งจะเหนื่อย แต่ทุกครั้งที่เห็นแววตาของน้องๆ มันเห็นถึงพลังบางอย่าง เลยรู้สึกว่าเหนื่อยไม่เป็นไร ถ้าความฝันของน้องๆ สำเร็จ มันจะเป็นของขวัญสำหรับตัวผมเอง ศิลปิน รวมถึงแฟนๆ ที่ติดตามด้วย”

ในวันที่ ตุ้ย Playground จากไปกะทันหัน

เมื่อถามว่า แล้ววง Playground จะมีผลงานเพลงใหม่ๆ ให้ได้ฟังบ้างหรือยัง ติ๊กบอกว่า ปีนี้มีโปรเจกต์ของวงด้วย “จริงๆ เป็นโปรเจกต์ที่เลื่อนมาจากปีที่แล้ว วง Playground ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ 17 เรามีโปรเจกต์ Playground Feel Friends ชวนเพื่อนๆ มาฟีเจอริ่งด้วย มีทั้งการนำเพลงเก่าของ Playground ที่เคยออกไปแล้วมาคัฟเวอร์ใหม่โดยศิลปินเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ของพวกเรา ก่อนหน้านี้ตั้งใจจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ด้วย แต่ว่าติดเรื่องโควิดมา 2 ปีแล้ว คิดว่าถ้าปีหน้าพอจัดได้ก็จัดปีหน้า แต่คิดว่าปีนี้ตั้งใจจะปล่อยเพลงในโปรเจกต์ครับ”

แต่หลังจากที่สัมภาษณ์หนุ่มติ๊กไม่กี่วัน ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝัน เมื่อตุ้ย วัชระ ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตกะทันหันเมื่อ 23 มิ.ย. 2564 เมื่อสอบถามว่าตอนนี้เป็นไงบ้าง ติ๊กบอกว่า ความรู้สึกโอเคขึ้น ตอนนี้ต้องทำงาน สมาธิจึงอยู่ที่งาน แต่ถ้าอยู่คนเดียวก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

ส่วนแพลนการทำงานเพลงใหม่ของวงในวันที่ไม่มีตุ้ยแล้ว ติ๊กเผยว่า “กำลังจะคุยเรื่องนี้ในอาทิตย์นี้ครับ เพราะช่วงงานศพต่างคนต่างยุ่งมากๆ สภาพจิตใจไม่ค่อยดีเท่าไร เลยรู้สึกว่าให้ผ่านงานศพไปก่อนแล้วค่อยคิดครับ ก็จะมีคุยเรื่องของตุ้ย รวมถึงแพลนที่เราวางไว้ว่าจะทำยังไงให้ได้ผลอย่างที่อยากให้เป็นครับ”

กับคำถามว่า หลังจากนี้จะดึงใครมาร่วมงานกับวงหรือเปล่า นักร้องหนุ่มตอบว่า ไม่ได้แพลนว่าจะหาใครมาแทน ซึ่งตัวเองและเพื่อนๆ น่าจะคิดคล้ายกัน “ปกติวงเราเวลาเล่นคอนเสิร์ตจะมีสมาชิกเสริมที่เป็นแบ็กอัพ แต่สมาชิกที่อยู่ในวงดั้งเดิมมี 4 คน พอขาดตุ้ยไปก็จะเหลือ 3 คน แต่เรากำลังคิดว่าด้วยคอนเซปต์อัลบั้มใหม่มันชื่อ Feel Friends ก็คิดว่าอยากให้ตุ้ยอยู่ในโปรเจกต์นี้เหมือนเดิม เพราะงานหลายๆ อย่างเสร็จไปหมดแล้วครับ

ในส่วนพาร์ทของตุ้ยกำลังคิดว่าจะทำยังไงได้บ้าง แต่ยังไม่ได้เบรนสตรอมกัน ก็คิดอยู่ว่าอาจจะมีการระลึกถึงตุ้ยอยู่ในนั้นด้วย เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และเข้ากับคอนเซปต์ตรงนี้ครับ ถ้าผมเลือกได้และไม่เกินความสามารถของทีมงาน ผมก็อยากให้ยังมีตุ้ยอยู่ในทุกชิ้นงาน ไม่ว่าจะเป็นภาพโปรโมต เอ็มวี ถ้าทำให้มีเพื่อนเรา หรือระลึกถึงเพื่อนเราได้ก็จะดีมาก

แต่เรื่องนี้ต้องใช้เวลาพูดคุยกันก่อน และไม่แน่ใจว่าในการทำงานจะสามารถเกิดขึ้นได้มั้ย พอเกิดเรื่องนี้ก็ต้องวางแผนใหม่ครับ เพราะหลายอย่างที่วางไว้คือมีตุ้ยอยู่ตรงนั้นด้วย ดังนั้นพอมีเรื่องไม่คาดฝัน มันจะมีส่วนที่ต้องซัพพอร์ตในส่วนที่ตุ้ยไม่อยู่แล้ว เราอยากให้ตุ้ยอยู่ในนั้นด้วย ผมก็ต้องหาวิธีการในการทำ ก็คงต้องเลื่อนเวลาออกไป ไม่น่าจะเกิน 2-3 เดือนนี้ครับ”

ความผูกพันกว่า 20 ปี

เมื่อถามถึงความรักความผูกพันกับเพื่อนที่ชื่อตุ้ย ติ๊กเล่าให้ฟังว่า ตุ้ยเป็นเพื่อนตั้งแต่วันแรกที่เรียน ม.บูรพา เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งในวิชาเอกมีผู้ชาย 2 คน คือตัวเองและตุ้ย อยู่หอพักในก็ห้องเดียวกัน เรียกว่าตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยจะมีตุ้ยอยู่ในทุกเรื่อง เป็นเพื่อนที่อยู่ในทุกที่ พอรู้ว่าตุ้ยเล่นกีตาร์เป็น ส่วนติ๊กร้องเพลงและตีกลองเป็น เริ่มเล่นดนตรีแบบเล่นๆ จนกระทั่งตั้งวง Playground เท่ากับว่าความสัมพันธ์ของวงคือเป็นเพื่อนกันก่อนมาเล่นดนตรี

“จริงๆ ถ้าเราไม่ได้เล่นดนตรี ไม่อยู่วงเดียวกัน เราก็ยังต้องเจอกันเพราะความเป็นเพื่อนกัน ผมเชื่อว่าถ้าไม่มีตุ้ย ไม่มีเก้ง ไม่มีตุลย์ ไม่มีผมเอง ก็ไม่มีวง Playground เพราะในวันที่เริ่มทำวงมันไม่ง่ายเลย แต่เราไม่คิดมากเพราะเราสนุกกับการเล่นดนตรี แต่ถ้าผมมีเพื่อนสักคนที่ไม่ใช่คนแบบตุ้ย หรือใครสักคนที่ซีเรียสมากๆ กับการเล่นดนตรี วง Playground อาจไม่ได้เป็นแบบที่เห็นในทุกวันนี้”

ในวันที่รู้ว่าต้องสูญเสียเพื่อนรักที่สนิทสนมกันมานานกว่า 20 ปี ติ๊กบอกว่าเป็นเรื่องช็อกที่สุดในชีวิต “ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยร้องไห้รุนแรงขนาดนี้มาก่อน มันเป็นการรับรู้ข่าวที่ไม่ได้เตรียมใจ รับรู้พร้อมกับทุกคนตอนที่มีข่าว มีเพื่อนที่เรียนวิชาเอกเดียวกับผมและตุ้ย ทักเข้ามาให้เช็กข่าว พอโยนเข้าไปในกรุ๊ปก็ไม่มีใครตอบได้ เพราะไม่มีใครรู้เหมือนกัน โทรไปถามคุณพ่อ ถามแฟนตุ้ย ก็ไม่มีใครรู้ จนเราไปเช็กที่ สน. และทราบข่าวว่าเป็นเรื่องจริง ตอนนั้นสติก็ขาดไปเลยเหมือนกัน ผมไม่เคยเจอการสูญเสียใกล้ตัวขนาดนี้มาก่อน มันไม่ง่ายเลยที่จะตั้งรับ ต้องใช้เวลาหลาย ชม. กับการตั้งสติเหมือนกันครับ”

เมื่อถามว่า หลังตุ้ยเสียชีวิต เขามีมาบอกอะไรบ้างไหม ติ๊กบอกว่า “ก็มีมาเข้าฝันผมและเพื่อนๆ ทีมงานในวงเหมือนกัน แต่ทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่า พี่ตุ้ยมาและไม่พูดอะไรเลย ของผมก็เหมือนกันครับ ซึ่งในมุมไสยศาสตร์ เรื่องของตุ้ยมีคนพูดถึงแบบนี้เยอะเหมือนกัน เท่าที่รับฟังจากอาจารย์ต่างๆ ทุกคนพูดในเรื่องค่อนข้างดีครับ ทำให้รู้สึกเป็นห่วงตุ้ยน้อย 

และหลายอย่างที่ผมสัมผัสได้ ผมรู้สึกว่าตั้งแต่งานศพตุ้ย ตุ้ยไม่อยากให้ทุกคนเศร้า ตุ้ยน่าจะหมดห่วงแล้ว ดูแลตัวเองในที่นั้นๆ ได้แล้ว ทำให้เราไม่ห่วงอะไรต่างๆ ที่เป็นข่าวเกี่ยวกับเรื่องกรรมเก่า ตอนแรกก็ห่วงเรื่องที่ตุ้ยไม่ได้แก้กรรมบางอย่าง แต่พอถามหลายท่าน เขาก็พูดถึงในทางที่ดีหมดเลยครับ ส่วนเรื่องสาเหตุการตายของตุ้ย ก็ต้องรอการชันสูตรว่าเกิดจากอะไร สำหรับผมเอง ผมคิดว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุ ทุกคนไม่ได้ตั้งใจ

ตอนที่ผมไปงานศพ ผมก็บอกกับตุ้ยว่า ไม่ต้องห่วง จะพาตุ้ยไปทุกที่ คือเราเคยคุยกันเล่นๆ วงเราเป็นเพื่อนกัน เคยทะเลาะกัน มีช่วงเวลาที่ดีและร้าย แต่สุดท้ายผมพูดเลยว่าวงเราไม่แตก ต่อให้แก่แล้ว อยากทำอย่างอื่น แต่พอมีเวลาเล่นดนตรีด้วยกัน ก็จะอยู่กันไปแบบนี้จนกว่าจะเล่นไม่ไหว เราก็จะพาตุ้ยไปด้วยทุกที่ ถึงแม้ตุ้ยจะจากไปแล้ว ตุ้ยยังเป็นสมาชิกในวง และยังอยู่กับเราเสมอครับ”

ในส่วนครอบครัวของตุ้ย ติ๊กเผยว่า รู้สึกเป็นห่วงสภาพจิตใจคุณพ่อ “จริงๆ ครอบครัวตุ้ยเพิ่งผ่านการสูญเสียคุณแม่ไม่กี่ปี ก็ห่วงสภาพจิตใจของคุณพ่อของตุ้ย เพราะก่อนหน้านี้พวกเราเช่าบ้านพักอยู่ด้วยกัน แต่พอปีหลังๆ แยกย้ายไปอยู่คนละที่ ตุ้ยย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน เป็นคนดูแลคุณพ่อ พอวันนึงที่ตุ้ยไม่อยู่แล้ว ก็เป็นห่วงคุณพ่อมากๆ แต่ล่าสุดได้ยินข่าวว่าพี่สาวของตุ้ยจะขึ้นมาช่วยดูแลครับ”

ส่วนแอน แฟนตุ้ย ติ๊กบอกว่า “เขาแข็งแรงมาก เรื่องสภาพจิตใจคงไม่ต่างจากพวกผม เขาคบกันมานาน และมีแพลนอนาคตกันหลายเรื่อง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นเรื่องใหญ่มาก เขาต้องดูแลงานศพ ดูแลสภาพจิตใจตัวเองด้วยพร้อมกัน เป็นเรื่องที่ยากมาก ในมุมพวกเราเองก็พยายามช่วยและแบ่งเบาความทุกข์ของน้องแอนด้วยครับ”

ปิดท้ายด้วยคำถามว่า ถ้าตุ้ยได้ฟังอยู่ อยากบอกอะไรเขาไหม นักร้องหนุ่มกล่าวว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร เพราะพวกเราจะดูแลกันและกันตลอด จะให้ตุ้ยเป็นหนึ่งในสมาชิกตลอดกาลเหมือนกัน ตุ้ยจะอยู่กับเราในทุกที่ อยากให้ตุ้ยดูแลตัวเองดีๆ ในที่ตรงนั้น และส่งความรัก เสียงกีตาร์ ความห่วงใยของตุ้ยที่มีต่อพวกเราและแฟนๆ มาจากบนฟ้า คิดถึงมึงแน่ๆ”.

ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : แฟนเพจ Tikplayground, เฟซบุ๊ก Watchara Chaiyapan
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun

Adblock test (Why?)


เปิดชีวิต ติ๊ก Playground ศิลปินอินดี้ ทำค่ายเพลง ก่อนจะสูญเสียเพื่อนรัก - ไทยรัฐ
Read More

กุนซือยะโฮร์ เซ็งฝนถล่มทำสภาพสนามราชมังคลาฯ แย่ เป็นเหตุพ่ายโปฮัง - ข่าวสด

กุนซือยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม ยอดทีมจากมาเลเซีย อย่าง เบนจามิน โมรา สุดเซ็งโดนฝนถล่มทำสนามราชมังคลากีฬาสถานย่ำแย่ ทำพ่ายโปฮัง สตีลเลอร์ส

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

กุนซือยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม อย่าง เบนจามิน โมรา ผู้ฝึกสอนชาวเม็กซิกัน พาลูกทีมลงสนามฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปียน์ลีก 2021 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี พบกับโปฮัง สตีลเลอร์ส จากเกาหลีใต้ ที่สนามราชมังคลากีฬาถาน เมื่อ 30 มิ.ย.

โดยการแข่งขันดังกล่าว ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม ยอดทีมลีกเสือเหลืองพ่ายให้กับ โปฮัง สตีลเลอร์ จากเกาหลีใต้ 1-4 ท่ามกลางพายุฝนกระหน่ำเมืองกรุงของไทย ทำให้ลงสนามไป 3 เกมมีเพียง 3 แต้ม ซึ่ง 3 แต้มที่ได้มานั้นจากเกมที่เอาชนะราชบุรี เอฟซี ทีมจากประเทศไทย

หลังจบเกม เบนจามิน โมรา กุนซือชาวเม็กซิกัน กล่าวว่า “มีหลายสิ่งหลายอย่างในฟุตบอลที่เราควบคุมไม่ได้ เราควบคุมสภาพอากาศไม่ได้ สนามที่แย่ส่งผลต่ออาการบาดเจ็บของผู้เล่น”

“เกมดังกล่าวเราพยายามควบคุมจังหวะการเล่นที่ช้าของ โปฮัง สตีลเลอร์ส เพราะทีมจากเกาหลีใต้เคลื่อนบอลได้ช้ามาก ทีมของเราทำได้ดีเพื่อรอคอยเวลาที่จะเล่นงาน แต่น่าเสียดายที่ผู้ตัดสินให้จุดโทษจนเราไม่สามารถกลับมาได้แม้ว่าจะครองบอลได้ดีในครึ่งหลัง”

“สิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับผมสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความพยายามของผู้เล่น 3 เกมที่เหลือ ต้องเฝ้าติดตามผู้เล่นหลังจากวันนี้เพราะมีการแข่งขันที่ถี่มากผู้เล่นจำนวนมากเหนื่อยและต้องการฟื้นตัว”

สำหรับโปรแกรมฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2021 นัดที่ 4 ของยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม จะลงสนามพบกับ โปฮัง สตีลเลอร์ อีกครั้ง ในวันที่ 1 ก.ค. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน

Adblock test (Why?)


กุนซือยะโฮร์ เซ็งฝนถล่มทำสภาพสนามราชมังคลาฯ แย่ เป็นเหตุพ่ายโปฮัง - ข่าวสด
Read More

น้ำตานองวัด ญาติทำพิธีฌาปนกิจ ส่งยูทูบเบอร์สาว "ประกายฟ้า" ครั้งสุดท้าย - ไทยรัฐ

30 มิ.ย. 2564 21:11 น.

ญาติและครอบครัว น.ส.ประกายฟ้า พูลด้วง นักดนตรีอิสระ และยูทูบเบอร์ ทำพิธีฌาปนกิจที่วัดลาดสนุ่น จ.ปทุมธานี โดยมีเพื่อนๆ นักร้อง ศิลปินอิสระ คนในครอบครัว ร่วมอาลัยส่งนักร้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย

อ่านเพิ่มเติม...

Adblock test (Why?)


น้ำตานองวัด ญาติทำพิธีฌาปนกิจ ส่งยูทูบเบอร์สาว "ประกายฟ้า" ครั้งสุดท้าย - ไทยรัฐ
Read More

อยากท้องต้องเลิก 8 พฤติกรรม ยิ่งทำ ยิ่งมีบุตรยาก! - กรุงเทพธุรกิจ

30 มิถุนายน 2564

12

รู้หรือไม่? การใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ภาวะความเครียดจากการทำงาน การพักผ่อนน้อย รวมถึงการรับประทานอาหารไม่ถูกต้องตามหลักโชนาการ เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีบุตรยาก

      ผู้หญิงวางแผนท้องควรเลือกทานอาหารให้ได้ "สารอาหาร" ไม่ใช่จะทานอะไรก็ได้ แต่ต้องทานให้ครบ 5 หมู่และเลือกแหล่งสารอาหารที่ดี โดย ครูก้อย” นัชชา ลอยชูศักดิ์ ผู้ก่อตั้งเพจ BabyAndMom.co.th แนะนำสูตรสำเร็จการทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ "เป็นโภชนาการของคนอยากท้องที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ กับ " 5 Keys to Success”  ดังนี้ เพิ่มการทาน โปรตีนจากพืช  ลดคาร์บขัดสี งดหวานเด็ดขาด ทานกรดไขมันดี เน้นสารแอนตี้ออกซิแดนท์  

      จากการศึกษาค้นคว้างานวิจัยเกี่ยวกับผู้มีบุตรยากทั้งในและต่างประเทศ พบว่าสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงท้องยากมีหลากหลายสาเหตุ ซึ่งในบทความนี้ ขอสรุปรวบยอด 8 พฤติกรรมที่ยิ่งทำยิ่งทำให้มีบุตรยาก ไว้ดังนี้ 

       1.ทานอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ   มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Frontier in Public Health เมื่อปี 2018 ระบุว่าการทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการที่จะส่งผลต่อโอกาสในการตั้งครรภ์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโปรตีน ที่เป็นสารอาหารบำรุงเซลล์ไข่ ช่วยให้ไข่ตกปกติ และสำหรับคนที่ทำเด็กหลอดแก้ว การทานโปรตีนเพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มอัตราความสำเสร็จในการตั้งครรภ์ สำหรับคนเตรียมท้องควรเลือกทานโปรตีนจากพืช ไขมันดี และวิตามินแร่ธาตุครบถ้วนมีความเสี่ยงเรื่องภาวะไม่ตกไข่ลดลงถึง 66% 

       2.การทานของหวาน น้ำตาลมากเกินไป เพราะในน้ำตาลมีอนุมูลอิสระที่จะไปทำลายเซลล์ ทำให้แก่ ทำให้เซลล์ไข่เสื่อม และด้อยคุณภาพ ที่สำคัญหากระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ที่เป็นความเสี่ยงต่อการเป็นโรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ หรือ PCOS หากเกิดภาวะดื้ออินซูลินที่ทำให้ไข่ไม่ตกเรื้อรัง ไข่ใบเล็ก ด้อยคุณภาพ 

162506532517

       3. ดื่มชา กาแฟ เป็นประจำ  มีงานวิจัยศึกษาพบว่าการดื่มคาเฟอีนมากกว่า 250 mg ต่อวันส่งผลต่อการมีบุตรยากเพิ่มขึ้น 45% ซึ่งกาแฟหนึ่งแก้วมีปริมาณคาเฟอีนประมาณ 250-300 mg ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ติดกาแฟและเลี่ยงการดื่มไม่ได้ ควรดื่มกาแฟเพียงวันละ 1 แก้วเท่านั้น

       4. ดื่มแอลกอฮอล์  เพราะการดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า 2 แก้วต่อวันส่งผลต่อการมีบุตรยากเพิ่มขึ้น 60% 

       5. ไม่ออกกำลังกาย มีภาวะอ้วนหรือ ผอมเกินไป ซึ่งมีงานวิจัยระบุว่าผู้หญิงที่มีภาวะอ้วน น้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน (BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 25) ส่งผลให้ไข่ไม่ตก ประจำเดือนมาไม่ปกติ เซลล์ไข่ด้อยคุณภาพ ฮอร์โมนไม่สมดุล หากใช้กระบวนการทางการแพทย์รักษาจะมีอัตราความสำเร็จต่ำกว่ากลุ่มที่น้ำหนักปกติ ยิ่งถ้าค่า BMI อยู่ในระดับ 30 ส่งผลต่อการแท้งบุตรมากขึ้นอีกด้วย 

       6.พักผ่อนไม่เพียงพอ  ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการสร้าง ฮอร์โมน Luteinizing Hormone   หากฮอร์โมนดังกล่าวผิดปกติก็จะส่งผลต่อรอบเดือนที่ไม่ปกติ ไข่ไม่ตก หรือ ไข่ตกไม่สม่ำเสมอ  

       7. มีภาวะเครียดสะสม จากการศึกษาพบว่าผู้หญิงที่มีความกังวลและจมกับความเครียดส่งผลให้ตั้งครรภ์ยากสูงถึง 20%   โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็แสดงความเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อผู้หญิงเกิดความเครียด การตกไข่ก็จะผิดปกติ ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ และเมื่อไข่ไม่ตก โอกาสท้องก็ลดน้อยลงนั่นเอง ดังนั้น ผู้หญิงที่อยากท้องต้องหาโอกาสผ่อนคลาย ลดความเครียด หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น ปลูกต้นไม้ ดูซีรี่ย์ โยคะ นั่งสมาธิ เป็นต้น 

       และ 8. ขาดวิตามินและแร่ธาตุ  การได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่เพียงพอนอกจากจะส่งผลให้ผู้หญิง "มีลูกง่ายขึ้น"  แล้วยังช่วยลดความเสี่ยงทารกพิการแต่กำเนิด ส่งผลต่อคุณภาพและการเจริญเติบโตของเซลล์ไข่  เพิ่มอัตราการปฏิสนธิ   เพิ่มอัตราการฝังตัวของตัวอ่อนที่มีประสิทธิภาพ  เสริมการเจริญเติบโตของตัวอ่อนที่สมบูรณ์ และ  ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายของภาวะเจริญพันธุ์ 

162506532617     

         ครูก้อย-นัชชา บอกด้วยว่า สำหรับวิตามินที่จำเป็นสำหรับผู้หญิงที่เตรียมตั้งครรภ์ ได้แก่ โฟลิก (Folic)  ป้องกันทารกพิการแต่กำเนิด , มัลติวิตามินและแร่ธาตุรวม  เพื่อสร้างความสมบูรณ์ของเซลล์ไข่ บำรุงเลือด ปรับสมดุลฮอร์โมน,โคเอ็นไซม์ คิวเท็น  เพิ่มพลังงานให้กับเซลล์ไข่ เพิ่มคุณภาพของตัวอ่อน และ ฟิชออยล์ เพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนเพศ ปรับประจำเดือน บำรุงรังไข่ ปรับการตกไข่ให้เป็นปกติ 

       

        "ผู้หญิงที่อยากท้อง แต่ไม่ท้องสักที และมีพฤติกรรมที่เข้าข่าย 8 พฤติกรรม ยิ่งทำ ยิ่งมีบุตรยาก ดังนั้นควรต้องปรับพฤติกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมในการตั้งครรภ์และเพิ่มโอกาสที่จะมีครรภ์ที่สมบูรณ์ เลือกทานอาหารที่หลากหลายได้สารอาหารครบ 5 หมู่ งดหรือลดการทานของหวาน งดหรือลดการทานชากาแฟ งดดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอแต่ไม่หักโหมจนเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอ ผ่อนคลายความเคลียด และที่สำคัญควรเสริมด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำหรับเตรียมตั้งครรภ์ โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://ift.tt/3qJzHAg หรือปรึกษาเรื่องการเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์สำหรับผู้บุตรยาก เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่กระบวนการทางแพทย์ได้ที่ไลน์แอด @babyandmom.co.th "ครูก้อย"-นัชชา ลอยชูศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย.

162506532569

Adblock test (Why?)


อยากท้องต้องเลิก 8 พฤติกรรม ยิ่งทำ ยิ่งมีบุตรยาก! - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

โควิดทำขยะติดเชื้อพุ่งกว่า 65 ตันต่อวัน รพ.ต้องการถุงขยะแยกประเภทเพิ่มขึ้น - ประชาชาติธุรกิจ

โควิดทำขยะติดเชื้อพุ่งกว่า 65 ตันต่อวัน รพ.ต้องการถุงขยะแยกประเภทเพิ่มขึ้น โรงพยาบาลหลายแห่งให้ความเห็นทางเดียวกันว่า การแยกขยะให้เป็นประเภทคือปัจจัยกำจัดขยะติดเชื้อได้อย่างปลอดภัย

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากปัญหาจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นต่อเนื่อง อีกปัญหาหนึ่งที่ตามมาคือ ปริมาณขยะติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น โดยข้อมูลจากกรมอนามัยในปี 2563 ระบุว่า ประเทศไทยมีสถานพยาบาลทั้งรัฐ และเอกชนมากกว่า 37,000 แห่ง มีจำนวนเตียงประมาณ 140,000 เตียง สถานพยาบาลเหล่านี้มีการผลิตขยะติดเชื้อประมาณ 65 ตันต่อวัน เป็นขยะติดเชื้อที่เกิดขึ้นในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลประมาณ 20 ตันต่อวัน ที่เหลือเกิดขึ้นในสถานพยาบาลในส่วนภูมิภาคอีกประมาณ 45 ตันต่อวัน และมีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะส่งผลให้ปริมาณขยะติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 20 ตันต่อวัน จากทั้งโรงพยาบาล และภาคครัวเรือน รวมถึงโรงพยาบาลสนาม

ทั้งนี้ บุคลากรทางการแพทย์และพนักงานในโรงพยาบาลหลายแห่ง ให้ความเห็นเป็นไปในทางเดียวกันว่า การแยกขยะให้เป็นประเภทคือปัจจัยสำคัญในการกำจัดขยะติดเชื้ออย่างปลอดภัย แต่ทั้งนี้ต้องเลือกถุงขยะที่บ่งบอกถึงขยะภายในถุงนั้นด้วย จึงทำให้ถุงขยะแยกประเภทเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นถุงขยะทั่วไป หรือถุงแดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถุงขยะแดง เพราะช่วยให้ผู้ที่นำขยะไปกำจัดต่อรู้ทันทีว่าเป็นขยะอันตรายและต้องระมัดระวัง และจะได้ดำเนินงานต่อได้อย่างถูกต้อง และปลอดภัย เพื่อสุขอนามัยที่ดีของผู้ขนขยะ ชุมชน และสังคม

ทวี จุลศักดิ์ศรีสกุล กรรมการ บริษัท คิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล จำกัด

“ทวี จุลศักดิ์ศรีสกุล” กรรมการ บริษัท คิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล จำกัด ผู้ผลิต ‘ถุงขยะฮีโร่’ กล่าวว่า โรงพยาบาลคือหน่วยงานที่สำคัญที่สุด เป็นที่พึ่งของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่การระบาดของโควิด-19 ขยายวงอย่างรวดเร็ว

บริษัทได้ส่งทีมงานลงพื้นที่พูดคุยกับบุคลากรทางการแพทย์ในหลาย ๆ โรงพยาบาลพบว่า ปริมาณขยะติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นมาก เช่น โรงพยาบาลโพธาราม จ.ราชบุรี มีปริมาณขยะติดเชื้อสูงถึง 3.2 ตันในเวลาแค่เพียงครึ่งปี ในขณะที่ โรงพยาบาลสนามของโรงพยาบาลแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีปริมาณขยะติดเชื้อสูงถึง 423 กิโลกรัมต่อวัน และ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ปริมาณขยะติดเชื้อสูงถึง 600 กิโลกรัมต่อวัน

ถุงขยะแยกประเภทเป็นที่ต้องการสูงขึ้นนับตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตถุงขยะต้องเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งนี้ คิงส์แพ็คฯเล็งเห็นถึงความสำคัญของการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านถุงขยะแยกประเภท จึงจัดทำโครงการฮีโร่มาแล้ว เพื่อบริจาคถุงขยะ ถุงแดง และถุงซิป ให้แก่โรงพยาบาลในสังกัดของรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การทำงานด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) ของบริษัท

“จากการลงพื้นที่ไปมอบถุงขยะกับทั้ง 3 โรงพยาบาลพบว่า จุดร่วมเดียวกัน คือ ปริมาณผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ทุกฝ่ายต้องทุ่มเทการทำงานเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว แต่ทุกโรงพยาบาลล้วนให้ความสำคัญกับการแยกขยะ และการกำจัดขยะติดเชื้อ เพื่อช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคออกไป”

ถุงขยะติดเชื้อ

“ครั้งนี้เรามุ่งเป้าไปที่โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ บริจาครวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านใบ ได้แก่ ถุงขยะดำ สำหรับขยะทั่วไป ถุงขยะแดงสำหรับขยะติดเชื้อ และถุงซิปอเนกประสงค์ นอกจากนั้นส่งเสริมกระตุ้นให้คนไทยได้มีความรู้เรื่องขยะ และการแยกขยะ เพราะเป็นเรื่องพื้นฐานที่จะสร้างที่สุขภาวะที่ดี สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และสุขนิสัยที่ดีขึ้น”

ด้วยความสำคัญของถุงขยะที่เพิ่มขึ้น ทำให้การเติบโตของยอดขายบริษัทในปี 2563 โตขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปี 2562 (ก่อนมีการระบาดของโควิด-19) และยอดขายของปี 2564 โตขึ้น 34% หากเทียบปี 2563

นพ.สุเทพ จันทรเมธีกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโพธาราม จ.ราชบุรี

“นพ.สุเทพ จันทรเมธีกุล” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโพธาราม จ.ราชบุรี กล่าวว่า ขยะติดเชื้อของทางโรงพยาบาลมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 โรงพยาบาลมีปริมาณขยะติดเชื้ออยู่ที่ 4.2 ตัน จากปริมาณขยะทั้งหมด 7.7 ตัน และในปี 2563 ปริมาณขยะติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 4.36 ตันต่อปี จากปริมาณขยะทั้งหมด 8.36 ตัน

“สำหรับตัวเลขล่าสุดในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2564 ปริมาณขยะติดเชื้ออยู่ที่ 3.2 ตันต่อปี ส่งผลให้โรงพยาบาลมีความต้องการใช้ถุงขยะแดงจำนวนมาก โดยในปี 2563 โรงพยาบาลมีปริมาณการใช้ถุงขยะแดงสูงถึงกว่า 3.9 ตัน”

ถุงขยะแยกประเภทถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะโรงพยาบาลมีขยะติดเชื้อจำนวนมากในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากอนามัย ถุงมือยางแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ชุด PPE หลอดยา เข็มฉีดยา และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้ออื่น ๆ ขยะติดเชื้อหากไม่ได้จัดเก็บอย่างถูกวิธีก็จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ดำเนินการจัดการกำจัดขยะ ซึ่งเมื่อแยกขยะติดเชื้อออกแล้ว จะนำไปกำจัดทิ้งโดยวิธีการเผาด้วยความร้อน 1,200 องศาเซลเซียส”

พญ.อนุธิดา ประทุม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

ทางด้าน “พญ.อนุธิดา ประทุม” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี พื้นที่ที่มีการติดเชื้อกลุ่มใหญ่ล่าสุด กล่าวว่า สำหรับยอดผู้ป่วยโควิด-19 ที่โรงพยาบาลรับตอนนี้มีทั้งหมด 245 เตียง โดยรักษาตัวอยู่ที่ ชะอำ-อีโค่ แคมป์ รีสอร์ท ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนามของโรงพยาบาล

“จากจำนวนผู้ป่วยส่งผลให้มีขยะทางการแพทย์ 423 กิโลกรัมต่อวัน เพิ่มขึ้นจากก่อนช่วงมีวิกฤติโควิด-19 ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ โดยขยะติดเชื้อทั้งหมดจะดำเนินการแยกใส่ถุงขยะแดง ส่วนถุงซิปจะนำมาจัดเก็บสิ่งส่งตรวจ เพื่อลดการสัมผัสการติดเชื้อในเจ้าหน้าที่ ซึ่งถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง การแยกขยะจะช่วยลดการปนเปื้อนในส่วนของขยะที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้เป็นอย่างดี”

นพ.พรเทพ พงศ์ทวิกร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านแพ้ว

สอดคล้องกับ “นพ. พรเทพ พงศ์ทวิกร” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ที่มองว่า การปลูกฝังให้บุคลากรทางการแพทย์และพนักงานในโรงพยาบาลสร้างวินัยการแยกขยะ เป็นการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อดีที่สุด โดยเฉพาะขยะอันตรายจากเคมีบำบัด ที่ส่งผลต่อสุขภาพและอันตรายต่อทีมแพทย์มากที่สุด ได้แก่ ถ่าน และปรอท โดยการอบรมของเราจะเข้มงวดเป็นพิเศษ พนักงานใหม่ต้องเข้าร่วมปฐมนิเทศในการคัดแยกขยะหลัก ๆ ได้แก่ขยะทั่วไป ขยะติดเชื้อ ขยะมีพิษ ขยะรีไซเคิล โดยทีมควบคุมโรค และทีมสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ดำเนินการ

“ตอนนี้ รพ.บ้านแพ้ว ดูแลผู้ป่วยโควิด -19 อยู่ที่ 42 คน ช่วงโควิดปริมาณขยะทั่วไปและขยะติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นมาก ขยะติดเชื้อจากเดิม 360 กิโลกรัมต่อวัน เพิ่มมาเป็น 600 กิโลกรัมต่อวัน ขยะทั่วไป 1,200 กิโลกรัมต่อวัน เพิ่มมาเป็น 1,371 กิโลกรัมต่อวัน ผลมาจากช่วงโควิด-19 เรามีการใช้อุปกรณ์ป้องกันตัว รวมถึงมีขยะติดเชื้อค่อนข้างมาก และเพื่อป้องกันการติดเชื้อทีมเจ้าหน้าที่เรา เราจึงเข้มงวดกับแม่บ้านหรือเจ้าหน้าที่ขนย้ายขยะติดเชื้อเป็นพิเศษ โดยจะต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตนเองทุกครั้ง ประกอบด้วย สวมหมวก สวมผ้าปิดปาก ปิดจมูก สวมเอี๊ยมพลาสติกกันเปื้อน สวมถุงมือแม่บ้านยาวครึ่งแขน สวมรองเท้าบูตครึ่งน่อง ก่อนการทำงานอย่างเคร่งครัด”

Adblock test (Why?)


โควิดทำขยะติดเชื้อพุ่งกว่า 65 ตันต่อวัน รพ.ต้องการถุงขยะแยกประเภทเพิ่มขึ้น - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

เช็ค!!คุณสมบัติกลุ่มผู้กู้ 'รับงานไปทำที่บ้าน' ดอกเบี้ย 0% - กรุงเทพธุรกิจ

30 มิถุนายน 2564

33

รมว.แรงงาน เผย ปีงบ 64 กองทุนเพื่อผู้ 'รับงานไปทำที่บ้าน' ปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 12 งวด รวม 5,810,000 บาท ย้ำยังมีวงเงินให้กู้และเวลายื่นคำขออีก 2 เดือน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 'กระทรวงแรงงาน'ได้อนุมัติวงเงินกู้ยืม จำนวน 7,000,000 บาท เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสำหรับ 'แรงงานนอกระบบ'ที่เป็นผู้รับงาน/กลุ่มผู้ 'รับงานไปทำที่บ้าน' ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนถูกกฎหมาย และมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ

แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค 'โควิด 19' ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องกระทบโดยตรงทั้งต่อรายได้ และวิถีความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งรวมถึงการดำเนินการของผู้รับงานไปทำที่บ้าน จึงพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน อยู่ในอัตราร้อยละ 0 ต่อปี ในงวดที่ 1 -12 ภายใต้กรอบวงเงิน 7,000,000 บาท 

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของแรงงานนอกระบบผู้กู้ยืมเงินกองทุนฯ ซึ่งจากผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 - 30 มิถุนายน 2564 ปล่อยกู้แล้วทั้งสิ้น จำนวน 34 ราย/กลุ่ม เป็นเงิน 5,810,000 บาท และยังมีวงเงินคงเหลือสำหรับผู้รับงานไปทำที่บ้านที่ต้องการกู้ยืมเงินกองทุนฯ อีก 1,190,000 บาท ระยะเวลายื่นคำขอกู้ฯ ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564

  • ตรวจสอบคุณสมบัติ ผู้กู้ผู้ 'รับงานไปทำที่บ้าน'

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ขอให้ผู้ที่สนใจกู้ยืมเงินกองทุนฯ ตรวจสอบคุณสมบัติและยื่นคำขอกู้เงินได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานจัดหางานจังหวัด ในท้องที่ที่ผู้ 'รับงานไปทำที่บ้าน'ได้จดทะเบียนไว้กับ 'กรมการจัดหางาน' ภายใน 31 สิงหาคม 2564 และทำสัญญากู้ยืมให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2564 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 'กรมการจัดหางาน' หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694

สำหรับคุณสมบัติผู้กู้จะต้องเป็นผู้ 'รับงานไปทำที่บ้าน' ที่จดทะเบียนไว้กับ 'กรมการจัดหางาน' มีผลการดำเนินการและมีรายได้จากการ 'รับงานไปทำที่บ้าน' หรือมีหลักฐานการ 'รับงานไปทำที่บ้าน' จากผู้จ้างงาน ซึ่งมีทั้งประเภทบุคคลและกลุ่มบุคคล โดยประเภทบุคคลต้องมีทรัพย์สินหรือเงินทุนไม่น้อยกว่า 5,000 บาท

  • กลุ่มบุคคล ต้องมีผู้นำกลุ่ม สมาชิกร่วมกันไม่น้อยกว่า 5 คน 

ส่วนประเภทกลุ่มบุคคลจะต้องมีผู้นำกลุ่มและสมาชิกกลุ่มกู้ร่วมกันไม่น้อยกว่า 5 คน มีทรัพย์สินหรือเงินทุนในการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มรวมกันไม่น้อยกว่า 10,000 บาท รายบุคคลกู้ได้ไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลาชำระคืนภายใน 2 ปี และรายกลุ่มบุคคลไม่เกิน 300,000 บาท ระยะเวลาชำระคืนภายใน 5 ปี

โดยตั้งแต่ปี 2548 – ปัจจุบัน มีผู้'รับงานไปทำที่บ้าน' ที่จดทะเบียนกับ'กรมการจัดหางาน' จำนวน 1,045 ราย/กลุ่ม สมาชิกจำนวน 6,023 คน และมีผู้กู้เงินจากกองทุนฯแล้ว จำนวน 519 ราย/กลุ่ม (29 ราย/490 กลุ่ม) เป็นเงิน 53,676,000 บาท

Adblock test (Why?)


เช็ค!!คุณสมบัติกลุ่มผู้กู้ 'รับงานไปทำที่บ้าน' ดอกเบี้ย 0% - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

"ไอติม" กระทุ้งสภา ชี้ ยื้อเวลาแก้รัฐธรรมนูญทำประชาชนเดือดร้อน - ไทยรัฐ

30 มิ.ย. 2564 16:00 น.

ไอติม “พริษฐ์” ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า กระทุ้งสภา ชี้ ยื้อเวลาแก้รัฐธรรมนูญทำประชาชนเดือดร้อน รับผลกระทบจากรัฐบาลที่ไร้ความสามารถ-ความรับผิดชอบทางการเมือง

วันที่ 30 มิ.ย. ที่รัฐสภา กลุ่ม Re-Solution นำโดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ร่วมกับ นางสาวชญาธนุส ศรทัตต์ และ นางสาวสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ตัวแทนผู้เชิญชวนเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในแคมเปญ “ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์” ได้นำรายชื่อประชาชนกว่า 150,921 ชื่อ ไปยื่นต่อประธานรัฐสภา โดยมี นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทนรับรายชื่อ

ข่าวแนะนำ

นายพริษฐ์ กล่าวว่า คงไม่มีห้วงเวลาไหนที่ชัดเจนไปกว่านี้ ที่แสดงให้เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่ารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จะบริหารจัดการวิกฤติโควิดอย่างขาดประสิทธิภาพแค่ไหน แต่ตราบใดที่เรายังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจของระบอบประยุทธ์ ถึงแม้ประชาชนจะไม่พอใจการบริหารประเทศเท่าไหร่ แต่อำนาจในการเปลี่ยนรัฐบาลถูกพรากไปจากมือประชาชน การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เราสร้างระบอบการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยและระบอบการเมืองที่ช่วยชีวิตประชาชน

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในขณะที่สมาชิกรัฐสภา นำโดย ส.ว. ได้ปัดตกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญถึง 12 จากทั้งหมด 13 ร่าง รวมถึงข้อเสนอที่สกัดกั้นการสืบทอดอำนาจ เหมือนเป็นการปิดประตูใส่หน้าประชาชน แต่เราก็ได้เห็นแล้วว่ามีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่ยอมแพ้ และร่วมลงชื่อมากกว่า 150,000 ชื่อ เพื่อยื่นข้อเสนอในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตราของกลุ่ม Re-Solution เข้าสู่สภา โดยร่างนี้มุ่งเน้นการสกัดกั้นกลไกที่ระบอบประยุทธ์ใช้ในการสืบทอดอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิก ส.ว. การปฏิรูปที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกรรมการองค์กรอิสระ การยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการล้มล้างผลพวงรัฐประหาร

“ผมขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ร่วมลงชื่อ รวมถึงอาสาสมัครทีมงานที่ทุ่มแรงกายใจตลอดหลายเดือน ให้ร่างของเราเข้าสู่สภาได้ และผมขอตอบแทนโดยการเรียกร้องและส่งต่อความคาดหวังของประชาชนไปยังรัฐสภา เพื่อขอให้รัฐสภาเร่งตรวจสอบเอกสารและบรรจุร่างฉบับนี้เข้าไปในวาระโดยเร็วที่สุด เพราะยิ่งรัฐสภาปล่อยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความล่าช้าเท่าไหร่ ก็เท่ากับการปล่อยให้ประชาชนต้องรับผลกระทบทางสุขภาพและทางเศรษฐกิจที่ทวีคูณความเสียหายในทุกๆ วัน จากการบริหารของรัฐบาลที่ขาดทั้งความสามารถ ขาดความรับผิดชอบทางการเมือง และขาดกลไกตรวจสอบถ่วงดุลที่ประชาชนไว้ใจได้” นายพริษฐ์ กล่าว...

อ่านเพิ่มเติม...

Adblock test (Why?)


"ไอติม" กระทุ้งสภา ชี้ ยื้อเวลาแก้รัฐธรรมนูญทำประชาชนเดือดร้อน - ไทยรัฐ
Read More

สภาฯ ติดรายชื่อประจาน ส.ส.ไม่แสดงตน ทำประชุมสภาล่ม ลั่นไม่มีวาระประชุมไหนไม่สำคัญ - Sanook

สภาฯ ประจาน ติดประกาศชื่อ ส.ส. ไม่แสดงตน ทำองค์ประชุมล่มให้ประชาชนตรวจสอบได้ตามระเบียบกำหนด ด้าน “สมบูรณ์” ย้ำวาระประชุมสำคัญ

นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงปัญหาการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ล่มเพราะองค์ประชุมไม่ครบ วันนี้ (30มิ.ย.) ว่า มีสมาชิกมาลงชื่อเข้าร่วมประชุม 346 คน แต่ระหว่างการพิจารณา ในมาตรา 6 ร่าง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ที่ กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว มีการเช็กองค์ประชุม กลับมี ส.ส.แสดงตน 206 คน ไม่ครบองค์ ทำให้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ปิดการประชุม ทั้งที่ประธานสภาฯ อยากให้งานนิติบัญญัติเดินไปได้ จึงนัดประชุม แต่เมื่อไม่ครบองค์ประชุม จึงเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อ ส.ส. ที่แสดงตนหรือไม่แสดงตนได้ โดย สภาฯ จะปิดประกาศรายชื่อที่อาคารรัฐสภา ตามที่รัฐธรรมนูญและระเบียบกำหนด

ส่วนที่ ส.ส. เห็นว่า วาระการประชุมไม่สำคัญนั้น นายสมบูรณ์ กล่าวว่า เป็นความเห็น ส.ส. บางคนเท่านั้น เพราะมีวาระการประชุมที่สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ. วัตถุอันตราย ที่เมื่อประกาศใช้ความปลอดภัยของประชาชนจะเกิดขึ้น และวาระต่อไปยังมีวาระเร่งด่วน ที่รัฐบาลเสนอร่างพ.ร.บ. มา 6 ฉบับ เช่น ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองพยานในคดีอาญา ที่เป็นเรืองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ในกรณีที่ไปเป็นพยานในศาล ร่างพ.ร.บ. พืชกระท่อมที่จะมีการกำหนดหลักเกณฑ์ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องร่าง กฎหมาย ที่ ส.ส. เสนอเป็นกฎหมาย ให้สภาฯ พิจารณา 38 ร่าง ซึ่งล้วนเป็นเรื่องสำคัญทั้งสิ้น หากใครคิดว่าไม่สำคัญ ถือเป็นการที่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ตนเอง

ด้าน นางผ่องศรี ธาราภูมิ คณะทำงานวิชาการ กล่าวว่าวันพรุ่งนี้ (1ก.ค.) ประธานสภาฯ นัดประชุม 9.30 น. ช่วงแรกจะเปิดให้สมาชิกหารือ ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน 30 คน คนละ 2 นาที จากนั้น มีวาระกระทู้ถามสด กระทู้ถามทั่วไป 6 กระทู้ นอกจากนี้ ยังมีกระทู้แยกเฉพาะ และเรื่องรับทราบ

Adblock test (Why?)


สภาฯ ติดรายชื่อประจาน ส.ส.ไม่แสดงตน ทำประชุมสภาล่ม ลั่นไม่มีวาระประชุมไหนไม่สำคัญ - Sanook
Read More

Tuesday, June 29, 2021

วิธีทำ "เต้าหู้ทรงเครื่อง" เต็มอิ่มไปกับคุณประโยชน์ครบครัน - Sanook

หนึ่งในเมนูคุณภาพที่ให้รสชาติอร่อย รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ แล้วรสชาติดีมาก พร้อมให้วิธีการทำที่ง่ายและขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบต่างๆ ไม่ยุ่งยาก คือ เมนูเต้าหู้ทรงเครื่อง ที่คุณก็สามารถทำได้เองที่บ้าน พร้อมให้ประโยชน์ต่อร่างกายอย่างเต็มที่ โดยมีวิธีการทำดังต่อไปนี้

วัตถุดิบและเครื่องปรุงเต้าหู้ทรงเครื่อง


  • เต้าหู้ไข่ 2 หลอด
  • ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
  • ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทรายครึ่งช้อนชา
  • แครอทหั่นเต๋า 1 ถ้วย
  • ข้าวโพดอ่อนหั่น 1 ถ้วย
  • ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • กุ้งสดหรือเนื้อหมูสับ 1 ถ้วย
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วยเล็ก
  • น้ำมันพืช
  • กระเทียมสับ
  • แป้งข้าวโพดผสมน้ำ 1 ถ้วยเล็ก

วิธีทำเต้าหู้ทรงเครื่อง

1.เริ่มต้นจากการตั้งกระทะด้วยไฟกลางแล้วใส่น้ำมันพืช เมื่อเห็นว่ากระทะเริ่มร้อนแล้ว ให้คุณนำเต้าหู้ไข่ลงทอด

2.ทอดเต้าหู้ไข่ให้เพียงแค่พอสุกและเหลืองทั้งสองด้าน จากนั้นให้ตักขึ้นตะแกรงเพื่อกรองน้ำมัน

3.นำกระเทียมสับไปผัดกับน้ำมันในกระทะให้หอมและใส่เนื้อหมูหรือเนื้อกุ้งสดลงไป ผัดพอประมาณแล้วใส่แครอทกับข้าวโพดอ่อนลงไปผัดรวมกัน

4.ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส, ซอสหอยนางรม, น้ำตาลทราย และน้ำเปล่า พร้อมเปลี่ยนเป็นผัดด้วยไฟแรง คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วใส่แป้งข้าวโพดผสมน้ำในขณะที่กำลังเดือด จากนั้นให้คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน

5.นำเต้าหู้ทอดมาจัดจานแล้วราดด้วยน้ำราดที่เตรียมไว้ โรยต้นหอมซอยเพื่อเป็นการตกแต่ง เท่านี้ก็สามารถรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ได้อร่อยเลยทีเดียว


คุณประโยชน์ของเต้าหู้ทรงเครื่อง

เมื่อคุณอิ่มอร่อยไปกับเต้าหู้ทรงเครื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลองมาดูคุณประโยชน์ที่จะได้รับจากเมนูรสชาติดีเมนูนี้ คือ

1.เต้าหู้ไข่
เต้าหู้ไข่จะเต็มเปี่ยมไปด้วยโปรตีนที่มีสูงกว่าเนื้อสัตว์บางประเภท ให้วิตามินที่หลากหลายและสารอาหารสำคัญต่าง ๆ พร้อมไปด้วยกรดอะมิโนจำเป็นที่จะช่วยเสริมทั้งด้านระบบประสาทและสมอง ลดความตึงเครียด ลดอาการเหนื่อยล้าของสายตา และลดความเสี่ยงปัญหาหัวใจขาดเลือดอีกด้วย


2.แป้งข้าวโพด
แป้งข้าวโพดจะมีไฟเบอร์ โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต รวมไปถึงแร่ธาตุอย่างเหล็ก ทองแดง และแมงกานีส ทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินที่หลากหลาย พร้อมการปราศจากกลูเตนที่จะช่วยลดอาการแพ้ ในผู้ที่มีปัญหาแพ้อาหารผสมกลูเตนเป็นอย่างมาก


3.แครอท
แครอทอุดมไปด้วยวิตามินเอสูงมากและมีเบต้าแคโรทีน ลูทีน แคลเซียมกับวิตามินซีที่สูงด้วยเช่นกัน จึงช่วยบำรุงสายตาได้อย่างดีเยี่ยม กระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือดและให้ประโยชน์ทางด้านสารอาหารที่สูงเลยทีเดียว


เมื่อคุณต้องการเมนูอาหารอร่อยที่รับประทานกับข้าวสวยได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมให้คุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วน เพราะมีทั้งเนื้อสัตว์ ผัก และโปรตีนจากเต้าหู้ไข่ ขอแนะนำเมนูเต้าหู้ทรงเครื่องที่นอกจากจะทำง่ายแล้วยังให้รสชาติที่ดีอีกด้วย

Adblock test (Why?)


วิธีทำ "เต้าหู้ทรงเครื่อง" เต็มอิ่มไปกับคุณประโยชน์ครบครัน - Sanook
Read More

โดมความร้อนทำสหรัฐฯ-แคนาดาระอุ อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นในรอบมากกว่า 80 ปี - ไทยรัฐ

ปรากฏการณ์คลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมในวงกว้างครั้งประวัติศาสตร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ทำให้มีอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในรอบมากกว่า 80 ปี ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะยังมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นต่อไปตลอดสัปดาห์

Adblock test (Why?)


โดมความร้อนทำสหรัฐฯ-แคนาดาระอุ อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นในรอบมากกว่า 80 ปี - ไทยรัฐ
Read More

ในยุคที่ "จีน" มีบทบาทในไทย ควรทำอย่างไรไม่ให้ตกอยู่ใต้เงาปีกมังกร? - ไทยรัฐ

มองสัมพันธ์ "ไทย-จีน" ผ่านตัวเลข!

อันดับ 1 คู่ค้าสำคัญของไทย ณ เวลานี้ จะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่ "จีน" ที่ยืนหนึ่งยาวนานมาตั้งแต่ปี 2556 จากมูลค่าการค้า 1.98 ล้านล้านบาทในปีนั้น พุ่งมาสู่ 2.49 ล้านล้านบาท ในปี 2563

เหนียวแน่นมาจนถึงปี 2564
*ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.)
- มูลค่าการค้า 1.25 ล้านล้านบาท
- ไทยส่งออกจีน 4.51 แสนล้านบาท
- ไทยนำเข้าจีน 7.95 แสนล้านบาท
- ไทยขาดดุลจีน 3.44 แสนล้านบาท

3 อันดับสินค้าส่งออกไปจีน ปี 2564
1) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง-แห้ง 6.33 หมื่นล้านบาท
2) เม็ดพลาสติก 3.83 หมื่นล้านบาท
3) ผลิตภัณฑ์ยาง 3.72 หมื่นล้านบาท

3 อันดับสินค้านำเข้าจากจีน ปี 2564
1) เครื่องจักรไฟฟ้า-ส่วนประกอบ 9.88 หมื่นล้านบาท
2) เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน 8.53 หมื่นล้านบาท
3) เครื่องจักรกล-ส่วนประกอบ 7.84 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ ภาคการท่องเที่ยวในช่วงปี 2562 เรียกได้ว่าเป็น "ปีทอง!" ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติแห่แหนลากกระเป๋าบินลัดฟ้ามาเที่ยวไทยมากกว่า 39.8 ล้านคน และในปีนั้นก็อย่างที่ "คุณผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์" คิด... นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมืองไทยมากที่สุด คือ "นักท่องเที่ยวจีน" ที่สูงเกือบ 11 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนกว่า 27.63% สร้างเม็ดเงิน 3.95 แสนล้านบาท

สำหรับ 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ปี 2564 นี้ ที่ประเทศไทยเผชิญมรสุมวิกฤติโควิด-19 พบ "นักท่องเที่ยวจีน" เดินทางเข้าไทยเพียง 2,668 คนเท่านั้น เป็นรองสหราชอาณาจักร (2,833 คน), เยอรมนี (3,066 คน) และสหรัฐอเมริกา (4,478 คน)

ในแง่การลงทุน จีนก็ไม่น้อยหน้า...เป็นหนึ่งใน 3 ประเทศ ที่มีการลงทุนในไทยมากที่สุด ช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2564 โดยอยู่อันดับ 2 รองจากเกาหลีใต้

แต่ที่ดูจะทำให้คนไทยรู้สึกหวาดหวั่นมากที่สุด เห็นจะเป็นการเข้ามารุกในพื้นที่แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ (e-Commerce) ที่หากกดเข้าไปไม่ว่าแอปพลิเคชันไหน...ก็จะพบเห็น "ร้านค้า" ที่มีแหล่งที่ตั้ง "ต่างประเทศ" อยู่เต็มไปหมด และเกือบทั้งหมดนั้นมาจาก "จีน"

หรือแม้ความบันเทิงเบาสมองก็เห็นได้ว่า การกลับมาของ "ซีรีส์จีน" ในประเทศไทยครั้งนี้สร้าง "อิทธิพล" ไม่แพ้ในอดีตเลยทีเดียว

และไม่ต้องพูดถึงปัจจุบัน กับวิกฤติสาธารณสุขครั้งใหญ่ของโลกอย่าง "โควิด-19" ที่ "จีน" เองก็เข้ามามีบทบาทในแง่การช่วยเหลือทาง "วัคซีน" ทั้งการบริจาคและจัดจำหน่ายวัคซีนซิโนแวค รวมถึงวัคซีนซิโนฟาร์ม (จำหน่ายอย่างเดียว)

การคืบคลานของ "จีน" ที่เข้ามาทุกทิศทุกทางในห้วงเวลานี้ ย่อมสร้างความกังวลให้กับหลายๆ คนอยู่ไม่น้อย จนเกิด "คำถาม" ที่ว่า "แล้วไทยควรจะทำอย่างไรไม่ให้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลพญามังกรเช่นจีน?"

ในวาระ "46 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน" นี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจฯ จึงขอเปิดมุมมองที่น่าสนใจจาก นายปริญญ์ พาณิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย มาฝาก "คุณผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์" เพื่อเป็น "คำตอบ" สำหรับคำถามที่ว่านั้น

หนทางหลบหลีกเงาปีก "พญามังกร"

ประธานาธิบดีจีน
ประธานาธิบดีจีน "สี จิ้นผิง"

"เราต้องมองจีน แล้วแปลงจีนให้เป็นโอกาส อย่ามองว่าเขาเป็นคู่แข่งเรา อย่ามองว่าเขาเป็นศัตรูเรา หรือเราต้องกลัวเขา"

นายปริญญ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย (ปชป.) เกริ่นพร้อมถามคำถามให้ชวนคิดตามว่า กรณีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย คุณคิดว่า "คนที่ทำเงินมากที่สุดคือใคร?"

คำตอบที่ผุดออกมาในหัวคุณผู้อ่านอาจจะนึกไปถึงบรรดาธุรกิจโรงแรม หรือธุรกิจการบินต่างๆ หรือแม้แต่บรรดาธุรกิจนำเที่ยว แต่ "คำตอบปริญญ์" กลับเป็นเว็บไซต์ booking.com และเว็บไซต์ Agoda

ซึ่งคำตอบที่เอ่ยถึง booking.com และ Agoda นั่นบ่งบอกนัยที่เกี่ยวเนื่องกับคำถามตั้งต้น ที่ "ปริญญ์" ต้องการชี้ให้เห็นว่า คนที่ทำเงินมากที่สุดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย 2 รายนั้น "ไม่ใช่บริษัทจีน" โดย booking.com เป็นบริษัทสัญชาติเนเธอร์แลนด์ และ Agoda ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่สิงคโปร์ ก็เป็นบริษัทในเครือเดียวกัน คือ Booking Holdings Inc. กลายเป็นบริษัทที่ให้บริการจองที่พักออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ปริญญ์ อธิบายง่ายๆ จากภาพที่เกิดขึ้นว่า แพลตฟอร์มอีโคโนมี (Economy) หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มใหญ่ๆ เข้ามาในประเทศไทยหมดแล้ว (นั่นหมายถึง...ไม่ใช่เฉพาะแค่จีน!)

"สื่อ (Media) ทุกวันนี้ใครคุมครับ อำนาจการตลาด อำนาจสื่ออยู่ในมือใครครับ อเมริกาก็ว่าได้ใช่ไหมครับ ตั้งแต่เฟซบุ๊ก (Facebook), กูเกิล (Google) ไปจนยูทูบ (YouTube) ล้วนเป็นบริษัทอเมริกัน"

หรือแม้แต่ในการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก G7 มุมมองของ "หัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย" ก็ชี้ให้เห็นว่า วาระการประชุมหลักที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ "โจ ไบเดน" ต่อสู้ คือ การป้องกันไม่ให้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ ของสหรัฐอเมริกาโดนผลกระทบ เขาปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ในสหภาพยุโรป (อียู) ที่ก็มีการพูดเพื่อต่อสู้ในการคุ้มครองบริษัทยุโรป

"เราอาจจะกลัวจีน เข้าใจ ผมเข้าใจว่า เรามีความกังวลที่จีนจะเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยมากขึ้น แต่เราต้องบาลานซ์ (สร้างสมดุล) ให้ดี"

"ปริญญ์" ชี้ให้มองมุมกว้างว่า ยักษ์ใหญ่ที่มาจากเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรมเทคโนโลยีทันสมัย ที่ไม่เลือกแม้กระทั่งชาติ สีผิว เพศ หรืออุดมการณ์ (Idology) ทางการเมือง หรือความคิดเห็นทางการเมือง เหล่านี้ถาโถมเข้ามาอย่างไร้พรมแดนแล้ว เพราะฉะนั้นต้องปรับ Mindset (กรอบความคิด) ที่ดีว่า เรากำลังจะต้องบริหารจัดการให้เกิดความเสมอภาคในเชิงการเติบโตทางเศรษฐกิจของยุคดิจิทัล

"ผมไม่เถียงว่า อาลีบาบา (Alibaba) และเจดีดอทคอม (JD.com) เข้ามามีบทบาท บางคนอาจจะบอกว่ามาทุ่มตลาดไหม บางคนอาจจะบอกว่าอาจจะมีสินค้าจากจีนเข้ามาแข่งขันกับเอสเอ็มอี (SME) บ้านเรา แต่จริงๆ มีแพลตฟอร์มหลายชาติที่เข้ามา Airbnb ไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้ถูกกฎหมายในการก่อสร้างโรงแรม แต่ Airbnb ก็เปิดโรงแรมมากกว่า มีห้องให้คนเช่า ให้คนใช้อยู่ มากกว่าหลายๆ บริษัท เพราะฉะนั้นเราต้องลองคิดแล้วเปิดใจให้ดีว่า เราควรบริหารจัดการตรงนี้อย่างไร เพราะไม่ใช่แค่ว่าต้องกลัวจีนหรือบริษัทจีน"

คำตอบที่แท้จริงของประเด็นนี้ในมุมมอง "ปริญญ์" คือว่า เราจะบริหารจัดการเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างไร ทำงานแบบแพลตฟอร์มใหญ่ๆ ซึ่งสำหรับแพลตฟอร์มใหญ่ๆ นั้น บางบริษัทไม่จ่ายภาษี หรือบางบริษัทที่จ่ายก็จ่ายน้อยมาก

ทั้งนี้ "สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย" ประมาณการเม็ดเงินในปี 2563 ว่า เฟซบุ๊ก (Facebook) ครองเม็ดเงินสูงสุดราว 7 พันล้านบาท รองลงมา คือ ยูทูบ (YouTube) กว่า 4 พันล้านบาท

เพราะฉะนั้น "ปริญญ์" จึงมองว่า ภารกิจของภาครัฐที่แท้จริง คือ ต้องเดินไปให้เกิดความเป็นธรรมในการที่จะจัดการการบริหารจัดเก็บภาษี ซึ่งกำลังจะเกิดแล้ว เพราะ e-Business Tax ผ่านไปแล้ว อาจจะเก็บภาษีนิติบุคคลไหม

อ่านเพิ่มเติม: ใครได้-ใครเสีย รีดภาษี "อี-เซอร์วิส" ทำ "แพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติ" ซีด

"กฎหมายของกระทรวงพาณิชย์กรณีการทุ่มตลาดในอนาคต ไม่ใช่แค่เหล็กอย่างเดียวแล้วที่จะมาทุ่มตลาด แต่จะมีสินค้ามหาศาลอีกเยอะแยะมากที่จะมา..."

จากมุมมองข้างต้น...ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า หากไทยไม่อยากตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของจีน หรือแม้แต่ชาติใด เราก็ควรต้องแข็งแรง ต้องแข็งแกร่ง ซึ่งเราอาจจะต้องปฏิรูปการทำงานในหลายๆ ส่วน เพราะที่ผ่านมาอาจยอมรับว่า เราไม่มีการเปลี่ยนผ่านไปสู่ "ดิจิทัล" เท่าที่ควร หลังจากที่เราฟื้นจากโควิด-19 ไม่ใช่แค่เดิน แต่ต้องวิ่งได้ทันที เพราะการแข่งขันของโลกปัจจุบันเป็นอีกระดับหนึ่งแล้ว ตัวเราเองต้องยอมรับ!.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

กราฟิก: Jutaphun Sooksamphun

ข่าวน่าสนใจ:

ข้อมูลอ้างอิง:

  • รายการค้าไทย โดยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
  • อันดับนักท่องเที่ยวและรายได้จากนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ โดยศูนย์วิจัยด้านตลาดการท่องเที่ยว
  • สถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

Adblock test (Why?)


ในยุคที่ "จีน" มีบทบาทในไทย ควรทำอย่างไรไม่ให้ตกอยู่ใต้เงาปีกมังกร? - ไทยรัฐ
Read More

ที่เดิมยังไม่ซ่อม! ฝาท่อระบายน้ำพัง ทำครูดนตรีวัย 64 ปี ตกท่อจมน้ำเน่า - Sanook

ฝาท่อระบายน้ำพังถล่ม ทำครูสอนดนตรีร่วงลงไปจมน้ำเน่าทั้งตัว หลังผ่านมานานครบ 1 สัปดาห์เต็มแล้ว ยังไม่มีการแก้ไขซ่อมแซม ขณะเทศบาลเมืองแปดริ้วเข้าเยี่ยมเยือนเยียวยาเหยื่อ พร้อมมอบค่าปลอบขวัญให้เล็กน้อย ส่วนที่เกิดเหตุ นำกรวยยางและเทปกั้นมาขึงไว้ก่อน

วันที่ 29 มิ.ย.64 เวลา 18.40 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสุปัญญ์ อันทนิล อายุ 32 ปี บุตรชายของนายปิยะ อินทนิล อายุ 64 ปี ชาว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นเจ้าของโรงเรียนสอนดนตรี “สยามฉะเชิงทรา” ตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าสถานีขนส่งใหม่ ชายผู้เคราะห์ร้ายที่เดินตกลงไปยังภายในท่อระบายน้ำริมถนนสิริโสธร (314) ฉะเชิงเทรา-บางปะกง ด้านหน้าสถานีขนส่งใหม่ เมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 23 มิ.ย.64 ที่ผ่านมาว่า

เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.64) มีตัวแทนจากทางสำนักงานเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ได้เดินทางมาเข้าเยี่ยมผู้เป็นบิดาแล้ว พร้อมกับได้นำเงินเป็นค่าปลอบขวัญมามอบให้จำนวนหนึ่งยังที่บ้านพัก โดยใช้เวลาไม่นานเนื่องจากเป็นช่วงการระบาดของโรคโควิด 19 ส่วนอาการของผู้เป็นบิดาขณะนี้เริ่มเดินได้แล้ว หลังจากมีอาการเคล็ดขัดยอกปวดไปทั่วทั้งตัว และมีบาดแผลทั้งที่แขนและขาทั้ง 2 ข้างรวม 4 แผล โดยขณะนี้ยังคงมีอาการเจ็บปวดอยู่บ้าง และยังไม่สามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ

ส่วนที่บริเวณจุดเกิดเหตุในขณะนี้ทางเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ได้นำแผ่นเหล็กหนาขนาดใหญ่กว่าปากท่อเล็กน้อย มาวางปิดทับปากท่อเอาไว้ยังที่ด้านบนฝาท่อระบายน้ำที่ยังเหลืออยู่อีก 1 ข้าง และได้นำกรวยยางและเทปกั้นแนวยูโรสีแดงขาว มาขึงบ่งชี้ให้ผู้คนได้เห็นถึงเขตอันตรายแล้ว เพื่อป้องกันคนเดินถนน เดินมาตกซ้ำลงไปในท่อระบายน้ำอีก โดยได้มีการนำกรวยยางมาตั้งวางและขึงเชือกยูโรเทปเมื่อวานนี้เช่นเดียวกัน หลังจากที่ผ่านมาได้มีการนำเหล็กมาวางปิดทับไว้เพียงอย่างเดียว นายสุปัญญ์ กล่าว

Adblock test (Why?)


ที่เดิมยังไม่ซ่อม! ฝาท่อระบายน้ำพัง ทำครูดนตรีวัย 64 ปี ตกท่อจมน้ำเน่า - Sanook
Read More

หิ้วโจรฆ่าปาดคอชิงทองแม่ค้าทำแผน อ้างนำเงินไปเล่นพนัน พบประวัติโชกโชน - ไทยรัฐ

29 มิ.ย. 2564 19:22 น.

ผบช.ภ.5 สอบเค้นคนร้ายฆ่าปาดคอแม่ค้าก๋วยเตี๋ยว ชิงทอง 3 สลึง พบประวัติโชกโชนก่อคดีพยายามฆ่า ชิงทรัพย์หลายครั้ง จำคุกแล้วยังไม่เข็ดหลาบ ก่อนมอบ สภ.แม่อาย นำตัวทำแผน 3 จุด ส่วนจุดก่อเหตุที่บ้านขอยกเลิก หวั่นผู้ต้องหาจะถูกรุมประชาทัณฑ์

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 29 มิ.ย.64 ที่ตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 พร้อม พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้แถลงการจับกุมตัวนายชิงชิง แซ่จาง อายุ 35 ปี เช่าอยู่บ้านเลขที่ 517 หมู่ 6 ต.สันต้นหมื้อ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ที่ก่อคดีฆ่าปาดคอชิงทองนางวันเพ็ญ กวางต๊ะ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 8 ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวพร้อมแทง 11 แผลจนเสียชีวิตโดยได้สร้อยทองคำหนัก 3 สลึงมูลค่า 20,000 บาท เมื่อตอนเย็นวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยทางตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงใหม่ ติดตามจับกุมได้ที่ร้านล้างรถที่นายชิงชิงทำงานอยู่ในตัวอำเภอฝาง

ข่าวแนะนำ

ทั้งนี้ นายชิงชิง รับสารภาพว่า ต้องการเงินไปใช้จ่ายในครอบครัวค่าเทอมลูก และติดหนี้นอกระบบ และหนี้การพนัน จึงต้องหาเงินก่อนไปพบนายวันเพ็ญ ยืนขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ในร้านและเห็นใส่สร้อยทองอยู่ และได้สังเกตเห็นมีดทำครัววางอยู่ เมื่อเห็นว่าปลอดคนแล้วจึงคว้ามีดไปจ่อที่คอให้เอาสร้อยทองออกมา แต่นางวันเพ็ญขัดขืน และต่อสู้จึงใช้มีดปาดคอและแทงไม่ยั้งก่อนกระชากทองหลบหนีไป และนำไปขายที่ห้างทองที่ จ.เชียงราย ได้เงินจำนวน 18,000 บาท นำไปเล่นการพนันและใช้จ่ายจนหมด ก่อนถูกจับกุม

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เผยว่า นายชิงชิง เคยก่อคดีชิงทรัพย์และพยายามฆ่ามาหลายครั้งแล้ว ถูกจำคุกและออกมาก่อเหตุ ซึ่งจะนำไปตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมให้ทางตำรวจคุมเข้มในหลายพื้นที่จากที่เกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ผู้คนตกงานเดือดร้อนกัน และจะก่อเหตุขึ้นในช่วงนี้

ต่อมาเวลา 14.30 น. พ.ต.ท.เอกธนัช นิ่มเพ็ง สว.สส.สภ.แม่อาย พ.ต.ท.นพดล ตันมาดี สวป.สภ.แม่อาย พร้อมตร.ชุดสืบสวน และสายตรวจ นำผู้ต้องหาเดนคุกใจเหี้ยมนายชิงยิง แซ่จาง อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 26 ม.6 ต.แม่สะลองนอก จ.เชียงราย ที่ก่อเหตุปาดคอชิงทองแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวหลังกลับจากแถลงข่าวที่เชียงใหม่ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดที่ 1 คาร์แคร์ในตลาดทรัพย์สว่าง ม.4 ต.เวียง อ.ฝาง ที่ผู้ต้องหาเคยทำงานอยู่ จุดที่ 2 สะพานบ้านสันต้นหมื้อ ต.สันต้นหมื้อ อ.แม่อาย นำมีดไปทิ้ง จุดที่ 3 หน้าสถานปฏิบัติธรรมบ้านท่ามะแกง อ.แม่อาย เป็นจุดที่นำเสื้อผ้าไปเผาทิ้ง สังเกตว่า จนท.นำผู้ต้องหาไปทำแผนเพียง 3 จุด เนื่องจากจุดร้านก๋วยเตี๋ยวที่เกิดเหตุยังมีญาติผู้ตายและชาวบ้านร่วมงานศพอยู่ เกรงจะถูกรุมประชาทัณฑ์ ผู้ต้องหาจะไม่ปลอดภัย.

อ่านเพิ่มเติม...

Adblock test (Why?)


หิ้วโจรฆ่าปาดคอชิงทองแม่ค้าทำแผน อ้างนำเงินไปเล่นพนัน พบประวัติโชกโชน - ไทยรัฐ
Read More

คุมทำแผนฯ ลูกฆ่าพ่อฝังดิน อ้างแค้นสะสม - ช่อง 7

ประเด็นเด็ด 7 สี - ตำรวจคุมตัวชายอายุ 41 ปีทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังก่อเหตุฆ่าพ่อแท้ ๆ ฝังดินอำพราง ก่อนขโมยบัตรคนจนไปจำนำร้านค้า นำเงินใช้ในการหลบหนี อ้างเกิดจากความแค้นสะสม

ตำรวจคุมตัวชายอายุ 41 ปีไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านหลังหนึ่งในตำบลแดงใหญ่ อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ เขาชี้จุดขณะใช้มีดพร้ากระหน่ำฟันชายอายุ 72 ปี ซึ่งเป็นพ่อของตัวเอง ที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงภายในห้องนอน เมื่อช่วงกลางดึกคืนวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา กระทั่งผู้เป็นพ่อนอนแน่นิ่ง จึงคิดว่าเสียชีวิตแล้ว

จากนั้นเขานำมีดไปล้างในห้องน้ำ แต่สักพักก็ได้ยินเสียงพ่อร้องครวญคราง จึงคว้ามีดเล่มเดิมไปฟันซ้ำอีกหลายครั้งจนเสียชีวิต ก่อนจะนำมีดไปล้างเพื่อทำลายหลักฐาน แล้วใช้ผ้าปูที่นอนเช็ดรอยเลือดตามพื้น ใช้มุ้งพันแผลที่ศีรษะไม่ให้เลือดหยด ก่อนจะลากศพไปฝังด้านหลังบ้าน โดยใช้ทางมะพร้าวปิดทับบนหลุมศพเพื่ออำพรางไม่ให้ใครสังเกตเห็น

กระทั่งช่วงเช้ามืด เขาเก็บเสื้อผ้าหลบหนีไป โดยขโมยบัตรคนจนของพ่อไปด้วย แล้วนำไปจำนำพร้อมบัตรของตัวเองที่ร้านค้าแห่งหนึ่งในอำเภอพุทไธสง ได้เงินมา 4,000 บาท เพื่อใช้เป็นค่าหลบหนีไปกรุงเทพมหานคร

จากการสอบถาม ผู้ต้องหาบอกว่าสาเหตุที่ทำไป เพราะความแค้นสะสมที่ถูกพ่อต่อว่า และขัดขวางไม่ให้ทำในสิ่งที่อยากทำหลายครั้ง ทั้งการที่เขาอยากเป็น สส. แต่พ่อไม่สนับสนุน เหมือนไม่อยากเขาให้ได้ดีกว่า จึงคิดว่าหากฆ่าพ่อแล้วคงไม่มีใครขัดขวาง แต่ก็รู้สึกผิดและอยากขอโทษพ่อด้วย

ด้านผู้กำกับการ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหา อ้างว่าเกิดจากความเก็บกดและแค้นสะสมที่พ่อไม่ให้กระทำบางอย่าง จึงเข้าใจว่าพ่อไม่สนับสนุน โดยที่ผ่านมาก็เคยใช้ไม้ทำร้ายพ่อจนต้องเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว และยอมรับว่านำบัตรคนจนของพ่อไปจำนำจริง เพื่อหาค่าใช้จ่ายใช้ในการหลบหนี แต่ไม่ได้เป็นชนวนเหตุที่ทำให้ลงมือ

ส่วนกรณีที่ญาติให้ข้อมูลว่าผู้ต้องหามีอาการป่วยทางจิต ต้องให้แพทย์ตรวจยืนยันให้ชัดเจนอีกครั้ง แต่จากการสอบสวนผู้ต้องหาก็พูดคุยรู้เรื่องและมีสติครบถ้วน รวมทั้งพฤติกรรมที่มีการอำพรางศพก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าบุพการี, ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย และเตรียมนำตัวขออำนาจศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้ (30 มิ.ย.)

Adblock test (Why?)


คุมทำแผนฯ ลูกฆ่าพ่อฝังดิน อ้างแค้นสะสม - ช่อง 7
Read More

อย่าหาทำ! เตือนประชาชนจงใจติดโควิดหวังเงินประกัน ผิดกฎหมายแถมชวดเงิน อ่านต่อ - Sanook

จากกรณีข่าวลือในกระแสโซเชียล ที่ได้เผยแพร่ว่า ตอนนี้บางชุมชนที่โควิดระบาดหนัก เพราะมีคนตั้งใจเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงเพื่อติดโควิด-19 ทั้งนำหน้ากากคนติดโควิดมาใส่ ดื่มน้ำแก้วเดียวกับคนที่เป็นโควิดเพื่อหวังเอาเงินประกัน ขณะที่อีกมุมมองว่าเป็น

รายการโหนกระแสวันที่ 29 มิ.ย. 64 “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์  อดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการสายกฎหมายและคดีสำนักงานศบก. , ฐวิกาญจน์ เดชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทวิริยะ ประกันภัยจำกัด (มหาชน) รวมทั้ง ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร

ในกรณีการที่บางคนไปสมัครหรือซื้อประกันโควิด เจอ จ่าย จบ แล้วเอาตัวเองไปเป็นโควิด มันมีมั้ย?
อดิศร : ต้องเรียนก่อนว่าเป็นกระแสและข่าวที่เกิดขึ้น สิ่งที่สำนักงานยังไม่ได้รับการร้องเรียน แต่ถามว่าการที่เราออกมาให้ข่าวบ้าง เจตนารมณ์หลักๆ ไม่ได้จะเกิดผลกระทบหลักกับธุรกิจประกันภัยนะ เรามองภาพรวมภาพใหญ่ ทั้งอันตรายที่จะเกิดกับครอบครัวเขา ตัวเขา สาธารณสุข รวมถึงทำให้คนสุจริตพยายามบริหารความเสี่ยงตัวเองได้รับผลกระทบด้วย เพราะวิธีคิดต้องเรียนว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่มีการออกแบบประกันโควิด ท่านเลขาฯ ได้ให้แนวคิดว่าเราควรมีประกันถูกๆ ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ทำง่ายๆ จ่ายกันง่ายๆ เพื่อดูแลประชาชน เอกชนก็เห็นด้วย ซึ่งขับเคลื่อนกันได้ตามปกติ ก็ต้องเรียนว่าก่อนหน้านี้ระลอกแรกเคยมีข่าวตร.ท่องเที่ยวจับ ทลายแหล่งออกใบรับรองติดโควิดปลอม ปริ้นซ์ออกมาแล้ว มีรายชื่อ แต่ถูกจับได้ก่อน ยังไม่มีการส่งบริษัทประกัน กระแสเมื่อวานที่โพสต์กันเรื่องการพยายามติดโควิด อยากเรียนว่ามีบางอย่างที่น่ากลัวอยู่และอาจทำให้เยาวชน วัยรุ่น ผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจสับสน เพราะมีติ๊กต๊อกบ้าง อะไรบ้างที่ออกมาโพสต์ว่าเข้ารพ. ออกมาแล้วและได้เงินใช้เรียบร้อยดีเท่านั้น เท่านี้บาท ผมมองว่าการสื่อสารแบบนี้ไม่ใช่วิธีคิดที่ถูกต้อง  เพราะเราทำเพื่อป้องกันความเสี่ยง แล้วมันไม่ใช่เรื่องสนุกที่ใครสักคนจะมาเจ็บป่วย แล้วมันทำลายระบบที่ดี

กำลังจะบอกว่ามีเจ้ากรมข่าวลือเกิดขึ้น?
อดิศร : ในคดีอาญาทั้งหลาย ไม่ว่าใครก็ตามก็คงต้องรวบรวมหลักฐานก่อน ก่อนกล่าวหากัน ณ ตอนนี้ต้องบอกว่ามันเป็นข่าวในเรื่องการใส่หน้ากากทั้งหลายยังเป็นข่าวอยู่ แต่ถามว่ามีแนวคิดมั้ย มีการสื่อสารที่ผิดมั้ย ทำไมรัฐต้องออกมาเตือน ผมเรียนว่าไม่ใช่เรื่องเงินที่เป็นทุนประกันอย่างเดียว เงินที่คนๆ นึงจะได้อาจ 2-3-5 หมื่น แม็กซิมัมอาจจะแสนนึง เขาอาจเคยเห็นตัวผู้คนที่ติดโรคในระลอกแรก ซึ่งเชื้อโรคไม่ร้ายแรง ออกมาแล้วโอเค แต่วันนี้เชื้อโรคมีความร้ายแรงขึ้น เราก็กังวลเพราะสภาพเศรษฐกิจ หลายคนก็เดือดร้อน ถ้าเลือกทางผิด ไม่ใช่เรื่องได้เข้ารพ.แล้วจะได้ออกมา ความร้ายแรงหนักหนากว่านั้น 

ถามคุณฐวิกาญจน์ยังมีประกันตัวนี้อยู่?
ฐวิกาญจน์ : ตัวเจอจ่ายจบ ปัจจุบันยังมีอยู่ค่ะ จริงๆ ของเรา เราเจอปุ๊บเราจ่ายปั๊บทันที แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นต้องพ้นระยะ 14 วัน เราจะมีชดเชยรายได้ให้อีก 1 ส่วน และมีตัวประกันอุบัติเหตุ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุให้อีก 1 ก้อน จริงๆ ของเราอาจไม่ได้จบ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเมื่อไหร่ที่ลูกค้าเป็นโควิด เราจ่ายไปเรียบร้อย กรมประธรรม์ยังเดินต่อไป เพราะเรายังมีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุให้อีก 1 ก้อน 

เขาจ่ายคุณเท่าไหร่?
ฐวิกาญจน์ : 299 เจอจ่ายโควิด 3 หมื่น และมีชดเชยรายได้ให้อีกวันละ 300 สูงสุด 14 วัน และมีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุให้อีก 1 แสนบาท แถมให้อีก  

ถ้ามากกว่า 299?
ฐวิกาญจน์ : 399 เจอจ่ายได้ 5 หมื่น และ 599 เจอจ่าย 1 แสนบาท 

เคยเจอมั้ยคนที่เขาทำกับคุณแล้วต้องจ่าย?
ฐวิกาญจน์ : เป็นโควิดแล้วมาเบิกเงินเยอะค่ะ หลักหลายพันคนที่มา ได้แสนนึงเป็นหลักพันกรมธรรม์ที่มาเบิกกับเรา 

เฉพาะวิริยะ คนไปทำประกันโควิด กี่กรมธรรม์แล้ว?
ฐวิกาญจน์ : หลักล้านกว่ากรมธรรน์ 

ล่าสุดมีประเด็นแบบนี้เกิดขึ้น คุณโดนมั้ย?
ฐวิกาญจน์ : เรายังไม่ได้เจอเคสแบบนี้ รอพิสูจน์อยู่ แต่ ณ ปัจจุบันยังไม่มีเคสดังกล่าว

พิสูจน์กันได้?
ฐวิกาญจน์ : เราก็คงต้องพยายามหาทางพิสูจน์ให้มันได้

ได้แสนนึงไม่ต้องรอรักษา เป็นช่องว่างมั้ย?
ฐวิกาญจน์ : จริงๆ ด้วยกรมธรรม์มีระยะเวลาในการรอคอย 14 วันแรก ถ้าลูกค้าซื้อวันนี้ ไม่ได้คุ้มครองทันทีตัวเจอจ่าย ต้องพ้นระยะรอคอยไปก่อน 14 วัน นั่นหมายถึงวันที่ 15 เป็นต้นไปเราถึงจะจ่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าลูกค้าเข้าข่ายอย่างมีกระแสสังคมอยู่ปัจจุบัน เราก็มีอีกซอสนึงที่ตรวจสอบได้คือส่งเคลมดาต้าไป คปภ. ถ้าเห็นวาลูกค้าคนนี้เคลมหลายบริษัทประกัน ทางคปภ.จะมีการแจ้งกลับมาหาเราเหมือนกัน เราอาจไปตรวจสอบได้ ณ ตอนนั้น

หนึ่งคนอาจทำกรมธรรม์หลายๆ ที่ ถ้าจะเจ้าเล่ห์หน่อยก็ทำหลายบริษัท ถึงเวลาก็ได้เงินหลายแสน เอาชีวิตตัวเองไปเสียง คิดว่ามันมีมั้ย?
ฐวิกาญจน์ : ตอนเห็นข่าวแรกๆ ตั้งแต่ปีที่แล้ว เราเองไม่ได้เชื่อมาก แต่มารอบนี้ รู้สึกว่าค่อนข้างน่ากลัว เข้าไปดูในติ๊กต๊อก มีทั้งขายยาดมให้ติดโควิด เราก็ชักจะกลัวแล้ว เอาตรง ๆ ในมุมวิริยะเราก็ค่อนข้างกลัว เพราะเราไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้คนอยากติด ตอนนี้สาธารณสุขเองก็ค่อนข้างน่าจะกังวล รพ.อาจมีรับรอง แต่หมอเริ่มไม่มีแล้ว  เรากังวลในส่วนนั้นมากกว่า

ทนาย : เพื่อนผมซื้อเต็มเลย ซื้อที 7 ที่ ปีที่แล้วราคาถูกกว่าปีนี้ เขาก็ซื้อไว้ 7-10 ที่หวังว่าได้สักล้านนึงเจอตรวจโควิด

ฐวิกาญจน์ :  อันนั้นเป็นการโปรเทค จริงๆ กลุ่มคนแบบนี้เยอะ  เขามีการซื้อโปรเทค แต่ด้วยกระแสสังคมตอนนี้มันอาจจะกลับด้าน

ทำไมบริษัทประกันต้องทำโครงการนี้ขึ้นมา?
ฐวิกาญจน์ : ช่วงแรกที่มีการระบาด สาธารณสุขก็เป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดเรื่องค่ารักษาพยาบาล เพราะท้ายที่สุดถ้าลูกค้าไม่มีประกัน ยังไงรัฐบาลก็เป็นคนจ่ายง่ายๆ เราก็มองว่าอยากออกผลิตภัณฑ์เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงง่ายๆ  ขายเยอะมั้ยไม่ได้มอง เรามองเรื่องการเยียวยา ตอนนั้นไม่ได้มองว่าต้องเป็นล้านกรมธรรม์ เรามองเรื่องการเยียวยาคนที่เป็น เพราะเมื่อไหร่ที่เขาเป็น เขารักษาตัวยาวมาก 14 วัน ระหว่างนั้นไม่ได้ทำงาน เหมือนเอาเงิน 500 กว่าบาทไปแลกเงินแสน แต่อย่างที่บอกเรามองการเยียวยาคนป่วย เยียวยาลูกค้าที่ซื้อประกันของเรา

สมมติคนติดวันนึง 2 พัน 1 พันที่ทำประกัน แล้วได้แสนนึง คูณไปอีก 1 แสน เท่ากับคุณต้องจ่ายวันนึงร้อยล้าน อันนี้เป็นสาเหตุหรือเปล่าเขาลือกันเยอะว่ามันเป็นแผนของทางประกันเพื่อล้มโครงการนี้ เร็วๆ นี้จะล้มโครงการนี้ทิ้งแล้ว?
ฐวิกาญจน์ : จริงๆ ถามว่าล้มมั้ย วิริยะไม่ได้คิดว่าจะล้มโครงการนี้ซะเลยทีเดียว  จริงๆ เราจะมีการปรับเปลี่ยนแผน เราจะมีแผนใหม่ออกมาวันที่ 16 ก.ค. เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่า

เจอไม่จ่าย ไม่จบ หรืออะไร?
ฐวิกาญจน์ : (หัวเราะ) อาจมีเจอจ่ายบ้าง แต่แค่เล็กน้อย ไม่ได้เยอะขนาดนี้ เพราะเรามองว่าโปรดักตัวนี้ก็ยังเหมาะสมกับตัวลูกค้าที่เป็นโควิดอยู่ จริงๆเราไม่ได้มองเรื่องตัวเคลมที่เกิดขึ้น ตอนเราทำผลิตภัณฑ์ออกมา เรามองหลักของวิริยะเหมือนกันว่าเสี่ยงมาก เสี่ยงน้อย เสี่ยงกลาง เงินเราจะพอเพียงในการจ่ายเคลมหรือเปล่า แต่ที่เราปรับเปลี่ยนแผน เพราะเรามองกระแสสังคมเป็นที่ตั้ง จากข่าวที่ได้รับมา

มีผลกระทบมั้ยกับข่าวที่ออกมา?
ฐวิกาญจน์ : ณ ปัจจุบัน ยังตรวจสอบไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามีจริงหรือเปล่า แต่ดูในติ๊กต๊อกเริ่มมีหลายๆ คนพูด เริ่มมีคนติดและไปชวนเพื่อให้มาติด เรามีความกังวล

พูดกันขนาดนั้นเลยเหรอ?
อดิศร : สิ่งที่เห็นหลายอันคือการสื่อสารทำนองว่าเขาไปนอนสักพัก ไม่กี่วันสบายๆ ได้เงินฟรีๆ กลับบ้าน กลายเป็นว่าสิ่งที่เราต้องการ จะใช้ระบบประกันภัยมาเป็นรากฐานของสังคมให้คนได้ใช้ประโยชน์ ถ้าใช้ในทางที่ผิด สื่อสารในทางที่ผิด นอกจากกระทบกับคนสุจริต อาจเข้าถึงประกันได้ยากขึ้น เมื่อเช้าท่านเลขาฯ มีการเชิญประกัน สมาคมประชุมออนไลน์

เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน?
อดิศร : ต้องบอกว่า เราปกป้องประกัน ดูแลสมดุลให้ธุรกิจมีความสมดุล พร้อมจ่ายเคลมตลอดเวลา ท่านกำชับว่าการจ่ายเคลมต้องรวดเร็วอยู่ เว้นแต่กรณีมีประเด็นน่าสงสัยไม่สุจริตจริงๆ ฉะนั้นเป็นการตอบรับของเอกชนด้วย สาธารณชนที่มีความสุจริตสบายใจได้ อ่างเพื่อนพี่ทนายซื้อหลายฉบับ บางคนซื้อหลายฉบับ แต่โดยสภาพดูแล้วไม่แปลก ค่อยๆ ซื้อ สมดุลกับวิถีชีวิตของเขา ขณะที่บางคนเพิ่งมีข่าวสองสามวันเริ่มซื้อหลายฉบับ มันก็เกิดข้อสังเกต แล้วการใช้ชีวิตปกติเป็นยังไง รายได้ปกติเป็นยังไง  ถ้ามีข้อสังเกตแบบนั้นเราถึงมาสอบสวนว่ามีความผิดปกติมั้ย แต่เรายืนยันว่าในเคสคนสุจริตทั้งหลายไม่ได้รับผลกระทบแน่นอน ยืนยันครับ

เรื่องนี้พี่เคลื่อนไหวมาก มีคนทำจริงแล้วเหรอ?
ทนาย : มีบางคนซื้อไม่เยอะ อยู่ในพื้นที่เสี่ยงแล้วไม่สนใจทั้งสิ้น เพราะเขาเคลมได้จากบริษัทประกันหลายๆ เจ้าที่เขาเคลมไว้ได้ ได้เงินไปตั้งเยอะ เขามองว่าเขาคุ้ม แต่ในแง่มุมทางกฎหมาย มีบางกรณีที่ผู้รับประกัน ทางบริษัทประกันไม่ต้องรับผิดชอบเลย คือลูกค้ารู้ว่าพื้นที่ตรงนี้มีความเสี่ยง ยังวิ่งไปให้ตัวเองติดโควิด ถ้ากรณีแบบนี้ บริษัทประกันปฏิเสธการจ่ายเงินได้ ต่อให้ทำมา 5-10 บริษัท  ถ้าตรวจพบว่าคุณตั้งใจให้ติดโควิด อย่างแรกเลยคุณไม่ได้เงิน สองคุณจะถูกดำเนินคดีอาญาย้อนหลังไปอีก ซึ่งเป็นคดีที่มีความผิดเรื่องฉ้อโกงฉ้อฉล มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 3 แสน ในอดีตมีคนโดนดำเนินคดีแบบนี้ แต่ในเรื่องเชื้อโรคยังไม่มีชัดเท่านั้นเอง

กรณีประกันโควิด แล้วพอไปทำหลายอัน มีคนทำแล้วจริงๆ เหรอ?
ทนาย : คนมีกำลังจ่ายเขาไม่เอาตัวเองไปเสี่ยง แต่คนเอาตัวเองไปเสี่ยงอาจอยู่อีกกลุ่มนึง ซึ่งไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว ผมว่าเงินแสนนึงสำหรับเขามันก็เยอะ เพราะจ่าย 500 แล้ววิ่งไปติดโควิดเลย หรืออยู่พื้นที่เสี่ยงอยู่แล้ว

บริษัทประกันจะเปลี่ยนนโยบาย เจอจ่ายจบไม่เอาแล้ว?
ฐวิกาญจน์ : คือจะยังมีจ่าย แต่มีจ่ายน้อยลง แล้วไปเน้นเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้มากขึ้น เรามองว่าเราอาจไปช่วยภาครัฐ เพราะรัฐบาลประกาศอยู่แล้วว่าถ้าใครมีประกันสุขภาพก็ให้ใช้ประกันสุขภาพก่อน เราก็มองว่าเราไปตอบโจทย์รัฐบาลด้วยในการเพิ่มค่ารักษาพยาบาลให้เยอะขึ้น เพราะแผนเราปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลเรายังไม่เยอะมาก ไปเพิ่มความคุ้มครองรักษาพยาบาลให้ได้สัก 8 หมื่นหรือ 1 แสน เพื่อให้โคฟเวอร์กับที่ลูกค้าได้เข้ารพ.

มีอาชีพที่ไม่รับทำมั้ย?
ฐวิกาญจน์ : มีบุคลากรทางการแพทย์ ต้องบอกว่าเราไม่ได้ไม่รับ เรามีแผนสำหรับเขาโดยเฉพาะเป็นเบี้ยพิเศษสำหรับคนกลุ่มนี้  เขาทำได้แต่เบี้ยเป็นอีกเบี้ยหนึ่ง อาจปรับขึ้นนิดหน่อย ตอนเราขายไปก็หลักพัน เพราะด้วยความที่บุคลากรทางการแพทย์มีความเสี่ยงกว่าคนปกติ

มีน้องคนนึงบอกว่าเขาเป็นบุคลากรทางการแพทย์ เขาไปทำแต่ไม่ได้?
ฐวิกาญจน์ : มันบางที่ บางที่ก็รับ บางที่ก็ไม่รับค่ะ

ทนาย : เดี๋ยวจบรายการจะแห่มาสมัครมาก ต้องบอกอย่างนึงว่าบริษัทประกันเขาต้องประเมินความเสี่ยง ถ้าคนจำนวนมากมาซื้อ เขาอาจจะปิดหรือปรับขึ้นไปก็ได้ ส่วนหนึ่งเราตรวจโควิดได้วันละเท่าไหร่แค่นั้นเองที่จะเอามาใช้เบิก

ตอนนี้ประเด็นไปไกลมาก คนไทยเองลำบาก บางคนอยากเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อให้ได้เงินมา เราแก้ไขยังไงดี?
อดิศร : เป็นเรื่องดีที่หลายภาคส่วนเข้ามาสนใจและประชาสัมพันธ์ เราเชื่อว่าถ้าทุกคนเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร จะไม่มีคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปดำเนินการตามนั้น ถ้าสมมติเจตนาเข้าไปติดโควิด กฎหมายเก่าประมวลแพ่งบอกว่ากระทำการทุจริตเพื่อให้ได้เงินประกัน ประกันไม่คุ้มครอง ผู้รับประกันไม่ต้องจ่าย ประเด็นถัดมาเข้าข่ายฉ้อฉลประกันภัย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ผมเรียนว่านี่คือความเลวร้ายของมันคุณเอาชีวิตไปเสี่ยง และโอกาสที่จะไม่ได้เงินก็มี โอกาสโดนคดีอาญาก็มี และอยากเรียนว่ากฎหมายฉ้อฉลประกันภัย ไม่ได้มีขึ้นเพื่อจับผิด วิธีคิดที่เราสร้างขึ้นมาตามหลักสากลคือเบี้ยประกันทุกบาทที่โอนเข้าบริษัท มันควรถูกใช้สำหรับคนสุจริต ไม่ควรมีคนแปลกๆ เข้ามาเพื่อเอาเงินนั้นออกไป เป็นต้นทุนให้เราทุกคน จ่ายเบี้ยประกันที่แพงกว่าจริง ต้นทุนสุขภาพที่คนเข้าไม่ถึงเพราะมีคนทำวิธีการต่างๆ เป็นการฉ้อโกง  รัฐต้องเข้ามาดูแลด้วยเหตุผลตรงนี้ เพื่อให้ทุกคนจ่ายเบี้ยที่เหมาะสม ให้ทุกคนเข้าถึงประกันภัย

มีคนร้องมาว่าเขาเองเป็นโควิด ทำเรื่องไปขออนุมัติการเบิกจ่ายกับทางวิริยะ วิริยะให้สำรองจ่ายไปก่อน เขาก็สำรองจ่ายไป ปรากฏว่าคนอนุมัติลาออกไปแล้ว?
ฐวิกาญจน์ : อันนี้เดี๋ยวขอตรวจสอบเพิ่มนะคะ โจทย์แรกที่บอกว่าสำรองจ่าย ด้วยแผนเราเป็นแผนเจอจ่าย ลูกค้าต้องจ่ายไปก่อน ต้องจ่ายเองอยู่แล้ว เมื่อไหร่ลูกค้าส่งผลแล็บมา เราก็จ่ายทันที แต่อันนี้ขอไปหาข้อมูลก่อน เพราะพนักงานเราลาออกจริง แต่ไม่เกี่ยวกับการจ่ายสินไหม ใดๆ ทั้งสิ้น กระบวนการจ่ายสินไหมต้องเดินไปปกติ เคสนี้ขอตรวจก่อน

เขาบอกติดอยู่และรักษา แต่ยังไม่ได้ตังค์?
ฐวิกาญจน์ : ถ้ามีผลแล็บให้เรา เราก็ทำจ่ายได้เลย ระยะการจ่ายเราตามคปก.ก็ 15 วัน เราจะทำเงินจ่ายให้ อันนี้ไม่เกี่ยวกับการรักษาเลย

จะเลิกทำเมื่อไหร่?
ฐวิกาญจน์ : 30 มิ.ย. เราจะมีแผนปรับเปลี่ยนใหม่ออกมา

อดิศร : ไม่ใช่ทุกบริษัทนะครับ แล้วแต่ที่

เพราะบริษัทโดนเยอะหรือเปล่า?
ฐวิกาญจน์ : ไม่เกี่ยวกับสินไหม เจตนาของเรา เรามองผลประโยชน์ภาพรวมเป็นหลักมากกว่า เดี๋ยว 16 ก.ค. เราจะมีแผนใหม่ออกมา

แล้วล้านกรมธรรม์ที่เขาทำมา?
ฐวิกาญจน์ : ไม่เกี่ยวค่ะ ที่ทำมาแล้วไม่ต้องกังวลเรื่องสินไหมเลย ยังไงเราก็รับผิดชอบ ครอบคลุมปีต่อปีค่ะ ซึ่งอยู่ที่สถานการณ์ ณ ตอนนั้นมากกว่าค่ะ จริงๆ ก่อนหน้านี้ปีที่แล้ว ตัวเจอจ่ายเราก็ปิดไปช่วงนึงด้วยกระแสสังคมเหมือนกัน แต่พอผ่านมา 2-3 เดือน เราก็เปิดมาขายใหม่ เราปิดเพราะกระแสสังคมมากกว่า 

เป็นแล้วเป็นอีก จ่าย 2 ครั้งมั้ย?
ฐวิกาญจน์ : กรมธรรม์เราได้ครั้งเดียวต่อปี แต่แผนวิริยะเรา ถ้าเจอจ่าย เรายังได้รับกรณีเสียชวิตอีกก้อนนึงอยู่แล้ว

มีทางแก้ยังไงถ้าคนทำแบบนั้นจริงๆ?
ทนาย : ก็มีคนทำจริง แต่พอวันนี้เขาไม่โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแล้ว เขาจะไปลอบทำ เคลมเงียบๆ เพราะมีคนไปผลิตสื่อคอนเทนต์ให้คนหลงเชื่อแล้วทำตาม ต้องบอกอย่างนึงไม่รู้ว่าป่วยแล้วจะเสียชีวิตหรือเปล่า เป็นการล้อเล่นกับตัวเองและคนรอบข้างด้วย ถ้าบริษัทประกันตรวจเจอ เงินที่เขาจ่ายไปก็เอาคืนได้นะ แล้วมีคดีอาญาตามหลัง ไม่โดนปีนี้ ปีหน้า ปีถัดไปก็โดนได้ เพราะทุกบริษัทเขามีสุ่มตรวจอยู่แล้ว ถ้าโดนก็ต้องตอบให้ได้นะ

เป็นไปได้มั้ยเมื่อก่อนคนไม่ได้ติดเยอะขนาดนี้ ประกันภัยต่างๆ นานาก็โหมทำเพราะคนติดน้อย แต่พอคนติดเยอะๆ ก็เลยไม่ไหว ยกเลิก เพราะต้องมานั่งจ่ายค่าสินไหมวันนึง 100 ล้าน?
อดิศร : ตอนเราทำกรมธรรม์นี้ ท่านเลขาฯ โยนไอเดียลงไป  เราต้องการช่วยสังคม เราไม่คิดเลยว่ายอดขายจะสูงขนาดนี้ แต่ก็ดีใจว่าประชาชนรู้ตระหนักบริหารความเสี่ยงของตัวเอง นั่นเป็นจุดที่ดี เรื่องนี้ประกันภัยตระหนักมาตลอด ต้องการให้ทุกคนเข้าถึงประกันภัย ไม่ใช่เรื่องที่เราบอกว่าเราจะหยุดขายประกัน แต่เป็นปกติที่บริษัทต้องบริหารความเสี่ยง ต้องดูว่าตัวเองรับมาขนาดไหน เงินกองทุนเป็นเท่าไหร่ รับแล้วต้องมีเงินจ่ายทันที เขาต้องมานั่งประมวลตัวเลขบ้าง และปรับปรุงแบบบ้าง ถ้าอันตรายหรือไม่ถูกกับสภาพการณ์ อาจมีการปรับบ้าง แต่ยืนยันว่าตอนนี้สถานการณ์การเงินของบริษัทประกันยังมั่นคง และวิธีคิดที่บอกว่าประกันตั้งใจล้มเลิกโครงการนี้ไม่ใช่ เขายังอยากทำ แต่เราต้องมีการสะท้อนบางอย่างว่าของที่ดีต้องไม่กลับไปทำร้ายสังคม ไปทำร้ายระบบสาธารณสุข

ถ้ามองอีกมุม ถ้ามองว่าเรื่องนี้เป็นเฟกนิวส์ ไม่มีคนเสียหายมาร้อง ไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ  ทำไมไม่เปิดให้ประชาชนต่อไปที่เขาได้เอาเงินน้อยมาปกป้องดูแลตัวเอง จะได้มีเงินก้อนกลับมา?
ทนาย : หรือฉุกคิดว่ามีคนกำลังทำแบบนี้อยู่ เลยพยายามเบรก

อดิศร : ต้องเรียนก่อนว่าเมื่อมีข่าวว่าอาจจะเกิดอะไรที่ไม่ดี เราควรตักเตือนให้เขาตระหนักรู้ ถามว่าเราจะเห็นตัวเลขตัวนี้ตอนไหน ก็สักพักนึง เพราะบริษัทมีการส่งตัวเลขอยู่แล้วว่ามีการซื้อประกันโควิด จริงๆ เราสามารถตรวจในฐานข้อมูลได้ว่า นายก. นายข. ซื้อประกันมากน้อยยังไง และจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาใกล้ๆ

Adblock test (Why?)


อย่าหาทำ! เตือนประชาชนจงใจติดโควิดหวังเงินประกัน ผิดกฎหมายแถมชวดเงิน อ่านต่อ - Sanook
Read More

พระครู เชิญวิญญาณ เมียฝรั่ง เผยต้องทำพิธี 3รอบ ตร.เจอเรื่องแปลก - ข่าวสด - ข่าวสด

พระครู ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ เมียฝรั่ง ถูกฆ่าทิ้งไร่ข้าวโพด เผยสิ่งผิดปกติ ต้องทำพิธีถึง 3 รอบ ด้าน พนักงานสอบสวน เล่าเรื่องแปลก ก่อนวันผู้ต้อ...